พญ.พรเพ็ญ กล่าวว่า เป้า-สายัณห์ เข้ารักษาตัวเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยรถพยาบาลไปรับที่คอนโดมิเนียมที่พักเนื่องจากมีอาการจุกท้องรุนแรง มีไข้สูง 39 องศา  ความดันต่ำ  98/53 ชีพจรเต้นเร็วประมาณ 100 กว่าครั้งต่อนาที หายใจเร็ว เบื้องต้นพบโรคเบาหวานน้ำตาล 200 กว่า จึงทำการรักษาด้วยการฉีดอินซูลิน และพบว่าโลหิตจาง เลือดซีด มีความเข้มข้นประมาณ 21 ซึ่งคนปกติจะประมาณ 30 ขึ้นไป จึงให้เลือดไป 3 ถุง ตอนนี้เลือดเข้มข้น 32  แล้ว หลังจากตรวจเลือดพบว่าเกลือแร่ในเลือดต่ำ มีโซเดียมในเลือด 126 ซึ่งคนปกติมากกว่า 135 ขึ้นไป จึงให้น้ำเกลือ และให้ยาฆ่าเชื้อ เพราะที่อาการป่วยครั้งนี้รุนแรงเป็นเพราะอาการติดเชื้อ

“เมื่อเอ็กซเรย์ในท้องพบก้อนบริเวณตับอ่อนมีก้อนเนื้อขนาด 1-2 ซ.ม. กระจาย 10 ก้อน จึงมีการเจาะเลือดดูว่ามีเอ็นไซม์ของมะเร็งหรือไม่ ผลที่ออกมาคือมีสารซีเอ 199 เป็นสารที่พบในมะเร็งของตับอ่อน แต่ก็ต้องรอการเจาะชิ้นเนื้อตรวจยืนยันอีกครั้ง แต่ ณ ตอนนี้ยังตรวจไม่ได้ ต้องรอให้ร่างกายของคนไข้แข็งแรงก่อน จึงไม่ยืนยัน 100% ว่าเป็นมะเร็งหรือไม่

เป้า-สายัณห์ ให้สัมภาษณ์ที่ห้องพักคนไข้ 401 ชั้น 4 อาคาร 1 โดย เป้า-สายัณห์ อยู่ในชุดผู้ป่วยใบหน้าผอมพยายามส่งยิ้มให้ผู้สื่อข่าวพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า ตอนที่ทราบว่าป่วย ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ถามตัวเองว่าเป็นได้ยังไง เราเป็นมะเร็งหรือ เหล้าก็ไม่ดื่มบุหรี่ก็ไม่สูบ ออกกำลังกายบ่อย ๆ ดูแลสุขภาพตลอด ทุกเช้าจะวิดพื้น 30 ครั้ง ยกดัมเบล 150 ครั้ง ออกงานไหนจะล่ำบึ้กตลอด ตอนนั้นน้ำหนัก 75 กิโลกรัม จนพี่ แอ็ด-สมบัติ เมทะนี และ เพลิน พรมแดน ก็ยังบอกเลยว่าบึ้ก คุณพนม นพพร ยังบอกว่ายอมแพ้หุ่นเลย พอรู้ว่าเป็นมะเร็ง ก็รู้สึกแปลกใจ ก็มาคิดว่ามันจะร้ายแรงขนาดไหน แต่เราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ เพียงแต่ว่าเราจะอยู่ได้สักแค่ไหน

“ทุกอย่างอยู่ที่กำลังใจของเรา ร่างกายของเราว่าเราจะสู้กับมันได้ไหม โรคมันมาอาศัยเราอยู่  แต่ในเวลาเดียวกัน ถ้าเรามีกำลังใจดี เราก็อาศัยจากหลาย ๆ ทาง เช่น นั่งสวดมนต์และสมาธิ จะทำให้จิตใจเราว่างเปล่า ไม่คิดอะไร เราเลยรู้สึกว่ามันไม่ได้น่ากลัวอะไร อยากฝากถึงแฟนๆว่าการที่ล้มเจ็บครั้งนี้ เป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต และไม่สามารถรู้ได้ว่าจะมีบุญอยู่รอดไปได้หรือเปล่าจะหายไหม หรือจะจบชีวิตในครั้งนี้ แต่ถ้ามันจะจบชีวิตในครั้งนี้ อยากฝากบอกแฟน ๆ ว่าขอให้ทำใจให้สบาย ไม่ต้องไปคิดอะไร เราร่วมทุกข์ร่วมสุขบุญวาสนามีความสุขกันมา 20-30 ปีแล้ว มันโอเคแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมวงการ เราเคยรักกันอยู่ร่วมกันมาไม่ต้องไปคิดอะไรนะ ทุกๆคนต้องตามๆกันไป รักน้อย ๆ แต่รักให้นาน ๆ และให้รักกันตลอดไป แม้วันที่จะจากโลกนี้ไปแล้วขอให้แฟนเพลงยังรัก สายัณห์ สัญญา และยังมีเสียงเพลงไพเราะของตนอาจทำให้คุณคลายเครียดและทุกข์ได้”เป้า-สายัณห์ กล่าว.