ภีม-ภาคิน ย้ำไม่คิดเกาะเจค-ศตวรรษ ดัง ลั่นไม่คิดดังเพราะข่าวฉาว-อยากพิสูจน์ฝีมือ ขอบคุณอีกฝ่ายบอกยินดีช่วยเหลือ แต่ตนดูแลเลี้ยงครอบครัวเองมาตลอด ยินดีตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ความเป็นลูก วอนยุติเรื่องเพราะสงสารแม่...

ยังเป็นประเด็นร้อนๆ ให้ติดตามต่อเนื่องหลังจากที่นักแสดงหนุ่มรุ่นใหญ่ เจค-ศตวรรษ ดุลยวิจิตร ยอมรับว่านักแสดงหนุ่ม ภีม-ภาคิน จิกิตศิลปิน ลูกชายของอดีตนักแสดง-นางแบบเซ็กซี่ แอน-กัญญารัตน์ บ่อสันเที๊ยะ เป็นลูกของตนจริง และยืนยันว่าที่ผ่านมาตนได้ส่งเงินเพื่อส่งเสียเลี้ยงดูผ่านผู้กำกับดัง มานพ สัมมาบัติ แต่เมื่อผู้กำกับดังเสียชีวิตไปก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก อีกทั้งยังพูดถึงครอบครัวของฝ่ายสาวแอน ในทำนองว่าเกาะหนุ่มภีมจนไม่ทำมาหากินอะไร แต่ในส่วนตนนั้นถ้ามีอะไรที่หนุ่มภีมต้องการให้ช่วยเหลือตนก็ยินดี ส่วนเรื่องดีเอ็นเอนั้นตนก็พร้อมที่จะตรวจพิสูจน์ เมื่อได้เจอหนุ่มภีมมาร่วมงาน "สตาร์ปาร์ตี้ 24 ปีทีวีพูล" จึงสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว

ถามถึงเรื่องที่คุณพ่อให้สัมภาษณ์รู้สึกยังไง? "รู้สึกเฉยๆ ครับ"  เขาพูดเหมือนเป็นหนังคนละม้วนกับที่เราพูด? "ใช่ครับ ก็ไม่อยากบอกอะไร ผมก็อยากให้เรื่องนี้ยุติเพราะว่าผมสงสารแม่ครับ คือแม่ไม่ได้สงสารคุณพ่อหรืออะไร แต่แม่สงสารลูก นึกถึงจิตใจลูก กลัวลูกรู้สึกแย่หรือนอยด์ครับ เอาจริงๆ ผมก็ยังไม่เห็นข่าวยังไม่ได้อ่านครับ" ได้ติดต่อไปฝั่งคุณพ่อไหม? "ไม่ได้ติดต่อครับผม" เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเขาไม่เชื่อ? "แต่ผมว่าแม่ผมคงไม่เมคประเด็นขึ้นมาเอง และเรื่องนี้ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังครับ คือทีมงานรายการวู้ดดี้ไม่ได้อยู่เบื้องหลังครับ เขาแค่เห็นผมเลี้ยงแม่คนเดียวและกตัญญูคอยดูแลแม่คนเดียว แล้วตอนที่ผมดูแลแม่ น้องอยู่ต่างจังหวัด น้องเรียน ม.ปลายอยู่แล้วผมอยู่คนเดียว พอผมอยู่คนเดียวก็อยู่กับแม่สองคน ก็ต้องช่วยกันหาเลี้ยงกัน อย่างเวลาไปเรียน 8 โมงเช้าถึง 10 โมงเช้า แล้วเรียนอีกทีคือบ่าย 2 ตอนนั้นก็ต้องกลับบ้านมาซื้อข้าวซื้อน้ำให้แม่กินครับ มันเป็นอย่างนี้ประจำทุกวันประมาณปีกว่าเกือบ 2 ปี แล้วตอนนี้น้องขึ้นมาเรียนที่กรุงเทพฯ เลยมีคนช่วยดูแลแม่อีกแรงครับ"

ล่าสุดทางคุณพ่อบอกว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็ยินดี? "ผมก็ขอบคุณความปรารถนาดีของพ่อนะครับ" ตั้งแต่เกิดเรื่องได้คุยกันบ้างรึยัง? "อ๋อ ยังไม่ได้คุยกันครับ ถามว่าจะคุยกันเพื่อให้เรื่องจบไหมก็มีโอกาสครับ เพราะผมไม่อะไรแล้ว กับเรื่องนี้ผมไม่ได้ออกมาพูดเพื่อจะดังเรื่องพ่อหรือเรื่องข่าวฉาวครับเพราะว่าผมคิดว่าผมเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่ได้มากับข่าวฉาวครับ ผมอยากพิสูจน์ฝีมือตัวเองมากกว่าข่าวฉาว เพราะข่าวฉาวออกมาเยอะๆ มันก็ไม่ดีเท่าไหร่ สุขภาพจิตของผมกับคนในบ้านก็เสีย" คุณพ่อพูดถึงครอบครัวฝั่งคุณแม่ของเราแรงเหมือนกัน เราเสียใจไหม? "ไม่รู้สึกเสียใจครับ เฉยๆ ครับ ผมถือเป็นแรงผลักดันมากกว่าเพราะว่าลูกทุกคนในสังคมไทยเขาต้องเลี้ยงดูพ่อแม่อยู่แล้วครับ ไม่มีลูกคนไหนหรอกครับที่เกิดมาแล้วไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ครับ เพราะผมเป็นคนกตัญญูครับ" สภาพจิตใจคุณแม่เป็นอย่างไรบ้างหลังคุณพ่อออกมาพูด? "คุณแม่สงสารลูกครับ นึกถึงจิตใจลูกครับ กลัวลูกรู้ข่าวแล้วจะรู้สึกไม่ดีครับ ซึ่งเรื่องตรงนั้นเป็นเรื่องที่ตั้งแต่ผมยังไม่เกิด เป็นเรื่องของคนสองคน เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ด้วย ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่ผมจะเกิดมาอยู่บนโลกใบนี้ผมไปอยู่ตรงไหนเหมือนกัน เกิดอะไรขึ้นบ้างครับ" เราให้กำลังใจคุณแม่อย่างไรบ้าง? "ผมกลับบ้านไปก็กอดแม่ทุกวันแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องซีเรียส ขนาดผมยังไม่ซีเรียสเลยครับ"

เขาออกมาพูดถึงเรื่องดีเอ็นเอด้วย เราพร้อมตรวจไหม? "พร้อมครับ คือถึงจะใช่ไม่ใช่ยังไง ทุกวันนี้ผมมีแม่ชื่อแอน-กัญญารัตน์ บ่อสันเทียะ ครับ" ภีมหวังว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไง? "ผมก็ไม่ทราบครับ ผมพอแล้วจบแล้วครับ ผมยืนยันตั้งแต่แรกว่าผมไม่ได้ออกมาเพราะข่าวฉาว ผมออกมาเพราะว่าผมกตัญญูต่อแม่ เลี้ยงดูแม่และครอบครัว เลี้ยงดูน้าที่เป็นโรคประสาทอีก 2 คนครับ" ตอนนี้เรายังเรียกอีกฝ่ายว่าคุณพ่อไหม? "ก็เรียกว่าพ่อครับ เรียกตั้งแต่แรกครับ เพราะเด็กทุกคนก็ต้องมีชื่อคุณพ่ออยู่ในใบเกิดอยู่แล้วครับ" เขาบอกว่าอยากเห็นเราในเรื่องการงานมากกว่าข่าว? "ได้ครับ ผมจะพิสูจน์ฝีมือให้เห็นว่าลูกไม้ตกไม่ไกลต้นคนนี้มีฝีมือการแสดงเหมือนกันครับ" เรายังอยากติดต่อหาเขาไหม? "เฉยๆ ครับ" ฝากอะไรถึงคุณพ่อไหม? "ไม่มีครับ".