คอลัมน์ "เทรนดี้" โดย "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" คุยกับพระเอกมาดนิ่ง "อ้วน-รังสิต" ถึงการทำงานละคร "แม่ปูเปรี้ยว" ทางช่อง 7 พร้อมทั้งอัพเดตความคืบหน้าธุรกิจส่วนตัว รวมทั้งเรื่องหัวใจที่ตกเป็นข่าวกุ๊กกิ๊กบ่อยครั้ง...

เป็นอีกหนึ่งหนุ่มหล่อที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาผ่านทางจอ 7 สีเป็นอย่างดีสำหรับพระเอกหนุ่มมาดนิ่ง อ้วน-รังสิต ศิรนานนท์ และล่าสุดกับผลงานละครเรื่องใหม่ "แม่ปูเปรี้ยว" ประกบนางเอกหน้าใหม่ เปรี้ยว-ทัศนียา การสมนุช ที่ใกล้จะลงจอให้ได้ชมกันเร็วๆ นี้  คอลัมน์ "เทรนดี้" โดย "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" เลยขออัพเดตชีวิตของหนุ่มอ้วนถึงเรื่องการทำงานในละครเรื่องนี้ พร้อมทั้งถามถึงแพลนธุรกิจของเจ้าตัว รวมทั้งถามถึงเรื่องหัวใจหลังจากกระแสข่าวกุ๊กกิ๊กกับนางเอกผลไม้สุดมั่น แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ เริ่มซาลงไปเพราะทั้งคู่ยังยืนยันสถานะแค่เพื่อนกันเท่านั้นอีกด้วย

Q : อัพเดตตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง?
A : ตอนนี้ก็ถ่ายละครเรื่อง "แม่ปูเปรี้ยว" และก็ซิทคอม "คู่กิ๊กพริกกะเกลือ" ตอนนี้ก็ถ่ายทำอยู่เรื่อยๆ ไม่ได้หนักอะไร ก็ถ่ายละครจันทร์-พุธ และวันอาทิตย์ ถามว่าผู้ใหญ่มีวางแพลนละครใหม่รึยังก็มีบ้างแต่ยังไม่เปิดเผย พอละคร "แม่ปูเปรี้ยว" จะออนแอร์ก็ตื่นเต้นเหมือนกันเพราะว่าถ่ายหนักมากเลยเรื่องนี้ (ยิ้ม) อยากเห็นเหมือนกัน อยากดูว่าออกมาจะเป็นยังไงครับ

Q : ในละคร "แม่ปูเปรี้ยว" มีอะไรที่แตกต่างจากละครเรื่องอื่นๆ บ้างไหม?
A : เรื่องนี้หนักกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมาในชีวิต มีทุกอย่างเลยทั้งร้องเพลงทั้งบู๊ แล้วก็ต้องนั่งรถไปถ่ายต่างจังหวัดบ่อยมากครับ ตอนแรกก็ขับรถเองครับ แต่ไปๆ มาๆ ก็ไม่ไหว (ยิ้ม) ผมมาร่วมงานกับค่ายนี้ (นพพรโปรโมชั่น แอนด์ พิคเจอร์) เป็นครั้งแรกด้วย ผมว่าทีมงานกองละครเรื่องนี้น่ารักดีครับ เป็นกันเอง สบายๆ คุยอะไรก็ง่ายๆ  

Q : ร่วมงานกับนางเอกใหม่อย่างเปรี้ยว-ทัศนียา หรือนักแสดงคนอื่นๆ ในเรื่องเป็นไงบ้าง?
A : ก็เป็นการร่วมงานครั้งแรก อายุห่างกันเยอะเลยครับ เลยไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมาก เจอกันในฉากก็เล่นไปตามบทครับ ถามว่ามีแนะนำน้องเรื่องการแสดงบ้างไหมก็มีบ้างครับในช่วงแรกๆ แต่ช่วงหลังๆ ก็จะให้เขาคิดเองบ้าง เพราะเราพูดอย่างเดียวมันก็ไม่ได้หรอก มันต้องผ่านประสบการณ์ของตัวเองด้วย ถามว่าพอเจอน้องใหม่เราต้องช่วยเขาเยอะไหมก็ไม่นะครับ จริงๆ ผมไม่อยากยุ่งอะไรมากเพราะว่าเดี๋ยวเขารำคาญอะไรแบบนี้ (ยิ้ม) ซึ่งแรกๆ ก็จะมีครูสอนแอ็กติ้งมาด้วย ก็ให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นเขาดีกว่า ผู้ช่วยก็มี ผู้กำกับก็มีครับ เราก็พูดได้นิดหน่อยครับ ส่วนกับน้องกระติ๊บ (ชวัลกร วรรธนะพิสิฐกุล) ก็ไม่ค่อยได้คุยมาก คือในละครไม่ค่อยได้เข้าฉากด้วยกันเท่าไหร่ ส่วนพี่อานัส (ฬาพานิช) ก็ดีครับ พี่อานัสน่ารักดี เพิ่งมาร่วมงานกับเขาครั้งแรก แต่ว่ารู้จักกันมาก่อนหน้านี้นานแล้วครับ ช่วงก่อนที่เขาสนิทกับพี่วี (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) ผมก็จะเจอเขาตลอดครับ เขาเป็นคนเฟรนด์ลี่อยู่แล้ว ก็ทักทายคุยกันครับ

Q : คาดหวังกับละคร "แม่ปูเปรี้ยว" มากน้อยแค่ไหน?
A : ก็คาดหวังว่าเรตติ้งมากกว่า 15 ก็พอ (ยิ้ม) เพราะเรื่องเก่าก็เรตติ้ง 16-17 ตลอด เรื่องนี้ผมร้องเพลงเองด้วยครับ ก็เพราะนะ คือเขาแต่งกันเพราะ ไม่ต้องห่วง (ยิ้ม) ถามว่ายากไหมก็ไม่นะ ปกติ เวลาร้องเพลงในละครก็เหมือนถ่ายละครฉากนึงน่ะครับ ผมว่าถ่ายเอ็มวียากกว่านี้อีก ตอนเข้าห้องอัดก็ไม่เครียดหรือกดดันอะไรนะ ก็ชอบร้องเพลงแต่ร้องไม่เพราะหรอก แต่เวลาไปก็สนุกมากกว่า ไม่ค่อยคิดอะไรมาก ไม่ค่อยเครียดหรือกลัวว่ามันจะไม่เพราะหรืออะไรครับ เฉยๆ เขาให้ทำก็ทำ แต่ก็ทำให้มันดีที่สุดครับ

Q : หลังบวชมาได้พักใหญ่ชีวิตเป็นยังไงบ้าง?
A : ก็ดีครับ เวลามีเรื่องอะไรไม่ดีในชีวิตเข้ามาผมก็สวดมนต์ครับ และรู้สึกว่าเวลาสวดมนต์ทีไรมักจะผ่านเรื่องไม่ดีไปทุกทีเลย ถามว่าทำให้การทำงานเปลี่ยนไปไหมก็มีส่วนครับ ทำให้มีความตั้งใจมากขึ้น มีสติมากขึ้นครับ ก็ดีขึ้นครับ จริงๆ ผมเองก็ใจเย็นตั้งแต่ก่อนบวชแล้ว มันไม่เกี่ยวกับเรื่องบวชหรืออะไรหรอก แต่พอบวชแล้วก็ทำให้มีสติมากขึ้น อารมณ์เย็นมากขึ้นด้วย มองโลกในแง่ดีมากขึ้นอะไรแบบนี้ครับ

Q : เรื่องธุรกิจที่เคยวางแพลนว่าจะทำไปถึงไหนแล้ว?
A : ก็ยังไม่เปิดเผยอีกน่ะแหละ (ยิ้ม) ตอนนี้มีแพลนใหม่เรื่อยๆ แต่จะทำไม่ทำอีกเรื่องนึง ก็คุยกับทั้งผู้ใหญ่ กับอีกหลายๆ คนครับ อย่างตอนนี้ก็มีผู้ใหญ่อีกคนนึงที่น่าเชื่อถือคนนึง เขามีธุรกิจเป็นพันล้าน เราก็เข้าไปคุย คุยไปเรื่อยครับ (พยายามดูว่าอันไหนใช่สำหรับเรา?) ก็ประมาณนั้นครับ ก็ฝึกงานไปด้วย คุยๆ ไปก็ได้ความรู้ไปในตัวครับ (มีเล็งๆ ไว้รึยังว่าจะทำอะไร?) ไม่รู้ครับ ไม่บอกด้วย ถ้าทำก็รู้วันนั้นเลย คือก่อนหน้านี้พอจะทำก็ไม่ได้ทำ บางทีพูดไปก็ไม่ได้ทำ คนก็จะแบบว่าไหนว่าจะทำไง ถ้าทำก็รู้กันเองเลย ไม่จำเป็นจะต้องพูดก่อนแค่นั้นเอง ให้ทำจริงๆ ก่อน ตอนนี้ศึกษาข้อมูลไปเรื่อยๆ ดูลู่ทางไปเรื่อยๆ ไม่รีบครับ ก็ดูคนที่ชี้นำครับว่าเป็นยังไงบ้าง

Q : เรื่องหัวใจล่ะเป็นยังไงบ้าง?
A : ไม่มีครับ ก็ทำแต่งาน ไม่มีเวลาให้ใครเท่าไหร่ครับ กับข่าวต่างๆ ที่ผ่านมาทุกคนเป็นเพื่อนหมดครับ (พอมีข่าวเยอะๆ เลยขอเบรกเรื่องนี้ไปก่อนรึเปล่า?) ไม่นะ ก็เพื่อนทุกคนน่ะครับ ตอนนี้ยังไม่มีใคร (เบื่อไหมที่มีข่าวออกมาเรื่อยๆ?) ก็ไม่ซีเรียสครับ เป็นพีอาร์ไปในตัว (ยิ้ม) คือแรกๆ ผมก็ตื่นเต้นมีข่าว แต่ไม่คิดจะกลัวข่าวหรืออะไร คิดแค่ว่าตื่นเต้นเฉยๆ แต่หลังๆ ก็ไม่ตื่นเต้นถ้ามันไม่เสียหายอะไรก็โอเคครับ ไม่คิดอะไรมาก ถ้ามันเสียหายก็ค่อยมาเคลียร์กันครับ คือก็อาจจะเซ็งแต่ไม่เครียดหรอกครับ

Q : ผู้ใหญ่หรือคนรอบข้างว่าไงบ้างที่เรามีข่าวเยอะ?
A : ก็ไม่ได้เตือนอะไรครับ เขาเห็นว่าเราโตแล้ว คิดเองได้ เราก็ต้องรู้ตัวเอง แต่ถ้าถามว่าเขาไม่พอใจไหม ถ้าเราทำอะไรเสียหายเขาก็ต้องไม่พอใจอยู่แล้ว แต่จริงๆ เขาก็มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า

Q : คนต่อไปที่เราจะคุยมีตั้งสเปกไว้ไหม?
A : ไม่ครับ ขอแค่เข้าใจกันก็พอ เพราะเราเองก็เอาแต่ใจเหมือนกัน เข้าใจว่าเราเป็นยังไง คือผมเป็นคนที่อยากทำอะไรก็ทำ อยากออกกำลังกายก็ทำ จับรถอยู่แล้วนึกถึงเพื่อนตอนนั้นก็ขับรถเข้าไปเลย ไม่จำเป็นต้องบอกหรือรายงาน คือถ้าอยู่แล้วมันแฮปปี้ก็โอเค อยู่ด้วยแล้วไม่ต้องมีข้อกำหนดอะไรหรอก คืออยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขมันก็อยู่ได้ ถ้าอยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุขก็ไม่ได้ คือเคยตั้งสเปกไว้แล้วได้อย่างนั้นก็จริง แต่พอถึงเวลาจริงๆ พอคุยไปแล้วมันไม่ใช่ ก็ต้องดูว่าอยู่ด้วยกันแล้วพอรับได้ไหม รับได้ก็อยู่ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ก็แค่นั้นครับ เพราะชีวิตมันอีกยาว คบกับใครก็ต้องดูกันไปครับ