วิธีป้องกันถูกผีหลอกในโรงแรม








วิธีป้องกันถูกผีหลอกในโรงแรม





เป็นความเชื่อ…..



โรงแรมทุกแห่ง ย่อมจะต้องมีอย่างน้อยสักหนึ่งห้องที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ให้ว่างตลอดเวลา ไม่ว่าในโรงแรมนั้นจะมีผู้จองเต็มสักขนาดไหน ผู้บริหารหรือเจ้าของโรงแรมก็จะไม่เปิดห้องนั้นขายให้กับแขกผู้ใดทั้งสิ้น



เพราะเขาสงวนห้องนั้นไว้ สำหรับ "ผี"




เชื่อไหม? ….ในโรงแรมทุกโรงแรม ต้องเคยมีคนตาย จะตายประเภทหัวใจวาย จมน้ำตาย กินยาตาย กระโดดตึกฆ่าตัวตาย ถูกฆ่าตาย



หรือเป็นผืนดิน ที่เคยมีคนตายก่อนหน้าจะมาสร้างโรงแรม…เพราะผืนดินที่โรงแรมสร้างมีมาตั้งแต่รุ่นสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา จริง มั๊ย? ต้องมีคนตายอยู่บนผืนดินทุกผืนดิน ล่ะ น่า



ฉะนั้น เมื่อท่านมีกำหนดจะไปเที่ยว หรือไปสัมมนา หรือไปติดต่องานที่ต่างจังหวัด ซึ่งจะต้องพักค้างคืนที่โรงแรมใดโรงแรมหนึ่ง ท่านควรจะจองห้องพักก่อนเดินทาง ....อุ อุ อุ เสมอ



พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเข้าพัก แบบเดินวอล์คอิน (Walk in) เข้าไป เพราะห้องพักในโรงแรมอาจจะเต็ม จนไม่มีเหลือให้ท่านพัก ได้



ทีนี้ท่านบางคน ก็จะเซ้าซี้ อ้างโน่น อ้างนี่ เช่น อ้างว่ารู้จักกับเจ้าของโรงแรม อ้างว่าต้องเข้าสัมมนาในโรงแรมนี้ อ้างว่าจะต้องมาเจรจาธุรกิจหรือนัดพบกับลูกค้าที่ภัตตาคารในโรงแรมนี้ หรืออ้างว่าพักที่นี่เป็นประจำ ....ทีมาคราวก่อนยังไม่เห็นจะต้องจองห้องพักเลย



ก็อ้างไปต่างๆนานา เพื่อให้พนักงานต้อนรับ เขาจัดหาห้องพักให้ท่านให้ได้



จะเป็นห้องที่คนอื่นจองไว้ หรือจะเป็นห้องที่กันไว้สำหรับแขกวีไอพี หรือจะเป็นห้องที่เจ้าของโรงแรมมาพักเป็นประจำ ก็ได้!!



ถ้าพนักงานต้อนรับ ได้บอกท่านไปแล้วว่า “ต้องขออภัยนะครับ ไม่เหลือห้องพักครับ”



ก็จงอย่าพยายามเซ้าซี้ หรือพยายามติดสินบนพวกเขาทุกวิถีทาง เพียงเพื่อหวังจะให้พวกเขาจัดหาห้องพักเพิ่มให้ท่าน



เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านจะเจอแจคพอต ได้ "ห้องพิเศษ" …..ห้องที่ว่านั่น



และ บ่อยๆอีกเช่นกัน ที่ "แขกพิเศษ" ก็จะมาออกมาเยี่ยมท่านในห้อง



จะเป็นลักษณะ หลอดไฟติดๆดับๆ ประตูปิดโดยไม่ตั้งใจ กระดาษปลิวหล่นลงไปจากโต๊ะ ผ้าเช็ดตัวหล่นหลุดจากราว สิ่งของเปลี่ยนที่เคยวาง รวมทั้ง ท่านฝันร้าย!!!



เคยมั๊ย? ท่านตื่นแบบสลึมสลือแล้วพบว่ามีคนนั่งอยู่ปลายเตียง เคยมั๊ย? ท่านเคยได้ยินเสียงแปลกๆ ท่านได้กลิ่นแปลกๆ หรือ ท่านเห็นอะไรสักอย่าง ผ่านวูบแบบไม่เห็นแม้แต่เงา แต่ท่านก็มีเซ๊นต์รับรู้ว่า “มีอะไรผ่านไปวูบหนึ่งจริงๆ”



ก็เป็นห้องของพวกเขา ที่ทางเจ้าของโรงแรมจัดให้พวกเขาอยู่เป็นสัดส่วน….. นี่ นา



แล้วท่านก็อยากจะไปฝืนใช้ ห้องพวกเขา นี่ นา



หากท่านอ่านแล้ว ชักจะไม่แน่ใจว่า ห้องพักที่ท่านจะเข้าพักในครั้งต่อไป จะโดยการจองห้องพักไว้ล่วงหน้า หรือจะโดยการเดินวอล์คอินเข้าไป



ไม่ว่าห้องพักนั้น จะเป็นห้องพักในโรงแรมเล็กและเปลี่ยวแบบรีสอร์ต หรือไม่ว่าจะเป็นห้องพักในโรงแรมใหญ่และหรูหรา ติดริมทะเลที่เขาหลัก พังงา หรือหาดป่าตอง ภูเก็ตก็ตาม



ผมมีข้อแนะนำเล็กน้อย เพื่อความสบายใจของท่าน ดังนี้




1. ก่อนที่จะเข้าห้องพักในโรงแรมทุกครั้ง ท่านควรจะเคาะประตูห้องก่อน แม้ท่านจะรู้ว่านี่เป็นห้องพักของท่านก็ตาม



จริงๆแล้ว ก็เพื่อให้ท่านอุ่นใจจากเสียงเคาะประตูของท่านนั่นเอง ไม่ให้รู้สึกว่าบรรยากาศหน้าห้องตอนนั้น เงียบสนิทน่ากลัว เกินไปนัก เดี๋ยวอาจจะยิ่งขวัญอ่อนเข้าไปใหญ่



2. หลังจากที่เข้าไปในห้องแล้ว หากท่านรู้สึกเย็นวาบทันทีทันใด มีอาการสังหรณ์คล้ายกับว่า มีคน ยืนอยู่ข้างหลังท่าน หรือมีคนคอยเดินตามหลังท่านอยู่ภายในห้อง ท่านควรจะออกจากห้อง ช่วยล๊อคประตูห้อง ซะด้วย แล้วรีบออกไปบอกพนักงานต้อนรับเพื่อขอเปลี่ยนห้องใหม่



ถ้าหาห้องใหม่ไม่ได้ ก็ควรจะขอให้พนักงานต้อนรับ โทร.ติดต่อหาโรงแรมใหม่ หรือรีสอร์ตใหม่ที่คนยังไม่จองเต็มทุกห้อง เพื่อท่านจะได้ขอย้ายออก มิฉะนั้นทั้งคืนคืนนี้ ท่านจะมีอาการสังหรณ์ ท่านจะมีอาการคอยระแวง แบบไม่มีความสุขใจ และนอนไม่หลับ อย่าฝืนความรู้สึกที่จะพักในห้องพักนี้ แบบคนระแวงรอบข้างเลย


ยกเว้นแต่ท่านจะพกยานอนหลับไปด้วย หรือท่านหวังจะดื่มให้เมาหลับในคืนนี้ นั่นก็พอจะกล้อมแกล้มไปได้




3. แต่หากไม่ปรากฏอาการเย็นวาบ หรือไม่มีอาการสังหรณ์ คล้ายกับว่ามีคนอยู่ข้างหลังท่าน หรือมีคนคอยเดินตามหลังท่าน …เมื่อท่านเข้าไปอยู่ภายในห้องคนเดียวแล้ว ท่านควรจะเปิดไฟในห้องทุกดวง



ช่างมันเถอะ ถ้าจะไม่เป็นการประหยัดไฟ ก็ท่านจะต้องจ่ายค่าเช่าห้องเต็มจำนวน นี่ นา



แล้วเปิดผ้าม่าน เพื่อปล่อยให้แสงแดดหรือแสงสว่างส่องเข้ามา เห็นเขาว่ากันว่า “แขกพิเศษ” จะไม่ชอบแสงสว่าง งั้นก็เปิดให้แสงเข้ามาเต็มห้องแบบเต็มที่ ซะ เลย



แต่จริงๆแล้ว บอกไว้เพื่อมีเจตนา ให้ท่านอยู่ในสถานที่สว่าง สามารถมองเห็นทุกๆอย่างภายในห้องอย่างชัดเจน และสามารถมองเห็นบรรยากาศข้างนอก มองเห็นผู้คนข้างนอก เพื่อให้ท่านจะได้รู้สึกอบอุ่นใจ ไม่รู้สึกว่าท่านอยู่ลำพังคนเดียว



แต่ ถ้าเป็นกรณี เป็นเวลากลางคืนในรีสอร์ตเปลี่ยว ในป่า หรือบนภูเขา ข้างนอกไม่มีไฟฟ้า ....แบบนี้ ปิดม่านเหอะ ยิ่งเปิดม่านยิ่งเห็นข้างนอกมืดเท่าใด ท่านจะยิ่งวังเวง จะยิ่งสร้างความน่ากลัว เพราะทั้งความมืดและเสียงแปลกๆที่ไม่คุ้นเคยจากข้างนอก



จริงๆแล้ว อยากบอกว่าในความมืดของภายนอก คือท่านยิ่งเปิดม่านเปิดไฟจากภายในห้อง ก็จะ ยิ่งทำให้ผู้อื่นซึ่งอาจจะไม่หวังดีก็ได้ มองเข้ามาเห็นอากัปกริยาของท่านภายในห้องได้ง่าย



อ้าว!!! แล้วท่านนึกอย่างไง ถึงมานอนเล่นในรีสอร์ต กลางป่า บนภูเขาคนเดียว เนี่ย!!! ...อกหักละซี



4. เปิดประตูตู้เสื้อผ้า เปิดประตูห้องน้ำ เปิดผ้าคลุมเตียงดูใต้เตียง(ถ้าเป็นเตียงแบบมีขา) อาจถึงขนาดเปิดเช็คดูทุกลิ้นชักของโต๊ะ และของตู้ ด้วย



จริงๆแล้ว อยากบอกว่า ก็เพื่อท่านจะได้เช็คดู ทุกๆจุดอับในห้อง ให้ตัวท่านสบายใจว่า ไม่มีสัตว์ร้าย หรือสัตว์ที่ท่านขยะแขยงใดๆ แฝงตัวซ่อนอยู่ภายในห้องพัก ทั้ง งู ตุ๊กแก ตะขาบ จิ้งจก แมลงสาบ คางคก อึ่งอ่าง หรือแม้แต่ ตั๊กแตน ซึ่งอาจจะทำให้ท่านตกใจฉับพลัน เมื่อเห็นแบบไม่ทันรู้ตัวในภายหลังนั่นเอง



5. หากท่านมาพักเพียงคนเดียว ก็อาจจะต้องการความอุ่นใจจากผู้อื่น โดยอาจจะโทร.คุยกับเจ้าหน้าที่โรงแรมบ้าง อาจจะสังสรรค์กับผู้มาพักข้างห้องบ้าง อาจจะออกไปนั่งแถวล๊อบบี้บ้าง แถวห้องอาหารบ้าง หรืออาจจะหาเสียงคนจากในโทรทัศน์บ้าง อาจจะเปิดโทรทัศน์ให้ดังทั่วห้องสักหน่อยด้วย….“แขกพิเศษ” ที่เคยอยู่แบบเงียบๆ จะได้ไม่กล้าออกมาหาท่านท่ามกลางเสียงดัง ยังงี้



ที่จริง อยากบอกว่า หากท่านไม่เหงา ได้พูดคุย ได้สนใจเรื่องต่างๆ ท่านจะสามารถลืมความกลัวไปได้ระยะหนึ่ง



6. หากเตียงนอนวางอยู่กลางห้อง ท่านอาจจะกังวลต่อบรรยากาศ ขวา ซ้าย หน้า หลัง จะทำให้ท่านคอยเหลียวหลังพะวงหน้า กลัว “แขกพิเศษ” จะมาหา



แบบนี้ ควรจะขอร้องให้เด็กโรงแรมมาช่วยขยับเตียงนอนของท่าน จากกลางห้องไปวางชิดฝาผนังในห้องจะดีกว่า ….ซึ่งพอจะช่วยทำให้ท่านลดความกังวลลงได้บ้าง เพราะท่านจะได้หันหลัง
พิงผนังไม้หรือผนังคอนกรีต ทำให้มีผนังนั้นเป็นกำแพงที่พึ่ง ทำให้ลดความกังวลจากการมองหน้าหลังซ้ายขวา ให้เหลือการมองเพียงด้านเดียว



7. แอร์คอนดิชั่นอุณหภูมิต่ำหนาวเย็นในห้องพัก จะทำให้ท่านหนาวสั่น ต้องห่มผ้า ต้องห่อตัว ซึ่งจะยิ่งสนับสนุนทำให้ ท่านเกิดความกลัวมากขึ้น



ท่านควรจะเพิ่มอุณหภูมิแอร์ หรือปิดแอร์ในห้องเสียเลย พออากาศร้อนขึ้น พอท่านเหงื่อออก ท่านจะมีการไหลเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น ความคล่องตัวของท่านจะทำให้การห่อตัว ความกลัว ความกังวลของท่านลดลง



ยิ่งหากท่านได้ออกกำลังกายภายในห้องหรือข้างนอกห้อง จนเหงื่อออกมากๆ ท่านจะลดความกลัว “แขกพิเศษ” ลงได้ จนเกือบจะไม่สนใจพวกเขาไปเลย ก็ เป็น ได้



8. อยู่คนเดียว …ไม่ต้องขี้อาย อาบน้ำ ท่านไม่ต้องถึงปิดประตู หรือปิดม่าน นั่งห้องน้ำก็เหมือนกัน เพื่อท่านจะได้เห็นอะไรๆแต่ไกล ไม่ต้องคอยระทึกใจทุกครั้ง เมื่อท่านจะต้องเปิดประตู เปิดม่าน ออกมา ….. อุ อุ อุ มันสร้างขวัญผวา เปล่าๆ บ่อยๆ



และอย่าสร้างบรรยากาศโรแมนติกอยู่เลย ไม่ต้องจุดเทียนเพื่อสร้างบรรยากาศ .... เพราะการจุดเทียนจะทำให้เกิดแสงเงาจากตัวท่าน วูบวาบไปมา ดีไม่ดีเกิดเปลวเทียนสะบัด หรือหรี่ หรือดับลง …จะยิ่งพลอยทำให้ท่านเกิดจินตนาการในเรื่องไม่ดี ทำให้ขวัญที่มีเหลืออยู่นิดเดียว พลอยขวัญกระเจิง ขวัญสูญหายไปหมดกัน



9. หากห้องพักท่าน เป็นเตียงคู่ อย่าเข้านอนโดยปล่อยให้อีกเตียงหนึ่งว่าง ควรพยายามนำสิ่งของ เช่น กระเป๋าเดินทาง เสื้อผ้า เอกสาร ไปวางไว้บนเตียงที่ว่างอีกเตียงหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะหลับ



ก็จองแล้ว ไง “แขกพิเศษ” อย่าเข้ามานอนแทนนะ



จริงๆแล้ว อยากบอกว่า ก็เพื่อท่านจะได้สบายใจว่า ในห้องของท่าน มันมีของรกๆไว้ให้อุ่นใจแทนตัวบุคคล เพราะตอนนี้ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนในห้องของท่านเลย….เอาสิ่งของแทนคนก็ได้ เนาะ



10. “พระ” มักจะเป็นที่พึ่งของชาวพุทธ ....หากกลัวมากๆ ก็ควรจะสวดมนตร์ให้จิตใจสบาย ก่อนนอนอาจจะคล้องคอด้วยพระเครื่อง หรือกลัดพระเครื่องติดไว้กับเสื้อตลอดเวลา หรืออาจจะกุมพระเครื่อง แต่หากไม่ได้นำพระเครื่องติดตัวมา ก็อาจจะนำกระดาษ A4 มาเขียนตัวอักษรตัวโตว่า “พระพุทธรูป” “พระพุทธรูป” “พระพุทธรูป” “พระพุทธรูป” “พระพุทธรูป” “พระพุทธรูป” หลายๆใบวางไว้หลายที่ รอบๆตัว (คล้ายๆกับชาวคริสต์นำวัตถุเป็นแท่ง มาวางไขว้กันแทนไม้กางเขน เมื่อไม่มีไม้กางเขน)



11. ควรเปิดไฟในห้องทิ้งไว้อย่างน้อยหนึ่งดวงขณะที่ท่านหลับ อาจจะเป็นไฟในห้องน้ำก็ได้ เพื่อเป็นการแสดงให้ “แขกพิเศษ” รู้ว่ายังมีคน “ยังไม่นอนหลับ” อยู่ภายในห้องนะ …อย่าเพิ่งออกมา



แต่จริงๆแล้ว อยากบอกว่า ก็เพื่อจะไม่ให้ท่านกลัวความมืด และหากท่านต้องตื่นขึ้นมาในกลางดึกในห้องนอนที่ไม่เคยชิน ท่านจะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุขณะเดินเข้าห้องน้ำ หรือขณะจะหาน้ำดื่มนั่นเอง




ทั้งหมดที่บอกไว้ ท่านจะเลือกกี่วิธี วิธีใดบ้าง ท่านเองเป็นผู้เลือกเพื่อความสบายใจของตัวท่านเอง จะไม่เลือกวิธีใดเลยก็ได้ เอาตามความถนัดความชอบนะครับ เพราะท่านก็อยู่ในห้องคนเดียว ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น



ผมเพียงขอให้ท่านอบอุ่นใจ สบายใจ มั่นใจ นอนหลับ ไม่ฝันร้ายในการนอนคนเดียวในห้องพักโรงแรมนะครับ




yyswim






 

Create Date : 15 มิถุนายน 2548    
Last Update : 13 ธันวาคม 2551 1:29:42 น.
Counter : 10144 Pageviews.  

เรียนว่ายน้ำฟรี


เรียนว่ายน้ำฟรี


สอนฟรี ที่สระว่ายน้ำศูนย์กีฬาประชานิเวศน์... ไม่ต้องอายนะครับ เพราะผู้ที่มาเรียนทุกคนต่างก็ว่ายน้ำไม่เป็นด้วยกันทั้งนั้น สอนโดยครูว่ายน้ำผู้มีประสบการณ์การสอน มีทั้งครูสอนผู้หญิงและผู้ชาย และครูสอนก็ได้รับเงินค่าสอนมาจาก กทม.เรียบร้อยแล้ว ...ไม่ต้องกลัวว่าท่านจะต้องจ่ายเงิน



ไม่ต้องอายอีกอย่างคือ ถ้าคิดว่าเรียนไปแล้ว ไม่เป็นแน่ ตื้อต่อไปก็คงไม่ไหวแน่ จะเลิกเรียนกลางคันก็สามารถทำได้ รับรองว่าไม่ถูกปรับหรอกครับ เพราะกทม.เขาอยากจะส่งเสริมสุขภาพให้ประชาชนแข็งแรง ...ใครไปออกกำลังกายจะมากจะน้อย กทม.ก็รู้สึกยินดี



อ้อ บางท่านอาจจะไม่ถนัดว่ายน้ำก็ได้ แต่อาจจะถนัดเตะฟุตบอล ตีปิงปอง ตีแบด เทควันโด ลีลาศ เต้นแอโรบิก หรือแม้แต่ร้องเพลง มีสอนฟรีทั้งนั้นล่ะครับที่ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ ของกทม.



แต่ผมก็ยังเชียร์ ให้บางท่านลองสมัครเรียนว่ายน้ำ เพื่อบางท่านจะได้ว่ายน้ำเป็น และได้ไปเที่ยวทางน้ำที่ไหนๆ แบบอุ่นใจมั่นใจซะที....ขอย้ำอีกรอบ ไม่ต้องอายหรอกครับ คนที่ไปเรียนต่างว่ายน้ำกันไม่เป็นซักคน



การเรียนว่ายน้ำจะแยกเรียนระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ...ผู้ใหญ่ก็นับตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป จนถึง 60 ปีกว่าๆ ...ผู้ใหญ่จะแยกกลุ่มเรียน ชายเรียนอยู่กลุ่มเรียนชาย อยู่บริเวณมุมของสระมุมหนึ่ง หญิงก็เรียนอยู่กลุ่มเรียนหญิง อยู่อีกมุมๆหนึ่งไม่ปะปนกัน ..สบายใจได้สำหรับผู้ที่ถนอมเนื้อตัวไม่อยากจะให้ใครที่ไม่ใช่แฟนเห็น ...อย่างไรก็ตาม ก็เรียนอยู่ในสระว่ายน้ำเดียวกันนั่นแหละ เป็นบริเวณที่น้ำตื้น ลึกประมาณ1.20เมตรเท่านั้น .. เรียนวันละประมาณ1ชั่วโมงครึ่ง ...เห็นมั้ย!!! ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด



ถ้าใครอยากจะถามผมว่า ทำไม เด็กอายุแค่16ปี ยังไม่มีบัตรประชาชน ทำไมจึงนับเข้าเรียนกับกลุ่มผู้ใหญ่ล่ะ ...ผมขออธิบายอย่างนี้ครับ เด็กอายุ16ปี เดี๋ยวนี้รูปร่างใหญ่โตขึ้นมาก แข็งแรงมากด้วย บางคนรูปร่างตัวใหญ่ สูงและแข็งแรงกว่าคุณกว่าผมอีก ทั้งหญิงและชายล่ะ ....เด็กวัยขนาดนี้ ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปมาก นมแตกพาน เสียงห้าว มีประจำเดือน แน่นอนเด็กวัยนี้ ไม่มีใครกล้าเปลือยกายอาบน้ำในที่สาธารณะกันแล้ว และมีการผลัดชุดในที่ลับตากันแล้ว ...นี่แหละ เขาจึงจัดเด็กอายุ16ปี จัดเข้าเรียนรวมกลุ่มเดียวกันกับผู้ใหญ่



การเรียนจะมีเฉพาะวันจันทร์ อังคาร พฤหัสบดี และวันศุกร์ ...อาทิตย์หนึ่งก็เรียนแค่ 4 วัน เรียนช่วงเวลา19.00 - 20.30น. ของทุกวันดังกล่าว



อย่างไรก็ตาม หากใครขาดเรียนหลายครั้งต่อสัปดาห์โดยไม่แจ้งเหตุผล ทางศูนย์กีฬาฯก็มีสิทธิจะตัดชื่อผู้นั้นออกจากการเรียนในรุ่นนั้นได้ เพราะจะกลายเป็นว่าผู้นั้นเรียนไม่ทันเพื่อน และเป็นภาระให้เพื่อนต้องพลอยเรียนล่าช้า เพราะต้องคอยผู้เรียนช้าอยู่



เรียน1รุ่น หรือ1คอร์ส จะต้องเรียนอย่างน้อย 3 ขั้น จากหลักสูตรทั้งหมด 5 ขั้น รวมระยะเวลาเรียน 5 ขั้น เท่ากับ 90 วัน ...การเลื่อนขั้นในแต่ละขั้น เช่น จากขั้นที่ 1 เป็นขั้นที่ 2 จะต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบตามที่กำหนดไว้



ถ้าท่านใดอยากจะว่ายน้ำให้เก่งจริงๆ ...และอยากจะเป็นคนมีเสน่ห์เพื่อไปช่วยสอนแนะให้ผู้อื่นว่ายน้ำเป็น ผมขอเชียร์ให้เรียนครบทั้งหลักสูตรคือ 90 วันครับ ประมาณ 3 เดือนเอง ...เรียนฟรีครับ




นี่ไงครับ หลักสูตรการเรียนแบบเต็มเซ็ท เรียน 5 ขั้น ระยะเวลา 90 วัน



ขั้นที่ 1 กิจกรรมการเรียน ระยะเวลา 16 - 20 ครั้ง / ช.ม.

• อธิบายระเบียบการใช้สระว่ายน้ำ

• การสร้างความคุ้นเคยกับน้ำ

• การก้มหน้าในน้ำ และ การดำน้ำเป่าลม

• การนั่งบนขอบสระ และ การเตะเท้าแบบฟรีสไตล์

• การนอนคว่ำบนขอบสระ และ การเตะเท้าแบบฟรีสไตล์

• การนอนคว่ำมือจับขอบสระ และ เตะเท้าแบบฟรีสไตล์

• การลอยตัวท่าแมงกะพรุน

• การลอยตัวท่าปลาดาว

• การลอยตัวท่าลูกหมาตกน้ำ

• การโผ พุ่งตัวออกจากขอบสระ

• การเตะขาโดยใช้โฟม (Kick Board)

• การหมุนแขนบนบกแบบฟรีสไตล์

• การหมุนแขนในน้ำแบบฟรีสไตล์

• การเตะขา และ หมุนแขนไปข้างหน้า15 เมตร

• การหายใจแบบการว่ายน้ำฟรีสไตล์

• การว่ายน้ำฟรีสไตล์ที่สมบูรณ์แบบ ระยะทาง 25 เมตร

• การกอดโฟมในน้ำ และ นอนหงายเตะขาแบบกรรเชียง

• การลอยตัวในน้ำเวลา 1 นาที 30 วินาที

• การกระโดดน้ำ




ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียน 13 - 15 ครั้ง / ช.ม.

• ความปลอดภัยในการใช้สระว่ายน้ำ

• การว่ายน้ำฟรีสไตล์ระยะทาง 25 เมตร

• การกอดโฟมเตะเท้าแบบกรรเชียง ระยะทาง 25 เมตร

• การหมุนแขนแบบกรรเชียงระยะทาง 25 เมตร

• การว่ายกรรเชียงระยะทาง 25 เมตร

• การกระโดดน้ำท่านั่ง

• การลอยตัวในน้ำเวลา 2 นาที 30 วินาที




ขั้นที่ 3 กิจกรรมการเรียน 13 - 15 ครั้ง / ช.ม.

• ความปลอดภัยในการเรียนว่ายน้ำ

• การว่ายน้ำแบบฟรีสไตล์ระยะทาง 50 เมตร

• การว่ายน้ำแบบกรรเชียงระยะทาง 25 เมตร

• การกอดโฟมเตะขาแบบกบ

• การดึงแขนในการว่ายท่ากบ

• การว่ายน้ำแบบท่ากบระยะทาง 25 เมตร

• การยืนกระโดด

• การลอยตัวในน้ำเวลา 3 นาที 30 วินาที




ขั้นที่ 4 กิจกรรมการเรียน 13 - 15 ครั้ง / ช.ม.

• ความปลอดภัยทางน้ำ

• การว่ายน้ำแบบฟรีสไตล์ระยะทาง 50 เมตร

• การว่ายน้ำแบบกรรเชียงระยะทาง 25 เมตร

• การว่ายน้ำแบบท่ากบระยะทาง 25 เมตร

• การเตะเท้าแบบผีเสื้อระยะทาง 25 เมตร

• การดำน้ำระยะทาง 15 เมตร

• การใช้แขนแบบผีเสื้อระยะทาง 15 เมตร

• การว่ายน้ำแบบผีเสื้อระยะทาง 20 เมตร

• การยืนกระโดดน้ำ

• การลอยตัวในน้ำ 5 นาที




ขั้นที่ 5 กิจกรรมการเรียน 13 - 15 ครั้ง / ช.ม.

• ความปลอดภัยทางน้ำ

• การปฐมพยาบาลเบื้องต้น

• การช่วยชีวิตโดยการโยนอุปกรณ์

• การว่ายน้ำแบบท่าฟรีสไตล์ระยะทาง 100 เมตร

• การว่ายน้ำแบบท่ากรรเชียงระยะทาง 50 เมตร

• การว่ายน้ำแบบท่ากบระยะทาง 50 เมตร

• การว่ายน้ำแบบท่าผีเสื้อระยะทาง 25-50 เมตร

• การออกตัวของท่าว่ายน้ำแบบฟรีสไตล์

• การกลับตัวของท่าว่ายน้ำแบบฟรีสไตล์





การเรียนว่ายน้ำนี้ ...ท่านจะทำได้ ท่านต้องสมัครเป็นสมาชิกศูนย์กีฬาประชานิเวศน์เสียก่อน แม้ท่านจะเคยเป็นสมาชิกศูนย์กีฬาหรือศูนย์เยาวชน ของกรุงเทพมหานคร ณ ศูนย์ฯใดศูนย์หนึ่งมาก่อน ท่านก็ต้องสมัครใหม่เช่นเดียวกัน ...เพราะขณะนี้ยังไม่มีการออนไลน์ข้อมูลระหว่างศูนย์ และต้องการจะเก็บประวัติของท่านไว้ที่ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ด้วย



การสมัครเป็นสมาชิกของศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ ทำได้ไม่ยาก

1. นำสำเนาบัตรประชาชนไป

2. นำเงินไป40บาทเป็นค่าสมาชิกรายปี

3.นำรูปถ่ายขนาดเล็กไป 2 รูป รูปหนึ่งจะติดไว้ที่แบบฟอร์มใบสมัครที่ท่านกรอก ซึ่งเก็บไว้ที่ศูนย์ฯ และอีกรูปหนึ่งติดไว้ที่บัตรสมาชิก ซึ่งท่านจะใช้แสดง เมื่อจะใช้บริการของศูนย์ฯ

และ 4.หากจะว่ายน้ำหรือจะเรียนว่ายน้ำ ท่านจะต้องนำใบรับรองแพทย์ไปด้วย ...ซึ่งไปขอได้จากสำนักงานแพทย์หรือจากคลินิกทั่วไป(อาจจะต้องจ่ายเงิน ..ที่ผมเคยจ่ายก็ประมาณ 50-60 บาท)



การสมัครสมาชิก สมัครได้ที่ชั้นล่างของศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ ตั้งอยู่ใกล้ห้องฟิตเนส สมัครได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 13.00 - 20.30 น.



เมื่อสมัครแล้ว หากเอกสารครบทั้ง 4 อย่าง ...ก็ซื้อคูปองว่ายน้ำตรงนั้น แล้วลงว่ายน้ำในวันนั้นได้เลย ค่าคูปองว่ายน้ำครั้งละ 15 บาท ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ...แต่ยืดหยุ่นครับ จะว่ายนาน เขาก็ไม่ว่าหรอก เขาใจดี



สระว่ายน้ำอยู่ที่ชั้นสองครับ ถามเจ้าหน้าที่ขายคูปองว่ายน้ำ หรือถามสมาชิกท่านอื่นก็ได้ แต่ต้องถอดรองเท้า เดินเท้าเปล่าขึ้นบันไดไป ไปถึง ณ ที่ทำการสระ ก็ยื่นคูปองพร้อมบัตรสมาชิก แล้วก็เดินเข้าห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเพื่อไปว่ายน้ำ



สำหรับท่านที่จะสมัครเรียนว่ายน้ำฟรี อย่างที่ผมเขียนบอกไว้ในบล๊อกนี้ มีข้อพิเศษเพิ่มอีกเรื่อง คือ ท่านจะต้องนำรูปถ่ายขนาดเล็กเพิ่มขึ้นอีก 1 รูป ไปยื่นตรงที่ทำการสระ แล้วบอกเขาว่าต้องการจะเรียนว่ายน้ำ แล้วก็ตกลงเลือกกลุ่มที่จะเรียนว่าย



ซึ่งช่วงนี้ กำลังเปิดรับสมัครเรียนจนถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2548 พอดี ...วันเริ่มเรียนวันแรก คือ วันที่ 13 มิถุนายน 2548



หากท่านยังโอ้เอ้อยู่ จะเพราะรอเลือกชุด หรือจะรอชวนเพื่อน ท่านอาจจะไปไม่ทันเรียนรุ่นนี้ก็ได้ ซึ่งจะต้องไปรอเรียนในรุ่นหน้า ต้องรอนานไปอีกราว 90 วัน



ผมว่า ...ไปหาเพื่อนเอาข้างหน้า ก็ได้ครับ อาจได้เพื่อนซี้คนใหม่ที่ชอบกีฬาอย่างเดียวกัน ...ส่วนเรื่องชุดว่ายน้ำสวยๆนั้น เรียนไปแล้วค่อยๆเลือกไปก็ยังได้ และอาจจะเจอชุดในฝันที่ต้องใจพอใจจากแบบและสีของชุด ที่เพื่อนๆในสระกำลังสวมใส่อยู่ จะได้ออกไปซื้อแบบนั้นสีนั้นก็ได้



ขอแนะนำเพิ่มเติมนะครับ ไปว่ายน้ำนี่ ต้องนำกุญแจล๊อคเกอร์ไปเอง อาจเป็นกุญแจขนาดเล็กที่ราคาขายประมาณ 35 – 45 บาท ขนาดนี้ขนาดกำลังดีกะล๊อคเกอร์ครับ



ที่สระนี่ น้ำในสระจะค่อนข้างกระด้าง ไม่ใช่น้ำอ่อนประเภทน้ำประปา ฉะนั้นพอขึ้นจากสระ ขอบอกว่าควรจะรีบล้างตัวก่อนที่จะมานั่งเมาท์กันข้างสระ แต่ถ้าหากคิดว่า ขึ้นจากสระแล้วจะกลับบ้านเลย งั้น ก็ควรจะต้องสระผมด้วยแชมพูพร้อมใช้ครีมปรับสภาพเส้นผมอีกหน่อย น้ำในสระน่ะ สะอาดดี แต่น้ำในสระผสมคลอรีนเอาไว้ หากล้างคลอรีนออกไม่หมด เส้นผมจะกระด้างทำให้อาจไม่ดีในระยะต่อไปได้....บางคนนะ นอกจากจะสระผม ปรับสภาพเส้นผมแล้ว เขายังผัดหน้า และชโลมทาผิวก่อนกลับบ้านอีกด้วย



อีกอย่างหนึ่งคือ รองเท้าที่ต้องถอดวางไว้ที่ชั้นล่างก่อนจะเดินขึ้นบันไดมาที่สระ ผมอยากจะบอกว่า อย่าสวมพวกอดิดาส ไนกี้ สคอว์ส ไปเลย เพราะถ้าดีเกินไปก็อาจจะหายได้ เดี๋ยวจะไม่มีรองเท้าสวมเดินกลับบ้าน ...อายคนเค้า โฮะโฮะ



ผมเองใส่รองเท้าแตะราคา 99 บาทเองงงงงงง ก็เห็นรองเท้าแตะสภาพราคาประมาณนี้ละ เต็มไปหมด และผมก็ใช้รองเท้าแตะคู่นี้มาหลายปี ยังไม่เคยหายเลย




เอาละ ถ้าใครอยากจะไปว่ายน้ำ ผมขอแนะนำเส้นทางสักหน่อย



ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ สังกัดสำนักสวัสดิการสังคม กรุงเทพมหานคร อยู่ในซอยชื่อว่า ถนนเทศบาลรังรักษ์ใต้ เป็นซอยเดียวกันกับ สำนักพิมพ์มติชน ประชาชาติ และข่าวสดตั้งอยู่(แท๊กซี่ทุกคัน น่าจะรู้จัก)



หากขับรถไปเอง ถ้ามาจากถนนวิภาวดีรังสิต ทางลาดพร้าว ...พอพ้นถนนใยแมงมุม(ถนนรัชโยธินที่แยกไปประชาชื่น กำแพงเพชร หรือหมอชิต) ขับไปอีกสัก 500 เมตร ทางซ้ายมือจะมีถนนประชานิเวศน์ เป็นถนนที่ปากทางคือ วัดเสมียนนารี ...สำหรับท่านที่มาจากถนนวิภาวดี ทางด้านเกษตร จะต้องกลับรถ บนถนนกลับรถนะ ถนนกลับรถนี่ห่างจากถนนประชานิเวศน์ ประมาณ 550 เมตรครับ



เมื่อขับเข้าไปในถนนประชานิเวศน์แล้ว ถนนนี้จะข้ามผ่านทางรถไฟ แล้วจะข้ามสะพานข้ามคลองเปรมประชากร จากนั้นท่านจะต้องขับผ่านสี่แยกไฟเขียวก่อน(ตอนนี้ทางซ้ายมือท่านจะได้ขับผ่าน ตลาดบองมาเช่) แล้วให้สังเกตสะพานลอยข้ามถนนที่อยู่ตรงหน้า(เป็นสะพานลอยแรกบนถนนประชานิเวศน์ นับจากวัดเสมียนนารี) ...พอเห็นปั๊บรีบขับรถเข้าเลนในเลย เพราะซอยก่อนจะถึงสะพานลอย แค่ 3 – 4 ก้าว ก็คือเป้าหมายที่จะเลี้ยวรถเข้าไป คือถนนเทศบาลรังรักษ์ใต้



ปากซอยนี้ จะมีป้ายสีเขียว ...ป้ายหนื่งจะเขียนว่า ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ ...ใกล้ๆกันจะมีป้ายบอกว่า มติชน ประชาชาติ ข่าวสด ...ที่ปากซอยนี้จะมีร้าน 7-Eleven ให้เป็นที่สังเกตเห็นง่าย รับรองว่าถ้าท่านเห็น ร้าน 7-Eleven ก็สบายใจได้ มาไม่ผิดที่แน่ สังเกตเห็นไม่ยากหรอก



แล้วเข้าไปในซอยนี้ประมาณ 200 เมตร(ในซอยนี้มักจะมีรถจอดอยู่ทั้งสองฝั่ง ทำให้เหลือเลนรถวิ่งเพียงสองเลน ให้รถขับสวนกันได้) สังเกตซอยทางซ้ายมือ ที่มีอู่ซ่อมรถยนต์ ชื่อ แกะออโต้เฮาส์ อยู่ปากซอย(ขับช้าๆนะครับ ร้านนี้ สังเกตเห็นยากสักหน่อย เพราะร้านไม่มีจุดเด่น) แต่ขับไปเพียง 200 เมตรเท่านั้นเอง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอยนี้ได้เลย ตรงหน้าก็จะเป็น ประตูรั้วที่ไม่โก้นัก ก็คือ ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์



หาที่จอดรถ(ที่จอดรถส่วนใหญ่จะมีอยู่ ใต้สระว่ายน้ำพอดี)แล้วเดินย้อนกลับมาที่ตึกแรกที่ขับรถผ่านไป นั่นคือ ที่ทำการของศูนย์ฯ ..ซึ่งไม่โก้ ไม่หรูหรา อีกแหร่ะ



หากไปโดยรถประจำทาง ...จะมีรถประจำทางผ่านถนนประชานิเวศน์ คือ 1075 , 67 , และ ปอ.67 ครับ ...แต่ผมไม่ค่อยทราบนักหรอกว่า สายไหนวิ่งมาจากที่ไหน? …ใครรู้ ก็ช่วยกรุณาบอกในคอมเมนต์ ให้ด้วย? …ท่านที่มาโดยรถประจำทาง ให้สังเกตสี่แยกไฟเขียว และสังเกตสะพานลอยข้ามถนน เช่นเดียวกันนะครับ



สอบถามเพิ่มเติม ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ โทร. 02-589 3201



ขอให้สนุกกับการออกกำลังกายนะครับ



หมายเหตุ : ผมเดินเข้าบล๊อกมาเมื่อโพสต์ไปประมาณสองปีแล้ว แต่เห็นว่าบล๊อกนี้ยังมีผู้สนใจเข้ามาอ่านอยู่บ้างทั้งๆที่เรื่องเก่าแล้ว ผมอยากจะปรับขนาดของตัวอักษรในบล๊อกสักหน่อย(บล๊อกอื่น ยังไม่ได้ปรับ) เพราะที่เคยโพสต์ไป ตัวอักษรขนาดค่อนข้างเล็ก ผมอยากจะปรับให้ตัวอักษรโตขึ้น เพื่อการอ่านจะได้ง่ายสบายตา







โดย yyswim






 

Create Date : 06 มิถุนายน 2548    
Last Update : 1 มีนาคม 2551 14:12:25 น.
Counter : 66019 Pageviews.  

มีเรื่องที่สระว่ายน้ำ



มีเรื่องที่สระว่ายน้ำ






เรื่องบางเรื่องผมไม่อยากจะจำ ไม่อยากแม้แต่จะคิด แต่ก็ไม่อาจจะสลัดออกไปจากสมองได้ง่ายๆ ....ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว



เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน นานพอที่จะลืมจนเลือนลางเหมือนเรื่องอื่นๆ ...แต่ผมก็ยังจำได้




วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ผมไปว่ายน้ำตอนบ่ายสามโมงครึ่ง ปกติผมมักจะไปราวสี่โมงเย็นมากกว่า




ไปถึงสระ ตอนบ่ายสามโมงครึ่ง แดดยังจ้าอยู่เลย แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ผ่านระลอกคลื่นในสระ ระยับระยิบเข้าตา รังสีร้อนแบบนี้ มักจะทำให้ผิวเกรียมแดดได้ง่าย ฉะนั้นบ่ายที่ร้อนอย่างนี้ จึงไม่ค่อยจะมีใครว่ายน้ำ





ตอนนั้นร่มเงาที่ทอดลงมาจากตึกใกล้ๆ ลามมาถึงลู่ว่ายที่ 2 ....ปกติ ลู่ว่ายประจำของผม มักจะเป็นลู่ว่ายที่ 3 มาทีไร ก็ลงที่ลู่ 3 ...แต่ผมก็เล็งแต่ไกลแล้วว่า วันนี้คงจะว่ายที่ลู่ 2 ดีกว่า เพื่อจะหลบแดดสักหน่อย ..คนหล่อๆก็ต้องดูแลรักษาผิวพรรณ เป็นธรรมดา หุ หุ หุ




พอจะหย่อนตัวลงในสระ ในลู่ว่ายที่ 2 ผมก็พบว่า มีคนยืนอยู่ในน้ำตรงแท่นกระโดดลู่ว่ายที่ 2 อยู่ก่อนแล้ว ....เป็นคนที่ผมเคยเห็น ว่ามักจะว่ายอยู่ แถวลู่ว่ายที่ 7 ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ตอนแดดร้อนๆ ....ผมไม่เคยเห็นเขามาว่ายตอนเย็น หรือมาว่ายในตอนกลางคืน ...เดาเอาว่าเขาคงจะชอบว่ายกลางแดด พอดีก็ไม่เคยถามเขา เพราะไม่ค่อยสนิทและไม่ค่อยได้เจอเขาบ่อยนัก




เท่าที่เคยเห็น เขาจะเป็นคนแบบไม่ค่อยจะมีเพื่อน เจอทีไร ก็จะเห็นเขามาคนเดียว จะว่ายคนเดียว เขาจะชอบแยกไปว่ายห่างผู้อื่น จะไม่ยอมคุยกับใคร ..และแม้กระทั่ง ขณะยืนรอเข้าห้องอาบน้ำจืด ซึ่งมีคนอื่นยืนรออยู่ด้วย เขาก็จะยืนก้มหน้า ไม่ค่อยยอมคุยกับใคร หรือยิ้มให้ใคร




เขาคนนี้ จะชอบกระโดดพุ่งตัวลงน้ำจากแท่นกระโดด ทุกครั้งที่จะลงสระ กระโดดทีก็น้ำกระจายครั้งใหญ่ที ได้ยินเสียงน้ำแตกกระจายไปทั่วทั้งสระ เพราะเขาชอบจะเอาหน้าอกและท้องลงกระแทกน้ำ อย่างไม่กลัวเจ็บ ...




ฉะนั้น เมื่อเขากลับมาจากไปปัสสาวะทุกครั้ง ก็จะได้ยินและได้เห็นน้ำแตกกระจายครั้งใหญ่ทุกครั้ง



ส่วนใหญ่คนที่เห็นภาพและเสียง ต่างหันมาสบตากัน แล้วขบขันกันทุกคน เฮอะ เฮอะ เฮอะ ……..เจอซาดิสต์ตัวจริง




เขาคนนี้ ผมคิดว่าอายุประมาณ 40 กว่าๆ สูงราว 160 เซนฯกว่าๆ หุ่นท้วม มีไขมัน ผิวแห้งคล้ำ เส้นผมก็แห้งเป็นสีน้ำตาล การแต่งตัวเท่าที่มองเห็นในบางวัน จะสวมเสื้อยืดสีคล้ำ กางเกงวอร์มสีดำหลวมๆ สวมรองเท้าผ้าใบเก่าๆ ...ดูภาพรวมแล้ว คล้ายกับเป็นคนต่างจังหวัด ไม่สนใจการแต่งตัว ...และอาจจะเรียนไม่สูงนัก



ตอนผมจะหย่อนตัวลงในสระ ที่ลู่ว่ายที่ 2 เขาก็ตกใจเล็กน้อยพอๆกับผม เพราะต่างคนไม่คิดว่าจะเจอใคร แบบไม่ได้ตั้งตัว .....ผมยิ้มให้เขาตอนที่สติกลับคืนมา เขาก็สบตาผม แล้วพยักหน้าตอบ ผมเลี่ยงไปหย่อนตัวลงน้ำ ที่ลู่ว่ายที่ 3 แทน ก็เป็นลู่ว่ายที่ผมคุ้นเคยมาว่ายทุกวัน อุอุอุ แต่วันนี้ แดดมันยังร้อน



นาทีนั้น ตรงหน้า ทุกลู่ไม่มีใครว่ายน้ำเลย บนอัฒจันทร์ มีคนนั่งคุยกันอยู่ราว 3 คน ผู้ควบคุมสระก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน นาทีนั้น ขณะที่ผมกำลังสวมแว่นตากันน้ำ จะเริ่มต้นว่าย จึงมีเพียงชายคนที่ผมพูดถึง มองดูผมอยู่ใกล้ๆ และเงียบ ไม่พูดอะไรเลย



ผมเริ่มออกว่าย ว่ายช้าๆตามจังหวะที่เคยว่าย ...จะว่าไป ผมไม่ใช่คนว่ายน้ำเก่ง เพราะจริงๆแล้วผมอยากเรียกตัวเองว่า ผมเป็นนักแบดมากกว่า เนื่องจากเพราะเคยบ้าตีแบด



ผมเคยเข้าแข่งแบด แต่ที่ห่างจากสนามแบดไป เพราะใช้ไหล่ จนไหล่เขาขอร้องให้หยุดพัก จึงแขวนแร๊กแก๊ต มาอยู่ในสระแทน ก็เลยเกิด Why You Swim (yyswim) ขึ้นมาเป็นตัวเป็นตน




เพื่อนมหาวิทยาลัย นักว่ายน้ำตัวจริง เขาก็แปลกใจว่า ผมเปลี่ยนใจ ได้ไง ตอนที่เรียนซึ่งเรียนอยู่คนละคณะกัน แต่อยู่ซีมะโด่งด้วยกัน เขาเคยชวนผมไปสระ ผมไม่ไป ผมชวนเขาไปคอร์ต เขาก็ไม่เคยไป ...มาถึงตอนนี้ ผมชวนเขาไปสระ เขาหัวเราะแล้วบอกว่า ‘มรึงเปลี่ยนใจ กรูก็เลยเปลี่ยนใจมั่ง” แน่ะ มันชวนผมไป……สนามกอล์ฟ




เมื่อผมว่ายไปจนสุดขอบสระ ก็ครบ 50 เมตร ว่ายกลับมาสุดขอบสระ ก็อีก 50 เมตร อย่างนี้ผมนับว่า 1 รอบ เมื่อว่ายไปอีก และว่ายกลับมาอีก ก็อีก 1 รอบ รวมเป็น 2 รอบ ผมก็ว่ายแบบนี้ไปเรื่อยๆ



ตอนผม เริ่มออกว่ายรอบที่ 4 เขาคนที่อยู่ ลู่ว่ายที่ 2 เขาก็เริ่มออกว่ายบ้าง



ผมยังว่ายไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบร้อน คิดว่าดี ซะอีก มีเพื่อนว่ายอยู่ในสระด้วยคน จะได้ไม่เหงา การว่ายก็เลยตีคู่กันไป เขาคงอยากจะว่ายแซงผม ตอนจะครบรอบว่ายที่ 4 เพราะเห็นเขาว่ายเร่งเข้าสระ เพื่อให้ล้ำหน้าผม แต่พอผมกลับตัว และว่ายไปอีกนิด ก็ทันเขาอีก ก็เลยว่ายคู่กันต่อไปตามเดิม




เขาพยายามเร่งว่ายมาก เพื่อให้ล้ำหน้าผม ตอนจะครบ 550 เมตร แต่พอผมกลับตัวแล้วว่ายต่ออีกนิด ก็ทันเขาอีก ผมว่ายครบรอบว่ายที่ 6 พร้อมกับเขา พอผมกลับตัว เสียงฝั่งเขาก็เงียบไป สงสัยจะเหนื่อย เลยหยุดว่าย ผมเลยว่ายตามจังหวะปกติของผม รอบที่ 7 – 8 – 9 คนเดียว



เมื่อผมเริ่มออกว่าย รอบที่ 10 เขาคนนั้นก็เริ่มออกว่ายตามผมแบบติดๆ ใหม่อีกครั้ง ...เขาพยายามจะแซงผมตอน 1,050 เมตร แต่แซงไม่ได้ เขาก็เลยพยายามจะว่ายให้ตีคู่ทันผม



ตอนผมว่ายครบรอบที่ 11 ผมว่ายนำเขาอยู่สัก 2 เมตร



ตอนนี้ ผมเริ่มออกว่ายรอบที่ 12 แล้ว แต่เสียงว่ายตามผมมาเบาลง เขาคงจะเหนื่อย แดดร้อนด้วย เขาคงจะว่ายห่างจากผม



จริงด้วย เพราะหลังจากผมกลับตัวที่ 1,250 เมตร และว่ายไปได้สัก 10 เมตร ผมก็มองเห็นเขาว่ายสวนมา



ผมยังคงว่ายต่อไป ตอนว่ายกลับมาใหม่ที่ 1,350 เมตร ก็เห็นเขายืนพักเหนื่อยที่ขอบสระ และตอนผมว่ายกลับมาใหม่อีก ที่ 1,450 เมตร เขาก็รีบถีบตัวออกไปจากขอบสระก่อนผม และว่ายนำผมไปก่อน และพยายามจะโหมว่ายเร่งอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ผมว่ายทันเขา




ตอนนั้นผมเห็นว่าจะครบ 1,500 เมตรแล้ว และร้อนด้วย จึงคิดจะปิดการว่ายที่ 1,500 เมตร แล้วขึ้นไปหลบแดดข้างบน จะดีกว่า จึงเร่งว่ายหน่อย



พอผมเร่งว่าย เขาก็เร่งสปีดการว่ายยิ่งขึ้นอีก น้ำในสระแตกกระจายทีเดียว ขนาดอยู่ในสระ ผมยังรู้ อย่างนี้คนบนอัฒจรรย์ ก็ต้องเห็นแน่ แต่อาจคิดว่า ผมกับเขาว่ายด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน ก็เป็นได้




เขากับผม แตะขอบสระพร้อมกัน ...จะต่างกันก็ตรงที่ ผมใช้แขนพยุงตัวขึ้นจากสระทันทีที่มือผมแตะขอบสระ แต่เขารีบถีบตัวออกจากขอบสระทันที เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการว่ายรอบต่อไป



ตอนนั้น ผมคิดในภายหลังว่า เขาอาจจะยังไม่รู้ว่า ผมหยุดว่ายแล้ว ก็ได้





พอขึ้นจากสระ ผมก็รีบเข้าที่ร่ม รีบไปปัสสาวะก่อนทันที ไม่คิดอะไรมาก ไม่ได้คิดถึงเขาคนเมื่อตะกี้ด้วย ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำ รอบข้างจึงเงียบมาก พอปัสสาวะเสร็จ ก็ตรงไปที่ห้องอาบน้ำจืด เพื่อหวังจะล้างคลอรีนออกจากตัว



ระหว่างที่เปิดน้ำล้างตัวอยู่ หูก็ได้ยินเสียงตะโกน เสียงวิ่ง เสียงอึกทึกอยู่ที่ข้างนอก



“เสียงอะไร!!! ฟังไม่รู้เรื่องเลย ช่างมันเหอะ” ผมคิด “คงไม่เกี่ยวอะไรกับตัวผมหรอก” ผมคิดเช่นนั้น




อาบน้ำเสร็จ ผมก็เดินไปที่ล๊อคเกอร์ ไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดตัว เช็ดตัวแห้งแล้ว จึงเดินออกมาที่สระเพื่อจะหาที่นั่ง นั่งพัก



พอเดินออกมา เห็นภาพตรงหน้า สุดขอบสระด้านโน้น ผมก็ตกใจ



เพราะเป็นภาพ ผู้ควบคุมสระสองคน กำลังช่วยกันผายปอดชายคนนั้นอยู่ หันมองไปอีกด้านหนึ่ง ผู้ควบคุมสระอีกคนหนึ่ง กำลังพูดโทรศัพท์เสียงดัง เพื่อขอความช่วยเหลือจาก199 ...คนบนอัฒจรรย์ ตอนนี้ ก็ไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิมแล้ว แต่เดินไปยืนมุงดูอยู่ใกล้ๆกับที่มีการผายปอด



สักประเดี๋ยวผู้ควบคุมสระ ก็มาถามผมว่า “รู้จักกับชายคนนี้ ดีมั้ย? รู้จักบ้านเขามั้ย?”



ผมบอกว่า “ไม่รู้ ไม่ทราบชื่อเขาด้วย”



ผู้ควบคุมสระถามผมว่า “เมื่อกี้เห็นเขามีอาการยังไง?”



ผมก็บอกว่า “ไม่รู้สิ เขาไม่ได้พูด แต่ว่าเขาว่ายตามผมตลอด”



ผู้ควบคุมสระถามผมว่า “กี่รอบ?”



ผมบอกว่า “คง 7 มั้ง!!! แต่เขาไม่ได้ว่ายต่อเนื่อง เขาว่ายสัก 300 แล้วก็หยุด แล้วเขาก็ว่ายอีก 300 แล้วก็หยุด แต่เขาสปีดหนัก คงจะเหนื่อย และวันนี้ร้อน”



คนที่อยู่บนอัฒจรรย์ 3 คน เขาก็บอกสิ่งที่เขาเห็น คล้ายๆกับที่ผมบอก คือไม่มีใครรู้จักชายคนนี้ และชายคนนี้ว่ายหลายรอบ และพยายามรีบว่าย



ผู้ควบคุมสระถามหมายเลขล๊อคเกอร์ของผม แล้วเขาก็ใช้คีมงัดกุญแจ อีกล๊อคเกอร์ที่เหลือ เพื่อจะหาเบอร์โทร.ติดต่อบ้านของชายผู้นี้



สักครู่เดียว ทั่วทั้งสระก็ได้ยินเสียงหวอ ชุดช่วยเหลือทั้งของเอกชน และของตำรวจก็มาถึง มากันหลายคันรถทีเดียว จอดรถหน้าสระเต็มไปหมด เขาใช้เตียงหาม ยกชายผู้นี้ไปโรงพยาบาลโดยด่วน มีผู้ควบคุมสระตามไปเป็นญาติชั่วคราว





ผู้ควบคุมสระบอกผมในวันต่อมาว่า ตกลงชายผู้นี้เสียชีวิต และเสียชีวิตไม่ใช่เพราะการจมน้ำ แต่เสียชีวิตเพราะโรคหัวใจ เป็นเพราะเหนื่อยมากเกินไป จนหัวใจช๊อค ทางโรงพยาบาลชันสูตรศพแล้ว ทางโรงพยาบาลพบว่า ในปอดไม่มีน้ำอยู่เลย แสดงว่าเขาเสียชีวิตขณะว่ายน้ำแล้ว จึงจมน้ำอีกที



ผู้ควบคุมสระอีกคน บอกผมในภายหลังเช่นกันว่า ในวันนั้น เห็นชายผู้นี้ เขามาตั้งแต่บ่ายโมง เขาเห็นชายผู้นี้วิ่งผ่านหน้าสระว่ายน้ำ ตอนบ่ายโมงหลายรอบ แล้วก็มีคนอื่นเห็นชายผู้นี้อีกว่าเข้าไปยกเวตอยู่คนเดียว อีกหนึ่งชั่วโมง(ข่าวเรื่องนี้ กระจายรู้กันทั่วสนามกีฬาครับ)



แล้วชายผู้นี้ก็ไปกินข้าว ไม่รู้ว่ากินข้าวเที่ยงหรือเปล่า ไปตอนบ่ายสาม เสร็จแล้วชายผู้นี้ ก็มาออกกำลังกายต่อ ที่สระว่ายน้ำอีก



ผู้ควบคุมสระคนแรก บอกผมเพิ่มเติมว่า ภรรยาของชายผู้นี้เขาไม่ติดใจเอาความ เพราะเขาทราบว่าแฟนของเขา เป็นโรคหัวใจ ขนาดที่เคยนำส่งโรงพยาบาลกระทันหัน ก็เคยทำมาแล้ว และชายคนนี้ เขาก็รู้ปัญหาของตัวดีว่าเป็นโรคหัวใจ เขาก็เลยพยายามจะออกกำลังกายบ่อยๆเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้น





ผมเขียนบล๊อกเรื่องนี้ขึ้น เพื่ออยากจะยืนยันกับคนที่ออกกำลังกาย ไม่ว่าจะออกกำลังกายประเภทใด ขอให้ออกกำลังกายหนัก ถี่ และเร็ว เท่าที่ตนจะทำได้ เท่านั้น ....เพียงพอแล้ว ไม่ควรทำเกิน



อย่าฝืนทำต่อไป ให้เท่ากับหรือมากกว่าผู้อื่น หรือทัดเทียมเท่ากับมืออาชีพ โดยไม่มีโค๊ชอยู่ด้วย เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุรุนแรงตามมา




อุบัติเหตุ คือ เหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว แถมอะไหล่ร่างกายมนุษย์ก็หาที่เหมาะสมกับตัวเรา…..หาได้ยาก




ยิ่งหากอุบัติเหตุรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ถึงจะมีอะไหล่ร่างกายมนุษย์ที่เหมาะสม แต่มันก็……ใช้ไม่ได้แล่ววววววว







yyswim








 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 13 มิถุนายน 2551 0:27:17 น.
Counter : 3412 Pageviews.  

ไปออกกำลังกาย



ไปออกกำลังกาย………




• ก่อนไปออกกำลังกาย ควรถามตนเองเสียก่อนว่า พร้อมหรือไม่?

ถ้าอดนอนมาหลายวัน ถ้าอุปกรณ์การเล่นและเครื่องแต่งกายไม่พร้อม
ถ้ามีไข้เจ็บคอไอมาก

วันนั้นก็ไม่ควรจะไปออกกำลังกาย เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
อาการเจ็บป่วยอาจเป็นมากขึ้น

แต่คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ สามารถไปออกกำลังกายได้
การออกกำลังกายจะช่วยทำให้ อาการภูมิแพ้ลดลงร่างกายแข็งแรงขึ้น



• การแต่งกายควรเลือกประเภทที่ปลอดภัยและประเภทที่เหมาะสม
กับชนิดของการออกกำลังกาย


การออกกำลังกายบางชนิดต้องสวมหมวก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
เพื่อป้องกันแดดร้อน หรือเพื่อป้องกันเส้นผมหลุดร่วง


การออกกำลังกายบางชนิด หากผมยาวควรรวบผม
เพื่อไม่ให้รบกวนใบหน้าขณะออกกำลังกาย หรือเพื่อป้องกันการต้านลม
หรือเพื่อป้องกันการถูกกระชากขณะออกกำลังกาย



เสื้อกางเกง หรือชุดกีฬาโดยปกติจะไม่เหมือนกัน เพราะจะออกแบบมา
สอดคล้องกับชนิดของกีฬาที่เล่น เช่น ชุดยูโด ชุดฟันดาบ ชุดขี่ม้า
ชุดฟุตบอล ชุดยิมนาสติก หรือชุดว่ายน้ำ จึงไม่สมควรที่จะนำ
เสื้อผ้าของกีฬาแบบหนึ่งไปใช้ออกกำลังกายกับกีฬาอีกแบบหนึ่ง


ยิ่งกว่านั้น เสื้อกางเกงหรือชุดกีฬาที่เลือกใช้
ควรจะสอดคล้องกับสภาพอากาศด้วย

เช่น ถ้าอากาศหนาว นักฟุตบอลควรจะสวมเสื้อแขนยาว
และสวมกางเกงชั้นในแนบเนื้อเพิ่มขึ้นจากกางเกงฟุตบอลตามปกติ
เพื่อเพิ่มความอบอุ่นภายในให้ร่างกาย



รองเท้า แน่นอนไม่ควรจะสวมรองเท้าแตะไปออกกำลังกาย
แต่ควรจะเลือกรองเท้าหุ้มส้น ที่ถนัดเท้า มีลักษณะเบา
และเหมาะสมกับกิจกรรมมากกว่าความสวยงาม

เช่น รองเท้าไต่หน้าผา คงไม่มีใครคิดจะเลือกที่รูปร่างสวยงาม
มากกว่าความเบาและความปลอดภัย

รองเท้าแบดมินตันจะไม่เหมาะกับการนำไปวิ่งระยะทางไกล
เพราะจะไม่ช่วยลดแรงกระแทก

รองเท้าสำหรับวิ่งระยะทางไกลก็จะไม่เหมาะที่จะนำไปใช้ใส่เล่นบาส
เพราะไม่มีส่วนที่หุ้มข้อ ซึ่งอาจจะทำให้ข้อเท้าแพลงได้




• ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหลังจากทานอาหารมื้อหนักทันที
ควรจะนั่งพักอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
แต่หากจะทานเล็กน้อยก่อนออกกำลังกายก็พอจะกระทำได้

และระหว่างการออกกำลังกายจนเหนื่อย
ควรจะดื่มน้ำเล็กน้อยเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ

โดยปกตินักวิ่งมาราธอนจะดื่มน้ำทุกๆ 10-15 นาที
หลังจากเริ่มวิ่งไปแล้วประมาณ 30 นาที




• ควรจะออกกำลังกายในแต่ละครั้งให้ครบ 3 กลุ่ม คือ

การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การออกกำลังกาย
เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น และ การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความอดทน
(การออกกำลังกายหัวใจ)

โดยเริ่มจากการยืดกล้ามเนื้อในระยะอุ่นเครื่อง
เพื่อลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อันนี้เป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น

เสร็จแล้วก็จะต่อด้วยการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เช่น ยกน้ำหนัก ชักเขย่อ ปีนหน้าผา

หรือการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความอดทน เช่น เดิน วิ่ง ถีบจักรยาน ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก

เสร็จแล้วก็จะปิดการออกกำลังกายด้วยการออกกำลังกายเบาๆ เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อบาดเจ็บ อันหลังนี้เป็นการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นอีกครั้งหนึ่ง



หากจะออกกำลังกาย ที่จะเพิ่มทั้งความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
และเพิ่มความอดทน ก็ควรจะออกกำลังกายประเภท
พายเรือ เล่นวินด์เซิร์ฟ ชกมวย หรือเล่นเทนนิสกับคู่เล่นที่มีฝีมือ
คู่คี่หรือเก่งกว่า



• ในช่วงแรกของการออกกำลังกาย ควรจะเริ่มต้นด้วยจังหวะช้า
และไม่หนัก แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายก็จะเริ่มเหนื่อย ขับเหงื่อออกมา การหายใจจะหายใจสั้นและถี่

ยิ่งออกกำลังกายต่อไป หัวใจก็จะเต้นเร็วถี่และแรงขึ้น
จนสามารถมองเห็นและได้ยินได้โดยคนที่อยู่ใกล้

ร่างกายจะยิ่งอ่อนล้าลง เดินเป๋ ตีลูกหรือขว้างลูกจะขาดทิศทาง
จะคุมจังหวะตัวเองไม่ได้


หากยิ่งออกกำลังกายต่อไปอีก
ร่างกายก็จะถึงจุดสูงสุดของการออกกำลังกาย

เช่น มีอาการหอบลิ้นห้อยที่ยังพอจะพูดคุยได้บ้าง
แต่น้ำเสียงจังหวะการพูดจะเปลี่ยนไปหมด

มือไม้เริ่มสั่น จนเริ่มจะควบคุมไม่ให้สั่นไม่ได้
หรือขนาดอ๊วกอาเจียนออกมา โดยควบคุมไม่ได้



อย่างนี้ควรจะหยุดพักหรือลดระดับการออกกำลังกายลง
เพราะถ้ายังฝืนออกกำลังกายต่อไป หัวใจอาจจะรับไม่ได้
อาจจะช๊อคไม่รู้สึกตัว และถึงขั้นเสียชีวิต



• การเพิ่มขนาดของการออกกำลังกาย
ถ้าเป็นการวิ่ง ควรเริ่มจากระยะทางก่อนการเพิ่มที่ความเร็ว
ถ้าเป็นการยกน้ำหนักควรเพิ่มจำนวนครั้งก่อนการเพิ่มน้ำหนักที่ยก
และควรเพิ่มเป็นรายอาทิตย์ โดยเพิ่มอาทิตย์ละไม่เกิน 10%
ของระดับที่ทำได้จนเคยชิน

แต่ถ้าไม่ต้องการจะเพิ่ม ก็สามารถกระทำได้โดยออกกำลังกาย
ที่ระดับเดิมไปเรื่อยๆ การเพิ่มขนาดของการออกกำลังที่เร็วเกินไปอาจจะทำให้บาดเจ็บได้ง่าย



• สำหรับผู้ที่ร้างรากับการออกกำลังกายไปนานๆ มากกว่า 2 เดือนขึ้นไป การเริ่มออกกำลังกายใหม่อีกครั้งหนึ่ง ควรจะเริ่มต้นจากน้อยไปก่อน


การเริ่มที่ระดับสุดท้ายก่อนจะร้างรา จะทำให้อาจเป็นอันตราย
และเหนื่อยล้าได้ง่าย

การเริ่มออกกำลังกายใหม่อีกครั้งหนึ่งในตอนเช้า จะเร่งให้อยากขับถ่าย
ฉะนั้นควรจะขับถ่ายให้เรียบร้อยก่อนจะไปออกกำลังกายตอนเช้า



• ไม่ควรจะฝืนออกกำลังกาย ถ้ามีการบาดเจ็บเกิดขึ้น
โดยเฉพาะถ้ามีการบาดเจ็บประเภทการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ
(sharp shooting pain) ควรจะหยุดทันที


• การออกกำลังกายที่ดี ควรกระทำไม่น้อยกว่า 20 นาทีต่อครั้ง
และไม่ควรเกิน 90 นาที(1.30ชั่วโมง)ต่อครั้ง
และควรออกกำลังกายให้ได้ 3 ครั้งต่อสัปดาห์

แต่ไม่ควรฝืนถ้าร่างกายไม่พร้อม อาจจะลดระดับการออกกำลังกายลงหรือหยุดการออกกำลังกายไปก่อน
แล้วค่อยปรับมาสู่ระดับเดิมเมื่อร่างกายพร้อม







ถ้าอยากอ้วน ไม่ต้องไปออกกำลังกาย

ถ้าอยากผอม ไปออกกำลังกาย ดีกว่ายอมอดหรือกินยาลดความอ้วน

เพราะคนออกกำลังกาย ร่างกายจะเฟิร์ม ฟิต กินอิ่ม และคล่องตัว


แต่คนยอมอดหรือกินยาลดความอ้วน จะหิวอย่างทรมาน

หุ่นผอมบางแบบคนอ่อนแรง กล้ามเนื้อก็เหลวอ่อนยวบยาบ



คนหล่อ คนสวย คือคนที่ไปออกกำลังกายเป็นประจำ

…….. ลองถามเขาได้



โดย yyswim




 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2548 2:16:59 น.
Counter : 2380 Pageviews.  

ไปสระว่ายน้ำ




ไปสระว่ายน้ำ




• ทุกคน ทุกเพศทุกวัย สามารถออกกำลังกาย โดยการว่ายน้ำได้ เพราะมีน้ำลึกให้เลือกว่าย ตั้งแต่ขนาด 0.60 เมตร 1.20 เมตร 1.50 เมตร 1.80 เมตร 2.00 เมตร หรือจะเลือกลึกสุดสุด ขนาดสระกระโดด คือ 5.00 เมตร ก็มีให้เลือก.... ถ้าว่ายไม่เป็น ก็มีครูสอน



การว่ายน้ำ เป็นการออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกาย และเป็นการออกกำลังกายแบบต่อเนื่อง คือ แบบแอโรบิค ทำให้ หัวใจ ปอด แข็งแรง



ผู้ที่เป็นโรคหอบ หืด สามารถจะว่ายน้ำได้นะครับ



และนับเป็นทางเลือกพิเศษ ของผู้ที่อ้วน มีน้ำหนักมาก ….ผู้ที่มีปัญหาเรื่องข้อและหัวเข่า.... ผู้ที่มีครรภ์ และผู้สูงวัย



เห็นจะมีข้อห้าม ก็คนเป็นโรคตาแดง โรคหูน้ำหนวก โรคผิวหนัง โรคติดต่อร้ายแรง และผู้หญิงมีรอบเดือน มั้ง???



ที่สระว่ายน้ำบางสระ มีการรวมกลุ่มกันออกกำลังกาย แบบ Aqua Aerobic ด้วย ..เป็นการเต้นแอโรบิคในสระว่ายน้ำ ที่ลึกขนาดหน้าอก เปิดเสียงเพลงประกอบไปด้วยขณะออกกำลังกาย …ได้ออกกำลังกายส่วนแขน ขา ร่างกาย และศีรษะ …ซึ่งต่อไปความนิยมการออกกำลังกายแบบนี้คงจะขยายตัวมากขึ้น




• และเดี๋ยวนี้สระว่ายน้ำบางสระ ใช้เกลือฆ่าเชื้อโรคแทนคลอรีน …เพราะบางคนแพ้คลอรีนง่าย เจอคลอรีนมากหน่อย ก็จะคันและแสบตา …คนที่มีแผลเล็กๆ หากว่ายน้ำในสระเกลือ ว่ากันว่าแผลจะหายเร็วขึ้น



• การว่ายน้ำในสระคลอรีน หรือว่ายน้ำสระเกลือ ก็ตาม ..หากขึ้นจากสระแล้ว ได้อาบน้ำสระผมทันที เส้นผมจะไม่เสีย ผิวหนังจะไม่แห้ง …ที่เราเห็นว่า นักกีฬาบางคน ผมเสียและผิวแห้ง ก็คงเป็นเพราะ นักกีฬาคนนั้นว่ายน้ำอยู่กลางแดด เป็น 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง แล้วเมื่อขึ้นจากสระ ก็ไม่ยอมไปอาบน้ำสระผม ครั้นพอหายเหนื่อยแล้ว ก็ลงไปว่ายต่อในสระคลอรีน หรือเกลืออีก เมื่อทำแบบนี้จนเคยชิน ผิวและผม จึงเข้มไม่น้อยไปกว่าชาวประมง




• ปกติน้ำในสระ จะใส ไม่มีสี แต่ที่เรามองเห็นน้ำในสระเป็นสีฟ้า เพราะแสงสะท้อนจากสีกระเบื้องที่ก้นสระ ผ่านน้ำใสขึ้นมา นั่นเอง


การสังเกตง่ายๆ หากน้ำในสระขุ่น ก็คือ เราจะมองเห็นน้ำในสระ ไม่เป็นสีฟ้า


และถ้าน้ำในสระเสีย คือ ที่ก้นสระมีตะไคร่น้ำขึ้นอยู่เต็ม เราก็จะมองเห็นน้ำในสระเป็นสีเขียวแทน ….อย่างนี้ อย่าว่ายน้ำจะดีกว่า เดี๋ยวน้ำเข้าปากเข้าตา จะทำให้ไม่สบาย



• วันใด มีฝนตก และมีฟ้าร้องฟ้าคะนอง ผู้ควบคุมสระจะขอให้ทุกคนขึ้นจากสระชั่วคราว(สระกลางแจ้ง) เพราะเหตุผล


ข้อแรก อาจเกิดฟ้าผ่าได้


ข้อสอง ผู้ว่ายอาจจะเป็นตะคริวจากการว่ายน้ำเย็นนานๆ


และข้อสาม หากใครพลาดพลั้งจมลงไปก้นสระ หากจมอยู่บริเวณเส้นแบ่งลู่ว่าย สีดำ และมีฝนตกกระทบผิวน้ำ จนน้ำกระเซ็น แบบนี้ถึงผู้ควบคุมสระ จะสายตาดีอย่างไร ก็ไม่อาจจะมองเห็นเงาคนที่อยู่ใต้น้ำได้ ทำให้ไม่อาจจะช่วยเหลือได้ทันเวลา


ผู้ควบคุมสระ จึงขอให้ทุกคนหยุดว่ายน้ำชั่วคราว ขึ้นมาจากสระกลางแจ้งก่อน




• ผู้ชาย เมื่อสวมกางเกงว่ายน้ำ ควรถอดกางเกงในออกด้วย เพราะสระว่ายน้ำต้องการความสะอาด หากใครรู้สึกเขิน ก็ควรสวมกางเกงว่ายน้ำ ชนิดผ้าหนา สีทึบ แทนผ้าบาง สีอ่อน


ผู้หญิง(และผู้ชายที่ไว้ผมยาว) ต้องสวมหมวกว่ายน้ำด้วย เพราะเส้นผมที่ยาว เมื่อร่วงลงไปในสระ จะทำให้เกิดการอุดตันการระบายน้ำออกของสระ ...ซึ่งเมื่อน้ำที่ระบายออก ได้ทำการกรองแล้ว ก็จะถูกปล่อยเข้ามาในสระใหม่



• ก่อนลงสระ ต้องอาบน้ำทุกคน ….หากสามารถสระผม ถูสบู่ ได้ด้วยยิ่งดี แต่ต้องล้างเส้นผมและร่างกายให้หมดคราบแชมพูและสะบู่ ตั้งแต่ในห้องน้ำนะครับ ….ห้ามหวังจะไปล้างน้ำต่อ ภายในสระ เพราะน้ำในสระต้องการความสะอาดสูง และมีการเตรียมความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำในสระ ไว้เรียบร้อยแล้ว



รวมทั้งห้ามชโลมน้ำมันกันแดดบนผิว จนมันเยิ้ม ก่อนจะลงสระ ...ห้ามถ่มน้ำลาย ถ่มเสลด
และห้ามปัสสาวะลงภายในสระ อันนี้ห้ามโดยไม่มีข้อยกเว้น!



………555555 แต่ใครจะรู้




• ห้ามนำอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตลงใช้ภายในสระ เช่น เท้ามนุษย์กบ เครื่องช่วยมือดึงน้ำ ห่วงยางชูชีพ สน๊อกเกิ้ล รวมทั้ง ห้ามสวมเครื่องประดับร่างกาย จะเป็นพวก กำไล แหวน นาฬิกา เพราะอาจจะกีดขวางการว่ายน้ำของผู้อื่น หรืออาจจะตกหล่น แตกหัก เป็นอันตรายต่อการอุดตันการระบายน้ำ หรืออาจจะกระทบเฉี่ยวชนจนเกิดบาดแผลอันตรายต่อผู้ว่ายอื่น


….อันนี้ ผมขอยืนยันว่าจริง เพราะเครื่องช่วยมือดึงน้ำ และนาฬิกาข้อมือ เคยเฉี่ยวโดนแขนและโดนหน้าผากของผมอย่างละครั้ง ชนิดเกือบเข้าตาเลย



• หากว่ายน้ำไม่เป็น ไม่เก่ง ควรแจ้งให้ผู้ควบคุมสระทราบเสมอ ไม่ต้องอาย เพราะเขาจะคอยดูแลคุ้มครองเราได้


การว่ายน้ำในสระ ควรจะเชื่อฟังคำแนะนำของผู้ควบคุมสระเสมอ เช่น หากผู้ควบคุมสระขอให้อย่าว่ายขวางสระ ก็ควรเชื่อฟัง เพราะจะไปกีดขวางผู้ที่เขาว่าย ตามความยาวของสระ


หากผู้ควบคุมสระ ขอให้ว่ายไป ชิดขวา และว่ายกลับ ชิดขวา (ชิดด้านขวาของเส้นลู่) ก็ควรเชื่อฟัง เพราะหากดื้อว่าย ชิดซ้าย จะเกิดการว่ายชนกับผู้อื่น ตลอดความยาวของสระ


หรือหากผู้ควบคุมสระ ขอให้อย่ากระโดดลงในสระ ก็อย่ากระโดด เพราะจะเกิดน้ำกระแทกใส่ผู้ว่ายอื่น หรือกระเซ็นใส่หน้าผู้อื่น


หรือหากผู้ควบคุมสระ ขอให้อย่ากระโดด และอย่าวิ่งเล่นบริเวณขอบสระ ก็อย่าทำ ..เพราะที่ขอบสระ มักมีน้ำไหลนอง หากกระโดดหรือวิ่ง จะทำให้ลื่นได้ง่าย



ทั้งหมดที่ผู้ควบคุมสระแนะนำ ก็เพื่อเจตนาดีต่อผู้ใช้สระ โดยส่วนรวม





yyswim







 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 3 กันยายน 2551 0:23:45 น.
Counter : 32891 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.