ผัดกะเพรา




ผัดกะเพรา








ข้าว(ราด)กะเพราหมูสับ ... ข้าว(ราด)กะเพราไก่ ใครๆก็ว่าเป็นอาหารสิ้นคิด อ่อนความคิดสร้างสรรค์ หุหุ


ใครจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ แต่แม่ค้าหลายร้านก็ยืนยันว่า ต้องขาย เพราะขายดี ขายดีทั้งมื้อเช้า มื้อเที่ยง และมื้อเย็นเลย …


นักศึกษาชอบ ข้าราวการชอบ คนงานชอบ คนโดยสารรถไฟชอบ คนรอรถทัวร์ชอบ คนรีบๆกินแล้วไปธุระ…ชอบ ยิ่งคนต่างจังหวัด…ยิ่งชอบ


เออ…..แต่ไม่ยักกะมีเสิร์ฟบนเครื่องบิน รึว่า ผู้โดยสารไม่ชอบ





จขบ.เคยพบกระทู้หนึ่งในพันทิป เขาตั้งกระทู้มาว่า


ถามเพื่อนๆทำงานตามoffice เวลากลางวันเบื่ออาหารอะไรที่สุด และอยากทานอะไรมากที่สุด อยากให้แม่ค้าขายอะไรมากที่สุด

จากคุณ : สีไม้น้ำ[ 18 พ.ย. 49 17:33:33 ]


เบื่อๆๆๆๆ ที่สุด กินแต่อาหารสิ้นคิด ทู้กกก วัน ก็ข้าวกะเพราหมูสับ ใข่ดาวอ่ะดิ กินมันได้ทุกมื้อกลางวัน เฮ้อๆๆๆๆ

จากคุณ : m'_yui - [ 20 พ.ย. 49 07:19:32 ]


ขอตอบคับ เวลากลางวันเบื่ออาหารอะไรที่สุด....ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว...
อยากทานอะไรมากที่สุด.....ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว...
อยากให้แม่ค้าขายอะไรมากที่สุด....ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว...
อิอิ....กินได้ทุกวันไม่รู้จะกินไร...ขี้เกียจคิดอ่ะ....ถ้าไม่มีเมนูนี้ ฉงฉัย..อดข้าวกลางวันแน่นอนเลยอ่ะ......คิคิ

จากคุณ : บังใบ - [ 20 พ.ย. 49 08:32:47 ]


ชอบกินอาหารสิ้นคิดอ่ะ…. กินได้ไม่เบื่อ

จากคุณ : ชลันธ์ - [ 21 พ.ย. 49 22:06:50 ]





ไม่เพียงแต่คนไทยที่ชอบกินผัดกะเพรา ชาวเกาหลีหลายคนเขาก็ชอบ ….


จากข้อมูลของ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ให้คำแนะนำแก่ผู้เปิดร้านอาหารไทยในเกาหลีว่า


ชาวเกาหลีจะรับประทานอาหารที่มีรสจัดมากกว่าชาวจีนหรือชาวญี่ปุ่น ดังนั้นรายการอาหารที่เป็นที่นิยมมากในหมู่ชาวเกาหลี คือ ต้มยำกุ้ง ผัดกะเพราไก่ ผัดไทย ยำทะเล เป็นต้น


นอกเหนือจากรายการอาหารเหล่านี้ ชาวเกาหลียังนิยมบริโภคอาหารทะเลดิบแบบญี่ปุ่น เช่น ซูชิ ซาซิมิ ชาวเกาหลีนิยมบริโภคข้าวและบะหมี่เป็นอาหารหลัก โดยมักจะรับประทานกับผักดอง (กิมจิ) เนื้อย่างเช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ และน้ำแกงที่ปรุงรสด้วย ซีอิ๊ว น้ำปลา เต้าเจี้ยว และพริกป่น




หมายเหตุ1 จากจขบ...... คนเอเชียที่ไม่นิยมกินกะเพรา น่าจะเป็นคนจีน เพราะอาหารจีนจะไม่นิยมใส่ใบกะเพรา (และแปลกที่อาหารจีนไม่นิยมกินผักสด แต่ผักที่จะใช้ปรุงอาหารมักจะใช้ความร้อนแรงๆและเร็วๆแทน)


หมายเหตุ2 จากจขบ...... จากข่าวในไทยรัฐ เจ้าชายจิกมี ทรงโปรดผัดกะเพรา……





เจ้าชายจิกมีถึงไทยแล้ว [24 พ.ย. 49 ]


ประชาชนชาวไทยได้ปลื้มปิติยินดีและมีโอกาสได้เฝ้าชื่นชมพระบารมี “เจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก” มกุฎราชกุมารรูปงามแห่งราชอาณาจักรภูฏาน อย่างใกล้ชิดอีกคำรบหนึ่ง เมื่อเจ้าชายจิกมี เสด็จเยือนไทยอีกครั้ง เพื่อทรงเที่ยวชมงานพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ราชพฤกษ์ 49 ที่เชียงใหม่


นายสว่าง พุ่มพวง รอง ผจก.ใหญ่ ฝ่ายไทย โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ได้กล่าวถวายการต้อนรับเจ้าชายจิกมี ซึ่งเจ้าชายจิกมี ได้แย้มพระโอษฐ์และยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม พร้อมตรัสเป็นภาษาอังกฤษว่า รู้สึกยินดีเช่นกันที่ได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง ก่อนที่จะเสด็จฯขึ้นสู่ห้องรอยัล ออคิด สวีท ชั้น 28 ที่โรงแรมจัดถวายให้เป็นที่ประทับพักแรม


น.ส.จิราภา จันทร์กิติสกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด เผยว่า ห้องรอยัล ออคิด สวีท ซึ่งถือเป็นห้องพักที่ดีที่สุดของโรงแรม และเป็นห้องที่เจ้าชายเคยประทับ เมื่อครั้งเสด็จฯร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ในวันนี้โรงแรมได้ปิดชั้น 28 ซึ่งเป็นชั้นที่เจ้าชายจิกมีประทับทั้งชั้น เพื่อถวายความปลอดภัย ภายในห้องที่ประทับ สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยา และภายในห้องยังประดับประดาตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวอมม่วง ที่พระองค์ทรงชื่นชอบ สำหรับห้องนี้เคยใช้ต้อนรับประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ และ บอง โจวี นักร้องชื่อดังระดับโลกมาแล้ว


นายทรงวุฒิ โถน้อย เชฟประจำโรงแรม ผู้ปรุงพระกระยาหารถวายเจ้าชายจิกมี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยปรุงพระกระยาหารถวายเจ้าชาย ซึ่งพระองค์เสวยง่ายๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ทรงโปรดอาหารไทย โดยเฉพาะ ไข่เจียวปู ผัดกะเพรา และต้มยำกุ้ง ซึ่งรสจะไม่จัดมาก และไม่ใช้มะนาวเพื่อให้รสเปรี้ยว แต่จะใช้น้ำมะขามแทน พระองค์ทรงชอบอาหารที่ง่ายๆ สบายๆ ทำให้คนครัวสบายๆ ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ที่สำคัญอีกประการหนึ่งพระองค์จะมีเจ้าหน้าที่ประจำพระองค์ที่ตามเสด็จฯมาจากภูฏาน คอยตรวจสอบอาหารทุกชนิดก่อนที่จะถวายให้เสวย…..








จขบ.เอง เป็นคนกินอาหารรีบๆคนหนึ่งและชอบกินรสจัด ….ข้าวกะเพราหมูสับไข่ดาว หรือข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว จึงเป็นอาหารยอดฮิตที่ชอบสั่งแม่ค้าที่ร้าน ทั้งร้านแถวบ้านและแถวที่ทำงาน


ที่จริง พอกินจำเจเข้า ก็มีเบื่อๆอยู่บ้างเหมือนกัน ….ก็จะขอแม่ค้าเปลี่ยนจากไข่ดาวเป็นไข่เจียวบ้าง ขอเปลี่ยนจากหมูสับหรือไก่ เป็นกุ้ง เป็นปลาหมึก หรือเป็นไข่เยี่ยวม้าบ้าง


คราวหน้าก็กำลังคิดอยู่ว่า ….จะขอเปลี่ยนเป็นกบ เป็นหมูยอ เป็นแหนม แต่ที่ไม่เปลี่ยนแน่ๆ ก็คือผัดกะเพรา….โฮะโฮะ





ผัดกะเพรา แม้จะเป็นอาหารดาษๆ สิ้นคิดอย่างที่บางคนเรียก แต่กะเพราก็เป็นผักพื้นบ้านที่มีคุณประโยชน์อย่างที่บางคนไม่เคยรู้ …เชื่อมั๊ย



ปกติเรามักจะรู้กันเพียงว่า ทาน "ผักบุ้ง" จะช่วยบำรุงสายตา แต่เราไม่ค่อยรู้กันว่า กะเพราก็มีคุณประโยชน์ไม่แพ้ผักบุ้ง ทั้งนี้เพราะ "กะเพรา" มีเบต้าแคโรทีน และ วิตามินซี รวมทั้งมี ฟอสฟอรัส เหล็ก และแคลเซียม ในปริมาณสูง ทำให้ช่วยบำรุงสายตาได้ดี


และปกติเรามักจะรู้กันว่า แครอท เป็นพืชที่อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน แต่เชื่อมั๊ย …กะเพรา ผักพื้นบ้านไทยนี่แหละ มีสารเบต้าแคโรทีน ที่มากกว่าแครอท ซะอีก




ในผักพื้นบ้าน ขนาด100 กรัม

ยอดแค มีเบต้าแคโรทีน 8,654 ไมโครกรัม, รวมวิตามินเอ 1,442 หน่วยสากล

ใบกะเพรา มีเบต้าแคโรทีน 7,867 ไมโครกรัม, รวมวิตามินเอ 1,310 หน่วยสากล

ใบขี้เหล็ก มีเบต้าแคโรทีน 7,181 ไมโครกรัม, รวมวิตามินเอ 1,197 หน่วยสากล

แครอท มีเบต้าแคโรทีน 6,994 ไมโครกรัม, รวมวิตามินเอ 1,166 หน่วยสากล




อนึ่ง เบต้าแคโรทีน จะมีมากในผลไม้สีเหลืองด้วย เช่น มะละกอ ฟักทอง มะม่วงสุก มะปราง เป็นต้น



เบต้าแคโรทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่ง ซึ่งมีความสำคัญในแง่การกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้เซลล์ร่างกายแข็งแรงขึ้น เป็นการช่วยชะลอความชราไม่ให้ร่างกายของคนเราแก่เร็ว ช่วยป้องกันโรคเสื่อมต่างๆ ตั้งแต่โรคข้อ โรคหัวใจ โรคอัมพาต และข้อสำคัญ สารต้านอนุมูลอิสระ เป็นสารที่สามารถป้องกันการกลายเป็น เซลล์มะเร็ง



จากงานวิจัยพบว่า เบต้าแคโรทีน จะทำให้เซลล์ปอด หลอดลม ผิวหนัง หลอดอาหาร กระดูก กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ ไต สมอง แข็งแรงขึ้น เบต้าแคโรทีน ช่วยรักษาผิวพรรณ ลบริ้วรอยของสิวผ้า ริ้วรอยของผิวที่เหี่ยวย่น ช่วยทำให้มองเห็นได้ดีขึ้นในที่สลัวๆ และยังช่วยรักษาอาการของโรคภูมิต้านทาน เช่น ช่วยบรรเทาอาการแพ้อากาศ ช่วยในการป้องกันโรคข้อรูมาตอยด์ด้วย







ส่วนวิตามินซี ซึ่งมีมากในกะเพรา ก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกตัวหนึ่ง ที่มีคุณประโยชน์ไม่น้อยไปกว่า เบต้าแคโรทีน



วิตามินซีจะเพิ่มความแข็งแกร่งและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาว จะช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ วิตามินซี จะช่วยป้องกันการแข็งตัวและการอุดตันของเส้นเลือด จึงป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและป้องกันอัมพาต วิตามินซี จะช่วยระบายท้อง จะช่วยสมานแผล จะช่วยรักษาอาการหวัด และช่วยรักษาอาการเครียด


วิตามินซี จะมีมากเป็นพิเศษในความสดของผักสดและผลไม้สด ยิ่งสดเท่าไรก็จะยิ่งมีวิตามินซีมากเท่านั้น ผักที่เก็บจากต้นเดี๋ยวนั้นและกินเดียวนั้น จะให้วิตามินซีมากกว่าเก็บมาไว้ข้ามคืน จากรายงานวิจัยพบว่าวิตามินซีจะน้อยลงเรื่อย ๆ เมื่อเก็บผักหรือผลไม้จากต้นนาน ๆ








และกะเพรา นอกจากจะช่วยบำรุงสายตา (ดังที่เปรียบไว้กับผักบุ้ง) กะเพรา ยังใช้เป็นยาแก้ไข้ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้คลื่นไส้ อาเจียน บำรุงธาตุ เพิ่มน้ำนมในสตรีหลังคลอดได้อีกด้วย


โดยการต้มใบสดและยอดอ่อนรวมกัน ดื่มเอาแต่น้ำ ...หรือหากจะใช้รักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน ก็ทำได้โดยใช้ ใบสดผสมเกลือเล็กน้อยตำให้ละเอียด ทาบริเวณที่เป็นโรค ก็จะหายจากโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อนโดยไม่ต้องหาซื้อยาแพงๆ



จากข้อมูลของคณะเภสัชศาสตร์ ม. มหิดล ……ทานใบกะเพราสดทุกวัน แก้โรคกระเพาะได้ ...ใบกะเพรา มีน้ำมันหอมระเหยอยู่ประมาณ 0.35% และกรดอินทรีย์หลายชนิด การทดลองพบว่า น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ขับลม ขับน้ำดี ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ลดการบีบตัวของลำไส้ ช่วยย่อยไขมัน และลดอาการจุกเสียด



นี่แหละ ประโยชน์ของ กะเพรา หรือผัดกะเพรา อาหารที่หลายคนคุ้นปาก แต่ยังไม่ค่อยคุ้นในคุณค่า.....


แถมกะเพรา สามารถจะปลูกขึ้นง่ายแถวริมรั้ว หรือปลูกในกระถางบนคอนโดก็ยังได้......











โดย yyswim





Create Date : 09 ธันวาคม 2549
Last Update : 9 ธันวาคม 2549 13:43:04 น. 71 comments
Counter : 21526 Pageviews.

 


ต้นกะเพรา









กะเพรา เป็นพืชอยู่ในตระกูลเดียวกับ โหระพาและแมงลัก เป็นพืชผักจำพวกเครื่องเทศที่ใช้ ใบสดใบอ่อน ประกอบอาหารในย่านเอเซียบางประเทศ เพื่อช่วยดับกลิ่นคาว ช่วยชูรสอาหาร ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้อาหาร และข้อสำคัญช่วยเพิ่มคุณประโยชน์ให้กับร่างกาย



กะเพรา มักใช้ใส่ในอาหารประเภท ผัดกะเพรา ผัดขี้เมา แกงป่า แกงเผ็ด แกงเลียง และหอยนึ่ง เป็นต้น



ในประเทศไทยมีอยู่ 3 พันธุ์ คือ กะเพราแดง กะเพราขาว และกะเพราลูกผสมระหว่างกะเพราแดงและขาว เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นและใบมีขนอ่อน ใบมีกลิ่นหอมฉุน ดอกเป็นดอกช่อ ใบและกิ่งก้านกะเพราขาวมีสีเขียวอ่อน ส่วนใบและกิ่งก้านกะเพราแดงมีสีเขียวแกมม่วงแดง



หากจะใช้เป็นยา จะใช้ใบที่สมบูรณ์เต็มที่ นิยมใช้กะเพราแดงมากกว่ากะเพราขาว





โดย: yyswim วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:13:45:13 น.  

 


คุณสมบัติของสารอาหารในผักต่างๆ








เบต้าแคโรทีน



คุณสมบัติ : เมื่อร่างกายได้รับเบต้าแคโรทีน จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตาและผิวหนัง คนที่ขาดวิตามินเอมากๆ เป็นระยะเวลานานๆ อาจทำให้ตาบอด


มีมากใน กระชาย ตะไคร้ ยอดมะระ ใบบัวบก ยอดกระถิน ใบชะพลู ผักกระเฉด ใบตำลึง ยอดมะกอก ใบย่านาง ใบมะกรูด ผักชีฝรั่ง ผักบุ้ง ใบยอ ใบกะเพรา ใบโหระพา ใบสะระแหน่ สะเดา ขี้เหล็ก ผักแว่น ผักกระโดน ข้าวโพดอ่อน




วิตามินบี 1


คุณสมบัติ : ลดการติดเชื้อทางลมหายใจ ป้องกันโรคเหน็บชาและปฏิกิริยาออกซิเดชั่น


มีมากใน ใบย่านาง ยอดมะระ ยอดมะกอก ใบยอ ยอดกระถิน ยอดชะอม พริกชี้ฟ้าเขียว พริกขี้หนู ยอดมะขามอ่อน ใบโหระพา ข่า ใบบัวบก สะตอ




วิตามินบี 2


คุณสมบัติ : ป้องกันการเกิดโรคเหน็บชา เบื่ออาหาร โรคปากนกกระจอก ริมฝีปากแห้ง และแผลเยื่อบุในช่องปาก

มีมากใน กระชาย ใบแมงลัก ยอดแค ฝักมะขามอ่อน สะระแหน่ ผักแว่น ยอดมะระ ใบมะกรูด พริกชี้ฟ้าแห้ง ใบโหระพา ข่า




วิตามินซี


คุณสมบัติ : ช่วยป้องกันไข้หวัด บำรุงสุขภาพเหงือกและฟัน ป้องกันเลือดออกตามไรฟันและเยื่อบุต่างๆ


มีมากใน พริกชี้ฟ้าเขียว-แดง ยอดสะเดา ยอดมะระ มะระขี้นก ชะอม ลูกยอ ผลมะกรูด ใบกะเพรา ใบโหระพา ใบแมงลัก ใบสะระแหน่ ผักบุ้ง ใบชะมวง ข้าวโพดอ่อน




เซเลเนียม


คุณสมบัติ : เป็นเกลือแร่ที่ทำหน้าที่เป็นตัวประสานการทำงานของเอนไซม์ระหว่างวิตามินอี เอ และซี


ได้จากข้าว หอมแดง หอมใหญ่ กระเทียม ต้นหอม ต้นกระเทียม มะเขือเทศ และอาหารทะเล




ธาตุเหล็ก


คุณสมบัติ : ป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยให้ร่างกายไม่เหนื่อยง่าย บำรุงและสร้างโลหิต


มีมากใน มะขามอ่อน ผักกระเฉด ยอดกระถิน ใบชะพลู ยอดมะกอก ใบแมงลัก มะเขือพวง ดอกโสน ใบสะระแหน่ ใบกะเพรา ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าแห้ง ผักกูด ตะไคร้ ขมิ้น สะเดา ยอ ขี้เหล็ก ผักบุ้ง




โปรตีน


คุณสมบัติ : ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รักษาสมดุลของของเหลวและกรด-ด่างที่เกิดขึ้นจากกระบวนการต่างๆในร่างกาย นอกจากนี้ยังให้พลังงานรองจากคาร์โบไฮเดรต


มีมากใน หน่อไม้ ดอกโสน สะเดา ดอกขจร ชะอม ผักโขมน้อย ตำลึง ใบยอ ใบกะเพรา ขี้เหล็ก ยอดแค ยอดมะระ กระถิน









เส้นใยอาหาร


คุณสมบัติ : ทำให้ขับถ่ายสะดวก ท้องไม่ผูก ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคริดสีดวงทวาร โรคหัวใจขาดเลือด โรคเบาหวาน


มีมากใน มะเขือพวง มะระขี้นก สะเดา ยอดมะกอก พริกขี้หนู ขี้เหล็ก ดอกแค ยอดแค ใบชะพลู ใบบัวบก หน่อไม้ ตะไคร้ พริกชี้ฟ้าแห้ง ใบกระเพรา ใบโหระพา ใบแมงลัก ใบยอ ข่า ตำลึง กระถิน ผักบุ้ง ข้าวโพดอ่อน




ฟอสฟอรัส


คุณสมบัติ : เป็นสารประกอบกับแคลเซียมในการสร้างกระดูกและฟัน ช่วยให้การหลั่งน้ำนมเป็นไปตามปกติ ช่วยสร้างเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ ร่วมกับธาตุอื่นรักษาสมดุลความเป็นกรด-ด่างในร่างกาย


มีมากใน ตะไคร้ ขมิ้น ใบกะเพรา ใบโหระพา ข่า มะเขือพวง มะระขี้นก บวบ กระถิน ผักบุ้ง ผักหวานป่า สะตอ ข้าวโพดอ่อน




คาร์โบไฮเดรต


คุณสมบัติ : ให้พลังงานและความร้อนแก่ร่างกาย ให้เซลลูโลสที่ช่วยระบายท้อง


มีมากในพืชหัว เช่น เผือก ข้าวโพดอ่อน ขี้เหล็ก ยอดแค ดอกโสน สะเดา ยอดมะกอก ยอดกระถิน ใบกะเพรา




แคลเซียม


คุณสมบัติ : เป็นส่วนสำคัญในการสร้างกระดูกและฟัน ช่วยในการแข็งตัวของเลือด


มีมากใน ขี้เหล็ก ตะไคร้ กระเจี๊ยบมอญ ใบบัวบก ฝักมะขามอ่อน ใบยอ สะเดา ใบสะระแหน่ ใบกะเพรา ใบโหระพา ขิง ข่า ผักกระเฉด กระชาย ยอดกระถิน ดอกแค ใบชะพลู ดอกขจร หน่อไม้ ใบย่านาง พริกชี้ฟ้าเขียว มะเขือพวง ใบแมงลัก ใบมะกรูด ตำลึง ผักบุ้ง ผักหวานป่า ข้าวโพดอ่อน





โดย: yyswim วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:13:46:45 น.  

 


ปรุงผัดกะเพรา









เครื่องปรุง


1. เนื้อหมูหรือไก่ 500 กรัม

2. ใบกะเพราเด็ดเป็นใบๆ 1 ถ้วย

3. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

4. น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ

5. น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ



6. เครื่องปรุงน้ำพริก

• พริกเหลือง 10 เม็ด

• พริกชี้ฟ้าแดง 10 เม็ด

• กระเทียมซอย 20 กลีบ

• ข่าหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

• รากผักชีหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

• เกลือ 1 ช้อนชา





วิธีทำ


1. ล้างพริกทั้งสองอย่างให้สะอาด เด็ดก้านออก หั่นสั้นๆ โขลกพริกกับเกลือให้ละเอียด ใส่ข่า ใส่รากผักชี ใส่กระเทียม โขลกให้ละเอียด


2. ล้างเนื้อหมูหรือไก่ให้สะอาด สับให้ละเอียด แบ่งน้ำปลาใส่ลงในหมูหรือไก่ 1 ช้อนโต๊ะ หมักไว้สักครู่ จากนั้นรวนพอหมูหรือไก่สุก


3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ใส่เครื่องที่โขลก ผัดไฟอ่อน พอหอม ใส่หมูหรือไก่ลงผัดให้เข้ากัน ปรุงรสใส่น้ำปลา น้ำตาล


4. ชิมรส ใส่ใบกะเพรา ผัดให้ทั่วยกลง วิธีจัดเสิร์ฟ โรยด้วยใบกะเพราทอดกรอบ





หมายเหตุ


1. การรวนเนื้อไก่ หรือหมู ต้องระวังอย่าให้เป็นก้อน ถ้าใช้ไฟแรง เนื้อไก่หรือหมูจะเป็นก้อนไม่กระจาย


2. วิธีทอดใบกะเพรา ใส่น้ำมันในกะทะะพอน้ำมันร้อน ใส่ใบกะเพราที่เด็ดเป็นใบๆ ลงทอดพอหอม รีบตักขึ้นทันที ...อย่าปล่อยให้อยู่บนเตานานจนกรอบ เพราะกะเพราจะขมและแตกละเอียด





โดย: yyswim วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:13:47:51 น.  

 


อาหารไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ









จากข้อมูลการสำรวจของ คณะกรรมการการวัฒนธรรมแห่งชาติ ร่วมกับ ศูนย์ข้อมูลเดทัมกรุ๊ป สำรวจเมนูอาหารไทยที่ชาวต่างชาติทั่วโลก นิยมรับประทานมากที่สุด


โดยได้รับความร่วมมือจาก สถานทูตต่างๆ ที่ส่งผลการสำรวจร้านอาหารไทย 1,500 ร้าน จาก 5 ทวีป ในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย ผ่านสื่อวิทยุ โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ ปรากฏว่าความนิยม เรียงตามลำดับดังนี้



ต้มยำกุ้ง ความนิยมร้อยละ 99

แกงเขียวหวานไก่ ความนิยมร้อยละ 82

ผัดไทย ความนิยมร้อยละ 70


ผัดกะเพรา ความนิยมร้อยละ 52


แกงเผ็ดเป็ดย่าง ความนิยมร้อยละ 50

ต้มข่าไก่ ความนิยมร้อยละ 47

ยำเนื้อย่าง ความนิยมร้อยละ 45

หมูสะเต๊ะ ความนิยมร้อยละ 43

ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพาน ความนิยมร้อยละ 42

พะแนง ความนิยมร้อยละ 39





โดย: yyswim วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:13:48:41 น.  

 
น่าทานนะคะ

แถมมีประโยชน์เพียบ


โดย: รักดี วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:13:50:55 น.  

 
มาดูยามบ่าย แบบว่ายังไม่ได้กินข้าวเที่ยง หิวในทันที ว่าแล้วก็ สั่งข้างบ้านเลยดีกว่า "ป้าครับ กระเพราะหมูกรอบ ไข่เจียวที่นึง" แหะแหะ




ปล. สนใจเพลงหวานๆ เศร้าๆ นักร้องเสียงดีมั่กๆ ลองไปฟังมี่บล็อกผมได้เสมอนะครับ


โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:13:53:25 น.  

 
อาหารกลางวันที่ที่ทำงาน ก็ผัดกะเพราะราดข้าวนี่แหละครับ
กินแทบจะทุกวันเลย บางวันก็ไก่ บางวันก็หมู
เมื่อกี้ ก็กระเพราหมู เป็นชิ้นๆ ไม่เอาหมูสับ ครับ


โดย: กุมภีน(ไม่ได้ ลอก อิน) IP: 58.9.76.83 วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:14:06:23 น.  

 
ไม่ชอบร้านที่เค้าผัดกระเพราใส่ซีอิ๊วดำเยอะๆหรือใส่น้ำตาลซะหวานน่ะคะ ทานแล้วเสียอารมณ์ แต่บางทีก็ชอบนะ จะเป็นข้าวคลุกกระเพราก็ไม่เลวคะแต่ก่อนร้านแถวมหาลัยทำอร่อยดีคะ ทำง่าย ทานง่าย เวลาทำรายงานเอาง่ายๆไว้ก่อนน่ะ


โดย: L (supremeking ) วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:14:32:55 น.  

 
ไม่ชอบร้านที่เค้าผัดกระเพราใส่ซีอิ๊วดำเยอะๆหรือใส่น้ำตาลซะหวานน่ะคะ ทานแล้วเสียอารมณ์ แต่บางทีก็ชอบนะ จะเป็นข้าวคลุกกระเพราก็ไม่เลวคะแต่ก่อนร้านแถวมหาลัยทำอร่อยดีคะ ทำง่าย ทานง่าย เวลาทำรายงานเอาง่ายๆไว้ก่อนน่ะ


โดย: Lilly (supremeking ) วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:14:33:31 น.  

 
อ๊ะ ลอก อิน แล้วกลับมาบอกว่า vote ให้คุณสิน 1 เสียงนะครับสำหรับ Bloggang Popular Award ครั้งนี้
สาขาอะไร ไว้ถ้าคุณสินได้ก็คงจะรู้เองล่ะครับ


โดย: กุมภีน วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:14:51:28 น.  

 


บล็อกวันนี้ อยากจะเขียนมอบให้เพื่อนอีกครั้งครับ…..ด๊อกตี้เซอร์

มะรู้ว่า เธอจะเบื่ออ่านแล้วหรือยัง?? หุหุ คือ เธอชอบกินผัดกะเพราครับ น่าจะเป็นประธาน “ผัดกะเพราแฟนคลับ” ซะเลย

ว่าไง….. ซี

เป็นเหอะ ผมยกมือให้


โดย: yyswim วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:14:52:12 น.  

 

อุ๊บ!!!!! มีเพื่อนเข้ามาเยี่ยมแบบไม่ทันรู้ตัว คือพอโพสต์เสร็จ ก็ไปตากผ้าที่ราว แล้วก็กินเที่ยง พอเสร็จก้อมาเปิดเน็ต…..อะจ๊ากกก เพื่อนๆเข้ามาเยี่ยม ขอบคุณมากๆครับ


มีเรื่องต้องขอโทษเพื่อนๆครับ(ก่อนจะตอบเมนต์)

ช่วงนี้ มะค่อยได้ไปเยี่ยมใครๆเลยครับ และตอบขอบคุณเมนต์ของเพื่อนๆ ก้อมะค่อยได้ทำ เพราะผมมีธุระเรื่องงานมากพอสมควรครับ ต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ



โดย: yyswim วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:15:00:03 น.  

 

กุมภีณ>>>>>> นาย กินง่าย อยู่ง่าย แบบนี้นี่แหละ สมเป็นนักท่องเที่ยวต่างแดนจอมทรหด

ยังไม่ว่างได้ไปอ่านเรื่องดีๆที่บล็อกนายเลย ขอโทษที

อ๊ะ…..เป็นปลื้ม ได้รับเสียงโหวตให้ด้วย อิอิ ต้องการกี่บาท


คุณลิลลี่>>>>>> ผมเริ่มกินข้าวกะเพราไข่ดาว ก็ในมหาลัยนี่แหละ กินบ่อย ในหอพักก็เหมือนกัน สมัยนั้นสั่งบ่อยเลย อาจจะเพราะเขาทำอย่างอื่นไม่อร่อย รึไงหว่า คริคริ

ใส่ซีอิ๊วดำ …ท่าจะเป็นคนจีนปรุงเนาะ เพราะตามสูตรจะไม่มีใส่ ปกติข้าวกะเพรา จะหนักเผ็ดกับเค็ม แล้วค่อยตามด้วยหวานนิดเดียว


โดย: yyswim วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:15:17:15 น.  

 

คุณรักดี>>>>>> ขอบคุณครับ ปกติชอบทานอะไรครับ หุ่นดีๆ คงจะทานผัก ทานปลานะครับ

เข็มขัดสั้น>>>>>> ทานกะเพราหมูกรอบ เหรอครับ ผมทานหมูกรอบน้อยครับ กลัวไขมัน พวกข้าวขาหมูก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่หุ่นของคุณ ผมว่าเป็นคนเข็มขัดยาวแล้วล่ะครับ



โดย: yyswim วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:15:21:56 น.  

 
ทานข้าวผัดกะเพราไข่ดาวร้านหน้ารพ.จนเบื่อแต่จำเป็นต้องทานให้อิ่มไว้ อีกอย่างเพราะมันทำง่ายและเร็วด้วยค่ะ วันก่อนเปลี่ยนเป็นข้าวน้ำพริกกะปิปลาทูทอด ~อีซี่โก 7-11หน้ารพ. พอนำออกจากไมโครเวฟกลิ่นตลบไปทั้ง 7-11 พนักงานบอกว่าข้าวอุ่นเสร็จแล้วค่า ของใครคะ

ง่า...เขินค่ะ ไม่อยากเดินไปบอกเลยค่ะ ว่า ของพี่เองค่ะ

อืม แต่รสชาติดีทีเดียวค่ะ


โดย: random-4 วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:15:58:42 น.  

 
หิวข้าววววววว


โดย: สวนลอยแห่งบาบิโลน วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:16:34:27 น.  

 
คนไทยคนไหนที่ไม่กินข้าวผัดกะเพราบ้าง รู้ว่าแสลงโรคกระเพาะนะ แต่อดไม่ได้สักที ที่จะสั่งกิน ถูก อร่อย ได้ประโยชน์หลายสถาน


โดย: rattana (rattana.uk ) วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:16:49:58 น.  

 
คนไทยคนไหนที่ไม่กินข้าวผัดกะเพราบ้าง รู้ว่าแสลงโรคกระเพาะนะ แต่อดไม่ได้สักที ที่จะสั่งกิน ถูก อร่อย ได้ประโยชน์หลายสถาน


โดย: rattana (rattana.uk ) วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:16:50:11 น.  

 
สิ้นคิดแต่อร่อย


โดย: เหวียนสีเทียนจุ้น วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:18:25:30 น.  

 
กินประจำ อาหารสิ้นคิด ก้อแหม กลางวันแล้วไม่รู้จะทานอะไรดีอ่า
ทานข้าวกระเพราไข่ดาวสักจานก้อโอเคนะคับ


โดย: mingky วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:18:41:35 น.  

 
อ่านบล็อกวันนี้แล้ว ผมนึกถึงรายการ "กบนอกกะลา" เลยครับ คิดสืบเสาะหาความรู้แตกแขนงออกไปจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ แค่ "ข้าวกระเพรา ไข่ดาว" แบบนี้แหละครับ ที่คนในบ้านเราควรจะคิดกันให้มากๆ ประเทศชาติจะได้เจริญสักที

ขืนรอซื้อความรู้หรือเทคโนโลยีจากต่างชาติอย่างเดียว ไม่รู้จักคิดเอาเองบ้าง แป๊บเดียวเดี๋ยวก็โดนเวียดนามแซงจนได้


เพิ่งรู้ว่าผักบ้านๆ อย่างพวกใบขี้เหล็ก ดอกแค ใบกระเพรา ฯลฯ มีเบต้าแคโรทีนเยอะ อาหารพื้นบ้านของไทยอย่างแกงขี้เหล็ก แกงส้มดอกแค หรือผัดกระเพราของเราก็มีประโยชน์ไม่แพ้อาหารฝรั่งเลย

น่าจะเผยแพร่ความรู้พวกนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ


โดย: คนทับแก้ว วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:18:52:52 น.  

 
กินมากี่ปีก็ไม่เบื่อเลยค่ะผัดกระเพรา ถึงจะเป็นอาหารสิ้นคิดแต่ก็สิ้นคิดแบบมีสาระในคุณค่านะค่ะ อ่านแบบนี้แล้วต้องยืนยันเลยว่าเบต้าแคโรทีนก็มีประโยชน์พอเพียงพอเราเลย


โดย: JewNid วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:22:38:56 น.  

 
blogนี้ยังคงคุณภาพ ความรู้แน่นปึกละเอียดละออทุกเม็ดจริงๆครับ ผมก็ชอบทาน ผัดกระเพราหมูสับไข่ดาวมากๆเช่นดียวกัน แล้วร้านหลังตึกที่ทำงานก็ปรุงได้อร่อยสุดยอดจริงๆ กินสัปดาห์ละ 1 ครั้งครับ กลัวเบื่อซะก่อน


โดย: ป้อจาย วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:4:01:14 น.  

 
ขอบคุณทีีี่ไปอวยพรให้ป้ามด
กะเพราจานนี้เป็นเมนูเด่นของร้านกาแฟของป้ามดเชียวนะคะ


โดย: ป้ามด วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:16:01:21 น.  

 
กระเพราไข่ดาว...อาหารสิ้นคิดของผมเสมอ เวลาไม่รุ้ว่าอยากกินอะไร...แต่รู้สึกหิววว

พี่สินสบายดีนะคร้าบบบ เดี๋ยวจะแวะเอารูปที่ไปเที่ยวมาฝากครับ (แม้จะไม่เยอะ เพราะเป็นตากล้องถ่ายรูปคู่ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวซะส่วนใหญ่)


โดย: Due_n วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:17:18:40 น.  

 
ชอบทานกระเพราหมูชิ้นหนะครับ ใส่ไข่ดาวสุกๆด้วยครับ


โดย: ตงเหลงฉ่า วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:21:47:19 น.  

 
เพิ่งรู่ว่ากะเพรามีคุณค่าทางสารอาหารมากขนาดนี้ครับ


ปกติผมเองก็ชอบมากๆ กะเพราไก่ไข่ดาวจะเป็นอาหารสิ้นคิดของผมเลยจริงๆครับ หรือถ้าคิดอะไรไม่ออกอีก ก็จะเป็นหมูบ้าง ปลาหมึกบ้าง แต่หลังๆผมไม่กินเนื้อแล้ว จึงต้องมาเป็นปลาหมึกกะเพราไข่ดาวแทนครับ

แต่ นะ ผมเองเวลากินผัดกะเพรา ผมจะเขี่ยใบกะเพราออกหมดเลย ก็จะมีแต่คนถามว่าถ้าอย่างน้นสั่งกะเพรามาทำไม ผมก็มักจะตอบว่า กินกลิ่น อะครับ


ช่วงหลังๆนี่ดีหน่อย ที่เริ่มหันมากินใบกะเพราด้วยแล้ว


ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เข้าบล็อกเลยครับคุณสิน ต้องปั่นงานเพื่อส่งลูกค้าทุกอาทิตย์เลย จะทันมิทันแหล่อยู่แล้ว


ว่าแล้วก็ขอตัวไปทำงานก่อนครับ ไว้ค่อยแวะมาเยี่ยมใหม่ หวังว่าคุณสินคงสบายดีนะครับ






โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:22:00:28 น.  

 
เป็นแฟนพันธ์แท้ข้าวผัดกระเพราเลยนะครับ อย่ามาดูถูกกันนะครับ น่ากินจังเลยอ่ะในรูป


โดย: นักต้มตุ๋น (นักต้มตุ๋น ) วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:23:08:07 น.  

 
แวะมาโหวตให้สาระเยี่ยมนะครับ


โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:6:10:41 น.  

 

คุณrandom……อ่านที่คุณเมนต์ ผมอมยิ้มเลย แบบนี้ก็คงมะกล้าสั่งข้าวน้ำพริกปลาทู จากเซเว่นเป็นแน่ อิอิ

ผมไปโรงพยาบาล ไปเยี่ยมคนป่วย แถวร้านอาหารทุกโรงพยาบาลเลย มักมีรอคิวสั่งข้าวกะเพราไข่ดาว เออใช่ เห็นบางทีสั่งหลายกล่องคงจะนำไปให้พวกคุณหมอก็ได้

ถามนิด …คุณหมอ คุณพยาบาล เขากินข้าวฟรีจาก ฝ่ายโภชนาการโรงพยาบาล ได้ปล่าว???

คุณสวนลอย……อิอิ ผมก็หิวตาลายแล้วววเหมือนกานน กินอะไรกันดีครับ



โดย: yyswim วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:12:48:11 น.  

 

คุณรัตนาuk…….ผมได้อ่านข้อมูลของการปลูกและจัดส่งใบกะเพราไปขายที่ประเทศญี่ปุ่น โห เขาทำเป็นระบบที่มีมาตรฐานมาก ทั้งสะอาด ทั้งรอบคอบครับ

แต่ที่ผม ไม่ได้นำมาเขียนลงไว้ เพราะกลัวเพื่อนๆจะเห็นว่าบล็อกของผมยาวไปอีกละ โฮะโฮะ กัว กัวจะคนจะขยาดไม่กล้าเข้า ว่าเขียนยาวทีกกกที ก็เลยตัดออกไป

เพื่อนผม เป็นผู้หญิงเธอมาทำธุรกิจขายอาหารไทยที่อังกฤษครับ แต่เพราะขาดการติดต่อกัน ก็เลยไม่ทราบชื่อร้านชื่อเมือง จากข่าวๆหนึ่งบอกว่า ร้านอาหารไทยในอังกฤษมีเป็นร้อยร้านแล้วนะครับ


คุณเหวิ้นสีเทียนจุ้น……อ่านเมนต์ ว่า สิ้นคิด ผมกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ โฮะโฮะ


โดย: yyswim วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:12:57:48 น.  

 

ข้างบนพิมพ์ผิดครับ คุณเหวียนสีเทียนจุ้น


คุณมิ๊งค์……สไตล์เดียวกันเลย ไม่เรื่องมาก แต่ก็ซี๊ดปาก พอมองเห็น

ผมอ่ะนะ ไปราชการที่ต่างจังหวัดกะเพื่อนๆ รถคันหนึ่งก็นั่งสบายๆราว4-5คน เป็นรถตู้ แล้วแต่ว่าใครชอบนั่งคันไหน ตอนกินก็มักจะรวมเงินเอาไว้ที่ใครสักคน อิอิ ไม่ใช่ผมแน่ เพราะขี้เกียจจด ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นผู้หญิง ไป 5 คนก็มักจะสั่งกับข้าว 5 อย่าง โดยแต่ละคน สั่งกันคนละอย่าง จะสั่ง 6, 7, 8 อย่างก็ได้ เพราะเงินกองกลาง แต่มักทานไม่หมด

ทีนี้ พอถึงรอบที่ผมสั่ง ผมก็สั่ง ไข่เจียว ทุกคนก็แซวกันทุกคน สิ้นคิดอีกแล้ว หัดมีสมองมั่ง

หุหุ ไข่เจียวเกลี้ยงจานก่อน ทู๊กกกที


คนทับแก้ว…..ชมเหรอ โฮะโฮะ ปลื้ม แต่มะค่อยกล้ารับ เพราะเพิ่งจะหัดเขียน

ผมเขียนยาวไปหน่อยนะครับ เพื่อนๆหลายคนคงจะไม่ชอบ เพราะแต่ละคนจะไม่มีเวลาให้กับแต่ละบล็อกนานนัก แต่อาจจะเป็นนิสัยของผม ซะแล้ว ที่ทำอะไรแบบลวกๆ ผมทำมะค่อยเป็น อาจจะเพราะอายุด้วยครับ อายุมากขึ้น จะทำอะไรแบบน้องๆ รู้สึกอายตนเอง ยิ่งมีบางคนรู้ว่าเป็นอาจารย์ด้วย ยิ่งต้องเขียนแบบนี้ นะครับ


โดย: yyswim วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:13:14:55 น.  

 

คุณนิด……ชอบสำนวนของคุณนิดครับ….”ถึงจะเป็นอาหารสิ้นคิดแต่ก็สิ้นคิดแบบมีสาระในคุณค่านะค่ะ” ผมชอบครับ

ของบางอย่างที่มีคุณค่าใกล้ตัว ใกล้ปาก แต่คนไทยบางคน ชอบไปกินจั๊งก์ฟูดที่มีราคาหลักร้อย มากกว่า

คุณนิด พอจะทานเผ็ดได้เหรอครับ …อ่ะอ่ะ แล้วคนใกล้ตัวล่ะ?? ….. แต่คิดว่าคงจะทานผักและผลไม้นะครับ


ป้อจาย…….ช่ายครับ บางร้านปรุงได้รสชาติอร่อยมาก อยากกินบ่อยๆ

เสียดายนะครับบางร้านอ่อนฝีมือ เติมซีอิ๊ว เติมผงชูรส ที่สำคัญใส่ใบโหระพา รวมกับใบกะเพรา หุหุ ที่จริงใส่ใบโหระพา เขาใส่ตอนผัดขี้เมา ตะหาก


โดย: yyswim วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:13:26:47 น.  

 

ป้ามดครับ……ผมยังไม่มีวาสนาไปอุดหนุนที่ร้านของป้ามดเลยครับ ใจน่ะไปแล้ว แต่ตัวยังไม่ได้ไป อยากไปสวัสดีป้ามด คนใจดี และเก่งครับ


ดิว……ทานกะเพราไข่ดาว เป็นอาหารที่ดีนะครับ ดิว เพราะมีคุณค่าทางอาหารแบบที่หลายคนไม่ค่อยรู้

สักเดี๋ยว พี่จะเหาะไปดูบล็อกของดิวครับ อยากเห็นภาพถ่าย รอแป๊บนะ


โดย: yyswim วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:13:33:32 น.  

 

ตง……หมูชิ้น อร่อยครับ บางวันผมก็สั่งครับ และยังบอกแม่ค้าว่า ช่วยเลือกแบบที่ไม่ค่อยมัน แม่ค้าใจดีครับ เลือกให้


พ่อน้องโจ…..กะเพรา มีคุณค่าของสารอาหารมาก ช่ายครับ สมุนไพรไทยชนิดอื่น ก็มีดีครับ หากมีคนชอบอ่านแนวนี้ เดี๋ยวผมจะค้นคว้ามาเขียนให้ พวกมะเขือพวงน่ะ มีคุณค่าของสารอาหารที่บางคนกิน แต่มะค่อยรู้

ขอให้สนุกกับงานนะครับ และขอให้เงินเข้าแบ๊งค์ทุกอาทิตย์


โดย: yyswim วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:13:41:39 น.  

 

คุณนักต้มตุ๋น……ขอบคุณคร้าบ ที่แวะมาเยี่ยม ทานของดี จะมีสุขภาพดีครับ ข้าวราดกะพราเป็นของดีของไทยอย่างหนึ่งครับ ชาวต่างชาติก็ชอบ เจ้าชายจิ๊กมี ก็ทรงโปรด


ดำฮา…….ขอบคุณคร้าบ ที่โหวตให้ บล็อกของนายน่ะน่าโหวตเป็นที่สุด

เพื่อนๆคร้าบ ใครยังไม่เคยอ่านบล็อกของนายดำรงเฮฮา อย่าพลาดไปอ่านนะครับ ดำฮา เขาเขียนดี ผมขอรับประกัน เข้าไปอ่านจะไม่เสียเวลาเลยครับ


โดย: yyswim วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:13:48:29 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมจุ นะคะ ช่วงนี้เบื่อๆ เหนื่อยๆ และบางทีอยากอยู่คนเดียว


พออยู่คนเดียว นึกอะไรไม่ออก ไม่มีเมนูอาหาร ก็

...


อาหารสิ้นคิด นี่ละคะ ที่ โทร.บอกให้เพื่อนซื้อมาให้


โดย: ju IP: 125.24.136.207 วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:18:27:23 น.  

 
ว้า เข้ามาช้าไปนะครับ...
พอดีแม่ซื้อกับข้าวมาแล้ว ไม่งั้นคงจะออกไปหาข้าวกะเพราไข่ดาวมากินบ้าง
เห็นรูปแล้วหิวมากๆ ;)



โดย: BAYROCKU วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:18:42:47 น.  

 
ช่างบังเอิญจริงๆ
จะบอกว่าเพิ่งกินข้าวกระเพราเสร็จก็มาเปิดบล๊อกดู
แหม ช่างเหมาะเจาะจริงๆ
แต่พอเห็นรูปแล้วก็รู้สึกหิวอีกรอบ
สงสัยคราวนี้ห่วงยางผมมาเร็วกว่าปกติแน่นอนครับ
ฮิฮิ


โดย: Dr.Manta IP: 124.157.165.49 วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:19:05:11 น.  

 
สวัสดีค่ะ สาระเพียบเลย แต่อ่านหมดนะคะ ไม่ได้โม้ ผัดกะเพราหม่ำแล้วรู้สึกว่าเลือดลมดี พุงชอบทำเองมากกว่าสั่งทานค่ะ เพราะชอบใส่กระเทียมเย๊อะ ๆ กะเพราเย๊อะๆ พริกเย๊อะ ๆ แล้วก็ ปลาหมึกเย๊อะ ๆ ฮี่ ๆ

เพิ่งรู้นะคะว่า กะเพราบำรุงสายตาด้วย กะเพราปลูกง่าย ราคาถูก มีคุณค่าสูง เมนูที่ว่าสิ้นคิดนี้ มากด้วยคุณค่า
พุงทานข้าวผัดกะเพราจะทานข้าวได้เย๊อะ เพราะความเผ็ด
ไม่ได้ทำผัดกะเพรามาหลายอาทิตย์แล้ว เพราะช่วงนี้กำลังไม่อยากอ้วน อิอิ

เมื่อก่อนน๊า แม่ให้ไปซือกะเพราที่ตลาด พุงจะสับสนมาก ระหว่างใบกะเพรา กับใบหัวระพา ไม่ถามแม่ค้าด้วย ลองเสี่ยงซื้อดู พอกลับถึงบ้านแม่บอก เอ้า เอาใบหัวระพามาทำไม หือ...ออ

ป.ล ขอบคุณนะคะ สำหรับคำชมที่บล๊อกค่ะ มีความสุขกับการทำบล๊อก นั่งฟังเพลงที่บล๊อกตัวเอง แล้วก็ได้มาทักทาย แลกเปลียน คคห. กันค่ะ



บ้านพลอยสีรุ้ง เปิดทำการไม่มีกำหนดปิดแล้วค่ะ อิอิ


โดย: พลอยสีรุ้ง วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:19:16:33 น.  

 
หิว

ปล.ใบเบซิลที่เมืองไทย หอมและอร่อยที่สุดแล้วคะ ตอนแรดอยู่ที่เมกาหาทานสักมื้อก็ช่างลำบากยากเย็น มีแต่สวีทเบซิล(น่าจะเป็นสาระแหน่) ที่หาง่ายหน่อย เอามาใส่สลัดพวกบัลซามิคกะแซนวิชแก้เลี่ยนได้ดีเลยหละ

ตระกูลเบซิลนิน่าสนใจนะ เท่าที่เคยเอามาทดลองทำครัวก็มีห้าหกประเภทแล้ว กลิ่นหอมดี(แต่ทานแล้วก็ต้องบ้วนปาก กลิ่นแร๊งแรง) แต่ฝรั่งบางคนก็ไม่ชอบ(คนไทยก็เหมือนกันแระ) ก็คงเพราะว่าฉุนจมูก แต่คิสชอบหมดเลย มิ้นท์ก็ด้วย หอมๆๆๆ นิก็เพิ่งรู้ว่ามีประโยชน์คับต้นขนาดนี้ ดีจัง ขอบคุณทื่เอามาฝากนะคะ


โดย: หนูคิสเซอร์วิส IP: 58.8.183.207 วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:19:17:27 น.  

 
เรื่องทานเผ็ด ตอนนี้ความสามารถเฉพาะตัวลดลงค่ะ แบบลดลงอย่างเห็นได้ชัดเลยนะค่ะ เมื่อก่อนนี้บ่ยั่นเลยอะไรก็ทานได้ เผ็ดมาแค่ไหนไม่บ่น (ตอนกิน แต่จะไปบ่นตอนอื่นๆ น่ะค่ะ) แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ อาจจะเพราะว่าเปลี่ยนเมนูไป ทำเผ็ดระดับสูงก็ลดมาระดับปานกลาง แต่จะว่าไปพอมีคนข้างๆ ด้วยมันเลยทำให้เราลดอะไรมาอยู่ในดีกรีปานกลางนะค่ะ อย่างเรื่องอาหารเผ็ดๆ นี่ เผ็ดมากก้ไม่ดีต่อสุขภาพ พอได้คนไม่ได้กินเผ็ดมากมาอยู่ด้วย เราก็เลยต้องลดลงให้พอดีกัน ... เรียกว่าช่วยเหลือซึ่งกันและกันค่ะ

แล้วขำว่า เดี๋ยวนี้พอเราทำกับข้าวแล้ว เค้าจะติดรสชาดเราไปซะ ถ้าทำแบบไม่เผ็ดก็บอกว่าไม่อร่อยต้องเติมพริกเอง อย่างหนก่อนกลับไปบ้านเรา ไปสั่งผัดไท อาหารเค้าออกอร่อยแต่คนข้างๆ ดันบอกว่าไม่อร่อยเพราะว่าไม่เผ็ดเลย ฮ่า ฮ่า ... อยู่ด้วยกันเลยติดนิสัยไปซะแล้วต้องมีเติมนั่นปรุงนี่กลายเป็นเรื่องขำไปค่ะ

สำหรับเรื่อง 24 ถามเพื่อนบล็อกที่ไทย เค้าบอกว่ามีฉายทาง UBC น่ะค่ะ แต่ว่าก็ไม่ค่อยปะติดปะต่อ ... เรื่องนี้แอบมาการันตีอีกรอบค่ะว่าสนุกจริงๆ นิดก็ชอบเรื่อง CSI เหมือนกันค่ะ เรียกว่าเป็นสาวกเลยด้วย อยู่ทางนี้หนังแนวสืบสวนแบบมีระบบมีเยอะค่ะ เป็นซีรีย์เยอะมาก เลยดูได้ไม่เบื่อเลย แต่ก็ต้องเลือกเวลาเพราะดูเยอะๆ ก็อดทำงานบ้านไปเหมือนกัน


โดย: JewNid วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:20:03:49 น.  

 
ไม่มีในบล็อกครับพี่สิน แต่ผมเอามาให้พี่แล้ววววววว แบบว่า...ผมเป็นตากล้องถ่ายรูปให้คู่ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวครับ อีกอย่างกล้องตัวเองพังด้วย เลยไม่ได้ถ่ายมากมายอะไรครับ




โดย: Due_n วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:22:08:25 น.  

 
มาขอบคุณที่ไปอวยพรวันเกิดให้ค่ะ

โห...สาระเพียบ แถมรูปทำให้เราน้ำลายสอได้ตอน 5 ทุ่มครึ่ง แต่ขืนกินเข้าไปตอนนี้ นอนไม่หลับแน่เลย



โดย: Jookjik วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:23:28:16 น.  

 
ท่านสินเชื่อไหมครับ ว่าผมอยู่พัทยามาเกือบเดือนแล้ว ผมกินข้าวผัดกระเพราได้ 50 จานแล้วมั้ง?... อ่าน blog ท่านสินแล้วใจชื่นขึ้นมาหน่อย

วันละ 3 มื้อ ... ก็ไม่รู้จะกินอะไร แถวนั้นหาของกินลำบาก ตอนเช้าก็โอเคอยู่ หมูย่าง 4 ไม้ กะกาแฟ 1 แก้ว

มื้อเที่ยงนี่ซิ กระเพราหมูสับ + ไข่ดาว

มื้อเย็น ปั่นจักรยานกลับมาก็ กระเพราหมูกรอบ (งดไข่)

วันไหนเบื่อหมูสับ หมูกรอบ ก็เปลี่ยนเป็นกระเพรากุนเชียง + ไข่เจียว ...

อยู่โน่น(ไซด์งาน)ไม่ค่อยได้กินของอร่อยๆ กลับมา กทม.ที่ก็ซัดซ่ะเพียบครับ กาแฟสดเอ๋ย ขนมเค้กเอ๋ย ...


โดย: merf1970 วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:4:20:57 น.  

 
ชอบกินรสจัดค้าบบ เมนูกะเพราที่สั่งแล้วไม่ค่อยเหมือนใครได้แก่ กะเพราเห็ด(เห็ดฟาง หรือเห็ดหอมสด) กะเพราเต้าหูหมูสับ กะเพราผักรวม(ไม่ใส่เนื้อสัตว์) วาแล้วก้อน้ำลายสอได้เหมือนกันนะเนี่ย


โดย: err_or วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:8:17:33 น.  

 
โห.. เข้ามาแล้วหิวอีกรอบนึงเลยอ่ะ
อยากให้ถึงเวลาข้าวเที่ยงเร็วๆ จัง
จะได้ทานผัดกระเพรา ... อิอิ

ใบกระเพรามีรส และกลิ่นพิเศษนะเราว่า
ไม่มีใบอื่นจะแทนได้
เคยคิดว่าโหระพาน่าจะแทนได้
แต่เอาเข้าจริงๆ คนละรส ละกลิ่นกันเลย



ตอนไปเรียนต่อ แถบที่อยู่ (ฝั่ง east) ไม่มีกะเพราให้กิน
อดอยากอยู่เป็นปี
จนวันหนึ่ง มาเที่ยวแคลิฟอร์เนีย (ฝั่ง west)
เจอใบกะเพราขายเป็นมัดๆ มัดละ 3 เหรียญ
ซื้อยัดใส่กระเป๋ากลับไปสิบกว่ามัด
ไปถึง.. แจกตามบ้านคนไทยที่อยู่มหาลัยเดียวกัน บ้านละมัด
พวกนั้นดีใจยิ่งกว่าได้ทองซะอีกมั๊ง เหอะ-เหอะ


เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้รู้จักถนอมใบกะเพราะไว้ให้กินนานๆ
คือ ถ้าซื้อมามาก กินไม่ทัน
ก็ลวกน้ำร้อน บีบน้ำออก แล้วใส่ช่องแข็งเอาไว้
หรือไม่ ก็ผัดกับน้ำมันนิดหน่อย แล้วก็เก็บใส่ช่องแข็งไว้ก็ได้

สองวิธีนี้ ทำให้เก็บใบกระเพราไว้กินได้นานเป็นปี
(จนกว่าจะได้ไปฝั่ง west อีก อิอิ)
โดยที่รสชาติยังเหมือนเดิม


ขอบคุณสำหรับเรื่องถูกใจ(อีกแล้ว) มากๆ เลยจ้า สิน


โดย: ซีบวก วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:9:00:13 น.  

 



โดย: erol วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:11:01:00 น.  

 
ปกติเวลานึกเมนูอะไรไม่ออก ก็ผัดกะเพรานี่แหละค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่บล็อกนะคะ


โดย: กระจิบหญ้าสีเรียบ วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:13:46:51 น.  

 
เมนูจานนี้ มีทุกร้านค่ะ
ถ้าไม่แน่ใจว่า ร้านที่เราไปทาน ทำอาหารได้อร่อยหรือไม่ ก็จะสั่งเมนูนี้ก่อนเลยค่ะ

ถ้าเมนูนี้ไม่อร่อย เมนูอื่นก็ไม่ต้องคิดทานเลยค่ะ

ส่วนไข่ดาว ไม่ค่อยทานค่ะ ชอบไข่เจียวมากกว่า


โดย: MDA วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:14:26:27 น.  

 

คุณจุ......มีเพื่อนเยอะ น่าจะไม่เบื่ออะไรง่ายๆ เออ โทร.คุยกะคุณพ่อคุณแม่ ท่านก็คงจะดีใจนะครับ

ผมเองยังไม่รู้สึกเบื่อเลย แม้เพื่อนจะน้อย บางครั้งก็นั่งค้นข้อมูล บางครั้งก็นั่งดูทีวี หรือไม่ก็ออกไปสนามกีฬา เห็นคนออกกำลังกาย เห็นแดด เห็นท้องฟ้า รู้สึกสนุกครับ

อยากจะเชียร์ให้ ไปสนามกีฬาตั้งแต่ตอนนี้ละครับ ก่อนที่จะเสียดาย หากเกิดอะไรที่ไม่คาดฝัน จริงใจครับ


คุณbayrocku….ข้าวราดกะเพรา ใหม่ๆร้อนๆรสจัดจ้าน ยังมีให้ซื้อทานครับ ไปจังหวัดไหนๆก็มีขาย เดี๋ยวนี้ในต่างประเทศ ก็เป็นอาหารนิยมมากขึ้นแล้วครับ


โดย: yyswim วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:14:38:47 น.  

 
ขอบคุณที่ตามไปอ่านนะคะ และขอบคุณที่เป็นห่วงด้วยคะ ที่บ้านไม่ว่าคะ เพราะไปค้างบ้านเพื่อนบ่อยอยู่ แต่ผู้หญิงนะคะ เราก็ไม่ทำอะไรไม่ดีอ่ะคะ ดูแลตัวเองเหมือนกันคะกลัว


โดย: Lilly (supremeking ) วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:14:43:09 น.  

 

หมอแมนต้า......เอ่อ ชาวลาว มีผัดกะเพราอร่อยๆขายหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่น่าจะมีใบกะเพรานะครับ เพราะภูมิอากาศคล้ายกับบ้านเรา

เรื่องห่วงยาง น่าจะอีกนานละครับ เพราะหมอขยันออกกำลังกาย แถมเลือกกินผักกินผลไม้บ่อยๆ


คุณพุง.....กะเพรา มีสารที่ช่วยร่างกายทั้งเรื่องระบบเลือดระบบหายใจครับ กินบ่อยๆจะไม่ค่อยเป็นหวัด จะไม่ท้องผูก ที่จริงทั้งพริกขี้หนูและพริกเหลือง ในผัดกะเพรา ก็มีประโยชน์ด้วยแหละ เดาว่าคุณพุงคงจะอ่านข้อมูลเรื่องพริกแล้วมังครับ ลงไปเมื่อไวๆนี้ละครับ

ใบโหระพา เป็นอีกสมุนไพรหนึ่งที่มีประโยชน์ไม่แพ้กะเพรา และใบอื่นๆ ถ้าคุณพุงชอบกินลาบน้ำตก คงจะมีโอกาสกินบ่อยๆ ผมเองกินตลอดครับ ของชอบกว่ากินถั่วฝักยาว


โดย: yyswim วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:15:02:54 น.  

 

คุณคิสเซอร์วิส......ใบเบซิลเมืองไทยหอมเหรอครับ งั้นคนไทยโชคดีนะครับที่ได้กินของดีมีคุณภาพ ไม่อยากให้เด็กวัยรุ่นชอบสั่งอาหารจั๊งก์ฟู้ดเลยครับ เป็นหลักร้อยสองร้อย ผัดกะเพรายังจะถูกกว่า และได้คุณค่ามากกว่าอีก แล้วหากทานกะข้าวหอมมะลิร้อนๆ ฮูว์ว์ว์ อร่อยล้ำ

จากตำราหนังสือประกอบอาหารของฝรั่งเล่มหนึ่ง บอกว่า ใบกะเพราใช้อย่างกว้างขวางในอาหารเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหารไทย และแนะนำว่าหากไม่สามารถหาใบกะเพรามาประกอบอาหารได้ ก็ให้ลองใช้ ใบโหระพาผสมกับใบสะระแหน่ อีกเล็กน้อย จะได้รสชาติและกลิ่นใกล้เคียงกับ กะเพรา ครับ


คุณนิด......มัชฌิมปฏิปทา ยึดทางสายกลาง ไม่ทานเผ็ดมากเกินพอดี ดีอย่างน่าเอาอย่างครับ ผมเองทานเผ็ด ทานรสจัดมานานแล้วครับ มีคนบอกว่าก็เป็นคนใต้ ก็อาจจะใช่ เพราะอาหารแผงลอยในตลาดทางใต้ จะสีสดรสเผ็ด ทั้งนั้น แต่ที่จริงก็มีคนจีนทางใต้บางคนที่เขาอยู่โดยไม่ทานรสจัด ก็ยังมี ....สงสัยจะตามใจปากอ่ะ คุณนิด

ผมกินอาหาร ถ้าน้ำตาน้ำจมูกไม่ไหล จะไม่อร่อย แต่หุหุ น่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง.... ห้ามลอกเลียนแบบ

วันนี้ ตอนกลางคืน มีถ่ายทอดเอเชี่ยนเกมส์ ผมจะเสาะหาหนังที่คุณนิดเขียนแนะนำ จากใน UBC ในวันหน้าครับ อยากดูนะครับ อ๊ะ แต่ยังไม่เคยวิจารณ์หนังเลยนะครับ โฮะโฮะ ยังไม่เก่งกล้าครับ


โดย: yyswim วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:15:21:10 น.  

 

ดิว.....รูปภาพสวยครับ เสียดายให้ดูรูปเดียว รูปนี้ราวกับถ่ายจากญี่ปุ่นเลยครับ ดิว


คุณจุ๊กจิ๊ก.....อ่านแบบนี้ ได้ปล่าววว ตอนดึกๆ ทานแล้วอาจอ้วน ช่ายครับ ถึงอร่อยก็ทานเพียงนมร้อน หรือผลไม้พวกกล้วยก็พอ เพราะย่อยง่ายดี

วันหน้า ขอไปอ่านที่บล๊อกอีก จะได้มั๊ย


โดย: yyswim วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:15:41:32 น.  

 

Merf…..จะว่าไป ผมก็ครือๆกัน อาหารเช้าก็พวก ข้าวเหนียวหมูปิ้ง กะ กาแฟ หรือไม่ก็สาคูไส้หมู กะ กาแฟ .... เป็นคนไม่ค่อยรักดี ไม่ค่อยคิดถึงนม น้ำเต้าหู้ หรือโจ๊ก สงสัยจะติดกาแฟ เป็นกาแฟดำด้วย ขมดี

เย็นนี้เล่นกีฬาเสร็จ อาจสั่งผัดขี้เมากินดีกว่า บอกแม่ค้าว่า ขอเส้นมาม่าครับแม่ค้า กินด้วยกันมั๊ย รสงี้ ฮูย เผ็ดกะลังดี ผักเยอะด้วย


ม๋าเอ๋อ.......ก่อนอย่างอื่นเลย คว้าเหรียญทองกลับบ้านมั๊ย อยู่สำนักไหนอ่ะ จะหาข้อมูล ข้าก็เลยหาข้อมูลไม่เจอ จะถามเพื่อน ก็ถามไม่ถูก มะรู้ว่าแก สังกัดสำนักไหน ...คิดดีๆนาเฟร้ย ม่ายช่ายอย่างที่แกคิดนา

เอ่อ แกมาบอกสูตรของชอบ ดีว่ะ ผัดกะเพราไม่เอาผัก อ๊ะ ม่ายช่าย ไม่เอาหมู วันหน้าข้าสั่งมั่ง แล้วใส่เต้าหู้น่ะ สุดยอดเหอ ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเอ็ง มันออกจะเป็นไต้หวัน ไงๆก็ไม่รู้


โดย: yyswim วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:15:46:07 น.  

 

ซี......ผมตอบเมนต์คุณคิสข้างบน ไปตะกี้ว่า

จากตำราหนังสือประกอบอาหารของฝรั่งเล่มหนึ่ง บอกว่า ใบกะเพราใช้อย่างกว้างขวางในอาหารเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหารไทย และแนะนำว่าหากไม่สามารถหาใบกะเพรามาประกอบอาหารได้ ก็ให้ลองใช้ ใบโหระพาผสมกับใบสะระแหน่ อีกเล็กน้อย จะได้รสชาติและกลิ่นใกล้เคียงกับ กะเพรา ครับ

อันนี้ ยังไม่รู้ว่าจริงระดับไหนนะ เพราะอ่านเจอ

อ๊ะ ซี บอกข้อมูลการเก็บรักษา กะเพรา ไว้ให้ได้นาน สุดยอดเลย ขอบคุณครับ คราวก่อนก็ช่วยมอบภาพ พริกที่เผ็ดที่สุดในโลก ให้ทีหนึ่งc]h;

บอกว่า ถูกใจเรื่องนี้ ....อิอิ ขอบอกว่า ที่ซี เมนต์ให้ตะละครั้ง ก้อถูกใจคร้าบบ(โห ซีเมนต์ มันหนักไปมั๊ยเนี่ย)


คุณerol…..ขอบคุณคร้าบ รูปหายไปไหนแล้วคร้าบ


โดย: yyswim วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:16:03:14 น.  

 

คุณกระจิบหญ้า......ทานอาหารเหมือนกันเลยครับ คุณกระจิบหญ้าสีเรียบ


คุณmda……ผมก็ชอบไข่เจียวครับคุณmda ใส่หอมแดงซอย หอมดี ใส่พริกไทยชนิดเม็ด ก้ออร่อย แต่ควรจะทอดกระทะแบน เม็ดพริกไทยจะได้กระจาย

ร้านในต่างจังหวัดที่อร่อยๆ ผมมักจะมองรถราชการหน้าร้านว่าจอดเยอะ รึปล่าวววว แล้วเขามีถ้วยชาม วัตถุดิบที่พร้อมจะขายเยอะปล่าววว .....ถ้าเยอะ หุหุ จอดหน้าร้านเลย


โดย: yyswim วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:16:14:09 น.  

 
พวกผมยอมสิ้นคิดกันทุกคนครับ เพราะเราชอบผัดกะเพรากับไข่ดาว ไข่เจียว บางทีก็ใส่ไข่เค็มแทน
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่ดีมากๆ

แหะ...แหะ...ช่วงนี้ผมยุ่งเรื่องเรียนครับ เลยมาช้ามาก พี่สินจะเขียนเรื่องใหม่แล้วซิครับ


โดย: basbas วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:3:49:57 น.  

 
ที่บ้านก็มีต้นกระเพรา ไม่ยักรู้ว่ามีประโยชน์ขนาดนี้
แต่ก้อยังไม่ค่อยชอบกินผักอะคับ


โดย: 90210 วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:6:44:21 น.  

 

คุณลิลลี่......ประโยคที่คุณเขียนตอบไปว่า ..”ดูแลตัวเองเหมือนกันคะกลัว” ทำให้รู้สึกโล่งใจ

ที่จริง ผมมีความคิดเห็นเสรีนะครับ อยู่ก่อนแต่ง ผมว่าไม่เป็นไร แต่จะต้องระมัดระวังตัวให้มาก และไม่ทำบ่อย เพราะเดี๋ยวอีกฝ่ายเขาเบื่อ เขามองว่าหมดสนุกหมดความตื่นเต้นแล้ว สำหรับบางคนก็อาจจะอกหักได้


น้องบาส.....บล๊อกเรื่องใหม่ของพี่ งวดนี้คงอาจจะช้าหน่อย กำลังมีงานอยู่ครับ

กะเพรากะไข่ดาว หรือไข่ต้ม หรือไข่เจียว(ไม่เค็ม) จะเข้ากันกว่ากินกะไข่เค็มนะครับ เพราะผัดกะเพรา จะนำด้วยเผ็ดกับเค็มไปแล้ว กินเค็มอีกมันจะไม่อร่อย คล้ายๆกับคนที่กินกาแฟ ไม่น่าจะทานกะหม้อแกง เม็ดขนุน หรือทองหยอด เพราะกาแฟน่ะ หวานอยู่แล้ว ถ้าจะทานหม้อแกง เม็ดขนุน ควรจะทานกะ ชาหอมๆร้อนๆแบบไม่ต้องเติมน้ำตาล


90210.......เรื่องไม่ทานผัก ผมเข้าใจ บางคนจะไม่ชอบทานผัก (ทั้งที่รู้ว่าไม่ดี)

หากไม่ทานควรจะทานผลไม้(ประเภทไม่หวานมาก) และทานข้าวกล้อง ชดเชยบ้างนะครับ เพราะจะมีคุณประโยชน์และมีเส้นใย


โดย: yyswim วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:9:42:16 น.  

 

เพิ่มเติมข้อมูล


ในเมืองไทยนั้น กะเพรา อาจจะเป็นแค่ผักริมรั้ว เด็ดมากินสดๆหรือนำมาปรุงเป็นอาหารในทุกๆภาคของเมืองไทย แต่สำหรับชาวฮินดูในประเทศอินเดียแล้ว เขาจะไม่ถือว่าเป็นผักริมรั้ว เขานับถือกะเพราว่า เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เสมือนเทพเจ้าองค์หนึ่ง เขาจะปลูกเอาไว้ในศาสนสถานรวมทั้งในบริเวณบ้าน เพื่อเอาไว้บูชาและเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งใครๆจะไปเด็ดขยี้ใบกะเพรา หรือถอนต้นกะเพราต่อหน้าเขาไม่ได้ เขาจะถือว่าเป็นการลบหลู่ดูถูก


เหตุที่ชาวฮินดู เขานับถือต้นกะเพราว่าศักดิ์สิทธิ์นั้น ในหนังสือ “พฤกษนิยาย” ของ ส. พลายน้อย กล่าวถึงตำนานเกี่ยวกับความเชื่อและศรัทธาเกี่ยวกับต้นกะเพราเอาไว้มากมาย ตอนหนึ่งบอกว่า ...


กาลครั้งหนึ่ง...มีหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า ตุลสิ เป็นผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระนารายณ์เป็นอันมาก ถึงขั้นทำพิธีบูชาและวิงวอนว่า ขอให้นางได้เป็นมเหสีของพระนารายณ์ บังเอิญคำวิงวอนของนางเข้าไปถึงหูพระลักษมีพระมเหสีของพระนารายณ์เข้า ซึ่งทำให้พระลักษมีเกิดความหึงหวง จึงสาปให้นางตุลสิ กลายเป็นต้นไม้ ซึ่งต่อมามีชื่อเรียกว่า “ตุลสิ” ตามชื่อของนาง ซึ่งก็คือต้นกะเพรา นั่นเอง


และที่ชาวฮินดูนับถือต้นกะเพรา เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ก็เพราะเขาถือว่าต้นตุลสิ เป็นมเหสีของพระนารายณ์พระองค์หนึ่ง ตามคำวิงวอนของนางแล้วนั่นเอง


ชาวฮินดูจึงดูแลรักษาต้นกะเพราของพวกเขาไว้เป็นอย่างดีที่สุด เช้าขึ้นก็จะรดด้วยน้ำมูลโค ไม่ใช่เพราะคิดว่าเป็นปุ๋ย แต่เพราะเขานับถือว่าโคเป็นสัตว์ประเสริฐของเทพเจ้า การนำน้ำมูลโคไป รดต้นกะเพรา ก็เท่ากับว่านำน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปรดนั่นเอง เท่านั้นยังไม่พอ ในช่วงฤดูร้อนมาถึง พวกเขายังนำภาชนะใส่น้ำไปแขวนไว้ที่ต้นกะเพรา เพื่อให้ต้นกะเพราเย็นชุ่มชื่นอยู่เสมอไม่เหี่ยวแห้งเฉาตายเช่นต้นไม้อื่นๆ...



โดย: yyswim วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:10:06:09 น.  

 
สาระประโยชน์เพียบเลย เข้ามาเห็นจานแรกก็หิวซะแล้ว


โดย: ต่อตระกูล วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:10:50:17 น.  

 

ต่อตระกูล……ผมเขียนบล็อกแนวเดียวกับที่นายเขียนนิ วันนี้ เป็นวันเปลี่ยนเรื่องใหม่พอดี

เรื่องใหม่ สอดคล้องกับพันทิปครบรอบ 10 ปีอ่ะครับ ตามไปอ่านเล่นๆได้ ถ้าชอบ


โดย: yyswim วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:21:07:26 น.  

 
ดีจังค่ะ ชอบอ่าน ว่าแต่ว่า โหระพา กับ กะเพราะหน้าตาต่างกันตรงไหน พอทราบไหมค่ะ พอดี อยู่ญี่ปุ่น ซื้อผักมาเขียนว่า Basil ไม่แน่ใจกะเพราะหรือโหระพาอ่ะค่ะ อยู่เมืองไทยไม่เคยทำกับข้าวเอง มาอยู่นี่อยากกินแกงไก่ แต่ก้องงตรงผักเนี่ยแหล่ะค่ะ

ขอบคุณนะคะ


โดย: zuling68 IP: 59.140.220.54 วันที่: 29 ธันวาคม 2549 เวลา:9:24:34 น.  

 
ผมก็ชอบผัดต่างๆที่ใส่กระเพรา ยิ่งถ้าเป็นเนื้อสุดยอดเลยถ้าเป็นหมูก็ดี จะเป็นไก่ก็เยี่ยม เป็นปลาหมึกก็อย่าบอกใครเชียว และยิ่งถ้าเป็นกุ้งต้องตัวใหญ่นะผสมหมูสับแต่งด้วยปลาหมึกนิดนึงใส่พริงชี้ฟ้าสีแดงๆหน่อยนะที่สุดเลยใครอยากกิน มา จะทำให้รับรองสุดๆ


โดย: wiwatw@tot.co.th IP: 118.174.135.75 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:58:45 น.  

 
ไม่มีมะระอะ


โดย: tan IP: 125.26.90.21 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:10:54 น.  

 
เข้ามาหาข้อมูลเรื่องกะเพรา ก็ได้รูปสวยๆจากเว็บนี้แหล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ


โดย: pansy IP: 202.28.62.245 วันที่: 13 กันยายน 2551 เวลา:18:35:04 น.  

 
กินแล้วเป็นไงอ่ะ


โดย: คนโสด IP: 61.19.35.50 วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:10:43:42 น.  

 
ขอบบคุณค่ะ


โดย: 123 IP: 203.172.59.132 วันที่: 22 มิถุนายน 2552 เวลา:17:11:47 น.  

 
ทําให้กินบ้างซิตกแต่งก็ไม่ได้เชอะ


โดย: 471 IP: 117.47.110.135 วันที่: 14 กันยายน 2552 เวลา:20:42:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.