คำคม #2






คำคมบาดใจ


















เป็นคำคม ตอนที่ 2 ....


ภาพอาจจะไม่ตรงกับเนื้อหาเท่าไหร่ ประดับไว้เพื่อไม่ให้ เนื้อเรื่อง หนักเกิน





31.

If you love someone, put their name in a circle, instead of a heart,

because hearts can break,but circles go on forever.


ถ้าคุณรักใครสักคน จงเอาเขาไว้รอบตัวคุณ แทนที่จะใส่เขาไว้ในหัวใจ

เพราะหัวใจสามารถแตกสลายได้

แต่ถ้าเขาอยู่รอบตัวคุณ เขาจะอยู่กับคุณตลอดไป




32.

Everyone hears what you say.

Friends listen to what you say.

Best friends listen to what you don't say.


ทุกคนได้ยินสิ่งที่ท่านพูด

เพื่อนทั่วๆไปจะรับฟังสิ่งที่ท่านพูด

แต่เพื่อนแท้จะรับฟังความรู้สึกที่ท่านไม่เอ่ยมันออกมา




33.

If all my friends were to jump off a bridge, I wouldn't jump with them,

I'd be at the bottom to catch them.


ถ้าเพื่อนทั้งหมดของข้าพเจ้าพร้อมใจกันกระโดดลงจากสะพาน

ข้าพเจ้าจะไม่กระโดดตามพวกเขาไปหรอก

แต่ข้าพเจ้าจะยอมลงไปรอที่ก้นเหว เพื่อจะรอรับพวกเขา




34.

Don't frown, because you never know who's falling in love with your smile!

อย่าทำหน้าบูดบึ้ง เพราะว่าท่าน จะไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีใครกำลังชื่นชม……

รอยยิ้มของท่านอยู่




35.

If you judge people, you have no time to love them.

ถ้าท่านมัวแต่คิดวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น…ท่านจะไม่มีเวลาพอที่จะรักพวกเขา




36.

Be kind, for everyone you meet is fighting a harder battle.

จงมีจิตใจที่ดีต่อผู้อื่น

เพราะว่าทุกคนที่ท่านพบ เขากำลังต่อสู้กับปัญหาอันยิ่งใหญ่กว่าที่ท่านกำลังประสบ




37.

It may take only a minute to like someone,

only an hour to have a crush on someone

and only a day to love someone

but it will take a lifetime to forget someone.


มันอาจจะใช้เวลาเพียงชั่วนาทีที่จะชอบใครสักคน

เพียงชั่วโมงที่จะนึกรักใครสักคน

และเพียงชั่ววันที่จะรักใครสักคน

แต่มันจะใช้เวลาชั่วชีวิตที่ท่านจะลืมคนนั้น




38.

Enthusiasm is contagious.

You might cause an outbreak and affect many.


ความกระตือรือร้นนั้นติดต่อกันได้……

โดยที่ท่านสามารถแพร่มันออกไป และส่งผลกระทบให้อีกหลายคนกระตือรือร้นตามท่านได้




39.

Yesterday is the history, tomorrow is a mystery.

Today is a gift, that is why it is called the present.


เมื่อวานคืออดีต พรุ่งนี้คือสิ่งที่ไม่แน่นอน

แต่วันนี้คือสิ่งที่ท่านมี และนี่คือเหตุผลที่ว่า

ทำไมจึงเรียกปัจจุบัน ว่า ของขวัญ(Present)




40.

Dance like nobody's watching, and love like it's never gonna hurt.

ปล่อยตัวเต้นรำให้สนุกสนาน เหมือนไม่มีใครจ้อง

และจง‘รัก’เหมือนว่ามันจะไม่นำความเจ็บปวดมาให้






















































41.

Don't Look Down Yourself.

อดีตไม่สำคัญว่าเราเป็นใคร สำคัญที่ว่าวันนี้เราต้องการเป็นใคร

จงเคารพนับถือในความสามารถของตัวเอง ยกย่องและให้เกียรติตัวเอง




42.

สมองของคนเราเหมือนพื้นดินที่ว่างเปล่า เมื่อเราปลูกอะไรลงไป เราก็จะได้ผลเป็นอย่างนั้น

จงปลูกฝังแต่สิ่งดีๆลงไปในสมอง…

คำพูดใดๆที่เราได้ยินซ้ำซากหรือพูดซ้ำซาก มันจะกลายเป็นนิสัยของเราเอง




43.

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเสียงรอบข้าง

อย่าปล่อยให้ความคิดหรือคำพูดของคนบางคนมาตัดสินชีวิตของเรา

คิดเสมอว่า ในโลกนี้ไม่มีใคร ที่มีอิทธิพลต่อตัวเรามากกว่าตัวเราเอง




44.

ฟ้ามิได้แบ่งแยก ยอดคนกับคนธรรมดา ออกจากกัน

ยอดคนจะเกิดขึ้น มิใช่เพราะฟ้ากำหนด

ยอดคนจะเกิดขึ้น เพราะคนธรรมดาเขาผ่านการฝึกฝนอย่างหนักเป็นพิเศษ




45.

คนฉลาด ต้องโง่เป็น

คนโง่ไม่เป็น จะไม่มีทางฉลาด




46.

เพียงท่านคิดว่า ท่านทำได้ ..ท่านก็ทำได้ตั้งแต่ที่ท่านคิด

แต่หากท่านคิดว่า ท่านทำไม่ได้ ..ท่านก็จะทำไม่ได้ตั้งแต่ที่ท่านคิด

สิ่งที่เลวร้ายของคน คือความคิดที่ตอกย้ำตัวเองว่า ทำไม่ได้




47.

แม้แต่คิด ก็ยังไม่กล้าที่จะคิด แล้วชีวิตจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

จงกล้าที่จะเผชิญกับความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวคือครูที่สอนตัวเราให้ก้าวหน้า




48.

คนสำเร็จมองปัญหาเป็นโอกาส

คนล้มเหลวมองโอกาสเป็นปัญหา

คนสำเร็จจะปรับตัวเองไปหาโลกภายนอก

คนล้มเหลวจะให้โลกภายนอกปรับตัวเข้าหาตัวเอง




49.

ความรู้ เป็นเพียงพลังอำนาจแฝงชนิดหนึ่งเท่านั้น

ความรู้จะกลายเป็นพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ได้ ก็ต่อเมื่อมันถูกนำไปใช้อย่างชาญฉลาด




50.

อย่าเป็นคนประเภท

ฟังแต่ไม่ได้ยิน

ได้ยินแต่ไม่เข้าใจ

เข้าใจแต่ไม่ลึกซึ้ง

ลึกซึ้งแต่ไม่แตกฉาน

แตกฉานแต่นำไปใช้ไม่เป็น

จงมีสติ กล้าถาม กล้าคิด กล้าทำ นำศักยภาพของตัวเองมาใช้อย่างชาญฉลาด























































หากยังไม่หนำใจ จะมีคำคมตอนใหม่ออกมาอีก ในโอกาสหน้า

และนี่เป็น คำคมตอนแรก






yyswim









 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2551 16:19:56 น.
Counter : 4921 Pageviews.  

กำแพงเมืองจีน





กำแพงเมืองจีน











































‘มิเคยขึ้นกำแพงเมืองจีน หาใช่ลูกผู้ชายไม่’… เป็นคำกล่าวจากกลอนบทหนึ่งของท่านประธาน ‘เหมาเจ๋อตง ที่ได้เอ่ยถึง‘ฉางเฉิง’หรือกำแพงเมืองจีน สิ่งปลูกสร้างทางทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อการป้องกันประเทศ จนถูกนับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง



ทั้งนี้เพราะกำแพงเมืองจีนเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวจีนทั้งชาติที่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานที่สุด อีกทั้งอิฐหินและดินทั้งหมดที่นำมาร่วมสร้างเป็นกำแพง ล้วนมาจากหยาดเหงื่อเลือดเนื้อและชีวิตของบรรพบุรุษแห่งชนชาติจีนทั้งสิ้น



กำแพงเมืองจีนจึงเปรียบเสมือนอนุสรณ์สถานให้คนรุ่นหลังได้หวนระลึกถึงความเกรียงไกรของบรรพชนรุ่นก่อน ที่แม้จะไร้ซึ่งเครื่องมืออันทันสมัยก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานอันยิ่งใหญ่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกได้




ด้วยความโด่งดังระบือนามของฉินซีฮ่องเต้ ราชวงศ์ฉิน อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่า กำแพงเมืองจีนเริ่มก่อสร้างครั้งแรกในยุคสมัยของพระองค์



แต่แท้ที่จริงแล้วกำแพงเมืองจีนที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 2,000 ปี ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยราชวงศ์โจว คือเมื่อราว 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยกษัตริย์แคว้นโจว ได้ริเริ่มดำเนินการก่อสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากแคว้นอื่นๆ อันได้แก่แคว้นฉี, แคว้นเยี่ยน, แคว้นเว่ย, แคว้นจ้าว, และแคว้นฉิน ...ซึ่งต่อมาแคว้นเหล่านี้ ก็ได้หันมาลงมือก่อสร้างกำแพงต้านข้าศึกตามอย่างแคว้นโจวหรือราชวงศ์โจวบ้าง




เมื่อย่างเข้าสู่ยุคสมัยของฉินซีฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ฉิน ซึ่งต่อมาได้ผนึกรวมทั้งหกแคว้นมาเป็นแคว้นใหญ่ หนึ่งแคว้นหรือหนึ่งประเทศแล้ว ก็ได้ทำการเชื่อมกำแพงเมืองจีนทางตอนเหนือของแคว้นฉิน แคว้นเยี่ยน และแคว้นจ้าวเข้าด้วยกัน ..รวมทั้งในยุคสมัยต่อมาในภายหลังคือสมัยราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์หมิง ก็ได้ดำเนินการก่อสร้างต่อเติมออกไปอีก




กำแพงเมืองจีนมีความยาวทั้งหมดประมาณ 14,600 ลี้ หรือประมาณ 6,700 กิโลเมตร (บางเอกสารบอกว่า 6,350 กิโลเมตร) จึงเรียกว่า กำแพงหมื่นลี้ ..ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ คือ



ส่วนกำแพงที่เป็นกำแพงอิฐภายนอก ภายในเป็นหิน ดิน ทราย หรืออื่นๆ มีความสูงประมาณ 3 - 8 เมตร ยอดกำแพงกว้างประมาณ 4 - 6 เมตร



ส่วนหอสังเกตการณ์ จะแบ่งออกเป็น 2 ชั้น โดยชั้นบนใช้คอยสอดส่องและยิงธนูต่อสู้ข้าศึก และชั้นล่างถูกซอยออกเป็นห้องเล็กๆ ใช้เก็บสรรพาวุธ รวมถึงเป็นที่พักนอนของเหล่าทหารหาญ



ส่วนที่ 3 คือป้อมปราการ หรืออาจเรียกว่า ตัวด่าน มักสร้างไว้ตามจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์



และส่วนที่ 4 คือ หอส่งสัญญาณ ซึ่งเป็นส่วนที่ตั้งอยู่นอกเขตกำแพง ตามยอดเขาหรือที่ที่ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากที่ไกลๆ ..ตอนกลางคืนจะใช้วิธีจุดไฟแจ้งเหตุ ส่วนกลางวันใช้เป็นควันไฟสัญญาณแทน ...อย่างไรก็ตามในภายหลัง มีเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียและแมนจูเรีย สามารถบุกฝ่ากำแพงเมืองจีนได้สำเร็จ





ปัจจุบันส่วนที่หลงเหลือให้เห็นเป็นรูปกำแพง อยู่ ณ กรุงปักกิ่ง(18 ด่าน) นครเทียนจิน(2 ด่าน) มณฑลกันซู่(20 ด่าน) มณฑลเหอเป่ย(43 ด่าน) มณฑลเหลียวหนิง( 2 ด่าน) มณฑลหนิงเซี่ย(15 ด่าน) มณฑลซันซี(61 ด่าน) และมณฑลส่านซี(24 ด่าน) ล้วนเป็นกำแพงเมืองที่ก่อสร้างในสมัยราชวงศ์หมิงทั้งสิ้น โดยสุดทางด้านตะวันออก คือ ด่านซันไห่กวน ในมณฑลเหอเป่ย และสุดทางด้านตะวันตก คือ ด่านเจียอี้ว์กวน ในมณฑลกันซู่



อนึ่ง กำแพงเมืองจีนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530











































สีแดง คือ กำแพงเมืองจีน







มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนที่หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยทราบ



1. มองเห็นได้จากดวงจันทร์?


เราไม่สามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนได้จากระยะไกลมากเช่นจากดวงจันทร์ตามที่มีเสียงเล่าเสียงลือกัน ..คำยืนยันนี้เกิดขึ้นจากปากของนักบินอวกาศของประเทศจีนเอง ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์ที่จะสามารถมองเห็นจากดวงจันทร์ได้ ..ยกเว้นจากความสูงระดับ Low Earth Orbit เราอาจจะมองเห็นกำแพงเมืองจีนได้แต่ต้องมีทัศนวิสัยดีและรู้จักจุดที่จะสังเกตมอง



เหตุที่เราไม่อาจจะมองเห็นกำแพงเมืองจีนได้ในระยะไกลมาก ก็เพราะสีของกำแพงเมืองจีนจะกลืนไปกับสีของพื้นผิวของโลกนั่นเอง เชิญอ่านบทความภาษาอังกฤษ เพิ่มเติม




2. กำแพงยาวตลอด?


ความจริงแล้วกำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นในหลายยุคหลายรัชสมัย กินเวลานับพันปี โดยบางช่วงจะเป็นการเชื่อมต่อกำแพงเข้าด้วยกัน แต่ไม่ได้ต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด ...โดยว่ากันว่า ‘ด่านปาต๋าหลิ่ง’ ใกล้กับกรุงปักกิ่งเป็นที่ขึ้นชื่อว่ายังคงมีสภาพสมบูรณ์ และเป็นจุดเที่ยวชมกำแพงเมืองจีนที่ดีที่สุดในปัจจุบัน




3. สุสานของผู้ก่อสร้าง?


มีการบันทึกไว้ไว่า นักโทษจากสงครามและทาสกว่า 1 ล้านคนถูกบังคับมาเป็นแรงงานเพื่อก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ซึ่งจำนวนมากได้เสียชีวิตลงเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย ความหิวโหย และสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ โดยศพของผู้เสียชีวิตก็จะถูกฝังอยู่ข้างๆกำแพงนั่นเอง



นานนับศตวรรษแล้วที่กำแพงเมืองจีนได้ชื่อว่าเป็นสุสานที่มีความยาวที่สุดในโลก และกล่าวกันว่าทุกๆ หนึ่งฟุตของกำแพงก็คือหนึ่งชีวิตของผู้ก่อสร้างกำแพงนั่นเอง




4. ยาวเท่าไหร่แน่?


ความยาวของกำแพงเมืองจีน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทราบความยาวที่แท้จริง เพราะกำแพงไม่ได้ยาวเป็นผืนเดียวกันตลอด บางตอนแยกห่างกันมาก อีกทั้งปัจจุบันซึ่งนับเวลาจากวันเริ่มก่อสร้าง นับเป็นเวลาพันปีแล้ว บางส่วนจึงได้พังทลายลงเป็นผืนดิน ทำให้การวัดความยาวที่แน่นอนกระทำได้ยาก



ในภาษาจีนจะเรียกกำแพงเมืองจีนว่า "กำแพงยาวหมื่นลี้" (หนึ่งลี้มีความยาวประมาณ 1/3 ไมล์) โดยประมาณคร่าวๆกำแพงเมืองจีนจะมีความยาวประมาณ 4 พันไมล์ หรือ 6,350 กิโลเมตร ทอดผ่านทะเลทราย ทุ่งหญ้า ป่าละเมาะ และภูเขา ความสูงของกำแพงเมืองจีนประมาณ 7 เมตร และกว้างประมาณ 5 เมตร แต่ไม่ได้สูงเท่ากันและกว้างเท่ากันตลอด




5. ป้องกันการรุกรานได้จริงหรือ?


การเข้าครองอำนาจของมองโกลและต่อมาของแมนจูเรียต่อเมืองจีน เกิดขึ้นจากความอ่อนแอของราชวงศ์จีนที่ปกครองจีนในสมัยนั้น มากกว่าไม่ใช่เกิดจากการที่กำแพงเมืองจีนด้อยประสิทธิภาพ



พวกเขาใช้โอกาสในขณะที่เกิดกบฎภายใน เข้ายึดครองประเทศจีน โดยมีการต่อต้านจากภายใน ที่น้อยมาก




6. เป็นเพียงกำแพงยาวๆ?


กำแพงเมืองจีนไม่ได้เป็นแค่กำแพงยาวๆ ..ทุกระยะทางประมาณ 300 ถึง 500 เมตร จะมีป้อมหรือด่าน เพื่อใช้เป็นจุดเตรียมสะเบียง เตรียมอาวุธ จุดสับเปลี่ยนเวรยาม และเป็นที่นอนหลับพักผ่อน



ป้อมหรือด่าน ซึ่งมีจำนวนมากกว่า1หมื่นแห่งนี้ ยังมีแท่นที่ใช้กำบังอาวุธ มีรูใหญ่บนกำแพงเพื่อใช้สำหรับการสังเกตการณ์และยิงธนู และมีที่สำหรับปักธงและส่งสัญญานต่างๆ

























7. เป็นเส้นทางขนส่ง?

ในอดีต กำแพงเมืองจีนถูกใช้เป็นเส้นทางคมนาคม จริง ..เพราะช่วยให้การคมนาคมขนส่งบนเส้นทางทุรกันดาร เช่นตามเทือกเขา เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย แต่ก็ทำลายกำแพงเมืองจีนให้ชำรุดทรุดโทรมลงเร็ว




8. สร้างด้วยอะไร?


ในระยะแรก ก่อนที่จะมีการใช้อิฐ กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นด้วยหิน ดิน ไม้ และอื่นๆ เช่น มีการแพ็คดินไว้ระหว่างไม้แผ่นใหญ่ และมัดไว้ด้วยเสื่อทอ



ในระยะต่อมาเมื่อมีการใช้อิฐ ก็จะใช้อิฐไว้รอบนอก ส่วนภายในจะใช้ดินและหินอัดแน่น ..ในบางจุด กำแพงถูกสร้างขึ้นด้วยหินแกรนิต หรือด้วยดินเผา ..ทางตะวันตกของจีน กำแพงถูกสร้างขึ้นด้วยโคลน ส่วนบริเวณใกล้กับกรุงปักกิ่งคือเมืองหลวง บางส่วนของกำแพงถูกสร้างขึ้นด้วยหินอ่อน



กำแพงเมืองจีนที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง โดยใช้วัตถุดิบประเภทหินทั้งด้านข้างกำแพง และด้านบน




9. สภาพในขณะนี้?


ผลการสำรวจของนักอนุรักษ์เมื่อปีพ.ศ.2547 บอกว่ากำแพงเมืองจีนที่เคยยาวประมาณ 6,350 กิโลเมตรในอดีต ขณะนี้เหลืออยู่เพียง 1/3 เท่านั้น และกำลังจะสั้นลงๆ เรื่อยๆ



เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะกำแพงเมืองจีนไม่ได้ถูกทะนุบำรุงรักษาและอนุรักษ์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะในดินแดนไกลๆ ชาวไร่ชาวนาซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับกำแพงเมืองจีน จะไม่สนใจประกาศของรัฐบาลที่กำหนดให้กำแพงเมืองจีนเป็นสมบัติของชาติที่จะต้องช่วยกันรักษา ..เขาเหล่านั้นกลับใช้อิฐใช้หินของกำแพงเมืองจีน เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆโดยไม่เจตนา




10 ตำนานของเมิ้งเจียงหนี่ว์?


เมิ้งเจียงหนี่ว์ เป็นหญิงชาวบ้าน เธอเดินฝ่าลมหนาวมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อนำเสื้อกันหนาวที่เธอบรรจงเย็บมากับมือ หวังจะไปมอบให้สามีที่ถูกเกณฑ์ไปเป็นแรงงานก่อสร้างกำแพงเมืองจีน



หลังจากการเดินทางอันยาวนาน ในที่สุดเธอก็บุกบั่นจนไปถึงค่ายพักแรงงานก่อสร้าง เธอเที่ยวเดินถามหาสามีไปทั่ว แต่กลับต้องพบกับข่าวร้าย สามีอันเป็นที่รักของเธอได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้นานแล้ว เนื่องจากทนทรมานกับความยากลำบากและสภาพอากาศที่โหดร้ายไม่ไหว และศพของเขาก็ถูกฝังอยู่ภายใต้กำแพงเมืองจีนนั่นเอง



เธอร่ำไห้คร่ำครวญน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด จนทำให้กำแพงเมืองจีนบางส่วนพังทลายลง เผยให้เห็นซากไร้วิญญาณของสามีเธอ เมื่อนั้นเอง เธอก็ตัดสินใจกระโดดลงไปใช้ศีรษะพุ่งชนกำแพงตายอยู่เคียงข้างสามีของเธอ



แม้ว่าชื่อของเธอ จะไม่ปรากฏในประวัติศาสตร์ ..จะมีก็แต่ในเพียงตำนาน แต่ชาวจีนทั้งหลายก็เชื่อกันว่าเรื่องของเธอเป็นเรื่องจริง เธออยู่ในยุคสมัยของราชวงศ์ถัง และมีอนุสาวรีย์ของเธอ อยู่ ณ วัดแห่งหนึ่งใกล้ๆกับด่านซันไห่กวน




11 กระโดดข้ามกำแพงเมืองจีน?

ในปีพ.ศ.2548 นายแดนนี่ เวย์ จากรัฐคาลิฟอร์เนีย อายุ31ปี เขาทำสถิติเป็นบุคคลคนแรกที่กระโดดข้ามกำแพงเมืองจีนโดยใช้สเก๊ตบอร์ด ..ท่ามกลางฝูงชนชาวจีนที่ไปยืนแหงนคอบนกำแพงเมืองจีนเพื่อดูเขาทำลายสถิติ เขาพุ่งสเก๊ตบอร์ดด้วยความเร็ว 50 ไมล์ต่อชั่วโมง จึงสามารถกระโดดข้ามกำแพงเมืองจีนได้ในการกระโดดครั้งที่ 5



ก่อนหน้านี้ ในปีพ.ศ.2546 นายหวัง เจี่ยเซียง จากเมืองชานซี ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเคยหวังจะทำลายสถิตินี้ โดยใช้จักรยานเป็นเครื่องมือกระโดดข้ามมาแล้ว แต่เขาทำไม่สำเร็จ เขาตกลงมาเสียชีวิต




นี่เป็นเรื่องจริงที่อาจจะยังไม่มีใครรู้ เกี่ยวกับกำแพงเมืองจีน.













yyswim







 

Create Date : 28 มิถุนายน 2551    
Last Update : 28 มิถุนายน 2551 1:18:48 น.
Counter : 9172 Pageviews.  

ใบไม้





สีสันของใบไม้

























บล็อกวันนี้ ทำขึ้นเพื่อเป็น ‘ทัพหนุน’ ให้บล็อกของคุณดีดี มัชชาร



ซึ่งขณะนี้เธอกำลังจัด ‘เทศกาลกาลใบไม้ในหัวใจดีดี’ ระหว่างวันที่ 9 – 29 มิถุนายน 2008



เธอจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับใบไม้ ในมุมมองต่างๆของเธอ และเธอมีเทียบเชิญไปถึงเพื่อนๆ ให้มาร่วมช่วยเขียนเรื่อง ใบไม้ ในบล็อกของเธอด้วย





ผมเองมีรูปเยอะ ไม่กล้าจะนำไปลงที่ บล็อกของคุณดีดี มัชชาร ...ด้วยกลัวว่าจะรกที่ และจะทำให้โหลดบล๊อกช้าไปเปล่าๆ



ก็เลยทำบล็อกเรื่อง ‘ใบไม้’ : สีสันของใบไม้ ซึ่งเป็นรูปภาพของใบไม้ เป็นส่วนใหญ่



แล้วขออนุญาตทำลิ๊งก์ ไปอ่านเรื่อง ‘ใบไม้’ กันที่ บล๊อกของคุณดีดี มัชชาร ซึ่งคุณดีดี มัชชาร อนุญาต



เชิญ เปิดอ่านที่นี่ ได้เลยครับ ...ซึ่งจะมีเขียนกัน ในหลายมุมมองที่เกี่ยวกับใบไม้ ....เชิญครับ เชิญไปเปิดอ่านกัน




บล็อกวันนี้ จะหนักไปทาง โชว์รูปภาพ นะครับ ....ไม่ค่อยจะได้เขียนอะไรมาก แต่เป็นรูปไซส์ขนาดใหญ่ ให้ดูกันแบบเต็มจอ ....ขออภัย สำหรับเพื่อนๆที่เน็ต ช้า นะครับ จะโหลดช้ามาก





เชิญหาความสำราญ






































































































































ใบ น. ส่วนของพืชที่ติดอยู่กับกิ่งหรือก้าน โดยมากมีลักษณะแบนๆ, สิ่งที่ทำด้วยผืนผ้า สำหรับขึงที่เสากระโดงเพื่อให้เรือรับลม



นอกจากนั้น ใบ ยังใช้ประกอบคำ จนกลายเป็นคำอื่นๆ ...ซึ่งมีความหมายแตกต่างกันออกไป





ตัวอย่างเช่น



ใบกองเกิน (เอกสารที่แสดงว่าได้ขึ้นทะเบียนรับราชการทหารแล้ว แต่ทางการยังไม่เรียกรับราชการ)


ใบขับขี่


ใบฎีกา (ตำแหน่งพระฐานานุกรมอันดับสุดท้ายรองจากสมุห์ลงมา)


ใบดาล (บานประตูหรือหน้าต่างที่ใช้ลูกดาล)


ใบดำ (ใบสลากที่จัดให้ผู้เข้าเกณฑ์ทหารจับ หากจับได้ใบดำ ก็ไม่ต้องเป็นทหาร)


ใบแทรก (แผ่นกระดาษมีข้อความประกาศหรือโฆษณา ที่แทรกอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์)


ใบพัด


ใบมีด


ใบรับรอง


ใบลา


ใบหน้า


ใบหุ้น


และ ใบหู ..เป็นต้น







รูปภาพใบไม้อีก 40 รูป












yyswim









 

Create Date : 17 มิถุนายน 2551    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2551 23:03:28 น.
Counter : 3476 Pageviews.  

HONDA











เมื่อวันอังคารที่ 2 มิถุนายน 2551 ผมมีโอกาสไปชมขั้นตอนการผลิตรถยนต์ฮอนด้า ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา



ไปเจออะไรมา ก็อยากเล่าให้ฟังเล็กน้อย....




โรงงานผลิต(ประกอบ)รถยนต์ฮอนด้า มีอยู่ 6 แห่งทั่วโลก มีที่ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน ไทย บราซิล และอังกฤษ



ของเมืองไทยเรา แต่เดิมอยู่ที่ลาดกระบัง ตอนนี้ย้ายมาอยู่ที่ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ 300 ไร่ …ชื่อบริษัทว่า บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด มีพนักงาน 5,000 คนเศษ




โรงงานจะผลิตรถ Honda ตาม ออเดอร์ที่แจ้งเข้ามา ...ผลิตได้ทั้ง 5 รุ่น คือ CR-V, Accord, Civic, CityZX, และ Jazz สามารถผลิตในไลน์เดียวกัน แต่แตกต่างรุ่นกันได้











ยอดการผลิตต่อวันได้ 500 คัน ..ตอนนี้ผลิตผ่านหลัก 1 ล้านคันไปแล้ว เมื่อเดือนธันวาคมปี 2550



นับเป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ของฮอนด้า ลำดับที่ 4 …โดยอันดับที่หนึ่งคือญี่ปุ่น ซึ่งมีผลิตอยู่ 2 เมือง ผลิตรวมกันได้วันละประมาณ 2,000 คัน



ของไทยเรา นอกจากจะส่งขายในประเทศ ยังส่งขายทั่วทั้งอาเซียน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์



ในอาเซียน ก็ส่งขายไปที่ มาเลย์ สิงคโปร์ บรูไน อินโดนีเซีย เวียตนาม




หากใครเจอรถฮอนด้า ณ ประเทศดังกล่าว ขอให้ภูมิใจเถิดว่า เป็นรถที่ผลิตจากเมืองกรุงเก่าอยุธยาทั้งสิ้น



นอกจากจะผลิตรถแล้ว โรงงานแห่งนี้ยังผลิตชิ้นส่วนของรถฮอนด้า อีกเป็นจำนวนมาก และส่งไปขายยังต่างประเทศ ประมาณ 60% ของกำลังการผลิต




ในไลน์ของการผลิต ซึ่งมีหลายอาคาร สภาพเป็นอาคารชั้นเดียวมีหลังคาสูง ทำให้อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่ ความสะอาดอยู่ในเกณฑ์ดี ผมลองเดินเข้าห้องน้ำชาย ห้องน้ำสะอาดแห้ง มีสะบู่เหลว มีผงซักฟอก(สงสัยให้ล้างคราบน้ำมัน) มีตู้กดน้ำดื่มเย็น(น้ำดื่มเย็นที่เขาแจกให้ผม เป็นน้ำดื่มสิงห์คนละขวดสองขวดแช่เย็นเจี๊ยบ)



พนักงานในโรงงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มีพนักงานหญิงอยู่บ้างแต่ไม่มาก เพราะที่นี่เป็นงานยืนทำตลอดเวลา เห็นพนักงานหญิงอยู่ตรงงานเอกสารและแถวหน้าจอคอมพ์ในห้องทำงาน พนักงานทุกคนสวมเสื้อผ้ากางเกงสีขาว สวมหมวกรองเท้าแว่นตาตามกฎการรักษาความปลอดภัยเคร่งครัด ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตน ไม่มีการพูดคุยเล่นหัวกัน



บางโซนทำงานด้วยเครื่องมือโรบอท เพราะเป็นโซนที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ทำลูกสูบ หรือเป็นโซนที่เสี่ยงอันตรายจากประกายไฟ เช่นการเชื่อม(ตอนนำบอดี้ มาเชื่อมต่อเป็นตัวรถ) แต่เรื่องใช้คอมพิวเตอร์ประกอบในการทำงานนั้น มีอยู่ทุกงานทุกโซน




โซนที่ผมไม่ค่อยชอบ...



อุอุอุ ลองเดา ทิ



คือ โซนปั๊มตัวบอดี้ครับ (โดยใช้แรงกด) มีเสียงดังทีเดียว ...แต่กดปั๊มต่อชิ้น ไวมาก ประมาณ 7 วินาที ก็ได้มาแล้ว ชิ้นหนึ่ง



การเปลี่ยนแม่พิมพ์ เมื่อจะต้องการเปลี่ยนเป็นบอดี้อีกตัว ก็ทำได้ไม่ช้า ..ใช้เวลาเปลี่ยนเพียง 15 นาที เป็นการทำงานแบบออโตเมติก ไม่ต้องใช้มือคนเข้าไปช่วยเปลี่ยน










อยากบอกว่า ที่เขียนเล่ามา ไม่ได้เชียร์รถยนต์ฮอนด้านะครับ



เพราะผมใช้รถโตโยต้ามานับ 30 ปีแล้ว และหากจะซื้อใหม่อีก ก็จะซื้อโตโยต้าแน่นอนครับ ผมใช้แต่ โตโยต้า ยี่ห้อเดียว



โรงงานผลิต(ประกอบ)รถยนต์โตโยต้า อยู่ที่ฉะเชิงเทรา ที่นั่นผมก็ไปดูมาแล้วเช่นเดียวกัน ..เพียงแต่ไม่ได้เขียนเล่า






“ฮอนด้า แปลว่าอะไร?”



ผู้บริหารของฮอนด้าตอบว่า “ไม่ทราบ คงจะเป็นชื่อของผู้ก่อตั้ง?” …และเขาบอกอีก “คำว่า ‘ฮอน’ มีความหมายอย่างหนึ่ง คำว่า ‘ด้า’ มีความหมายอย่างหนึ่ง แต่เมื่อนำเอาสองคำมารวมกัน มันไม่ค่อยเป็นความหมาย”













“ถ้ามีใครจะซื้อรถฮอนด้า ไปทำแท็กซี่ ..จะซื้อกลับคืนใช่ไหม?”



ผู้บริหารบอกว่า “ทางฮอนด้า ไม่ไปขอซื้อคืนกลับหรอก ที่มีคนเขาพูดกันว่า จะไปซื้อคืนกลับ เป็นเรื่องเล่าลือกันเกินไป”



“แต่หากทางสหกรณ์แท็กซี่ใด จะมาขอซื้อรถฮอนด้าเพื่อนำไปทำแท็กซี่ ปกติเขาจะขอซื้อลดราคากว่าราคาขายในท้องตลาด ซึ่งนโยบายของบริษัทจะไม่ลดคุณภาพของรถ ..รถออกจากโรงงานทุกคันจะต้องมีคุณภาพเท่ากัน การที่จะลดคุณภาพการผลิต หรือใช้วัตถุดิบเกรทต่ำ เพื่อขายรถในราคาถูก จึงทำให้ไม่ได้”



จากคำตอบนี้ จึงตอบข้อสงสัยของผม ที่ไม่ค่อยเห็นรถยนต์ฮอนด้าเป็นรถแท็กซี่




ผู้บริหารใหญ่ของฮอนด้าในไทย









“รถฮอนด้าที่ผลิตที่อเมริกา กับที่ญี่ปุ่น คุณภาพแตกต่างกับที่ผลิตในเมืองไทย ตรงไหนบ้าง?”



ผู้บริหารตอบว่า …“รถฮอนด้า จะผลิตตามสเป็ครถ ที่กำหนดไว้ ผลิตที่ไหนๆ ก็จะมีคุณภาพใกล้เคียงกันมาก จะแตกต่างบ้างตรงการตกแต่งภายใน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะของรถ ...เช่นของญี่ปุ่น กับ ของไทย ภายในรถจะต้องเนี๊ยบ ประณีต แต่ของอเมริกา จะไม่เพ่งเล็งการตกแต่งภายในรถ”





หมวกที่เขาแจก – นำกลับบ้าน …ผมขอลายเซ็นของผู้บริหาร เซ็นไว้ภายในหมวกด้วย








“รถฮอนด้า ทำไมไม่ผลิตรถกระบะบ้าง?”



ผู้บริหารตอบว่า….“เป็นไปตามสเปคของบริษัทแม่ บังเอิญสเปคฮอนด้า เป็นรถไม่มีรถกระบะ มีแต่รถ 5 ประตูอย่าง Jazz ...ทางเรามีทีมพัฒนารถอยู่ตลอดเวลา หุ่นยนตร์อาซิโม ก็ของเรา ..แล้วเรายังมีทีมรถแข่ง F1 รวมทั้งการพัฒนารถในอนาคต ที่จะใช้พลังงานจากไฮโดรเจน ซึ่งตอนนี้ก็รุดหน้าไปมากแล้ว”





จากประสบการณ์การไปดูงานฮอนด้าในครั้งนี้ ผมมองเห็นว่า....



1. เสื้อยูนิฟอร์มของพนักงานทุกคน ไม่ว่า ในสำนักงานหรือในโรงงาน ไม่ว่า เป็นผู้บริหารหรือเป็นเด็กหนุ่มในโรงงาน จะใช้เสื้อผ้า สี และชุดเหมือนกัน ดูไม่ออกเลยตอนที่เขายืนต้อนรับในแต่ละแผนก ว่าคนไหนเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้บริหาร ต้องมีการแนะนำตัว จึงจะทราบ



2. เขาทานอาหารที่เดียวกัน อาหารจากผู้ผลิตเจ้าเดียวกัน ไม่มีการแบ่งแยกสถานที่



3. เขาตั้งใจมากในการทำงาน คนไหนไม่เกี่ยวกับงานต้อนรับ เขาก็ทำงานแบบไม่พูดคุยกับใคร ทำตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ แต่มีการประชุมก่อนจะเริ่มกะ(ผลัด) ผู้บริหารระดับบิ๊กเขาประชุมเช้าวันจันทร์ก่อนเริ่มงาน เขาทำงานกัน 3 กะ(ผลัด) แต่หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์ ....สำหรับคนที่ทำหน้าที่ต้อนรับ เขาและเธอจะยกมือไหว้อ่อนช้อย พูดคุยอธิบายอย่างดี



4. การฝึกอบรมที่นี่ แบ่งได้ 3 ระดับ ระดับทั่วไป เช่น ปฐมนิเทศ การสร้างทีมงาน กิจกรรมQC เป็นต้น ระดับช่างพื้นฐาน และระดับช่างชั้นสูง



5. เขาให้เกียรติผู้ไปดูงานมาก ผู้บริหารระดับบิ๊ก มารอต้อนรับ มาตอบข้อซักถาม และตอนรถบัสจะเคลื่อนออก ผู้บริหารระดับบิ๊ก ก็มายืนเข้าแถวส่งถึงรถบัส และยังไม่ยอมเลิกแถว หากรถบัสยังไม่พ้นสายตา.....
















เป็นประสบการณ์ดูงาน ที่ผมเพิ่งจะเขียนเล่าเป็นครั้งแรกครับ


ที่จริง ผมได้ไปดูงานอยู่บ้าง แต่ไม่เคยเขียนเล่าในแนวนี้







โดย yyswim









 

Create Date : 06 มิถุนายน 2551    
Last Update : 6 มิถุนายน 2551 9:27:57 น.
Counter : 7447 Pageviews.  

ขโมยรถยนต์






ขโมยรถยนต์




ยุคสินค้าราคาแพง น้ำมันขึ้นราคา ทำเอาทุกคนลำบากกันถ้วนหน้า... นับตั้งแต่ เกษตรกร คนงาน เจ้าของโรงงาน เจ้าของร้านค้า เจ้าของกิจการก่อสร้าง เจ้าของกิจการขนส่ง รวมทั้งข้าราชการ



ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้บริหารราชการแผ่นดิน



บางคนไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ลูกไปโรงเรียน บางคนไม่มีปัญญาจะจ่ายค่าเช่า บางคนไม่มีเงินจะจ่ายค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ที่นับวันจะบานปลาย



สุดท้าย บางคนก็ก่อปัญหาคิดสั้น ฆ่าทั้งครอบครัว ของตนเอง



ในยุคที่เงินเฟ้อสูง เมื่อหลายคนหาทางออกไม่ได้



คนที่ไม่เคยคิดจะขโมย บางคนก็ตัดสินใจทำ ...ยิ่งขโมยมืออาชีพ ก็ยิ่งจะระดมขโมยมากยิ่งขึ้น



คงจะเคยได้ยินข่าว ขโมยถอดน๊อตเสาไฟฟ้าแรงสูง ขโมยตัดสายโทรศัพท์ ขโมยถอดเหล็กราวสะพาน ขโมยแม้กระทั่งป้ายโลหะจราจรริมถนนหลวง



นี่ถ้าตู้ไปรษณีย์ ยกกันไหว ก็คงจะขโมยตู้ไปรษณีย์ไปด้วย





การป้องกันรักษาทรัพย์สินของท่าน อย่าให้ขโมยเอาไป ..จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะเขียนขึ้น










ขโมยรถยนต์



โจรขโมยรถยนต์ของท่านได้อย่างไร?



อย่างแรก โจรจะหาวิธีเข้าไปในรถยนต์ของท่านให้ได้



1. กุญแจปลอม ถ้าคนร้ายมีกุญแจเหมือนกับของท่าน ก็เปรียบเหมือนกับเขาเป็นเจ้าของรถของท่านนั่นเอง วิธีการที่โจรจะได้กุญแจปลอมนั้น ได้แก่ แอบปั๊มกุญแจตอนที่ท่านนำรถไปจอดซ่อม ล้างอัดฉีด หรือท่านซื้อรถจากเต็นท์ขายรถมือสองจากเจ้าของรถเก่าที่เล่นไม่ซื่อ หรือที่นิยมกันในยุคนี้ คือ ซื้อรถมือสองจากทางอินเตอร์เน็ต แล้วโจรซึ่งคือเจ้าของรถเดิม จะติดตามท่านมาถึงบ้านหรือที่จอดรถประจำของท่าน เพื่อจะเปิดเข้าไปในรถยนต์




2. เหล็กแข็งแทนกุญแจ โจรจะใช้เหล็กแข็งขนาดเท่ากุญแจรถ ส่วนมากจะดัดแปลงมาจากประแจหกเหลี่ยมมุมฉากสแตนเลสที่มีความแข็ง ตีเข้าที่รูกุญแจ แล้วใช้แรงบิดจนชุดฟันเฟืองเสียหาย และหมุนจนตัวล๊อคเปิดออก เป็นอีกวิธีหนึ่งที่โจรชอบใช้




3. ใช้ลวดแข็งเกี่ยวตัวล็อคประตู ..ถ้าใครเคยลืมกุญแจไว้ในรถ แล้วเรียกช่างมาปลดล็อคกุญแจ จะเคยเห็นว่าช่างจะใช้ลวดยาวๆ เบอร์แข็งๆ ดัดทำเป็นตัวยู งัดยางรีดน้ำที่ประตูขึ้นแล้วใช้ลวดที่ว่า แยงเข้าไปให้ตะขอเกี่ยวกับปุ่มกดล็อคให้เด้งขึ้น เสมือนมีคนอยู่ในรถแล้วดึงปุ่มเปิดประตูรถ หรือใช้ลวดแยงทางมือเปิดประตูเพื่อดันตัวกดล็อก ให้เด้งขึ้น วิธีนี้ถ้าช่างมีความชำนาญ จะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที




4. งัดประตูหูช้าง ..พวกรถกระบะแค๊บ ที่มีประตูหูช้าง โจรจะใช้ลวดแข็งมากๆ งอเป็นตัวยู สอดเข้าไประหว่างกระจกแค๊บแล้วงัดแรงๆ กระจกจะเปิดออก แล้วจะงัดตัวล็อคให้หัก แล้วใช้มือเอื้อมมาเปิดประตู บางคนคิดว่ากระจกบานนี้น่าจะแข็งแรง แต่ถ้าท่านลองงัดดูเอง จะต้องเปลี่ยนใจว่ามันไม่ยากอย่างที่คิด




5. ใช้น้ำกรด โจรจะใช้น้ำกรดชนิดเข้มข้นใส่เข็มฉีดยา หยดเข้าไปตามรูกุญแจเพื่อทำลายชุดฟันเฟือง และสปริงเล็กๆ ในแม่กุญแจ แบบนี้ยังสามารถนำไปใช้กับภายในรถ พวกล็อคพวงมาลัย ล็อคเกียร์ และล็อคครัช ได้อีกด้วย




6. ทุบกระจกประตู หรือกระจกหูช้าง โจรจะใช้เหล็กแหลมคมๆค่อยๆกระเทาะกระจกจนเกิดรอยร้าว ใช้ผ้าปิดป้องกันเสียง จนกระทั่งกระจกแตกออกทั้งบาน แล้วเปิดตัวล็อค เปิดประตูรถได้




7. ช็อตวงจรไฟฟ้า บางท่านคิดว่า เมื่อใช้กุญแจรีโมตแล้ว คงจะปลอดภัยแน่ แต่จริงๆแล้วกลับง่ายต่อการต่อลัดวงจรไฟฟ้า เช่นวงจรไฟเลี้ยวในชุดรีโมตแบบธรรมดา ทำให้ตัวล๊อคคลายออก




8. จูนสัญญาณจากรีโมต เวลาจอดรถตามห้างสรรพสินค้า พอเรากดรีโมตล็อครถ คนร้ายก็จะมีเครื่องมือคอยจับความถี่สัญญาณ แล้วจะหาวิธีก็อปปี้ความถี่ มาใช้ยิงเปิดประตูรถ



9. ลากรถทั้งคันไป แบบนี้อย่าคิดว่าขำนะครับ เป็นวิธีที่โจรบางพวกใช้ เมื่อลากรถไปถึงที่เหมาะๆแล้ว ก็จะหาหนทางเปิดประตูรถแบบที่โจรถนัด



10. จี้.... อย่างที่เคยได้ยินกันตามหน้าหนังสือพิมพ์ เช่น การวางเรือใบ จอดรถขวางไม่ให้รถของท่านผ่าน เมื่อท่านลงไปดูรถท่านหรือลงไปถาม ก็จะถูกจี้ ...หรือล่อลวงด้วยวิธีต่างๆเพื่อหวังให้ท่านเปิดประตูรถออกมา แล้วจี้ท่าน หรือหลอกลวงจะซื้อรถผ่านทางอินเตอร์เน็ต แล้วขอให้ท่านนำรถไปให้ดูในที่เปลี่ยว แล้วจี้











อย่างที่สอง เมื่อโจรเข้าไปในรถของท่านได้ โจรจะทำอย่างไร?



1. งัดคอพวงมาลัย เพื่อปลดล็อคระบบบังคับเลี้ยว ...โจรจะถอดคอพวงมาลัย แล้วใช้อุปกรณ์งัดหูล็อคคอกุญแจหรือตัดกุญแจล็อคคอที่เป็นตะกั่ว ให้หลุดออกจากแกนพวงมาลัย แค่นี้ระบบล็อคคอก็จะหลุดออก




2. ใช้เลื่อยตัด ถ้าเรามีกุญแจล็อคคันเกียร์ หรือล็อคพวงมาลัยราคาถูก โจรจะใช้เลื่อยตัดโดยใช้เวลาไม่นาน




3. ใช้น้ำกรด ....โจรจะใช้น้ำกรดชนิดเข้มข้น หยอดไปตามรูกุญแจจนเสียหาย แล้วคลายล๊อคออก




4. ช็อตวงจรไฟฟ้าและต่อสายตรง โจรมืออาชีพจะศึกษาวงจรกันขโมยของรถแต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่นมาเป็นอย่างดี โจรจะใช้เวลาไม่นานในการต่อสายตรง แล้วสตาร์ทรถหลบหนีไป












อย่างที่สาม โจรขโมยรถของท่านแล้วนำรถไปไหน?



1. ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน…ถ้าเป็นรถใหม่ก็จะนำส่งขายยังประเทศเพื่อนบ้าน ..แรกๆท่านอาจจะแปลกใจว่า ข้ามด่านชายแดนออกไปได้อย่างไร ...มีวิธีเอาลงแพ แล้วใช้ไม้รวกถ่อข้ามแม่น้ำไป




2. แยกขายเป็นอะไหล่มือสอง ….ถ้าเป็นรถเก่าปานกลาง โจรจะนิยมนำไปแยกอะไหล่ขายแบบเชียงกง




3. สวมทะเบียน …นำรถที่เกิดอุบัติเหตุแบบสาหัส มาซ่อมโน่นเสริมนี่ด้วยอะไหล่รถที่ขโมยมา ออกมาเป็นรถคันที่ใช้งานได้ โดยใช้เลขทะเบียนรถ หมายเลขตัวถัง และหมายเลขเครื่องรถคันเดิม...อุอุอุ ผีกลับคืนชีพ




4. ทำทะเบียนปลอม….เปลี่ยนสีรถ เปลี่ยนเบาะ แล้วทำทะเบียนรถปลอมขึ้นที่รถของท่าน และสามารถนำไปวิ่ง และต่อทะเบียนรถวิ่งได้จนถึงปีที่ 6 ซึ่งต้องตรวจ ต.ร.อ. ตอนนี้ โจรก็จะนำรถไปแยกขายอะไหล่อีกที












วิธีป้องกันรถถูกขโมย



อย่างแรก ใช้อุปกรณ์ป้องกันขโมย



1. ล็อคเกียร์ แทบเป็นอุปกรณ์ที่แถมมากับโรงงานเลย แนะนำให้ใช้ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงในความแข็งแรง คลายล๊อคยาก วัสดุทำจากสแตนเลส ถ้าเป็นแบบของแถมราคาถูก ควรจะเปลี่ยนชิ้นใหม่ที่ทนทานแข็งแรง




2. ล็อคพวงมาลัย เป็นอุปกรณ์ที่ดี ทำให้โจรจะต้องใช้เวลาในการปลดล็อคเพิ่มขึ้น ยิ่งหากเป็นชนิดมีคุณภาพดี โจรอาจต้องขันพวงมาลัยออกมาปลดล็อค หรือตัดพวงมาลัยออกแบบพวงมาลัยเครื่องบินกันทีเดียว




3. ล็อคเบรคครัช เป็นล็อคที่ถือว่าเป็นการป้องกันแบบที่มีประสิทธิภาพ บางรุ่นโจรจะตัดต้องโกลาหลแบบต้องใช้แก็สตัดเพื่อปลดล็อค





อย่างที่สอง ใช้เทคโนโลยีป้องกันขโมยรถยนต์แบบต่างๆ



1. ระบบควบคุมการล็อคประตูแบบไร้สาย (Wireless Door-lock Remote Control System) เป็นระบบที่ใช้รีโมตควบคุมระยะไกล ใช้คลื่นความถี่สูง ระดับ FM ส่งรหัส ID Lock จากตัวแม่ Master เข้าสู่กล่องควบคุม ECU ระบบนี้จะใช้รหัสโค้ด 10 ตัว เพื่อเข้ารหัสในการปลดล็อคกุญแจ ถ้ารหัสผิด กล่องจะทำการตัดสัญญาณ ต้องใช้กุญแจไขเท่านั้น และยังคอยรับอาการผิดปกติที่เกิดกับรถยนต์ทุกรูปแบบ




2. ระบบป้องกันการสตาร์ทเครื่องยนต์ (Engine Immobilizer System) ระบบนี้จะอาศัยแผ่นโค๊ด (Transponder Chip) ที่ฝังอยู่ในลูกกุญแจ เมื่อนำลูกกุญแจเสียบเข้าสู่แม่กุญแจ จะมีการส่งสนามแม่เหล็กจากตัวแม่ มาสู่ตัวลูก เพื่อเปรียบเทียบโค๊ด ถ้ารหัสผิด กล่องคอมพิวเตอร์จะตัดสัญญาณการสตาร์ทเครื่องยนต์ทันที และไม่สามารถสตาร์ทใหม่อีกได้ ระบบนี้ถ้าเจ้าของรถบางคันคาดไม่ถึง เอาลูกกุญแจสำรองที่ทำปั้มเองมาไข จะไม่สามารถสตาร์ทรถได้ ต้องลากรถกลับเข้าไปแก้โค๊ดที่ศูนย์ทุกราย




3. ระบบ TDS หรือระบบส่งสัญญาณด้วยเสียง ระบบนี้จะทำงานเมื่อมีการกดรีโมตล็อคประตู ซึ่งระบบจะมีเซนเซอร์จับสัญญาณเสียงสั่นสะเทือน เพื่อป้องกันการทุบกระจกรถ ...การเปิดประตูโดยไม่ใช้รีโมต ...การถอดขั้วแบตเตอร์รี่ ระบบจะส่งสัญญาณเสียงทันที ด้วยตัวกำเนิดสัญญาณเสียงแบบมีแบตเตอร์รี่ในตัว หรือบางรุ่นใช้ต่อพ่วงเข้ากับแตรรถยนต์ให้เกิดเสียงดัง ซึ่งต้องใช้รีโมตเป็นตัวหยุดการทำงานเท่านั้น





4. แบบอื่นๆ ...เทคโนโลยีการป้องกันรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เช่นระบบติดตามรถยนต์ที่ถูกโจรกรรม ด้วยเรดาร์นำทาง GPRS ที่จะมีตัวส่งสัญญาณให้ทราบว่า ขณะนี้รถที่ถูกขโมย วิ่งอยู่ที่ไหน ระบบจะประสานงานกับ GPRS ของตำรวจเพื่อติดตาม หรือจะเป็นระบบที่ปล่อยควันหมอกออกมา ให้โจรตกใจและรีบหลบหนีไป และยังมีระบบที่เมื่อรถถูกขโมย ระบบจะส่งสัญญาณมายังโทรศัพท์มือถือของเจ้าของรถ ว่ารถกำลังถูกขโมย เพื่อให้เจ้าของรถ รีบโทรแจ้งตำรวจมาสกัดจับ





อย่างที่สาม การดูแลรถและป้องกันก่อนขโมยจะมาถึงตัวรถ




1. การจอดรถ ไม่ควรจอดในที่เปลี่ยว ลับตาคน หรือจอดค้างคืนไว้เป็นเวลานานๆ จนขโมยจัดการกับรถได้นานๆ




2. ป้องกันการถูกปั้มกุญแจ เมื่อนำรถไปซ่อมตามอู่ที่ไม่น่าเชื่อถือ ล้างอัดฉีด ขอดูรถซื้อขาย และวิธีอื่นๆที่โจรอาจจะใช้เวลาที่เราเผลอ แอบปั้มลูกกุญแจ และสะกดรอยตาม ...เวลานำรถไปซ่อม หรือล้าง ควรทิ้งไว้เฉพาะกุญแจรถเท่านั้น กุญแจล็อคแบบอื่นๆ ควรเก็บไว้ให้หมด




3. ป้องกันการถูกล่อลวง เช่นการขอซื้อรถยนต์ แล้วเขาขอนัดดูรถในที่เปลี่ยว




4. เป็นหูเป็นตาให้กับตำรวจ ถ้าพบเห็นบุคคลที่มีพฤติกรรมกำลังโจรกรรม ให้รีบแจ้งตำรวจ เพื่อช่วยตรวจสอบแทนตนเอง






อย่างที่สี่ เมื่อรถหายแล้วควรทำอย่างไร?



1. แจ้ง จส.100 ...สายด่วนรถหาย เบอร์โทร. 02-7119160 เพื่อออกอากาศในสถานีวิทยุ




2. โทรแจ้ง ศปร.ตร เบอร์โทร. 1192 เพื่อความรวดเร็วในการกระจายข่าวไปให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่




3. เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน ให้เร็วที่สุด เพื่อบันทึกข้อมูล




4. บอกต่อเพื่อนฝูง คนรู้จักทั้งหมด ให้ช่วยกันกระจายข่าว และช่วยกันสังเกต




5. ติดตามสอดส่อง จุดที่สันนิฐานว่า โจรจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนี และหากพบเห็นรถที่ต้องสงสัย ให้รีบแจ้งความเพื่อทำการตรวจสอบ











ท่านใด มีวิธีป้องกันขโมยรถ เพิ่มเติมอีก ขอเชิญเขียนเพิ่มเติมได้นะครับ



ผมขอให้รถของท่าน คลาดแคล้วปลอดภัยจากโจรขโมยรถยนต์


จนสิ้นอายุขัยของตัวรถ.

















โดย yyswim









 

Create Date : 04 มิถุนายน 2551    
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 0:04:51 น.
Counter : 3152 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.