คำคม #2
คำคมบาดใจ
เป็นคำคม ตอนที่ 2 ....
ภาพอาจจะไม่ตรงกับเนื้อหาเท่าไหร่ ประดับไว้เพื่อไม่ให้ เนื้อเรื่อง หนักเกิน
31.
If you love someone, put their name in a circle, instead of a heart,
because hearts can break,but circles go on forever.
ถ้าคุณรักใครสักคน จงเอาเขาไว้รอบตัวคุณ แทนที่จะใส่เขาไว้ในหัวใจ
เพราะหัวใจสามารถแตกสลายได้
แต่ถ้าเขาอยู่รอบตัวคุณ เขาจะอยู่กับคุณตลอดไป
32.
Everyone hears what you say.
Friends listen to what you say.
Best friends listen to what you don't say.
ทุกคนได้ยินสิ่งที่ท่านพูด
เพื่อนทั่วๆไปจะรับฟังสิ่งที่ท่านพูด
แต่เพื่อนแท้จะรับฟังความรู้สึกที่ท่านไม่เอ่ยมันออกมา
33.
If all my friends were to jump off a bridge, I wouldn't jump with them,
I'd be at the bottom to catch them.
ถ้าเพื่อนทั้งหมดของข้าพเจ้าพร้อมใจกันกระโดดลงจากสะพาน
ข้าพเจ้าจะไม่กระโดดตามพวกเขาไปหรอก
แต่ข้าพเจ้าจะยอมลงไปรอที่ก้นเหว เพื่อจะรอรับพวกเขา
34.
Don't frown, because you never know who's falling in love with your smile!
อย่าทำหน้าบูดบึ้ง เพราะว่าท่าน จะไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีใครกำลังชื่นชม
รอยยิ้มของท่านอยู่
35.
If you judge people, you have no time to love them.
ถ้าท่านมัวแต่คิดวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น
ท่านจะไม่มีเวลาพอที่จะรักพวกเขา
36.
Be kind, for everyone you meet is fighting a harder battle.
จงมีจิตใจที่ดีต่อผู้อื่น
เพราะว่าทุกคนที่ท่านพบ เขากำลังต่อสู้กับปัญหาอันยิ่งใหญ่กว่าที่ท่านกำลังประสบ
37.
It may take only a minute to like someone,
only an hour to have a crush on someone
and only a day to love someone
but it will take a lifetime to forget someone.
มันอาจจะใช้เวลาเพียงชั่วนาทีที่จะชอบใครสักคน
เพียงชั่วโมงที่จะนึกรักใครสักคน
และเพียงชั่ววันที่จะรักใครสักคน
แต่มันจะใช้เวลาชั่วชีวิตที่ท่านจะลืมคนนั้น
38.
Enthusiasm is contagious.
You might cause an outbreak and affect many.
ความกระตือรือร้นนั้นติดต่อกันได้
โดยที่ท่านสามารถแพร่มันออกไป และส่งผลกระทบให้อีกหลายคนกระตือรือร้นตามท่านได้
39.
Yesterday is the history, tomorrow is a mystery.
Today is a gift, that is why it is called the present.
เมื่อวานคืออดีต พรุ่งนี้คือสิ่งที่ไม่แน่นอน
แต่วันนี้คือสิ่งที่ท่านมี และนี่คือเหตุผลที่ว่า
ทำไมจึงเรียกปัจจุบัน ว่า ของขวัญ(Present)
40.
Dance like nobody's watching, and love like it's never gonna hurt.
ปล่อยตัวเต้นรำให้สนุกสนาน เหมือนไม่มีใครจ้อง
และจงรักเหมือนว่ามันจะไม่นำความเจ็บปวดมาให้
41.
Don't Look Down Yourself.
อดีตไม่สำคัญว่าเราเป็นใคร สำคัญที่ว่าวันนี้เราต้องการเป็นใคร
จงเคารพนับถือในความสามารถของตัวเอง ยกย่องและให้เกียรติตัวเอง
42.
สมองของคนเราเหมือนพื้นดินที่ว่างเปล่า เมื่อเราปลูกอะไรลงไป เราก็จะได้ผลเป็นอย่างนั้น
จงปลูกฝังแต่สิ่งดีๆลงไปในสมอง
คำพูดใดๆที่เราได้ยินซ้ำซากหรือพูดซ้ำซาก มันจะกลายเป็นนิสัยของเราเอง
43.
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเสียงรอบข้าง
อย่าปล่อยให้ความคิดหรือคำพูดของคนบางคนมาตัดสินชีวิตของเรา
คิดเสมอว่า ในโลกนี้ไม่มีใคร ที่มีอิทธิพลต่อตัวเรามากกว่าตัวเราเอง
44.
ฟ้ามิได้แบ่งแยก ยอดคนกับคนธรรมดา ออกจากกัน
ยอดคนจะเกิดขึ้น มิใช่เพราะฟ้ากำหนด
ยอดคนจะเกิดขึ้น เพราะคนธรรมดาเขาผ่านการฝึกฝนอย่างหนักเป็นพิเศษ
45.
คนฉลาด ต้องโง่เป็น
คนโง่ไม่เป็น จะไม่มีทางฉลาด
46.
เพียงท่านคิดว่า ท่านทำได้ ..ท่านก็ทำได้ตั้งแต่ที่ท่านคิด
แต่หากท่านคิดว่า ท่านทำไม่ได้ ..ท่านก็จะทำไม่ได้ตั้งแต่ที่ท่านคิด
สิ่งที่เลวร้ายของคน คือความคิดที่ตอกย้ำตัวเองว่า ทำไม่ได้
47.
แม้แต่คิด ก็ยังไม่กล้าที่จะคิด แล้วชีวิตจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
จงกล้าที่จะเผชิญกับความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวคือครูที่สอนตัวเราให้ก้าวหน้า
48.
คนสำเร็จมองปัญหาเป็นโอกาส
คนล้มเหลวมองโอกาสเป็นปัญหา
คนสำเร็จจะปรับตัวเองไปหาโลกภายนอก
คนล้มเหลวจะให้โลกภายนอกปรับตัวเข้าหาตัวเอง
49.
ความรู้ เป็นเพียงพลังอำนาจแฝงชนิดหนึ่งเท่านั้น
ความรู้จะกลายเป็นพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ได้ ก็ต่อเมื่อมันถูกนำไปใช้อย่างชาญฉลาด
50.
อย่าเป็นคนประเภท
ฟังแต่ไม่ได้ยิน
ได้ยินแต่ไม่เข้าใจ
เข้าใจแต่ไม่ลึกซึ้ง
ลึกซึ้งแต่ไม่แตกฉาน
แตกฉานแต่นำไปใช้ไม่เป็น
จงมีสติ กล้าถาม กล้าคิด กล้าทำ นำศักยภาพของตัวเองมาใช้อย่างชาญฉลาด
หากยังไม่หนำใจ จะมีคำคมตอนใหม่ออกมาอีก ในโอกาสหน้า
และนี่เป็น คำคมตอนแรก
yyswim
Create Date : 01 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 1 กรกฎาคม 2551 16:19:56 น. |
Counter : 4921 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
กำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีน
มิเคยขึ้นกำแพงเมืองจีน หาใช่ลูกผู้ชายไม่
เป็นคำกล่าวจากกลอนบทหนึ่งของท่านประธาน เหมาเจ๋อตง ที่ได้เอ่ยถึงฉางเฉิงหรือกำแพงเมืองจีน สิ่งปลูกสร้างทางทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อการป้องกันประเทศ จนถูกนับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง
ทั้งนี้เพราะกำแพงเมืองจีนเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวจีนทั้งชาติที่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานที่สุด อีกทั้งอิฐหินและดินทั้งหมดที่นำมาร่วมสร้างเป็นกำแพง ล้วนมาจากหยาดเหงื่อเลือดเนื้อและชีวิตของบรรพบุรุษแห่งชนชาติจีนทั้งสิ้น
กำแพงเมืองจีนจึงเปรียบเสมือนอนุสรณ์สถานให้คนรุ่นหลังได้หวนระลึกถึงความเกรียงไกรของบรรพชนรุ่นก่อน ที่แม้จะไร้ซึ่งเครื่องมืออันทันสมัยก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานอันยิ่งใหญ่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกได้
ด้วยความโด่งดังระบือนามของฉินซีฮ่องเต้ ราชวงศ์ฉิน อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่า กำแพงเมืองจีนเริ่มก่อสร้างครั้งแรกในยุคสมัยของพระองค์
แต่แท้ที่จริงแล้วกำแพงเมืองจีนที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 2,000 ปี ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยราชวงศ์โจว คือเมื่อราว 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยกษัตริย์แคว้นโจว ได้ริเริ่มดำเนินการก่อสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากแคว้นอื่นๆ อันได้แก่แคว้นฉี, แคว้นเยี่ยน, แคว้นเว่ย, แคว้นจ้าว, และแคว้นฉิน ...ซึ่งต่อมาแคว้นเหล่านี้ ก็ได้หันมาลงมือก่อสร้างกำแพงต้านข้าศึกตามอย่างแคว้นโจวหรือราชวงศ์โจวบ้าง
เมื่อย่างเข้าสู่ยุคสมัยของฉินซีฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ฉิน ซึ่งต่อมาได้ผนึกรวมทั้งหกแคว้นมาเป็นแคว้นใหญ่ หนึ่งแคว้นหรือหนึ่งประเทศแล้ว ก็ได้ทำการเชื่อมกำแพงเมืองจีนทางตอนเหนือของแคว้นฉิน แคว้นเยี่ยน และแคว้นจ้าวเข้าด้วยกัน ..รวมทั้งในยุคสมัยต่อมาในภายหลังคือสมัยราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์หมิง ก็ได้ดำเนินการก่อสร้างต่อเติมออกไปอีก
กำแพงเมืองจีนมีความยาวทั้งหมดประมาณ 14,600 ลี้ หรือประมาณ 6,700 กิโลเมตร (บางเอกสารบอกว่า 6,350 กิโลเมตร) จึงเรียกว่า กำแพงหมื่นลี้ ..ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ คือ
ส่วนกำแพงที่เป็นกำแพงอิฐภายนอก ภายในเป็นหิน ดิน ทราย หรืออื่นๆ มีความสูงประมาณ 3 - 8 เมตร ยอดกำแพงกว้างประมาณ 4 - 6 เมตร
ส่วนหอสังเกตการณ์ จะแบ่งออกเป็น 2 ชั้น โดยชั้นบนใช้คอยสอดส่องและยิงธนูต่อสู้ข้าศึก และชั้นล่างถูกซอยออกเป็นห้องเล็กๆ ใช้เก็บสรรพาวุธ รวมถึงเป็นที่พักนอนของเหล่าทหารหาญ
ส่วนที่ 3 คือป้อมปราการ หรืออาจเรียกว่า ตัวด่าน มักสร้างไว้ตามจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์
และส่วนที่ 4 คือ หอส่งสัญญาณ ซึ่งเป็นส่วนที่ตั้งอยู่นอกเขตกำแพง ตามยอดเขาหรือที่ที่ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากที่ไกลๆ ..ตอนกลางคืนจะใช้วิธีจุดไฟแจ้งเหตุ ส่วนกลางวันใช้เป็นควันไฟสัญญาณแทน ...อย่างไรก็ตามในภายหลัง มีเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียและแมนจูเรีย สามารถบุกฝ่ากำแพงเมืองจีนได้สำเร็จ
ปัจจุบันส่วนที่หลงเหลือให้เห็นเป็นรูปกำแพง อยู่ ณ กรุงปักกิ่ง(18 ด่าน) นครเทียนจิน(2 ด่าน) มณฑลกันซู่(20 ด่าน) มณฑลเหอเป่ย(43 ด่าน) มณฑลเหลียวหนิง( 2 ด่าน) มณฑลหนิงเซี่ย(15 ด่าน) มณฑลซันซี(61 ด่าน) และมณฑลส่านซี(24 ด่าน) ล้วนเป็นกำแพงเมืองที่ก่อสร้างในสมัยราชวงศ์หมิงทั้งสิ้น โดยสุดทางด้านตะวันออก คือ ด่านซันไห่กวน ในมณฑลเหอเป่ย และสุดทางด้านตะวันตก คือ ด่านเจียอี้ว์กวน ในมณฑลกันซู่
อนึ่ง กำแพงเมืองจีนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530
สีแดง คือ กำแพงเมืองจีน
มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนที่หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยทราบ
1. มองเห็นได้จากดวงจันทร์?
เราไม่สามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนได้จากระยะไกลมากเช่นจากดวงจันทร์ตามที่มีเสียงเล่าเสียงลือกัน ..คำยืนยันนี้เกิดขึ้นจากปากของนักบินอวกาศของประเทศจีนเอง ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์ที่จะสามารถมองเห็นจากดวงจันทร์ได้ ..ยกเว้นจากความสูงระดับ Low Earth Orbit เราอาจจะมองเห็นกำแพงเมืองจีนได้แต่ต้องมีทัศนวิสัยดีและรู้จักจุดที่จะสังเกตมอง
เหตุที่เราไม่อาจจะมองเห็นกำแพงเมืองจีนได้ในระยะไกลมาก ก็เพราะสีของกำแพงเมืองจีนจะกลืนไปกับสีของพื้นผิวของโลกนั่นเอง เชิญอ่านบทความภาษาอังกฤษ เพิ่มเติม
2. กำแพงยาวตลอด?
ความจริงแล้วกำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นในหลายยุคหลายรัชสมัย กินเวลานับพันปี โดยบางช่วงจะเป็นการเชื่อมต่อกำแพงเข้าด้วยกัน แต่ไม่ได้ต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด ...โดยว่ากันว่า ด่านปาต๋าหลิ่ง ใกล้กับกรุงปักกิ่งเป็นที่ขึ้นชื่อว่ายังคงมีสภาพสมบูรณ์ และเป็นจุดเที่ยวชมกำแพงเมืองจีนที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
3. สุสานของผู้ก่อสร้าง?
มีการบันทึกไว้ไว่า นักโทษจากสงครามและทาสกว่า 1 ล้านคนถูกบังคับมาเป็นแรงงานเพื่อก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ซึ่งจำนวนมากได้เสียชีวิตลงเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย ความหิวโหย และสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ โดยศพของผู้เสียชีวิตก็จะถูกฝังอยู่ข้างๆกำแพงนั่นเอง
นานนับศตวรรษแล้วที่กำแพงเมืองจีนได้ชื่อว่าเป็นสุสานที่มีความยาวที่สุดในโลก และกล่าวกันว่าทุกๆ หนึ่งฟุตของกำแพงก็คือหนึ่งชีวิตของผู้ก่อสร้างกำแพงนั่นเอง
4. ยาวเท่าไหร่แน่?
ความยาวของกำแพงเมืองจีน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทราบความยาวที่แท้จริง เพราะกำแพงไม่ได้ยาวเป็นผืนเดียวกันตลอด บางตอนแยกห่างกันมาก อีกทั้งปัจจุบันซึ่งนับเวลาจากวันเริ่มก่อสร้าง นับเป็นเวลาพันปีแล้ว บางส่วนจึงได้พังทลายลงเป็นผืนดิน ทำให้การวัดความยาวที่แน่นอนกระทำได้ยาก
ในภาษาจีนจะเรียกกำแพงเมืองจีนว่า "กำแพงยาวหมื่นลี้" (หนึ่งลี้มีความยาวประมาณ 1/3 ไมล์) โดยประมาณคร่าวๆกำแพงเมืองจีนจะมีความยาวประมาณ 4 พันไมล์ หรือ 6,350 กิโลเมตร ทอดผ่านทะเลทราย ทุ่งหญ้า ป่าละเมาะ และภูเขา ความสูงของกำแพงเมืองจีนประมาณ 7 เมตร และกว้างประมาณ 5 เมตร แต่ไม่ได้สูงเท่ากันและกว้างเท่ากันตลอด
5. ป้องกันการรุกรานได้จริงหรือ?
การเข้าครองอำนาจของมองโกลและต่อมาของแมนจูเรียต่อเมืองจีน เกิดขึ้นจากความอ่อนแอของราชวงศ์จีนที่ปกครองจีนในสมัยนั้น มากกว่าไม่ใช่เกิดจากการที่กำแพงเมืองจีนด้อยประสิทธิภาพ
พวกเขาใช้โอกาสในขณะที่เกิดกบฎภายใน เข้ายึดครองประเทศจีน โดยมีการต่อต้านจากภายใน ที่น้อยมาก
6. เป็นเพียงกำแพงยาวๆ?
กำแพงเมืองจีนไม่ได้เป็นแค่กำแพงยาวๆ ..ทุกระยะทางประมาณ 300 ถึง 500 เมตร จะมีป้อมหรือด่าน เพื่อใช้เป็นจุดเตรียมสะเบียง เตรียมอาวุธ จุดสับเปลี่ยนเวรยาม และเป็นที่นอนหลับพักผ่อน
ป้อมหรือด่าน ซึ่งมีจำนวนมากกว่า1หมื่นแห่งนี้ ยังมีแท่นที่ใช้กำบังอาวุธ มีรูใหญ่บนกำแพงเพื่อใช้สำหรับการสังเกตการณ์และยิงธนู และมีที่สำหรับปักธงและส่งสัญญานต่างๆ
7. เป็นเส้นทางขนส่ง?
ในอดีต กำแพงเมืองจีนถูกใช้เป็นเส้นทางคมนาคม จริง ..เพราะช่วยให้การคมนาคมขนส่งบนเส้นทางทุรกันดาร เช่นตามเทือกเขา เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย แต่ก็ทำลายกำแพงเมืองจีนให้ชำรุดทรุดโทรมลงเร็ว
8. สร้างด้วยอะไร?
ในระยะแรก ก่อนที่จะมีการใช้อิฐ กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นด้วยหิน ดิน ไม้ และอื่นๆ เช่น มีการแพ็คดินไว้ระหว่างไม้แผ่นใหญ่ และมัดไว้ด้วยเสื่อทอ
ในระยะต่อมาเมื่อมีการใช้อิฐ ก็จะใช้อิฐไว้รอบนอก ส่วนภายในจะใช้ดินและหินอัดแน่น ..ในบางจุด กำแพงถูกสร้างขึ้นด้วยหินแกรนิต หรือด้วยดินเผา ..ทางตะวันตกของจีน กำแพงถูกสร้างขึ้นด้วยโคลน ส่วนบริเวณใกล้กับกรุงปักกิ่งคือเมืองหลวง บางส่วนของกำแพงถูกสร้างขึ้นด้วยหินอ่อน
กำแพงเมืองจีนที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง โดยใช้วัตถุดิบประเภทหินทั้งด้านข้างกำแพง และด้านบน
9. สภาพในขณะนี้?
ผลการสำรวจของนักอนุรักษ์เมื่อปีพ.ศ.2547 บอกว่ากำแพงเมืองจีนที่เคยยาวประมาณ 6,350 กิโลเมตรในอดีต ขณะนี้เหลืออยู่เพียง 1/3 เท่านั้น และกำลังจะสั้นลงๆ เรื่อยๆ
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะกำแพงเมืองจีนไม่ได้ถูกทะนุบำรุงรักษาและอนุรักษ์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะในดินแดนไกลๆ ชาวไร่ชาวนาซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับกำแพงเมืองจีน จะไม่สนใจประกาศของรัฐบาลที่กำหนดให้กำแพงเมืองจีนเป็นสมบัติของชาติที่จะต้องช่วยกันรักษา ..เขาเหล่านั้นกลับใช้อิฐใช้หินของกำแพงเมืองจีน เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆโดยไม่เจตนา
10 ตำนานของเมิ้งเจียงหนี่ว์?
เมิ้งเจียงหนี่ว์ เป็นหญิงชาวบ้าน เธอเดินฝ่าลมหนาวมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อนำเสื้อกันหนาวที่เธอบรรจงเย็บมากับมือ หวังจะไปมอบให้สามีที่ถูกเกณฑ์ไปเป็นแรงงานก่อสร้างกำแพงเมืองจีน
หลังจากการเดินทางอันยาวนาน ในที่สุดเธอก็บุกบั่นจนไปถึงค่ายพักแรงงานก่อสร้าง เธอเที่ยวเดินถามหาสามีไปทั่ว แต่กลับต้องพบกับข่าวร้าย สามีอันเป็นที่รักของเธอได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้นานแล้ว เนื่องจากทนทรมานกับความยากลำบากและสภาพอากาศที่โหดร้ายไม่ไหว และศพของเขาก็ถูกฝังอยู่ภายใต้กำแพงเมืองจีนนั่นเอง
เธอร่ำไห้คร่ำครวญน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด จนทำให้กำแพงเมืองจีนบางส่วนพังทลายลง เผยให้เห็นซากไร้วิญญาณของสามีเธอ เมื่อนั้นเอง เธอก็ตัดสินใจกระโดดลงไปใช้ศีรษะพุ่งชนกำแพงตายอยู่เคียงข้างสามีของเธอ
แม้ว่าชื่อของเธอ จะไม่ปรากฏในประวัติศาสตร์ ..จะมีก็แต่ในเพียงตำนาน แต่ชาวจีนทั้งหลายก็เชื่อกันว่าเรื่องของเธอเป็นเรื่องจริง เธออยู่ในยุคสมัยของราชวงศ์ถัง และมีอนุสาวรีย์ของเธอ อยู่ ณ วัดแห่งหนึ่งใกล้ๆกับด่านซันไห่กวน
11 กระโดดข้ามกำแพงเมืองจีน?
ในปีพ.ศ.2548 นายแดนนี่ เวย์ จากรัฐคาลิฟอร์เนีย อายุ31ปี เขาทำสถิติเป็นบุคคลคนแรกที่กระโดดข้ามกำแพงเมืองจีนโดยใช้สเก๊ตบอร์ด ..ท่ามกลางฝูงชนชาวจีนที่ไปยืนแหงนคอบนกำแพงเมืองจีนเพื่อดูเขาทำลายสถิติ เขาพุ่งสเก๊ตบอร์ดด้วยความเร็ว 50 ไมล์ต่อชั่วโมง จึงสามารถกระโดดข้ามกำแพงเมืองจีนได้ในการกระโดดครั้งที่ 5
ก่อนหน้านี้ ในปีพ.ศ.2546 นายหวัง เจี่ยเซียง จากเมืองชานซี ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเคยหวังจะทำลายสถิตินี้ โดยใช้จักรยานเป็นเครื่องมือกระโดดข้ามมาแล้ว แต่เขาทำไม่สำเร็จ เขาตกลงมาเสียชีวิต
นี่เป็นเรื่องจริงที่อาจจะยังไม่มีใครรู้ เกี่ยวกับกำแพงเมืองจีน.
yyswim
Create Date : 28 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 28 มิถุนายน 2551 1:18:48 น. |
Counter : 9172 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |