การกอด
การกอด
1.
ทางจิตวิทยาบอกว่า.. มนุษย์จะอยู่รอดและเจริญเติบโตเป็นปกติ เพราะการได้รับการสัมผัส
เด็กทารกจะถูกตบก้นทันทีที่คลอด เด็กทารกจะต้องการการโอบอุ้มและการห่อหุ้มด้วยผ้านุ่มอบอุ่น จะต้องการน้ำนม จะต้องการวัคซีน น้ำสะอาด อาหารย่อยง่ายจากคุณแม่หรือผู้เลี้ยงดู ..มิฉะนั้น เด็กทารกจะไม่มีชีวิตรอด
มนุษย์จะต้องการการได้รับการชี้นำเรื่องการเดิน การกิน การแสดงพฤติกรรมต่างๆ และการใช้ภาษาในการสื่อสาร ..มิฉะนั้นมนุษย์จะไม่อาจเจริญเติบโตเป็นปกติ
คือ อาจจะเดินท่าทางแปลกๆ กินท่าทางแปลกๆ ไม่พูดหรือมีการเปล่งเสียงออกมาเป็นการพูดแปลกๆที่ผู้อื่นฟังไม่เข้าใจ ...หากมนุษย์ไม่ถูกชี้นำ ซึ่งทางจิตวิทยาบอกว่าหากมนุษย์ไม่ได้รับสโตร๊กหรือไม่ได้รับการสัมผัสจากผู้อื่น
การสัมผัสทางจิตวิทยามีความหมายถึง ..การอบรมสั่งสอน การให้ความรู้ การให้ของกินของใช้ การให้เงิน การให้กำลังใจ การให้อภัย รวมทั้งการสัมผัสถูกต้องตัว เช่นการอุ้ม การจูงมือ และการกอด
ทั้งนี้ มนุษย์จะชอบการสัมผัสที่กล่าวถึง แบบสุภาพ และอบอุ่นละมุนละไม
การกอดที่นุ่มนวล อบอุ่น จริงใจ หากกระทำโดยบุคคลที่สนิทสนมใกล้ชิดกัน ในกาลเทศะที่เหมาะ และในปริมาณที่เหมาะ มนุษย์ทุกคนจะชอบ
การกอดคุณพ่อคุณแม่ การกอดลูกหลาน การกอดคุณลุงคุณปู่คุณย่า การกอดเพื่อนสนิท การกอดคู่รัก ...หากกอดในที่ไม่ประเจิดประเจ้อ เป็นเทศกาลที่ควรจะกอด เป็นวาระจะต้องจากลากันไปไกลๆ หรือนานๆได้มาเจอกัน ..หากทำด้วยความเต็มใจ จริงใจ อบอุ่นละมุนละไม และนานพอเหมาะ มีหรือที่คนจะไม่ชอบ
ใครบางคนที่เขาสนิทสนมกับเรามากๆ และเขาเสียใจบางสิ่งบางอย่างอย่างรุนแรง ..ควรมอบความเห็นใจและความรักด้วยการกอดเขาเถิด
ใครบางคนที่เขาสนิทสนมกับเรามากๆ เขาดีใจสุดๆกับบางเรื่องที่ผู้อื่นทำได้ยากแต่เขาสามารถทำได้ เขากำลังปลื้มใจสุขใจเป็นล้นพ้น เขาอยากจะบอกความรู้สึกนั้นให้ผู้ใกล้ชิดทราบ ..อย่ายืนห่างจากเขา อย่าเพียงแค่มองเขา ควรกอดเขาเถิด
ใครบางคนที่รักเรามากเหลือเกิน ห่วงใยเรามากเหลือเกิน ...ทันทีที่เขาเจอเรา เขาจะตรงเข้ามากอดเรา เพื่อแสดงความรู้สึกรักและความเป็นห่วงเรา ..อย่ารังเกียจ ควรกอดเขากลับคืนเถิด
2.
เขาว่าการกอด คือ การแสดงความรักอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องแต่งหน้าก่อน ไม่ต้องใช้ครีมยูวี ไม่มีไขมัน ไม่ทำให้อ้วน ไม่ต้องใช้แรงมาก ไม่ทำให้เหนื่อย ไม่ทำให้ง่วง ไม่ต้องดาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ไม่ต้องจ่ายภาษี ไม่ต้องคอยเปลี่ยนแบต ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องต่อเน็ต ไม่ต้องสมัครสมาชิก ..แต่มีอำนาจมหัศจรรย์
1. ทำให้กล้ามเนื้อแขน ไหล่ และขาได้ทำงาน คนตัวเตี้ยจะได้ยืดตัว คนตัวสูงจะได้ค้อมตัว
2. ทำให้การเต้นของหัวใจ การไหลเวียนของโลหิต ความดันโลหิตเป็นปกติ ระบบภูมิต้านทานของร่างกายทำงานดี รักษาภาวะซึมเศร้าได้ ลดความตึงเครียดได้ ..ความรู้สึกน้อยใจ เหงา และความเศร้าโศกจะน้อยลง ความมีชีวิตชีวาจะกลับเข้ามาสู่ร่างกายและจิตใจ
มีงานวิจัยและบทความจำนวนมาก สนับสนุนคุณค่าของการกอดว่า เป็นวิธีปฏิบัติที่มีพลัง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น หากได้ทำร่วมกับการรักษาทางยา
3. ทำให้พัฒนาการการเจริญเติบโตของเด็ก เป็นไปด้วยดีและรวดเร็ว เด็กฉลาด มีสมาธิ จำอะไรได้ดี คิดอะไรได้เร็ว มีไอคิวและอีคิวสูงกว่าเด็กที่ขาดคนกอด
4. ทำให้เกิดความสุขทั้งผู้ได้รับการกอดและผู้กอด ..ผู้ได้รับการกอดจะทราบว่ามีคนยอมรับตน เข้าใจตน เห็นใจตน เป็นฝ่ายเดียวกับตน ..เกิดความคุ้นเคยสนิทสนม เกิดความเชื่อใจไว้วางใจ ..เชื่อมั่นตนเองมากขึ้น มีความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า .. เกิดความพร้อมที่จะทำสิ่งต่างๆให้ดีขึ้น มีความผูกพันกับคำมั่นสัญญามากขึ้น
ฉะนั้น ควรหาเรื่องที่จะกอดกันบ่อยๆ ยิ่งกอดพร้อมกับเอ่ยถ้อยคำดีๆ ยิ่งจะเพิ่มพูนคุณค่าของการกอดให้มีมากยิ่งขึ้น
ทำหลายครั้งต่อวันก็ได้ แต่พึงดูความเหมาะสมของกาลเทศะ ..อย่าทำกลางตลาดสด อย่าทำบนรถประจำทาง อย่าทำกลางถนน อย่าทำในวัด อุอุอุ .. ควรเลือกสถานที่ที่เป็นที่ส่วนตัวหน่อย จะได้ไม่มีคนเขม่นและตาร้อน
มีคลิปวีดิโอของฝรั่ง อาสากอดฟรี (Free Hugs Campaign) ถ่ายทำจากเรื่องจริง ..ไม่ได้เมค
ถ้าเพื่อนๆสนใจจะดู ขอเชิญกดที่นี่ ..เนื้อเรื่องแปลกครับ เช่น พอคนเริ่มกอดกัน ภาพก็เริ่มมีสีแทนภาพขาวดำ และกิจกรรม Free Hugs Campaign มีคนเห็นด้วยกับแคมเปญนี้ถึง 10,000 คนตามเป้าหมาย (นี่ ถ้าหากต้องการจำนวนคนมากกว่านี้ ไม่ทราบผลจะออกมาเป็นอย่างไร) เพลงก็ไพเราะครับ
ตอนกด ชมครั้งแรก ภาพอาจจะติดขัดตะกุกตะกักอยู่บ้าง แต่เมื่อกดรีเพลย์ครั้งที่สองและสาม ภาพและเสียงจะไหลลื่นน่าชม
และหากเพื่อนๆสนใจจะดูคลิปวีดิโอ อาสากอดฟรี (Free Hugs) แนวนี้อีก จะสามารถหาชมเพิ่มเติมได้อีกเยอะ เพราะมีการถ่ายคลิปวีดิโอจากสถานที่จริงในหลายๆประเทศ เช่น เกาหลีใต้
อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
กรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ... และอีกในหลายๆประเทศ จาก youtubeดอทคอม
ขอถาม... นี่ถ้า คาวี หรือเคน ธีรเดช เดินยกป้าย อาสากอดฟรี ในเมืองไทยบ้าง ...มีใครจะกล้ากอด เคนธีรเดช ม๊ายยยยยยย?????
3.
บอกรักด้วยการกอด
1. เมื่อเขาหนาวสั่น
2. เมื่อเขาเศร้าเสียใจอะไรรุนแรง
3. เมื่อเขาทำสิ่งที่เขามุ่งหวัง ทำได้สำเร็จ
4. เมื่อเขาได้ทำสิ่งดีๆให้เราหรือมอบของขวัญให้เรา
5. ก่อนเขาจะออกไปทำงานหรือก่อนจะแยกจากกัน
6. เมื่อนานๆเจอกัน
7. หลังจากเขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ..ก็โถ เขากำลังหนาว
8. ยามที่เขายืนชมจันทร์หรือยืนชมวิวสวยเพลินๆ
9. ขณะเขานั่งเพลิดเพลินดูทีวี หนังรักโรแมนติกหรือหนังผี
10. ขณะนอนด้วยกันใต้ผ้าห่มบนเตียง อุอุอุ ยิ่งเป็นคืนฝนตก
11. เมื่อเขาบอกลาเพื่อจะนอนหลับ
หากท่านเป็นฝ่ายกอด ..ควรกระซิบบอกรัก หรือบอกว่ารู้สึกยินดีกับสิ่งที่เขาได้ทำ หรือบอกให้กำลังใจเขาเบาๆด้วย
หากท่านได้รับการกอด .. กรุณาบอกรัก หรือบอกว่าท่านมีความสุข หรือบอกขอบคุณเขาเบาๆด้วย
เคยเห็นลูกสุนัขเล่นสนุกกับลูกสุนัขอีกตัวมั๊ย? มันใช้หัวดันหัว ดันท้องกับอีกตัว มันใช้ขาก่ายกับอีกตัว มันนอนผลัดกันพลิกคว่ำพลิกหงายไปมากับอีกตัว ..ดูมันเล่น แล้วรู้สึกเพลิดเพลิน อยากมองอยากดูมันนานๆ
แต่เมื่อเห็นสุนัขแสยะเขี้ยวจะกัดสุนัขอีกตัว น้ำลายเยิ้มออกมาราวกับเป็นหมาบ้า ลูกตาจ้องใส่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ..ใครเห็น ใครก็คงจะบอกคล้ายๆกันว่า ไม่ชอบ กลัวมันกัด ไม่อยากมอง ไม่อยากอยู่ใกล้
อุปมานี้ เพื่อจะบอกว่านี่แหละความนิยมชมชอบที่คนมีต่อ การกอด ล่ะ
4.
มี กวี บทหนึ่งเขียนว่า
อ้อมกอดเป็นสิ่งมหัศจรรย์
A hug is an amazing thing
มันเป็นวิธีการที่แสนวิเศษ
It's just the perfect way
ที่บ่งบอกถึงความรักอย่างจริงใจ
To show the love we're feeling
ซึ่งอาจไม่สามารถบอกได้เป็นคำพูด
But can't find the words to say.
หากได้กอดเพียงวันละนิด
It's funny how a little hug
ทุกคนจะรับรู้ถึงความสุข
Makes everyone feel good;
ในทุกท้องถิ่นและทุกภาษา
In every place and language,
เพราะทุกคนรู้ว่ามันเป็นสิ่งดีงาม
It's always understood.
การกอดไม่ต้องการอุปกรณ์
And hugs don't need new equipment,
และไม่ต้องการพลังหรืออะไหล่
Special batteries or parts -
เพียงแต่แค่เปิดอ้อมแขน
Just open up your arms
และเปิดหัวใจของตน .. เท่านั้น
And open up your hearts.
เขียนโดย Jill Wolf
มีข้อเขียนสั้น อีกบทหนึ่ง ..เขียนโดยเด็กชาย 9 ขวบ
ถ้าเพียงแต่แม่กอดลูกอย่างทะนุถนอม
If you touch me soft and gentle
ถ้าเพียงแต่แม่มองดูลูกและยิ้มให้ลูก
If you look at me and smile
ถ้าเพียงแต่แม่ฟังลูกพูดบ้างแทนที่แม่จะพูดเสียเอง
If you listen to me talk sometimes, before you talk
ลูกก็จะเจริญเต็มวัยทั้งร่างกายและจิตใจ
I will grow, really grow.
เขียนโดย Bradley 9 years
กอดเพียงมือเดียว
นักการเมืองกอด
5.
คุณค่าของการกอดจะเกิดขึ้น ต่อเมื่อ ผู้กอดและผู้ได้รับการกอด มีความเต็มใจและจริงใจที่จะกอด ..ไม่ใช่กอดเพราะธรรมเนียมปฏิบัติ .. ไม่ใช่กอดเพราะเป็นเทศกาล .. ไม่ใช่กอดเพราะหวังจะสร้างภาพลักษณ์ .. หรือไม่ใช่กอดเพราะถูกบังคับ
การกอดหากไม่จริงใจ ..ผู้รับการกอดจะรู้สึกได้ ..ผู้อยู่ใกล้ๆก็มองออกได้ไม่ยาก
ฉะนั้นหาก ไม่ประสงค์จะกอด ...ก็ไม่ควรฝืนกอด
ควรจะใช้การไหว้ หรือการโค้งให้ หรือการสัมผัสมือแทนการกอด ก็ได้
คือ บางคนอาจจะกระดากไม่อยากจะกอด ..หรือไม่อยากจะกอดที่สถานีรถไฟ ที่หน้าโรงเรียน ในห้องประชุม ในห้องสุขา ในห้องทำงานที่มีผู้อื่น ..หรือบางคนไม่ชอบกลิ่นปาก ไม่ชอบกลิ่นตัวผู้อื่น ..หรือบางคนรู้สึกว่าตัวเองมีเหงื่อ ตัวสกปรก และร้อน ...หรือบางคนเกรงใจแฟนที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ .. หรือบางคนรู้ว่ามีผู้สื่อข่าวคอยจ้องจะถ่ายภาพ .. หรือวัฒนธรรมของบางท้องถิ่นที่ไม่นิยมให้มีการกอด ..ทั้งหมดนี้ก็อาจจะเลี่ยงการกอด เป็นการใช้วิธีอื่นทดแทน.
กอดด้วยสองมือด้วยสัมผัสที่อบอุ่นจริงใจ ..การกอดจะมีคุณค่ากว่าการใช้มือเดียว
เจ้าของบล๊อก อยากจะได้คอมเมนต์ .. ช่วยเขียนอะไรให้อ่านสักหน่อย นะครับ
Create Date : 27 เมษายน 2551 |
Last Update : 29 เมษายน 2551 11:58:14 น. |
|
40 comments
|
Counter : 7056 Pageviews. |
|
|
|
ยังมีข้อมูลการกอดเพื่อรักษาอาการป่วยให้อ่านต่อ แต่หาก ล้าแล้ว ก็ไม่ต้องอ่านก็ได้
6.
คุณ พรวรินทร์ นุตราวงศ์ อาชีพพยาบาลและอาจารย์พยาบาล วัย 50 ปี ทำงานอยู่ที่วชิระพยาบาล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือกรุงเทพมหานครตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 เธอรักอาชีพพยาบาล หน้าที่ของเธอนอกจากจะสอนนักศึกษาพยาบาลแล้ว เธอก็เป็นพยาบาลทั่วไป ...ซึ่งเธอทำหน้าที่นี้มาประมาณ 29 ปี
เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว คือปี พ.ศ.2547 แพทย์ได้ตรวจพบว่า คุณภุชงค์ นุตราวงศ์ สามีคู่ชีวิตของเธอ ผู้ที่ทำงานในตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง -กกต. เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
และคุณหมอบอกเธอว่า ..ขอให้ทำใจ สันนิษฐานว่าคุณภุชงค์คงจะอยู่ได้อีก ไม่เกิน 8 เดือน
ระยะเวลา 8 เดือนที่ยังเหลือที่เธอจะได้ปรนนิบัติคนรัก เธอรู้สึกเครียดมากๆ ..แต่สามีของเธอ กลับเครียดยิ่งกว่า เขาได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ถึงจุดๆ หนึ่ง สามีของเธอก็เกิดอาการท้อแท้ เขาถึงกับจะฆ่าตัวตาย 2 ครั้ง ในช่วงนี้โลกรอบด้านของเธอ เธอรู้สึกเหมือนกับว่า มันมีแต่เพียงเดือนมืด ไม่มีอีกแล้วที่โลกใบนี้จะเป็นคืนเดือนหงายที่เธอและครอบครัวจะได้ชื่นใจร่วมกัน
บรรยากาศการรักษาในโรงพยาบาล ที่นับวันจะเหลือจำนวนวันสั้นลง ทำให้จิตใจสามีของเธอพลอยย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ..เพื่อให้สามีของเธอได้สัมผัสกับบรรยากาศดีๆ อากาศดีๆ เสื้อผ้าดีๆ เธอจึงตัดสินขออนุญาตคุณหมอ ขอนำสามีกลับไปอยู่ที่บ้าน โดยเธอจะทำทุกอย่างเพื่อดูแลสามีของเธอให้ดีที่สุด หากอะไรจะเกิด เธอก็อยากจะให้เขาได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ความสะดวกสบายที่สุดเสียก่อน เธอคิดเช่นนั้น ..ซึ่งคุณหมอก็อนุญาต
ด้วยความรักสามี นอกจากเธอจะดูแลเขาด้วยยา ด้วยอาหาร ด้วยบรรยากาศ ด้วยเสื้อผ้าที่ดีที่สุดแล้ว เธอยังกอดสามีทุกวัน วันละหลายครั้ง พร้อมกับกล่าวคำว่ารัก รัก รักสามี ..และพูดถึงคุณงามความดีของสามี พร้อมกับให้กำลังใจสามี
แม้บางครั้งเธอจะพูดไปร้องให้ไป เธอก็ยินดีทำต่อไป อย่างชนิดไม่เคยรู้สึกเบื่อ เธอทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน ทุกวัน
เชื่อหรือไม่ สิ่งมหัศจรรย์ได้บังเกิด ...วันครบกำหนด 8 เดือนที่หมอสันนิษฐานไว้ ..สามีของเธอยังลืมตาเป็นปกติ ขยับตัวได้ ทานอาหารได้ สื่อความกับเธอได้ และเวลาที่ล่วงไปมากกว่า 8 เดือนต่อมา ..เชื่อหรือไม่ เขากลับร่างกายแข็งแรงขึ้น และยังมีชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้
เธอบอกว่า นี่คงเป็นเพราะพลานุภาพของความรัก และวิธีการที่เธอปฎิบัติ ..ทั้งการกอดเขาบ่อยๆ สัมผัสเขาอย่างละมุนละไมอ่อนโยน ทำให้เขาได้รับแต่ความสุข ความอบอุ่น ความเพลิดเพลิน คิดแต่ในทางบวก นอนหลับสนิทสบาย
เธอคิดว่าการกอดอย่างอบอุ่น รักและไม่รังเกียจ จะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีต่อโรคร้าย ..หากทำร่วมกันกับยาพร้อมอาหารที่ดี อากาศที่ดี จะทำให้คนป่วยมีอาการดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ทุกวันนี้คุณพรวรินทร์ ..เธอพยายามบอกเล่าวิธีปฏิบัตินี้ต่อนักศึกษาพยาบาล และคุณพยาบาลท่านอื่นๆ ให้หันมาให้ความสำคัญต่อผู้ป่วย ด้วยการพูดคุยเรื่องดีงามของผู้ป่วย บอกรักผู้ป่วย และหากเห็นว่าเหมาะสม ควรจะกอดผู้ป่วย หรือควรจะสัมผัสผู้ป่วยอย่างเต็มใจและจริงใจบ่อยๆ