มีใครรู้จักเธอ
มีใครรู้จักเธอ
เธอเป็นผู้หญิงเรียบร้อย ไม่เคยมีข่าวเสียหายทางด้านชู้สาว เธอเป็นผู้หญิงเก่งระดับที่เยาวชนรุ่นใหม่ถือว่าเธอเป็นต้นแบบ เธอมีฐานะร่ำรวย เธอมีครอบครัวที่อบอุ่นมากอยู่ในอเมริกา
รูปนี้เธอถ่ายด้านหน้า หุ่นเธอแข็งแรงครับ
หากพูดถึงชื่อเสียง เธอเคยเป็นถึงระดับแชมป์โอลิมปิค และระดับแชมป์โลก สื่อมวลชนหลายสำนักต่างยกย่องให้เธอเป็นหนึ่งของตำนานโลก
แต่เธอไม่ใคร่จะยินดี
เพราะชีวิตของเธอ ต้องการเป็นเพียงบุคคลธรรมดาๆ
ท่านี้ สงสัยจะสนุกกับการกระโดดลงว่ายน้ำ
มีใครคาดเดาออกบ้างว่าเธอคนนี้ คือใคร?
ช่วงนี้ ผมกำลังค้นคว้าข้อมูลอยู่ครับ ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ใกล้ๆตัวเธอคนนี้นี่แหละ ....และมีรูปภาพมากโขเลยครับ
Create Date : 07 กรกฎาคม 2549 | | |
Last Update : 7 กรกฎาคม 2549 15:41:58 น. |
Counter : 3352 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
อาลัยดร.อภิวัฒน์
อาลัยดร.อภิวัฒน์
จากไปอย่างไม่มีวันกลับ สำหรับคนทีวีคุณภาพ ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร (ดร. วรฑา วัฒนะชยังกูร) หนึ่งในผู้บริหารค่ายเจเอสแอลฯ และพิธีกรรายการ "คนค้นฅน" ในเช้าของวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2549 ณ โรงพยาบาลศิริราช หลังจากนอนต่อสู้กับอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน
คู่ชีวิตของ ดร.อภิวัฒน์
คุณอทิตา วัฒนะชยังกูร ได้เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ พร้อมกับลูกชาย (เพชร ภาคิน) และลูกสาว (แพรว กวิตา) เธอเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนที่สามีจะสิ้นใจด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า แม้จะทำใจไว้บ้างแล้วแต่ก็รู้สึกใจหาย เพราะเพิ่งจะฉลองวันเกิดให้สามีไปเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา เผยสามีเข้มแข็งมากๆ
ตอนหัวค่ำ คืนก่อนที่พี่เต้ยจะเสีย พี่เต้ยเริ่มหายใจแย่ลง พี่เต้ยเหนื่อย แต่ตอนกลางวันยังทานอาหารได้เหมือนคนปกติ ทานข้าวกับปลาเป็นเรื่องเป็นราว ตอนบ่ายก็ทานอาหารเสริม ซึ่งก็คือนม พี่เต้ยก็ยังทานได้อยู่ แต่พอตอนเย็นเริ่มมีอาการหายใจไม่ทัน หมอเลยให้ดมออกซิเจนเป็นท่อครอบจมูกเอาไว้ แต่ดมได้นิดเดียว พี่เต้ยบอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่ชอบ ก็เอาออก"
"แล้วตอน 3 ทุ่ม พี่สะใภ้ของพี่เต้ยก็มาเยี่ยม เขาก็ยังคุยเล่นกันอยู่เลย พี่เต้ยยังบอกว่าให้กลับบ้านเถอะ ผมรักพี่นะ คุยธรรมดามากๆ แต่ตอนนั้นดูพี่เต้ยเหนื่อยมาก พอตอนเที่ยงคืน พยาบาลก็เข้ามาขยายหลอดลมให้ เพราะดูพี่เต้ยเนี่ย ไม่ค่อยไหวแล้ว พอรุ่งเช้าตอน 6 โมงเช้า คุณพ่อคุณแม่พี่เต้ยก็มา ซึ่งก็มาเป็นปกติทุกวันอยู่แล้ว"
"คุณหมอก็เข้ามาวัดความดัน ปรากฏว่าความดันตก ซึ่งก็หมายถึงใกล้แล้ว พี่ก็เลยโทรตามทุกๆ คน ที่พี่เต้ยสนิท ตามลูกๆ เพื่อแจ้งให้ทุกคนทราบ พี่เต้ยจากไปตอน 7 โมง 46 นาที จากไปอย่างสงบ พี่เต้ยอดทนมาก พี่เต้ยเข้มแข็งเสมอ เราสองคนจะคุยกันตลอด และมีการเตรียมใจกันไว้แล้ว
จริงๆ อาการแบบนี้ความดันต้องตก แต่ที่ผ่านมาพี่เต้ยไม่ตกเลย คือ 110 - 70 ตลอด ความดันปกติมาก แค่นี้หมอเขาก็งงแล้ว อย่างเวลาคุยกับหมอ พี่เต้ยยังคุยกับหมอรู้เรื่อง เวลาหมอมา เขายังเป็นคนยกเก้าอี้ให้หมอนั่ง เขาเป็นสุภาพบุรุษ มันคือตัวพี่เต้ยเลย เขาจะเป็นคนชอบดูแลเทกแคร์เสมอ...(เสียงสั่นเครือ)
วินาทีก่อนที่จะไป
ได้พูดอะไรกันบ้างมั้ย?
ไม่ได้พูดอะไร แต่พี่เขาก็ไม่ได้ทุรนทุราย พี่เต้ยไปด้วยอาการสงบจริงๆ มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่ได้คิดว่าพี่เต้ยจะไป อาการตอนนั้นคิดแค่ว่าพี่เต้ยคงเหนื่อยมากเท่านั้นเอง
"ก่อนหน้านี้ คือ พี่เต้ยเกิดวันที่ 13 มิถุนายน ก็เพิ่งจะจัดงานเป่าเค้กวันเกิดกันที่นี่(ห้อง1603 ศิริราชพยาบาล) และเราได้นิมนต์พระ มาถวายสังฆทานที่นี่ด้วย ลูกๆ ก็นำกีต้าร์ตัวโปรดของพี่เต้ยมาเล่น มีลูกๆ ของเพื่อนนำเอากีต้าร์เอากลองมาตีมาร้องเพลงให้ฟัง ซึ่งพี่เต้ยก็มีความสุข และแฮปปี้มาก
พี่เต้ยพูดตลอดว่า พี่พร้อมจะจากไปได้นะ เพราะพี่ได้ทำคุณงามความดีมาในชีวิตมาโดยตลอดแล้ว และถ้าพี่เต้ยหาย พี่เต้ยเขาอยากจะบวช เพื่อทำนุบำรุงศาสนา"
ในส่วนของพิธีศพ ในวันที่ 28 มิถุนายน 2549 จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ในเวลา 17.00 น. ณ ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาส และจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 7 วัน หลังจากนั้นจะเก็บศพไว้ 100 วัน
โดยคุณอทิตาบอกว่า อยากจะขอให้แขกที่มาร่วมงานศพ งดพวงหรีด แต่อยากขอให้บริจาคเงินร่วมทำบุญกับมูลนิธิของศิริราชมากกว่า เพราะเชื่อว่าพี่เขาจะได้บุญเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมทั้งเปิดใจว่า ดร.อภิวัฒน์ เป็นสามีที่ประเสริฐที่สุด ยืนยันจะไม่ร้องไห้ เพราะลากันมานานแล้ว
พี่เต้ยเป็นสามีที่ดีมาก เป็นสามีที่ประเสริฐมาก ยอมรับว่าพี่ เป็นคนทำอะไรไม่เป็นเลย แล้วพี่เต้ยจะเป็นคนทำให้ทุกอย่าง พี่เต้ยจะซักผ้าให้ กับข้าวกับปลาก็ทำให้ ดูแลหมด ลากันมานานแล้วเพราะฉะนั้นจะไม่ร้องไห้ เราเตรียมใจกันไว้แล้ว พี่นั่งบนโซฟา แล้วพี่เต้ยแกนอนหนุนตัก (โซฟาในโรงพยาบาล) แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า พี่รักน้องนะ ถ้าเรามีโอกาสที่จะใช้ชีวิตร่วมกันอีก ก็จะตั้งมั่นทำความดี
อยากจะทำบุญครั้งสุดท้ายให้พี่เต้ย ด้วยการที่ว่าขอ งดพวงหรีด จะขอเป็นเงินมาทำบุญเพื่อจะมอบให้ศิริราชมูลนิธิ อยากจะตั้งเป็นกองทุนขึ้นมา ในนามพี่เต้ย และมอบให้ศิริราชมูลนิธิ
เพราะ 2 เดือนที่เรามาอยู่ที่นี่ เราได้รู้ว่าเวลาที่พี่เขาได้เลือด หรือได้รับเครื่องมือดีๆ หรือการรักษาดีๆ ก็จะได้จากคนที่เขามาบริจาค ก็เลยอยากทำตรงนี้ตอบแทนคืนบ้าง
อยากให้พี่เต้ยได้ทำบุญครั้งสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนที่พี่เต้ยไม่สบายนั่งรถเข็น พี่เต้ยก็ได้ไปบริจาคให้ศิริราชมูลนิธิเหมือนกัน โดยให้ลูกๆเข็นรถพาไป คิดว่าพี่เต้ยจะได้รับบุญครั้งสุดท้ายนี้ด้วย
ด้าน น้องแพรว กวิตา ลูกสาวอายุ 19 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่ออสเตรเลีย เผยสั้นๆว่า อยากให้พ่ออยู่นานๆ เคยบอกพ่อว่า ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เพราะแพรวโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว พ่อไม่ต้องห่วง
สำหรับผลงานชิ้นสุดท้ายในรายการ คนค้นฅน ของดร.อภิวัฒน์ นั้น ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 ชื่อตอน "บทเรียน" ส่วนผลงานชิ้นล่าสุดเป็นงานเขียนหนังสือชื่อ มองชีวิตผ่านมะเร็ง ซึ่งพิมพ์เป็นครั้งที่ 5 แล้ว ทั้งนี้ได้มีการพิมพ์เพิ่มเติม บันทึกคำส่งท้ายที่ดร.อภิวัฒน์เขียนไว้ว่า ผมไม่ได้ยินดีที่จะตาย แต่พร้อมจะตาย
ดร.อภิวัฒน์ ได้เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการถูกโรคร้ายคุกคามว่า
ผมเริ่มเข้าตรวจรักษาตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2547 หลังจากทราบแน่ชัดว่า เป็นมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ หมอให้การรักษาแบบฉับพลันทันที คือ วันที่ 11 สิงหาคม ผ่าตัดเนื้อร้าย และลำไส้ใหญ่ส่วนหนึ่งออก แต่หลังจากนั้นอีก 1 เดือน ก็พบก้อนเนื้ออีก 2-3 ก้อนที่ตับ หมอจึงวางแผนรักษาด้วยการใช้เคมีบำบัด โดยใช้ทั้งยาฉีด และยารับประทานสมัยใหม่ ที่ไม่มีผลข้างเคียงมากนัก มีเพียงผิวคล้ำลง และอ่อนเพลีย
รับเคมีอยู่นานราว 5 เดือน ก้อนเนื้อเหล่านั้นก็เล็กลง หมอจึงใช้วิธีการผ่าตัดย่อย โดยอัลตร้าซาวนด์ดูว่า ก้อนเนื้ออยู่ตรงไหน แล้วใช้เข็มแทงเข้าไป และปล่อยคลื่นวิทยุทำลายก้อนเนื้อนั้นให้หมดหายไป ซึ่งทุกอย่างจบสิ้นลงแล้วเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2549
ถึงตอนนี้ เมื่อการรักษาเสร็จสิ้นลงแล้ว ผมได้มองย้อนดูชีวิตของผมก่อนจะมาเจ็บป่วย จึงรู้ว่าเราใช้ร่างกายใช้ชีวิตอย่างหนัก สมบุกสมบันมากเกินไป แม้จะบอกตัวเองว่า เราไม่ได้เครียดนะ แต่ในความเป็นจริง เราจัดการกับความเครียดทุกวันจนกลายเป็นกิจวัตร ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคร้ายนี้
เมื่อมองอย่างนั้นแล้วจึงรู้ว่า เราจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้แล้ว ครั้งนี้จึงเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วบังเอิญได้รู้จักกับผู้ที่มีความรู้ด้านมงคลนามกับเลขศาสตร์ จึงเป็นโอกาสดีที่จะผสมตัวเลขในชื่อใหม่ เพื่อสร้างความเป็นมงคลให้กับตัวเอง จึงได้ชื่อใหม่ ว่า วรฑา
อาจจะไม่ได้มีความหมายยิ่งใหญ่เท่ากับชื่อเดิม อภิวัฒน์ ที่แปลว่า ความมั่นคงอันยิ่งใหญ่
แต่ วรฑา เป็นการผสมตัวอักษรที่เป็นมงคล เป็นเหมือนกับการให้พร ให้มีสุขภาพดี มีสติปัญญาเฉียบคม ส่วนนามสกุลก็เปลี่ยนแล้ว โดยขอจดตั้งเป็นนามสกุลใหม่เลย เปลี่ยนเป็น วัฒนะชยังกูร หมายถึง หน่อเนื้อแห่งความเจริญรุ่งเรือง
Profile ดร.อภิวัฒน์(ดร.วรฑา วัฒนะชยังกูร)
ดร.วรฑา วัฒนะชยังกูร อายุ 49 ปี เกิด 13 มิ.ย.2500 ถึงแก่กรรม 27 มิ.ย. 2549 เวลา 07.46 น.
บิดา เรืออากาศตรี อาชีพ วัฒนางกูร มารดา นาวาอากาศเอกหญิง พูนศรี ทองปรีชา มีน้องชาย1 คน นาวาอากาศตรี อัษฎาวุธ วัฒนางกูร (กัปตันสายการบินไทย) สมรสกับนางอทิตา วัฒนะชยังกูร (ชื่อเดิม กมลนาท สุมาวงศ์) มีบุตร 2 คน นางสาวกวิตา (แพรว) วัฒนะชยังกูร อายุ 19 ปี และนายภาคิน (เพ็ชร) วัฒนะชยังกูร อายุ 17 ปี
ประวัติการศึกษา พ.ศ.2521 ครุศาสตรบัณฑิต (การสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พ.ศ.2523 Master of Education (Edducational Management and Supervision) Loyola Collage ,Baltimore,Maryland,USA
พ.ศ.2527 Doctor of Education (Higher Education Administration) Oklahoma State University,Stillwater,Oklahoma,USA
ประวัติการทำงาน พ.ศ.2527 อาจารย์ภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
พ.ศ.2528 หัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
พ.ศ.2528 คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
พ.ศ.2532 ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
พ.ศ.2537-2549 รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอสแอล จำกัด
งานพิธีกรรายการวิทยุโทรทัศน์
พ.ศ.2546-2549 พิธีกรรายการ คน ค้น ฅน ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ( ช่อง 9 อ.ส.ม.ท.)
พ.ศ.2542-2543 พิธีกรรายการ ถูกใจใช่เลย ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7
พ.ศ.2532-2542 พิธีกรรายการ จันทร์กะพริบ ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7
พ.ศ.2543 พิธีกรรายการ Gent Request ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี
พ.ศ. 2540 ผู้จัดรายการวิทยุ ( Air personality) ทางสถานีวิทยุ Star Radio FM 102.5 MHz.
พ.ศ.2540 พิธีกรรายการ Business Variety ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5
พ.ศ. 2538-39 ผู้กำกับรายการสารคดีภาษาอังกฤษชุด Thai Cuisine แพร่ภาพทางสถานีเคเบิล NBC Asia และแพร่ภาพบนเครื่องบินสายการบินไทย (เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2539)
พ.ศ. 2538 ผู้ดำเนินรายการสารคดีสั้นชุด Tourist Tips แพร่ภาพบนเครื่องบินของสายการบิน ประเทศออสเตรเลีย และ เนเธอร์แลนด์
พ.ศ.2536-2548 พิธีกรรายการสารคดีสั้นทางโทรทัศน์ อาทิ รายการไฟฟ้าน่ารู้คู่บ้าน รายการคนรักหนัง รายการเพื่อนหนังสือ รายการคู่มือสื่อสาร รายการร้อยพันปัญหาโรคผิวหนัง รายการเปิดโลกเอกสาร ฯลฯ
พ.ศ. 2536-ปัจจุบัน ผู้ประกาศข่าวภาคภาษาอังกฤษ ทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ FM 95.5 MHz. และ FM 105 MHz.
การทำงานด้านอื่นๆ พ.ศ. 2537-ปัจจุบัน ที่ปรึกษาด้านการศึกษาและประชาสัมพันธ์ บริษัทโปรเกรสซีฟ อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด พ.ศ. 2541 นายก สโมสรโรตารี พระโขนง พ.ศ. 2542 ที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์และกิจกรรมพิเศษ ของสายการบินแองเจิล ( Angel Air)
ในวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2549 เวลา 07.46 น. มะเร็งได้คร่าชีวิตพิธีกรเหล็ก "คนค้นฅน" ดร.อภิวัฒน์.
บทสัมภาษณ์ ดร. อภิวัฒน์ เมื่อปี 2547
พี่เต้ยทำงานกับบริษัท JSL มากี่ปีแล้ว? ทำงานที่ JSL เป็นปีที่ 10 แล้วจ้า เริ่มงานตั้งแต่ปี 2537
งานที่รับผิดชอบตั้งแต่เริ่มต้นจนปัจจุบัน คือด้านไหนบ้าง? เริ่มเข้าสู่ JSL ด้วยตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ (ทุกวันนี้ก็ตำแหน่งนี้แหละ) 10 ปีก่อน ดูแลฝ่ายกิจการต่างประเทศ ฝ่ายบุคคล แล้วก็มารวมดูแลฝ่ายสารคดี และฝ่ายกิจการพิเศษ จนมาทุกวันนี้ดูแลสายงานกิจการพิเศษ
งานด้านต่างประเทศให้อะไรกับพี่เต้ยบ้าง? งานด้านต่างประเทศ เปิดโลกทัศน์ของการทำรายการโทรทัศน์ที่ได้มาตรฐานที่ต่างชาติยอมรับ พร้อมไปกับการเจรจาติดต่อความร่วมมือกับต่างประเทศ อันนำมาซึ่งการทำให้ต่างประเทศรู้จัก JSL มากขึ้น รู้จักประเทศไทยของเรามากขึ้น
แล้วงานด้าน Event ให้อะไรบ้าง? งาน Event ให้อะไรมากมายกับชีวิต ให้ทักษะทางความคิด ที่ต้องคิดให้ดีที่สุด นำเสนอให้ดีที่สุด และจัดงานให้ดีที่สุด และนำเสนอเพื่อให้ลูกค้าประทับใจ งาน Event ให้เราได้รู้จักตัวเองว่า ถนัดอะไร ไม่ชอบอะไร คนทำ Event เป็นเผ่าพันธุ์ที่เฉพาะทางมาก มีทั้งความอดทน อดกลั้น ทำงานภายใต้ความกดดันได้ดี ต้องมีจิตใจแข็งแกร่งมั่นคง มีร่างกายที่แข็งแกร่ง
อะไรใน JSL ที่ทำให้พี่เต้ยรู้สึกผูกพัน? ผูกพันกับ JSL ด้วยเหตุหลายประการ เพราะงานที่เราทำ ต้องใช้ใจนำสมอง เวลาเราสื่อสารกับคน จึงเป็นการสื่อสารด้วยใจ ให้ใจ ได้ใจ ทั้งจากน้องๆ และพี่ๆ รวมทั้งผู้บริหารสูงสุด JSL เป็นบริษัทที่เปิดใจได้ทั้งหมด ไม่ว่าเรื่องดี หรือไม่ดี เหมือนคนที่รู้จักกันทั้งนอกและใน ทั้งยังเป็นที่เกิดในวงการบันเทิง หล่อหลอมให้ เต้ย เป็น เต้ย อย่างทุกวันนี้
ความแตกต่างขององค์กรนี้ กับที่อื่นๆ ที่พี่เต้ยพอจะเปรียบเทียบได้ ทั้งมุมที่น่าชื่นชม และมุมที่ต้องขยับปรับปรุง JSL ขยายตัวมาก เป็นองค์กรที่ใหญ่ ที่ต้องระวังไม่ให้สูญเสียวัฒนธรรมของความใกล้ชิด อย่าพัฒนาจนเป็นราชการ ที่คนเข้าถึงยาก แต่ละองค์กรแตกต่างกันด้วยวัฒนธรรม วัฒนธรรมที่เราใช้ คือใจนำสมอง รักพี่-รักน้อง ยึดถือความสำเร็จของบริษัทเป็นความสำเร็จของเรา ช่วยกันสร้าง ช่วยกันชื่นชมบริษัทที่เรามีส่วนร่วมพัฒนา
อยากให้พี่เต้ยให้มุมคิดกับผู้ที่อยากทำงานในสายงานธุรกิจบันเทิงนี้ งานธุรกิจบันเทิง เป็นงานสร้างความสุขให้คน เราต้องเป็นคนที่มีความสุขก่อน ชอบที่จะเป็นผู้ให้ เป็นงานที่ใช้ความรักนำทาง ใช้หลักการบริหารทางธุรกิจเป็นหางเสือ ใช้ความเป็นเลิศของสมองเป็นเสน่ห์
พี่เต้ยมีอะไรอยากจะพูดกับน้องๆ พนักงานปัจจุบันบ้าง หาแรงจูงใจให้เจอว่า มาทำงานที่บริษัทเพราะอะไร? หาเจอแล้วใช้ความรู้สึกนั้นเป็นนาฬิกาปลุก ให้เราอยากตื่นมาทำงานทุกเช้า.
ขอกราบอธิษฐานให้คุณงามความดีที่ดร.อภิวัฒน์ สรรค์สร้างสั่งสมให้กับผู้อื่นและให้กับสังคมตลอดมา ส่งผลให้ดร.อภิวัฒน์ ไปสู่สุคติภพด้วยเถิด.
Create Date : 28 มิถุนายน 2549 | | |
Last Update : 30 มิถุนายน 2549 22:14:38 น. |
Counter : 8337 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เสื้อฟุตบอลโลก
เสื้อฟุตบอลโลก
เสื้อทีมชาติอังกฤษ ผลิตด้วยเทคโนโลยี นาโน ของ UMBRO เส้นใยสามารถปรับได้ตามอุณหภูมิของอากาศ (ร้อนจะขยายตัว - เย็นจะหดตัว)
ยอดขายเสื้อฟุตบอลโลกของทีมชาติต่างๆ ชนิดก๊อบปี้เกรดบี ย่านตลาดโบ๊เบ๊ และหลังสนามศุภชลาศัยในปีนี้ ยอดขายลดลงมากเมื่อเทียบกับฟุตบอลโลกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว สาเหตุเพราะตำรวจคอยจับเรื่องสิทธิบัตร และภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนัก เด็กๆบ่นอุบบอกสุดเซ็ง อยากซื้อเสื้อปลอมแต่ไม่มีขาย บอกไม่มีปัญญาจะซื้อเสื้อของจริง ราคาตั้ง 2,000 - 3,000 บาท
เสื้อทีมชาติบราซิล (เหย้า)
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์สำรวจกระแสฟุตบอลโลกในเมืองไทย ด้านการซื้อขายเสื้อฟุตบอลโลก 2006 ที่พบว่าตลาดเสื้อปลอมในตลาดโบ๊เบ๊และหลังสนามศุภชลาศัย ไม่คึกคักเหมือนกับการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งก่อนที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพร่วม เพราะมีเพียงไม่กี่ร้านที่นำเสื้อปลอมมาขาย อีกทั้งเสื้อปลอมก็ไม่มีการติด โลโก้ ยี่ห้อเสื้อ อย่างอะดีดาส ไนกี้ และไม่มีการติดสัญลักษณ์ของทีมชาติต่างๆแต่อย่างใด
เสื้อทีมชาติอังกฤษ (เหย้า)
นางตุ๊กตา เจ้าของร้านขายเสื้อปลอมที่ตลาดโบ๊เบ๊ ซึ่งขายปลีกและขายส่งเสื้อสโมสรดังๆ ของยุโรป และเสื้อทีมชาติในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ เปิดเผยว่าฟุตบอลโลกหนนี้ไม่คึกคักเหมือนครั้งก่อน เพราะก่อนหน้านี้มีตัวแทนจากทีมดังจากศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษทั้ง เชลซี แมนฯ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล อาร์เซนอล เดินทางมาประสานกับตำรวจไทยจับกุมผู้ละเมิดสิทธิบัตรเสื้อฟุตบอล ทำให้แม่ค้าหลายรายโดนปรับกันไปหลายหมื่นบาท บางคนโดนไปถึงหลายแสนบาท
ทำให้ฟุตบอลโลกครั้งนี้แม่ค้าไม่กล้านำเสื้อปลอมมาขายอีก แต่มีหลายเจ้าที่ปรับกลยุทธ์โดยทำเสื้อปลอมขึ้นมา แต่ไม่ติดโลโก้ ยี่ห้อเสื้อ รวมทั้งไม่มีสัญลักษณ์ของทีมชาตินั้นๆ โดยราคาขายปลีกตกตัวละ 120 -180 บาท
"ฟุตบอลโลกครั้งก่อนยอดขายเสื้อปลอมดีมากๆ ทำเงินได้เป็นแสนเป็นล้านบาท เพราะคนไทยชอบฟุตบอลต่างประเทศ โดยเฉพาะทีมอังกฤษ บราซิล ฝรั่งเศส อาร์เจนตินา เยอรมนี ขายดิบขายดี แต่ครั้งนี้พวกเราไม่กล้าขายกัน เพราะเสี่ยงต่อการโดนจับ ซึ่งค่าปรับหนักเอาการ เมื่อมีความเสี่ยงสูงจึงไม่ขายจะดีกว่า แต่น่าสงสารบรรดาเด็กๆหรือคนที่ไม่มีเงิน พวกเขาอยากจะได้เสื้อปลอมใส่กัน เมื่อไม่มีก็อดใส่ เพราะไม่มีปัญญาจะซื้อของจริงตัวละ 2,000 3,000 บาท หากจะซื้อเสื้อที่ไม่มีโลโก้ ยี่ห้อเสื้อ รวมทั้งไม่มีสัญลักษณ์ของทีมชาติที่ตัวเองรัก เวลาใส่แล้วมันเหมือนขาดความรู้สึก" แม่ค้าย่านโบ๊เบ๊ กล่าว
เสื้อทีมชาติเยอรมัน (เหย้า)
เสื้อทีมชาติอาเจนติน่า (เหย้า)
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสำรวจต่อที่สนามศุภชลาศัย แหล่งใหญ่ที่จำหน่ายเสื้อฟุตบอลทั้งของจริงและของปลอม นายเปี๊ยก เจ้าของร้านหนึ่งเผยว่า ช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลายร้านที่ขายเสื้อปลอมรวมทั้งร้านของตนด้วยโดนจับเรื่องละเมิดสิทธิบัตร หลังจากนั้นการขายเสื้อฟุตบอลจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยจะเก็บเสื้อปลอมไว้หลังร้านหรือในโกดังเก็บของ จะนำมาโชว์เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ซึ่งหากว่าโดนจับอีกก็จะเสียค่าปรับไม่เท่าไร ทั้งนี้จะขายเฉพาะลูกค้าประจำ ส่วนขาจรที่ดูท่าว่าอาจจะเป็นสายมาล่อซื้อ จะหลีกเลี่ยงไม่ขายให้
"หากโดนจับจะต้องเสียค่าปรับสูงมาก โดยเขาจะคิดการปรับเป็นจุด จุดละ 200 บาท เช่น เสื้อ 1 ตัว มีการปะยี่ห้อ 3 จุด และสัญลักษณ์ของทีมชาตินั้นๆ อีก 1 จุด รวมทั้งหมด 4 จุด เสื้อตัวนั้นจะโดนปรับเป็นเงินถึง 800 บาท หากโดนจับเป็นร้อยตัว รับรองกิจการล้มละลายแน่ ทั้งๆที่ เสื้อ 1 ตัวต้นทุนแค่ 150 บาทเท่านั้น ซึ่งมันไม่คุ้มหากจะนำมาขายหน้าร้าน" เจ้าของร้านที่เคยโดนจับเมื่อต้นปีกล่าว
เสื้อทีมชาติฝรั่งเศส (เหย้า)
ด้านคุณวรกานต์ ศิวยาธร เจ้าของร้าน คอร์บอล (CORBALL) ตั้งอยู่ที่จุฬาลงกรณ์ ซอย 4 เปิดจำหน่ายเสื้อทีมฟุตบอลของแท้ทั้งทีมสโมสรดังๆและเสื้อทีมชาติ เผยว่า แม้ดูภาพรวมตลาดเสื้อปลอมจะซบเซา แต่จริงๆแล้วก็ไม่เป็นแบบนั้นเสียทีเดียว การขายเสื้อก๊อบปี้ก็ยังคงขายได้ดี เพียงแต่เป็นการขายส่งให้กับลูกค้าขาประจำทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพราะคนไทยผลิตเสื้อปลอมเก่ง ดูเผินๆจะไม่รู้ว่าตัวไหนของจริงตัวไหนของปลอม และจะไม่ขายหน้าร้าน
เสื้อทีมชาติฮอลแลนด์ (เหย้า)
"ช่วงนี้ชาวต่างชาติแห่เข้ามาซื้อในเมืองไทยกันมาก เพื่อซื้อเสื้อก๊อบปี้เกรดบีที่ราคาถูก ตัวละประมาณ 200 บาทเท่านั้น เพื่อนำกลับไปขายที่ประเทศเขา โดยราคาเสื้อก๊อบปี้หากขายที่ต่างประเทศ จะราคาพุ่งไปถึง 1,500-2,000 บาทเลยทีเดียว
ชาติที่ซื้อมากที่สุดคือ บราซิล เยอรมนี ญี่ปุ่น ที่พวกเขาบินมาซื้อและขนกลับไปขายเอง ส่วนเสื้อทีมชาติอังกฤษนั้น จะไม่ผลิต เพราะคนที่เป็นตัวแทนคอยดูแลสิทธิบัตร มักจะนำตำรวจมาจับกุมบ่อยๆ จึงเลี่ยงไม่ขายเลยจะดีกว่า แต่จะขายเฉพาะของจริงเท่านั้น ซึ่งราคาอยู่ที่ 2,800 บาทโดยคาดว่าช่วงฟุตบอลโลก ธุรกิจทั้งหมดจะมีเม็ดเงินเข้าประเทศจากการขายเสื้อปลอมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทอย่างแน่นอน"
เสื้อทีมชาติอิตาลี (เหย้า)
เจ้าของร้านคอร์บอล เผยอีกว่า ที่ร้านจะขายเฉพาะเสื้อของแท้ โดยเสื้อที่แฟนบอลชาวไทยนิยมซื้อมากที่สุด คือ ทีมชาติอังกฤษ ราคา 2,800 บาท รองลงมาคือ บราซิล ราคา 2,700 บาท โดยทางร้านจะนำเข้า มาจากประเทศสิงคโปร์ ส่วนอีกส่วนจะซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่มีสิทธิบัตรอย่างถูกต้องในเมืองไทย
เสื้อทีมชาติบราซิล (เยือน)
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์สอบถาม น้องป๊อบ นักเรียนระดับมัธยมปลายของโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ที่ชื่นชอบฟุตบอลมาก รวมทั้งรอชมการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ คำตอบของน้องป๊อบตอบว่า ชอบเสื้อฟุตบอลทีมแมนฯ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ แต่จะซื้อของปลอมมาใส่เช่นเดียวกับเพื่อนๆ เพราะไม่มีเงินจะซื้อของจริงที่ราคาแพงมากเกือบ 3,000 บาท
สาเหตุที่ชอบซื้อเสื้อปลอม เพราะเหมือนของจริงมาก อีกอย่างเวลาใส่มันได้อารมณ์ร่วมในการเชียร์ฟุตบอล แต่ปีนี้ของปลอมหาซื้อยาก หากจะให้เสื้อของแท้คงจะไม่มีปัญญาซื้อเพราะไม่มีเงิน ดังนั้นปีนี้คงจะต้องใส่เสื้อตัวเดิมไปก่อน แม้จะเชยไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ใส่เชียร์ทีมที่ตัวเองรัก
เสื้อทีมชาติอาเจนติน่า (เยือน)
ด้าน พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ปลป.น.) กล่าวว่า เบื้องต้นต้องพิจารณาก่อนว่า เสื้อฟุตบอลทีมดังเป็นการละเมิดสิทธิบัตร หรือการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า
หากเป็นการละเมิดสิทธิบัตร เจ้าของจะต้องมาร้องทุกข์กับตำรวจ จึงจะสามารถดำเนินการจับกุมได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า ตำรวจสามารถเข้าจับกุมได้เลย แต่ต้องมั่นใจว่าเป็นการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าจริง ไม่เช่นนั้นอาจจะมีปัญหาตามมา
เสื้อทีมชาติอิตาลี (เยือน)
พล.ต.ต.ชัชวาลย์ บอกว่า เครื่องหมายการค้ากับสิทธิบัตร จะแตกต่างกันตรงที่เครื่องหมายการค้าจำเป็นต้องจดทะเบียน เช่น ตราประจำทีมฟุตบอลดังๆ หากจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้า แล้วมีผู้อื่นปลอมแปลงนำไปใช้หาผลประโยชน์ ถือว่ามีความผิด ตำรวจสามารถเข้าไปดำเนินการได้โดยไม่ต้องรอให้มีการร้องทุกข์ และไม่สามารถยอมความได้
เสื้อทีมชาติสเปน (เหย้า)
แตกต่างจากสิทธิบัตรที่ไม่ต้องจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า จำเป็นต้องมีการร้องทุกข์ และสามารถยอมความกันได้ ดังนั้นในชั้นนี้จะต้องพิจารณาก่อนว่า การปลอมแปลงเสื้อทีมฟุตบอลโลกทีมชาติดังๆ เข้าข่ายความผิดใด
เสื้อทีมชาติบราซิล (เหย้า) เบอร์ 10 RONALDINHO
เสื้อทีมชาติอิตาลี (เหย้า) เบอร์ 7 del piero
เสื้อทีมชาติฝรั่งเศส (เหย้า) เบอร์ 12 HENRY
เสื้อทีมชาติสเปน (เยือน) เบอร์ 7 RAUL
เจ้าของร้านเสื้อปลอมร้านหนึ่ง หลังสนามศุภชลาศัย บอกว่า เสื้อบอลที่ขายดี คนส่วนใหญ่จะชอบซื้อเสื้อทีมชาติอังกฤษและบราซิล ทีมใหญ่ทีมอื่น เช่น อาร์เจน ฮอลแลนด์ สเปน เยอรมันก็ขายได้ แต่ปริมาณจะขายน้อยกว่าเสื้ออังกฤษ บราซิล ถ้าเป็นเด็กๆ เวลาซื้อจะชอบติดเบอร์ด้วย เลือกเบอร์ก็จะดูหลายอย่าง หน้าตาเท่หรือเปล่า แล้วต้องเล่นเก่งด้วย ถ้าเป็นทีมชาติบราซิลก็มี กาก้า โรนัลโด้ ส่วนมากชอบติดเบอร์ของกาก้า เพราะหล่อ เบอร์ของโรนัลโด้ ไม่ค่อยติดเพราะไม่หล่อ ทีมอังกฤษก็มีเบ็คแฮม รูนีย์ ส่วนมากเป็นแฟนสโมสรทีมไหนก็จะซื้อเบอร์ของนักบอลทีมนั้น เด็กที่เชียร์ลิเวอร์พูลก็จะซื้อติดเบอร์ของเจอร์ราร์ด ผู้หญิงก็มีซื้อบ้างแต่มีปริมาณน้อยกว่าผู้ชาย"
เสื้อทีมชาติโปรตุเกส (เหย้า)
เสื้อทีมชาติโปรตุเกส (เยือน)
คุณวรกานต์ ศิวยาธร เจ้าของร้านคอร์บอล เล่าเพิ่มเติมว่า "เพราะกระแสบอลโลก ทำให้มีคนที่ชอบสะสมเสื้อออกมาหาซื้อเสื้อบอลเก่าๆของทีมชาติต่างๆด้วย
ทีมชาติเยอรมนี บราซิล นักสะสมจะขวนขวายหากันตลอดเวลา พวกนี้ตอนเด็กๆชอบแต่มีเงินไม่พอ โตมาพอมีเงินก็เริ่มกลับไปตามหากัน ของเก่าถ้าเป็นของจริงจะมีราคาแพง เช่น ยุค 80,84,85 ราคาหลักหมื่น
ส่วนเสื้อบอลปีปัจจุบัน ถ้าเป็นของแท้ราคาโดยเฉลี่ย 40 ปอนด์ เมื่อนำมาจำหน่ายอยู่ที่ว่าทางร้านเสียภาษีแพงหรือไม่ และถ้าติดเบอร์ ติดสัญลักษณ์ทีมชาติให้เหมือนนักเตะ ราคาก็จะแพงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง คนซื้อมักจะเป็นเด็กที่มีฐานะหรือเป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้ว"
เสื้อทีมชาติอังกฤษ (เหย้า)
เสื้อทีมชาติอังกฤษ (เยือน)
นพ.ทวนฤทธิ์ สอนสะอาด โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเพิ่งมีโอกาสเดินทางไปชมการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เยอรมนี เล่าว่า เสื้อบอลทีมชาติเยอรมันที่โน่นขายดีที่สุด และเบอร์ที่ฮิตติดเสื้อมากที่สุดก็คือเบอร์ 8 ซึ่งเป็นเบอร์ประจำตัวของกาก้า นักเตะทีมชาติบราซิล
"มีโอกาสเข้าไปในร้านไนกี้ทาวน์ ในเบอร์ลิน เสื้อบอลที่ฮิตที่สุดตอนนี้ คือเบอร์ 8 ของกาก้า ของโรนัลโด้ก็นิยม แต่ไม่ถึงที่สุด และปีนี้เยอรมันเป็นเจ้าภาพ เสื้อทีมเยอรมันจึงขายดีหน่อย"
เสื้อทีมชาติญี่ปุ่น (เยือน)
เสื้อทีมชาติเม็กซิโก (เยือน)
เป็นที่รู้กันในกลุ่มนักสะสมว่า เสื้อที่จะสะสมนั้นจะต้องเป็นของแท้เท่านั้น เอก ฮิมสกุล แฟนพันธุ์แท้ฟุตบอลโลกเปิดใจว่า "เสื้อของแท้จะหายากและมีราคาแพง คนจึงไม่นิยมหาซื้อใส่ แต่มักจะเก็บไว้ชื่นชม และของจริงมักจะหาซื้อได้จากต่างประเทศเท่านั้น"
เสื้อทีมชาติออสเตรเลีย (เหย้า)
ขณะที่คุณวรกานต์ เจ้าของร้านคอร์บอลบอกว่า "ผมเอง ซื้อของก็อบใส่เล่นบอล แจกเด็ก แต่ถ้าสะสม จะนิยมซื้อของจริง ถ้าเป็นของปลอมพอออกจากร้านราคาเจะหลือศูนย์บาท ไม่มีประโยชน์อะไรเลย สวมใส่ได้อย่างเดียว"
เสื้อทีมชาติฮอลแลนด์
คุณอภิรัฐ วังพิชัย ผจก.ฝ่ายการตลาดด้านกีฬา นักสะสมเสื้อบอลวัย 28 ปี เผยเคล็ดลับส่วนตัวในการซื้อเสื้อบอลของแท้ "เลือกของแท้ จะมีคุณค่าทางจิตใจ วิธีดูของแท้ต้องแล้วแต่ยี่ห้อ อย่างน้อยดูป้ายที่คอ ดูรายละเอียด เช่น ดูโลโก้ ดูว่าเสื้อทำจากวัสดุอะไร ถ้าชำนาญบางครั้งแค่จับก็รู้"
ขณะที่ นพ.ทวนฤทธิ์บอกว่า "หากต้องการจะซื้อของแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ พร้อมกับมีลายเซ็นนักเตะ ควรจะเข้าไปซื้อจากร้านสโมสร ค่าลิขสิทธิ์ทำให้เสื้อมีมูลค่าสูง แต่จริงๆแล้วอยู่ที่จิตใจมากกว่า คือเราชอบทีมไหนก็ซื้อทีมนั้น ไม่มีใครมาบังคับ"
เสื้อทีมชาติเกาหลีใต้
เอก ฮิมสกุล แฟนพันธุ์แท้ฟุตบอลโลก บอกว่า ตอนนี้มีเสื้อบอลทั้งหมด 10 กว่าตัว ส่วนใหญ่จะเลือกเก็บเฉพาะเสื้อในความทรงจำ เช่น เสื้อทีมที่ได้แชมป์ รวมทั้งเสื้อบอลรุ่นเก่าๆ
"ตอนเด็กสื่อถ่ายทอดยังมีไม่เยอะ เงินมีไม่มากพอที่จะไปหาซื้อ แต่พอโตขึ้น ขอเงินแม่ได้เยอะขึ้นก็เริ่มซื้อเสื้อ ประกอบกับเรียนวิชาการขาย จึงลงทุนกับเพื่อนขายเสื้อบอล ไปซื้อเสื้อฟุตบอลข้างสนามศุภชลาศัย ก็อบได้เหมือน แล้วนำมาเลาะยี่ห้อออก ขายเสื้อเหลือแบ่งเงินกัน ทำให้มีเงินเสื้อบอลของแท้ ช่วงหนึ่งแจกเด็กที่เล่นบอลด้วยกัน ให้ไปประมาณ 20 กว่าตัว พอเห็นเด็กใส่ เวลาไปเตะก็ใส่ตัวนี้ทุกวัน เตะบอลที่ไหนหรือไปดูอะไรเกี่ยวกับฟุตบอลก็จะใส่เสื้อที่ให้ไป ก็รู้สึกดี ที่เห็นเสื้อยังมีคุณค่า ถือว่าเสื้อเราไม่ได้เก็บไว้เฉยๆ"
เสื้อทีมชาติเยอรมัน (เหย้า)
เสื้อทีมชาติอาเจนติน่า (เหย้า)
"ส่วนใหญ่เก็บเสื้ออังกฤษ เยอรมนี อาร์เจนตินา อิตาลี บราซิล และเป็นชุดในความทรงจำ เห็นแล้วร้องอ๋อ นี่! บราซิลปี 70 อังกฤษปี 66 ,ปี 86 ปัจจุบันมีเว็บไซต์สั่งซื้อ ของเรโทรย้อนยุค ทำเสื้อขึ้นมาใหม่"
"มีอยู่ตัวหนึ่ง เป็นเสื้อฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ ปี 1966 เป็นเวลา 30 - 40 ปีมาแล้ว ตัวนั้นฝากเพื่อนซื้อ เป็นเสื้อที่ในเมืองไทยมีอยู่ตัวเดียว คนที่ชอบฟุตบอลเหมือนกันจะสงสัยว่าซื้อมาได้อย่างไร ซื้อมาจากไหน เมืองไทยไม่มีขายหรอก เพราะเป็นเสื้อผลิตออกมาย้อนยุค ทำให้เรารู้สึกภูมิใจ"
"เป็นความทรงจำว่าเรามีเสื้อปีนี้แล้ว หยิบขึ้นมาดูทีไรแล้วรู้สึกดี บางคนอาจจะรู้สึกว่าซื้อเสื้อแฟชั่นมาใส่ปี - 2ปีก็ลืมแล้ว ไม่อยากใส่ แต่ถ้าเป็นเสื้อฟุตบอลไอร์แลนด์ปี 90 บราซิลปี 94 หรืออังกฤษ 90 หลายปีแต่สภาพยังดูใหม่ แล้วใส่ได้ หลายๆคนก็จะทึ่งว่า เก็บได้อย่างไร ทำไมสภาพยังดีอยู่"
"เดี๋ยวนี้คนนิยมเสื้อบอลย้อนยุคประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีผลิตออกมาจำหน่ายแล้ว ถ้าเป็นเสื้อฟุตบอลของปีนี้มีขายตามร้านทั่วไป ซึ่งถ้ามีเงินก็สามารถซื้อได้ บางคนซื้อเสื้อบอลกลับมาฝากเพื่อน จะซื้อเฉพาะเสื้อบอลอังกฤษยุคใหม่ ประมาณ 2,700-2,800 บาท แต่เสื้อบอลย้อนยุค นอกจากคนมีเงินแล้ว ยังต้องอาศัยโชคดีที่ไปพบเจอหรือต้องขวนขวายหาด้วย ของพวกนี้ไม่นิยมซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนเหมือนของสะสมทั่วไป เพราะของพวกนี้ได้มายาก"
"ราคาแพงที่สุดที่เคยซื้อ 3,000 บาท เป็นเสื้อทีมชาติอังกฤษปี 1966 ชอบที่สุด หายาก ยังไม่เคยเห็นใครใส่ ถ้าเป็นเสื้อในปีนี้ หาซื้อได้ง่าย แต่ของเราเป็นตัวเดียว บางคนอาจไม่รู้ว่ามันมีค่า ราคาแพง ใส่แล้วเท่ นอกจากคนที่สะสมเหมือนกัน"
เสื้อทีมชาติญี่ปุ่น (เหย้า)
คุณอภิรัฐ วังพิชัย อายุ 28 ปี นักสะสมตัวยง มีทั้งธนบัตร ถุงมือผู้รักษาประตู และเสื้อบอล ซึ่งมีจำนวนมากถึง 400 กว่าตัว
"ผมเริ่มสะสมเสื้อบอลตั้งแต่อายุ 18 ปี ชอบดูฟุตบอลอยู่แล้ว จึงคิดสะสม เวลาเพื่อนหรือญาติไปต่างประเทศซื้อมาฝาก บางทีเข้าไปซื้อจากเว็บประมูล ราคาจะถูกกว่าสั่งซื้อทางเว็บไซต์ ซึ่งราคาเสื้อจะแพง คิดว่าจะสะสมไปเรื่อยๆ แต่ก่อนบ้าเก็บเกือบทุกอย่าง เดี๋ยวนี้เพลาๆลง เลือกซื้อแต่ลิเวอร์พูล ทีมอื่นเน้นสวย ชอบจึงซื้อ"
"มีของแท้ทั้งหมดราว 400 กว่าตัว ส่วนใหญ่เป็นชุดของลิเวอร์พูล ตั้งแต่ฤดูกาล 1993 - ปัจจุบัน แล้วก็ชุดทีมชาติเกือบทุกชาติ เสื้อลายเซ็นของแท้ต้องมีใบรับรอง สะสมอย่างเดียว ไม่นำออกมาใช้เลย ถ้าใส่ไปดูกีฬา ก็จะใส่ของปลอม เพราะไม่อยากให้ของแท้เลอะ เป็นคนเก็บรักษาของ ถ้าเสื้อเลอะจะไม่สบายใจ ซื้อมาแพงก็แพง"
"เก่าที่สุด เป็นชุดของสโสมร เอฟเวอร์ตัน ฤดูกาล 89 ส่วนเสื้อที่ชอบมากที่สุด เป็นเสื้อทีมลิเวอร์พูล ชุดเหย้า ฤดูกาล 1999-2000 มีลายเซ็นของร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ซึ่งเป็นนักกีฬาคนโปรด เทียบกับเสื้อสะสมที่มีลายเซ็นตัวอื่น ลายเซ็นของแท้ก็จริงแต่ไม่ได้รับกับมือ แค่เอาเงินไปจ่ายมาก็ได้ แต่ตัวนี้ได้รับกับมือ ตอนไปดูบอลที่สนามแอนด์ฟิลด์ ซื้อเสื้อมาราคา 50 กว่าปอนด์ ขากลับขณะจะเข้าที่พักโชคดีเจอตัวจริง ดีใจมาก ไม่อยากให้ใครแตะต้อง เก็บดูแลยิ่งกว่าเพชร รักมาก"
เสื้อบอลของแท้ราคาเฉลี่ย 2000 บาทขึ้นไป แต่เท่าที่ซื้อมาราคาที่แพงที่สุด คือเสื้อพร้อมลายเซ็นของเจอร์ราร์ด เสื้อเบอร์ 8 ใส่แข่งนัด เจอเชลซี ฤดูกาล 2004-2005 แพงที่สุดเท่าที่เคยซื้อมา ประมูลจากเว็บไซต์ราคาหนึ่งแสนหกหมื่นบาท"
"เสื้อบอลตัวแพงที่สุด ได้มาแล้วคิดหนักเหมือนกัน เงินจำนวนนี้ทำอะไรได้ตั้งเยอะแยะ แต่อย่างน้อยก็เป็นความสุขทางใจ คิดว่าสักวันราคาจะสูงกว่านี้ อะไรก็ตาม ถ้าเป็นวินเทจคนจะหา และมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าแสนหก ได้มองจะเห็นภาพ เห็นอดีต รำลึกถึงสิ่งที่ผ่านมาตอนนั้น คนอื่นว่าบ้า ผมก็เฉยๆ ถ้าไม่ได้เดือดร้อนทางการเงิน พอมีเงินเหลือไม่กระทบจุดอื่นให้ด้อยลง ก็ไม่น่าจะเป็นไร แต่ถ้าอดกินเพื่อมาซื้อ คิดว่าไม่สมควร"
เสื้อทีมชาติฝรั่งเศส (เยือน)
คุณวรกานต์ เจ้าของร้านคอร์บอล บอกว่า มีโอกาสคลุกคลีกับนักสะสม พบว่าลูกค้าบางคนมีปริมาณเสื้อสะสมเป็นพันๆตัว ซึ่งเขาเปรียบเทียบนักสะสมเสื้อบอลเหมือนกับผู้หญิงที่ชอบซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับ โดยปราศจากเหตุผล นักสะสมเสื้อบอลก็เช่นเดียวกัน
"พวกนี้บ้าบอลทั้งนั้น ไปเมืองนอกที ซื้อกระจุยกระจาย เอาความชอบเป็นหลัก ไม่คิดอะไรเลย ถ้าเป็นคนบ้าบอล ดูบอลตั้งแต่เด็ก เข้าร้านเสื้อบอลเมืองนอก เจอเสื้อบอลมากองต่อหน้าเยอะๆ เมืองไทยไม่มี หยิบๆแล้วก็จ่าย"
เสื้อทีมชาติอิตาลี (เหย้า)
นพ.ทวนฤทธิ์ สะสมเสื้อบอลมาเป็นเวลา 13 ปี มีเสื้อกว่าร้อยตัว
"ผมเริ่มสะสมตั้งแต่อยู่สวนกุหลาบ จากเสื้อทีมสวนกุหลาบ สมัยนั้นแค่ไปขอจากรุ่นพี่หรือจากเพื่อนที่เป็นทีมโรงเรียน ประกอบกับน้าอยู่อังกฤษ ไป-กลับบ่อย ก็เริ่มฝากซื้อ เสื้อสโมสรตัวแรกก็เป็นเสื้อแบล็กเบิร์น โรเวอร์ ได้แชมป์ประมาณปี 94-95 เวลาไปเที่ยวแวะสโมสรฟุตบอลของเมืองนั้น แล้วเลือกซื้อ"
"เป็นงานอดิเรกของคนที่ชื่นชอบฟุตบอล เราชอบใครก็สนับสนุนทีมนั้น หลักๆเก็บเสื้อสโมสรที่ชอบ ก็คือทีมแบล็กเบิร์น ฯ ปี 1990 เป็นจุดแรกที่เริ่มดูบอล ชอบทีมชาติเยอรมัน ติดตามมาเรื่อยๆ เสื้อสะสมติดเบอร์ตัวแรก เสื้อปี 96 เบอร์ 18 ของเจอร์เก้นส์ คลินส์มันน์ เพราะว่าชอบทีม และนักเตะคนนี้ชอบเป็นการส่วนตัว และเลือกที่จะติดเบอร์ของเขาเหมือนเป็นฮีโร่ในดวงใจ ส่วนเสื้อทีมอื่นที่ทำออกมาสวยก็จะซื้อ หรือปีไหนทีมไหนได้แชมป์ก็จะซื้อ"
"ตัวที่แพงที่สุดราคาประมาณเกินห้าพันบาท เป็นเสื้อสโมสร บาเยิร์น มิวนิก ติดเบอร์13 ของบัลลัค ติดอาร์ม คริสต์ศักราชที่ได้แชมป์ บ่งบอกว่าปีนั้นเป็นแชมป์ ฤดูกาล 2003 ทำให้เราจำอดีตได้ ย้อนกลับไปได้ ทีมไหนได้แชมป์ แทบจะเรียกได้ว่าไม่ต้องท่อง แต่จำได้เพราะเห็นทุกวัน"
"มันเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งว่า ใครได้แชมป์ปีไหน ตอนไหน ถ้าเราเอาเสื้อพวกนี้ออกมาดู ก็จะบ่งบอกถึงวันเวลาในอดีตได้ หรือตัวเลขหลังเสื้อในแต่ละปีจะเปลี่ยน หรือตัวอักษรของเสื้อนักเตะ พอเราหยิบออกมาดู เหมือนแสตมป์ เสื้อจะบอกเวลาได้ ทำให้เราสนใจฟุตบอลมากขึ้น มีโลกทัศน์กว้างขึ้น"
เสื้อทีมชาติสเปน (เหย้า)
ส่วนวิธีเก็บรักษาเสื้อบอล คุณอภิรัฐ แนะนำว่า "เก็บไว้ในตู้เฉพาะ เรียงปีไปเรื่อยๆ ใช้ไม้แขวนสำหรับแขวนสูท เพราะเก็บไว้นานๆ ใช้ไม้แขวนทั่วไปจะทำให้เสื้อเป็นรอยไม้แขวนได้ แล้วใส่พลาสติกคลุมอีกที ทำให้ไม่มีฝุ่น ไม่ต้องนำออกมาซัก ของใหม่ไม่เคยใส่ จะไม่ซัก สำหรับผมถ้าซัก ถือว่าของไม่ใหม่แล้ว"
คุณวรกานต์ เจ้าของร้านคอบอล แนะนำเพิ่มเติมว่า "ระวังแมลง และอย่าเก็บไว้ในที่อุณหภูมิสูง เพราะจะทำให้เสื้อเป็นคราบเหลืองและสีจางเร็ว"
ถ้วยฟุตบอลโลกจำลอง
Create Date : 24 มิถุนายน 2549 | | |
Last Update : 24 มิถุนายน 2549 17:48:58 น. |
Counter : 5776 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เล่นพนันบอลโลก
เล่นพนันบอลโลก
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจ ที่ได้จากการสำรวจคนไทยใน 21 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 4,685 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม 3 มิถุนายน 2549
พบว่าคนไทยทั่วประเทศ สูงถึง 20,590,400 คน (20 ล้านห้าแสนคน)หรือร้อยละ 47.1 ของประชากรไทยทั้งหมด สนใจจะติดตามดูการถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก2006 ครั้งนี้ที่ประเทศเยอรมัน
โดยร้อยละ 86.1 ตั้งใจจะชมที่บ้านของตนเอง, ร้อยละ 20.8 ตั้งใจจะชมที่บ้านของเพื่อน, และร้อยละ 14.7 ตั้งใจจะติดตามรับชมที่ร้านอาหาร
และ มีประชาชนสูงถึง 3,688,273 คน (3ล้านหกแสนคน) ที่ตั้งใจจะ เล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2006 ครั้งนี้ โดยมีวงเงินหมุนเวียนในการเล่น อยู่ที่ 14,034,525,124 บาท (1หมื่น 4พัน สามสิบสี่ล้านบาท)
ตัวเลขดังกล่าวหากเปรียบเทียบกับ ตัวเลขของช่วงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2004 พบว่า มีจำนวนผู้ที่ตั้งใจจะเล่นพนันเพิ่มสูงขึ้น ถึงประมาณร้อยละ 130
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า วงเงินที่จะเล่น มีแนวโน้มที่ลดต่ำลง ถึงประมาณร้อยละ 54
ประเด็นที่น่าพิจารณา พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนผู้ที่ตั้งใจจะเล่นพนัน ทายผลฟุตบอลโลก 2006 สูงที่สุด คือ 1,311,344 คน (1ล้าน สามแสนคน) แต่ในภาคกลาง จะมีวงเงินหมุนเวียนในการเล่นพนันสูงที่สุด คือ 4,472,513,819 บาท(4พัน สี่ร้อยล้านบาท)
จากการวิเคราะห์ถึงกลุ่มอาชีพ พบว่า กลุ่มอาชีพค้าขายและทำธุรกิจส่วนตัว จะมีผู้ตั้งใจจะเล่นพนันทายผลฟุตบอล สูงที่สุด จำนวน 9 แสนสามหมื่นคน และจะใช้วงเงินเล่นพนัน ที่คาดว่าจะหมุนเวียนสูงสุดเช่นกัน คือ 5 พัน หกร้อยล้านบาท (5,627,033,201 บาท) รองลงมา คือ กลุ่มลูกจ้างพนักงานบริษัทเอกชน จำนวน 5 แสนคน จะใช้วงเงินสูงถึงเกือบ 2 พันล้านบาท
แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วง ก็คือ มีประชาชนที่ตั้งใจจะเล่นพนัน ทายผลฟุตบอลถึง 599,477 คน เป็นคนที่ยังไม่เคยเล่นพนัน ทายฟุตบอลมาก่อน หรืออีกนัยหนึ่งหมายถึงว่า มีประชาชนถึงประมาณ 6 แสน เป็นมือใหม่ ที่กำลังจะเข้าสู่ระบบการเล่นพนันทายผลฟุตบอล
ยิ่งกว่านั้น จะมีคนที่เคยเลิกเล่นพนันไปแล้ว และจะกลับมาเล่นพนันใหม่อีก 750,290 หรือประมาณ 7 แสน 5 หมื่นคน ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้
ยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีก คือ จากการจำแนกกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 3 กลุ่มตามวงเงินที่ตั้งใจจะเล่น
คือ กลุ่มแรกไม่เกิน 1,000 บาท
กลุ่มที่สอง 1,00110,000 บาท
และกลุ่มที่สามมากกว่า 10,000 บาทขึ้นไป
ผลสำรวจพบหลายประเด็น ที่แตกต่างกัน ในสามกลุ่มเหล่านี้ คือ
ถ้ายิ่งมีวงเงินที่จะใช้เล่นสูงขึ้น (มากกว่า 10,000 บาทขึ้นไป) ยิ่งมีสัดส่วนของคนที่คาดว่า ทีมชาติอังกฤษ จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ จำนวนมาก
ในขณะที่กลุ่มแรกและกลุ่มที่สอง ส่วนใหญ่ยังคาดว่า ทีมชาติบราซิลจะคว้าแชมป์โลก หรือทีมชาติอื่นๆ อาจจะคว้าแชมป์โลก เช่น ทีมเยอรมนี ฝรั่งเศส อาร์เจนตินา อิตาลี สเปน
หากดูจากผลสำรวจแบบเจาะลึกลงไป กลุ่มที่จะใช้วงเงินที่จะใช้เล่นสูงขึ้น (มากกว่า 10,000 บาทขึ้นไป) ร้อยละ 61.6 กลับคาดว่า โรนัลโด้ จากทีมชาติบราซิล (ไม่ได้เลือกพนันนักฟุตบอลอังกฤษ) น่าจะเป็นดาวซัลโว ในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้
ซึ่งแตกต่างไปจาก กลุ่มผู้ที่ตั้งใจจะเล่นทายพนันบอล ที่จะใช้วงเงิน ไม่เกิน 1,000 บาท และกลุ่มที่ตั้งใจจะใช้วงเงิน 1,00110,000 บาท ที่มีประมาณ 1 ใน 3 หรือร้อยละ 34.1 และร้อยละ 32.6 ตามลำดับ ที่คาดว่า โรนัลดินโญ่ น่าจะเป็นดาวซัลโว
อย่างไรก็ตาม บางส่วนก็คาดว่า โรนัลโด้จากทีมชาติบราซิล จะเป็นดาวซัลโวเช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีการคาดการณ์คนอื่น เช่น อองรี, โอเว่น, รูนีย์, ซีดาน และ เจอร์ราด อาจจะได้เป็นดาวซัลโว
และที่น่าพิจารณา มากขึ้นก็คือ คนที่จะใช้วงเงินที่จะใช้เล่นสูงขึ้น (มากกว่า 10,000 บาทขึ้นไป) ในการเล่นทายพนันบอลครั้งนี้ ร้อยละ 53.9 ระบุว่าเคยประสบปัญหา การเล่นทายพนันบอลจนต้องขายหรือจำนำของมีค่า, ร้อยละ 30.3 เคยทะเลาะวิวาทกับโต๊ะบอลหรือผู้เล่นพนันบอลด้วยกัน, และร้อยละ 28.9 เคยโดนโกง โดนไม่ถูกจ่าย จ่ายไม่ครบ, ยิ่งกว่านั้นร้อยละ 25.1 มีการหยุดงาน หนีเรียน และร้อยละ 24.0 มีการขัดแย้งกับคู่รักและคนในครอบครัว
ซึ่งจะเห็นได้ว่า คนกลุ่มที่เล่นทายพนันที่ใช้วงเงินสูง ต่างก็เคยเจอปัญหามาแล้วสารพัด แต่ก็ยังคงจะเล่นทายพนันผลฟุตบอลต่อไปอีก ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้
ส่วนกลุ่มคนที่จะใช้วงเงินเล่นพนัน 1,001 - 10,000 บาท ระบุสารพัดปัญหาที่เคยประสบมาเช่นเดียวกัน เช่น การมีหนี้สินพนัน การโกหกกับคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือกับคู่รัก
สำหรับประเด็นปัญหาที่น่าพิจารณาอีกอย่าง คือ ประชาชนที่เคยพบเห็นพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเล่นทายพนันบอล
ร้อยละ 40.3 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้เล่นพนัน, ร้อยละ 22.7 ระบุว่า เป็นผู้รับส่วยเงินสินบนจากโต๊ะบอล, ร้อยละ 19.9 เป็นผู้รับแทงรายย่อย, ร้อยละ 16.8 จับกุมผู้กระทำผิด, ร้อยละ 15.6 ระบุว่าเป็นโต๊ะบอล, และร้อยละ 10.3 เป็นผู้เดินโพยเอง
งานสำรวจครั้งนี้บอกว่า ส่วนใหญ่ในทุกกลุ่มจะเล่นพนันกับคนที่รู้จัก เช่น กับเพื่อนร่วมสถาบัน, กับเพื่อนร่วมงาน แต่เป็นที่น่าสังเกตคือ กลุ่มคนที่จะเล่นด้วยวงเงิน 1,00110,000 บาท และกลุ่มคนที่จะเล่นมากกว่า 10,000 บาทขึ้นไป จะเล่นพนันกับโต๊ะบอลด้วย และบางส่วนยังจะรับเป็นเจ้ามือหรือรับแทงบอลเองด้วย
ซึ่งโต๊ะบอลที่จะเข้าเล่นด้วยนั้น จะเล่นผ่านทางโทรศัพท์ และผ่านทางเว็บไซต์ ในขณะที่การเล่นผ่านเด็กเดินโพยจะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่องานสำรวจสอบถามถึงความกังวลใจว่า จะถูกจับดำเนินคดีเล่นทายพนันบอลหรือไม่ ร้อยละ 64.4 ไม่กังวลใจ ในขณะที่ร้อยละ 35.6 กังวลใจ
อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ถูกศึกษาครั้งนี้ ร้อยละ 65.1 ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีโต๊ะรับพนันบอลเปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในขณะที่ร้อยละ 17.5 เห็นด้วย และร้อยละ 17.4 ไม่มีความเห็น
ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่สังคมควรจะช่วยกันเฝ้าระวังคือ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาในช่วงของการแข่งขันบอลโลก และภายหลังการแข่งขันบอลโลก โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรม การจี้ ปล้น วิ่งราว ลักทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ และปัญหาความแตกแยกของคนในครอบครัว
เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ควรจะเข้มงวดกวดขันและทันต่อพฤติกรรมการเล่นทายพนันบอลของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีการใช้เทคโนโลยีสื่อสารที่ทันสมัย เพื่อหลบหนีการถูกจับกุม และเมื่อผลสำรวจบอกว่าผู้เล่นทายพนันบอล ไม่กังวลต่อการถูกจับกุมดำเนินคดี ก็ยิ่งจะเป็นการท้าทายเจ้าหน้าที่ของรัฐ และท้าทายบทลงโทษที่ประชาชนยังไม่รับรู้ว่า รุนแรงเพียงพอ
จึงทำให้มีประชาชนทั่วไปและเยาวชนจำนวนมาก กำลังตั้งใจจะเข้าสู่วงการพนันเป็นครั้งแรก และมีอีกเป็นจำนวนมากหลายแสนคนที่กำลังจะเข้าสู่วังวนของการเล่นทายพนันอีกครั้ง ทั้งๆที่เคยเลิกเล่นพนันบอลไปแล้ว
ทางออกที่อาจจะเป็นไปได้ คือ การสร้างกระแสสังคมให้ประชาชน ชมการแข่งขันเพื่อความบันเทิง, สร้างความสัมพันธ์ที่ดีทางสังคมกับคนในครอบครัวเดียวกัน ญาติสนิท และเพื่อนร่วมงาน, และควรระมัดระวังการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะทำให้คนเราขาดสติและเกิดความทะนงตนหากถูกใครท้าทาย
ข่าวคราวจากประเทศอังกฤษ บอกว่า รูปแบบของการพนันบอลในยุคนี้ มีความคิดแปลกไปจากในอดีต จนแทบจะเกินความคาดเดาของคนไทยเราได้
ตัวอย่างแค่ เวย์น รูนีย์ ซึ่งมีอาการบาดเจ็บที่เท้าอยู่ จะไปเล่นบอลโลกให้แก่ประเทศอังกฤษได้หรือไม่ได้นั้น ก็มีการพนันแบบซอยละเอียดเกิดขึ้นแล้ว
ร้านรับแทงพนันที่ถูกกฎหมายของอังกฤษ แพคดี พาวเวอร์ ได้ประกาศอย่างเปิดเผยว่า
ได้ตั้งราคาต่อรอง เอาไว้สำหรับผู้ต้องการเล่นพนันว่า รูนีย์ จะลงเล่นบอลโลกรอบแบ่งกลุ่มได้หรือไม่ ในราคา 8-1 หมายความว่า แทง 1 ได้ 8 ถ้าพนันว่า รูนีย์ จะลงเล่นใน รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมได้ ราคาต่อรองจะเป็น 4-1
มีการเปิดให้เล่นพนันไปถึง จำนวนนัดที่ รูนีย์ จะได้เล่นบอลโลกอีกด้วย คือ ถ้าไม่ได้เล่นเลย ราคา 5-4, 1 นัด 7-2, 2 นัด 4-1, 3 นัด 13-2, 4 นัด 8-1, 5 นัด 16-1, 6 นัด 25-1 และ 7 นัด 33-1
แค่นี้ยังไม่พอ ยังมีการซอยลึกลงไปอีกถึง โอกาสที่ รูนีย์ จะลงเล่นในแต่ละนัด เช่น เล่นกับปารากวัย 8-1, เล่นกับตรินิแดด 8-1, เล่นกับสวีเดน 8-1, เล่นรอบ 16 ทีม 4-1, เล่นรอบ 8 ทีม 5-1, เล่นรอบรองชนะเลิศ 10-1, และหากเล่นรอบชิงชนะเลิศ 16-1
นี่แค่ เวย์น รูนีย์ คนเดียว ยังสามารถเล่นพนันได้มากมายถึงขนาดนี้
แต่การเข้าแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ มีทั้งหมด 32 ทีม และแต่ละทีมมีนักฟุตบอลดัง ๆ แทบทุกทีม แต่ละคนจึงถูกล้วนหยิบยกขึ้นมาให้เล่นพนันได้ทั้งสิ้น
เห็นไหมว่าการเล่นพนันบอลโลกในยุคนี้ มีการคิดแปลกคิดลึกไปกว่าแต่เดิมมาก ทำให้ผู้ที่ชอบเล่นพนัน สามารถจะเลือกเล่นพนันบอลโลกได้หลากหลายสไตล์ตามความต้องการของตนได้ทั้งสิ้น
สิ่งนี้แม้จะเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก็จริง แต่มิได้หมายความว่า จะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะเรื่องแบบนี้ ลอกเลียนแบบกันได้ง่าย แถมข่าวสารเกี่ยวกับฟุตบอลของอังกฤษ สื่อมวลชนของไทยก็ชอบที่จะเสาะหามาเขียนข่าวมากๆซะด้วย
ศ.พิเศษ ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้ส่งหนังสือไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ แล้ว เกี่ยวกับมาตรการป้องกันเยาวชนเล่นพนันบอลในช่วงฟุตบอลโลก
ซึ่งภายในมหาวิทยาลัยจะต้องดำเนินการสอดส่องดูแลเป็นพิเศษ ไม่ให้มีการตั้งโต๊ะรับพนันบอลในมหาวิทยาลัย หรือตามหอพัก ถ้ามี จะต้องมีโทษสูงสุด ถ้าตัวนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัย ตั้งตัวเป็นเจ้ามือ ไม่ว่าจะโดยเอาเงินของตัวเองหรือของคนอื่นมาเป็นนายหน้าต่อให้ จะต้องได้รับโทษหนักเช่นกัน กรณีนี้ ต้องถึงขั้นไล่ออก
ส่วนกรณี การพนันบอลเกิดขึ้นนอกมหาวิทยาลัย เป็นเรื่องยาก แต่มหาวิทยาลัยต้องช่วยกันดูแลโดยประสานงานกับหน่วยราชการอื่นๆ เพื่อให้ช่วยกันปราบปรามโต๊ะพนันบอลเถื่อนรอบๆมหาวิทยาลัย
สำหรับการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกนั้น ถ้าอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น 24.00-01.00 น. หอพักมหาวิทยาลัยควรจะจัดตั้ง จอโปรเจกเตอร์ ทำเป็นกิจกรรมไม่เอิกเกริก น่าจะดีกว่า เพราะจะได้อยู่ในสายตาของอาจารย์ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะมีการจับกลุ่มกันทำลับๆล่อๆในทางที่ไม่ดีได้
แหล่งรับพนันบอลขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ มีการสรุปจากสายสืบของทางการตำรวจว่า
มีอยู่ที่ เขตดินแดง ดอนเมือง หลักสี่ บางขุนเทียน ตลาดพลู จตุจักร ลาดพร้าว หัวหมาก จักรวรรดิ พลับพลาไชย 1-2 ลาดกระบัง
แหล่งรับพนันบอลขนาดใหญ่ในต่างจังหวัด มีอยู่ที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่, อ.เมือง และ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น, อ.หาดใหญ่ และอ.เมือง จ.สงขลา, อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เป็นต้น
ด้านการเคลื่อนไหวของตำรวจ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. ได้มีคำสั่งไปยัง รอง ผบช.น. , ผู้บังคับการ และหน่วยต่างๆในสังกัด ให้จัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการพนันทายผลฟุตบอลโลก 2006 ในทุกระดับ พร้อมจัดชุดเฉพาะกิจสืบสวนสอบสวน และจับกุมผู้กระทำความผิดในช่วงเวลา 1 เดือนนี้เป็นพิเศษ
โดยระดับ สน. (โรงพัก) ให้จัดชุดปฏิบัติการ 88 ชุด , ระดับกองบังคับการ 1-9 และกองบังคับการสายตรวจ และปฏิบัติการพิเศษ จัด 10 ชุด , ศูนย์สวัสดิภาพเด็กเยาวชนและสตรี จัด 1 ชุด , ศูนย์สืบสวน บช.น. จัด 2 ชุด เป็นชุดจับกุม 1 ชุด และชุดสืบสวนสอบสวนทางเทคโนโลยีอีก 1 ชุด รวมทั้งสิ้น 101 ชุด โดยมุ่งเน้นให้ทุกฝ่าย ปราบปรามเจ้ามือและนักพนันให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ
พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. ซึ่งรับผิดชอบงานปราบปรามอบายมุข กล่าวว่า ขณะนี้ได้วางแนวทางการปฏิบัติงาน กับชุดปราบปรามพนันฟุตบอลทั้ง 101 ชุดแล้ว เริ่มจากให้ตรวจสอบหาแหล่งที่มีโต๊ะพนันบอล พบว่า มีขึ้นบัญชีไว้กว่า 200 แห่ง โดยตำรวจจะมุ่งเน้นไปที่โต๊ะพนันรายใหญ่จำนวน 12 ราย มีเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาท จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งหาข้อมูลเพื่อสืบสวนจับกุม
นอกจากนั้น ยังได้เน้นย้ำให้คุมเข้มสถานบริการ เพราะตารางการแข่งขันในเกือบทุกวัน จะอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ซึ่งเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว จึงให้แต่ละท้องที่ เพิ่มความเข้มงวดให้มากยิ่งขึ้น และหากพบว่าสถานบริการแห่งใด มีการลักลอบเล่นการพนัน ก็ให้จับกุมได้ทันที
ขณะเดียวกัน ก็ได้สั่งการให้ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ บช.น. ตรวจสอบการทายผลฟุตบอลโลก ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีเป้าหมายใหญ่ๆ อยู่ 10 ราย
ส่วนการแทงพนันกับโต๊ะรับพนันของต่างประเทศ ก็ต้องตรวจสอบเงินเข้า-ออกบัญชี ว่า มีความผิดปกติอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งให้นำกฎหมายฟอกเงิน มาประกอบเพื่อพิจารณาความผิด แล้วส่งเรื่องไปให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ดำเนินคดีต่อเนื่องไปด้วย
"ตลอดเดือนมิถุนายนนี้ จะมีการประเมินผลของการทำงาน กันทุกสัปดาห์ และหากมีตำรวจหน่วยอื่นเข้ามาจับกุมในท้องที่ใด ท้องที่นั้นจะต้องรับผิดชอบ แต่การลงโทษก็จะต้องดูเจตนา ประกอบกับสถิติการปฏิบัติงานด้วย โดยหากละเลย จะมีการพิจารณาโทษอย่างแน่นอน ที่สำคัญหากพบว่า มีตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือรับผลประโยชน์กับเจ้ามือโต๊ะพนันฟุตบอลด้วยแล้ว จะสั่งให้ออกจากราชการทันที" พล.ต.ต.เจตน์ กล่าว
สำหรับปัญหาที่มักจะตามมา หลังจากเทศกาลฟุตบอลโลกจบลง ก็คือ สถิติคดีเกี่ยวกับทรัพย์ ทั้งลัก วิ่ง ชิง ปล้น จะเพิ่มมากขึ้น เพราะผู้เสียพนันจะต้องหาเงินมาใช้หนี้นั้น
รอง ผบช.น. บอกว่า ได้วางแนวการป้องกันเหตุดังกล่าวไว้แล้ว ดังนั้นขอให้ประชาชนชมฟุตบอลโลกอย่างสนุกสนาน และหลีกเลี่ยงจากการพนันขันต่อทุกประเภท
พ.ต.อ.สุรัศมิ์ อุดมรัตน์ ผู้กำกับการศูนย์สวัสดิภาพเด็กเยาวชนและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงสถานการณ์การเล่นพนันฟุตบอลโลก ในส่วนที่จะกระทบถึงเด็กและเยาวชน ว่า
รูปแบบการเล่นพนันครั้งนี้น่าเป็นห่วงมาก เพราะไม่เหมือนกับการเล่นพนันฟุตบอลในช่วง พรีเมียร์ลีก หรือบุนเดสลีกา ทั้งนี้ เพราะการแทงฟุตบอลในช่วงนั้น จะเป็นลักษณะ "บอลชุด" มีโพยพนันชัดเจน
แต่การแข่งขันฟุตบอลโลก ในแต่ละวัน จะมีคู่เตะไม่เกิน 3 คู่ ฉะนั้นการแทงผ่านโต๊ะรับพนัน จะน้อยลง แต่นักพนันจะหันไปเล่นพนันกันเองมากขึ้น
"อย่างนี้เด็กๆ ก็เล่นกันได้ เล่นแบบตัวต่อตัว กับเพื่อนหรือกับคนรู้จัก ซึ่งตำรวจไม่สามารถไปติดตามจับกุมได้ทั้งหมด" ผกก.ศดส.ระบุ
เมื่อเจอปัญหาแบบนี้ พ.ต.อ.สุรัศมิ์ บอกว่า ทาง ศดส.ก็จำเป็นต้องปรับแผน ด้วยการจัดชุดประชาสัมพันธ์ จำนวน 30 นาย กระจายกันลงไปตามสถานศึกษาที่เป็นเป้าหมาย อาทิ โรงเรียนขนาดใหญ่ ที่มีเด็กผู้ชายจำนวนมาก รวมทั้งมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เยาวชนดูฟุตบอลเป็นกีฬา อย่าเล่นการพนัน
"เราจะไม่เข้าไปจับ หรือเข้าไปทำให้เด็กกลัว เพราะทำอย่างนั้นจะไม่มีประโยชน์ และสถานศึกษาก็จะไม่ให้ความร่วมมือด้วย เนื่องจากจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ฉะนั้นเราจะเน้น การป้องปราม กดดัน ติดโปสเตอร์รณรงค์ และเปิดให้แจ้งเบาะแส พร้อมๆกับสร้างสำนึกให้เด็กรู้จักดูฟุตบอลให้เป็นกีฬา"
พ.ต.อ.สุรัศมิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากชุดประชาสัมพันธ์แล้ว ยังจัดกำลังสายตรวจอีก 5 ชุด ซึ่งล้วนเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ตระเวนไปตามเป้าหมายใหญ่ๆ ซึ่งเป็นสถานที่รับแทง โดยมุ่งไปยังบริเวณรอบๆ สถานศึกษาเป็นหลัก เช่น ย่านรามคำแหง หัวหมาก หรือย่านที่มีเด็กมั่วสุมกันมากๆ รวมทั้งร้านเกมคอมพิวเตอร์ ซึ่งสายตรวจทั้ง 5 ชุดนี้ หากพบการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการจับกุมทันที
"ที่ผมห่วง ก็คือ ปัญหาที่สืบเนื่องจากการชมฟุตบอลโลก โดยถ้าเป็นเด็กเล็กหน่อย เช่น เด็กมัธยม หากดูฟุตบอลดึก ก็อาจจะตื่นสาย ไปโรงเรียนไม่ไหว ตรงนี้ก็เป็นปัญหา และอาจจะมีเด็กบางส่วนสบโอกาสหนีเที่ยว ไม่ไปโรงเรียนอีกด้วย
สำหรับกลุ่มเด็กโต หรือนักศึกษาที่เล่นพนัน หากเสียเงินหรือติดหนี้ ก็อาจจะไปขายตัวเพื่อแลกเงินมาใช้หนี้พนัน ซึ่งปัญหาลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในช่วงฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลต่างประเทศ"
ผู้กำกับการ ศดส. ยังเห็นว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้กระแสพนันฟุตบอลครั้งนี้ ระบาดอย่างหนัก ก็คือ สื่อสารมวลชน เพราะสื่อทุกแขนงพร้อมใจกันเสนอข่าวอย่างคึกคัก จนกลายเป็นการกระตุ้นให้เด็กอยากเล่นพนันไปโดยไม่รู้ตัว
"โดยเฉพาะสื่อทีวี วิทยุ จะมีรายการวิเคราะห์ผลการแข่งขันแทบทุกคลื่น ทุกช่อง ทั้งยังมีการชี้นำว่า ทีมไหนจะชนะ ด้วยสกอร์เท่าไหร่ ใครจะเข้าถึงรอบไหน ใครมีโอกาสเป็นแชมป์
แบบนี้ย่อมทำให้ เด็กอยากจะทดลองเล่นมากขึ้น และเท่าที่เราเคยพบ เด็กอายุแค่ 11-12 ขวบก็เล่นพนันกันแล้ว บางคนก็พนันกัน 10 บาท หรือน้ำอัดลม 1 ขวด ก็มี" พ.ต.อ.สุรัศมิ์ กล่าวด้วยว่า เยาวชนหากหลงเข้าไปเล่นการพนัน จะมีปัญหามากกว่าผู้ใหญ่ เพราะเด็กนั้น ถ้ารักทีมใด ก็จะรักแบบทุ่มเท ส่งผลให้แทงพนันแบบไม่คิดถึงทางเสีย เพราะต้องการเชียร์ทีมที่ตนรัก ด้วยเหตุนี้ จึงอยากจะวิงวอนให้ทุกฝ่าย รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนง ช่วยกันป้องปรามเด็กและเยาวชน ให้หลีกห่างจากการพนันฟุตบอลให้มากที่สุด
คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง คัดลอกมาจาก Web ของตำรวจถ้าอยากอ่านเชิญคลิกได้
เสมอ ไม่ได้ต่อลูก แทงฝั่งไหนต้องแทงในราคา แทง 10 ได้ 9 ถ้าผลการแข่งขัน ออกมาเสมอกัน ไม่มีฝั่งใดได้เสีย
ปป. (เสมอควบครึ่ง) ต้องต่อในราคาเสมอควบครึ่งลูก ถ้าผลออกมาเสมอกัน คนต่อ เสียครึ่ง ราคาแพ้เสียเต็ม ชนะได้เต็ม คนรองได้ครึ่งราคา
ครึ่งลูก คนต่อต้องต่อในราคาครึ่งลูก ถ้าผลออกมาเสมอกัน คนต่อเสียเต็มราคา
ครึ่งควบลูก คนต่อต้องต่อในราคาครึ่งลูกถึง 1 ลูก ถ้าผลออกมาเสมอกัน คนต่อต้องเสียเต็ม, ถ้าชนะ คนต่อได้ครึ่งราคา (1 มุม,1 หู ), ต้องชนะ 2 ลูก ได้เต็ม, คนรองแพ้ 1 ลูก เสียครึ่งราคา, แพ้ 2 ลูก เสียเต็ม
หนึ่งลูก คนต่อต้องต่อด้วยราคา 1 ลูก ถ้าผลออกมาเสมอกัน คนต่อต้องเสียเต็มราคา, แต่ถ้าผล ออกมาชนะ 1-0 คนต่อและคนรอง ไม่ได้ไม่เสีย, ต้องชนะหรือแพ้เกิน1 ลูก ได้เสียเต็ม
ลูกควบลูกครึ่ง คนต่อต้องต่อด้วยราคามากกว่า 1 ลูก ถึง 1 ลูกครึ่ง ถ้าผลออกมาชนะ 1-0 คนต่อ เสียครึ่งราคา, ถ้าผลออกมา 2-0 คนต่อ ได้เต็ม, คนรองแพ้ 1 ลูก ได้ครึ่ง, แพ้ 2ลูก ได้เต็ม
ลูกครึ่ง คนต่อต้องต่อด้วยราคา 1 ลูกครึ่ง ถ้าผลออกมา ฝ่ายต่อชนะ 1-0 คนต่อ ต้องเสียเต็มราคา, ถ้าฝ่ายต่อ ชนะ 2-0 คนต่อ ได้เต็มราคา
ลูกครึ่งควบสองลูก คนต่อต้องต่อในราคา 1 ลูกครึ่ง ถึง 2 ลูก ถ้าผลออกมา ฝ่ายต่อชนะ 1-0 คนต่อ เสียเต็มราคา, ถ้าผลออกมา ชนะ 2-0 คนต่อ ต้องเสียครึ่งราคา, ถ้าชนะเกิน 2 ลูก คนต่อ ได้เต็ม
สองลูก คนต่อต้องต่อในราคา 2 ลูก ถ้าผลออกมา ฝ่ายต่อชนะ 1-0 คนต่อ เสียเต็มราคา, ถ้าชนะ 2-0 คนต่อ ไม่ได้ไม่เสีย, ถ้าชนะ 3-0 คนต่อ ได้เต็ม
(ราคานอกจากนี้ ไม่นิยมใช้กัน เพราะจะได้เปรียบเสียเปรียบกันเกินไป ทั้งสองทีมฝีมือต่างกันเกินไป โต๊ะบอลจะไม่เปิดราคา ไม่ใช่ว่าจะเปิดทุกคู่)
น้ำจิ้ม ส่วนของรายได้ ที่ต้องให้กับโต๊ะบอล แบ่งออกได้เป็น ขาว,ขาว คนต่อต้องแทง ในราคา แทง 10 ได้ 8 คนรองได้เต็มเสียเต็ม (ได้ 10 เสีย 10) ลบ 5 ราคาลบ 5 - 4 เมื่อเทียบกับ 10 คือคนต่อได้เต็ม คนรองแทง 10 ได้ 8 ลบ 10 คนต่อแทง 10 ได้ 9 คนรองก็แทง 10 ได้ 9 เหมือนกัน บวก 10 คนต่อต้องแทงในราคา 11 ได้ 8 คนรองแทงในราคา แทง 9 ได้ 10
การเล่นแบบหู, มุม การเล่นในราคา ที่มีคำว่า ควบ คือจะต้องเล่น ในราคาแรก และ ราคาหลัง อย่างละ 1 หู เช่น ถ้าต่อในราคา ครึ่งควบลูก คือจะต้องเล่นในราคา ครึ่งลูก 1 หู และ 1 ลูก อีกหนึ่งหู ถ้าผลฝ่ายต่อชนะ 1 - 0 คนต่อจะได้ในหูที่เล่น ราคาครึ่งลูก และจะเสมอในราคาที่เล่นต่อ 1 ลูก ชุด 1 ชุด ต้องแทงในราคาที่เป็นต่อ 10,000 บาท.
Create Date : 05 มิถุนายน 2549 | | |
Last Update : 5 มิถุนายน 2549 12:06:27 น. |
Counter : 1966 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |