Group Blog
All Blog
<<< "ใจสงบแล้วมีความสุข " >>>










"ใจสงบแล้วมีความสุข "

นี่เราไปหาความทุกข์กันเอง

 เพราะเราคิดว่าเป็นความสุข

คิดว่ามีเงินแล้วมีความสุข

 มีเงินจะได้ไปเที่ยวได้ ไปซื้ออะไรได้

แต่ไม่คิดว่าเวลามันหมดล่ะเวลามันหมดนี้

 มันเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ นี่พระพุทธเจ้าบอกว่า

 มาหาความสุขในตัวเราดีกว่า

 แล้วเราจะได้ไม่ต้องไปหาความสุขจากเงินทอง

 ไม่ต้องไปหาความสุขจากคนนั้นคนนี้

 ไม่ต้องหาความสุขจากร่างกาย

ของพวกนี้พึ่งไม่ได้ เป็นของชั่วคราว

 มีเกิดมีดับ มีมามีไป มีขึ้นมีลง มีได้มีเสีย

 แต่พวกเรามันจะเอาอย่างเดียว

 จะขึ้นอย่างเดียว แต่พอมันลงก็เลยโวยวายกัน

 วุ่นวายกัน ทรมานกัน อันนี้แหละพวกเราโง่กัน

 ตอนนี้ไปพึ่งในสิ่งที่จะทำให้

เราต้องทุกข์กันต่อไป

 เดี๋ยวร่างกายมันแก่ ก็ทุกข์แล้ว

 ร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วยก็ทุกข์

 ร่างกายตายก็ทุกข์

 มันต้องแก่มันต้องเจ็บมันต้องตาย

 ถ้าไม่อยากจะทุกข์ ก็มาเลิกหัดใช้ร่างกาย

เป็นเครื่องมือหาความสุขกัน มานั่งสมาธิกัน

 มาทำใจให้สงบกัน ใจสงบแล้วมีความสุข

 ไม่ต้องใช้ร่างกาย

ร่างกายแก่ก็ยังมีความสุขได้

 ร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วยก็มีความสุขได้

 ร่างกายตายก็มีความสุขได้

เพราะใจไม่ได้ใช้ร่างกาย

เป็นเครื่องมือหาความสุข ใจใช้สติใช้ปัญญา

 ที่พึ่งของใจที่แท้จริงที่จะอยู่กับใจไปตลอด

ก็คือสติปัญญา ถ้ามีสติมีปัญญาแล้ว

 ใจจะสงบไปตลอด สติก็ทำใจให้สงบ

ปัญญาก็สอนใจไม่ให้ไปพึ่งอะไรต่างๆ

ที่เรากำลังพึ่งอยู่ตอนนี้ ให้ตัดไปให้หมด

ไม่ต้องไปพึ่งเงินทอง

ไม่ต้องไปพึ่งคนนั้นคนนี้

ไม่ต้องไปพึ่งสิ่งนั้นสิ่งนี้

ไม่ต้องไปพึ่งร่างกาย ถ้าตัดได้แล้ว

ก็จะไม่เดือดร้อน อยู่กับความสงบ

มีความสุขกว่า สบายกว่า.

พระอาจารย์สุชาติ  อภิชาโต

.............................

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๐







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 09 มิถุนายน 2560
Last Update : 9 มิถุนายน 2560 5:40:46 น.
Counter : 722 Pageviews.

0 comment
<<< "หาความสุขให้กาด้วยวิธีสุจริต" >>>










"หาความสุขให้กาด้วยวิธีสุจริต"

ตอนนี้เรายังสามารถหาลาภยศสรรเสริญ

 หาความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกายได้

 พร้อมๆ กับการหาความสุขจากการทำบุญทำทาน

ความสุขจากการรักษาศีล ความสุขจากการนั่งสมาธิ

 ความสุขจากการฟังเทศน์ฟังธรรม

 เช่นทานเราก็ทำกันตามโอกาส

 พอมีเงินทองเหลือกินเหลือใช้พอจะไปแบ่งปัน

ให้แก่ผู้ที่ทุกข์ยากเดือดร้อนได้ก็ทำไป

ไม่ต้องทำกับวัดอย่างเดียว ทำกับที่ไหนก็ได้

เพื่อนมนุษย์เพื่อนสัตว์ร่วมโลกที่เขาเดือดร้อน

ที่เขาขาดแคลนหรือที่เขาลำบาก ช่วยเหลือกันไป

 เวลาเราช่วยให้คนอื่นมีความสุข

เราก็จะมีความสุขใจเกิดขึ้นมา แล้วก็รักษาศีล ๕ กันไว้

พอเรารักษาศีลแล้วเราจะสบายใจ

 เวลาเราทำบาปแล้วเราจะไม่สบายใจ

 เวลาเราไปฆ่าสัตว์ ไปลักทรัพย์

ไปประพฤติผิดประเวณี ไปพูดปด ไปดื่มสุรายาเมา

 ทำแล้วเราไม่สบายใจ เพราะเราไปทำความเสียหาย

ไปทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น

เราทำให้ใครเดือดร้อนใจเราก็เดือดร้อน

 ความเดือดร้อนนั้นก็จะกลับมาที่ใจเรา

 ถ้าเราไม่ทำบาปเราไม่ทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น

เราก็สบายใจ นี่คือความสุขที่เราสามารถทำไป

ควบคู่กับการหาลาภยศสรรเสริญ

หารูปเสียงกลิ่นรสอยู่ได้ แต่หาให้มันอยู่ในกรอบ

ของศีลธรรม อย่าไปฉ้อราษฎร์บังหลวง

 อย่าไปคอรัปชั่น อย่าไปทำให้ผู้อื่นเขาเดือดร้อน

จากการแสวงหาลาภยศสรรเสริญหาความสุข

ทางตาหูจมูกลิ้นกาย ให้หาด้วยวิธีที่สุจริต ไม่ทุจริต

 ทุจริตก็คือผิดศีล ๕ นี่ ทำผิดศีล ๕ หรือผิดกฎหมาย

เรียกว่าทุจริต ทำแล้วได้ไม่คุ้มเสีย

ได้มาแล้วแต่ใจไม่มีความสุข ใจมีความกังวล

ใจมีความวิตก เป็นเหมือนวัวสันหลังหวะ

อะไรมาแตะแผลหน่อยมันจะสะดุ้ง

 เห็นตำรวจเดินมาก็คิดว่าเขาจะมาจับเราแล้ว.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..................................

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๐








ขอบคุณที่มา fb.พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 08 มิถุนายน 2560
Last Update : 8 มิถุนายน 2560 9:18:56 น.
Counter : 1189 Pageviews.

0 comment
<<< "อุทิศโดยไม่เอ่ยชื่อ" >>>










"อุทิศโดยไม่เอ่ยชื่อ"

ถาม : เมื่อทำทาน เช่นใส่บาตรถวายสังฆทานแล้ว

ผมอุทิศให้กับพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และญาติพี่น้อง

 บางคนก็เอ่ยชื่อบางคนก็ไม่เอ่ยชื่อ

ไม่ทราบว่าเขาเหล่านั้น

จะได้รับบุญทุกท่านไหมครับ

พระอาจารย์ : เขาต้องเป็นผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

 แล้วสองเขาต้องอยู่ในฐานะของขอทาน

 คือไม่มีบุญติดตัวไป พวกที่มีบุญติดตัวไป

เขาก็จะไปเป็นเทวดา ไปเป็นเศรษฐีบุญ

 พวกที่เป็นเทวดาเขาก็ไม่ต้องมารอรับส่วนบุญ

เพราะบุญที่เราส่งไปนี้เป็นเหมือนเงิน

ที่เราให้ขอทาน

เอาเงินที่ให้ขอทานไปให้เศรษฐี

เขาก็รู้สึกเฉยๆ เช่นเราเอาเงินให้เศรษฐี

ที่มีเงินร้อยล้าน ส่งไปให้เขาร้อยบาท

อย่างนี้เขาจะรู้สึกอย่างไร 

เขาก็รู้สึกเฉยๆ แต่ถ้าเราส่งร้อยบาท

ไปให้ขอทานนี้เขาก็จะดีใจ

 เงินอุทิศนี้เป็นเป็นเหมือนเงินให้ขอทาน

เราส่งไปได้ไม่มาก ได้ร้อยละนิด

 ร้อยละไม่ถึงหนึ่งมั้ง

เงินที่เราทำบุญทั้งหมดนี้

ส่งไปให้ผู้ที่ล่วงลับไป

ได้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้นเอง

 เพราะว่ามันไม่เป็นสิ่งที่จะทำได้มากกว่านั้น

ดังนั้นจะส่งไปได้อุทิศได้ถึงแม้จะไม่เอ่ยชื่อ

แต่ขอให้เราพูดถึงความสัมพันธ์ของเรา

กับเขาก็แล้วกัน ว่าเขาเป็นอะไรกับเรา

 เป็นญาติพี่น้อง เป็นปู่ย่าตายาย

 แค่นี้มันก็จะรู้แล้วว่าเป็นใคร

 แล้วพอเขารอรับอยู่เขาก็บอกว่า

 เฮ้ยๆ กูเป็นปู่ของมันเว้ย.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.............................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 06 มิถุนายน 2560
Last Update : 6 มิถุนายน 2560 5:29:23 น.
Counter : 876 Pageviews.

0 comment
<<< "พระโสดาบัน" >>>










"พระโสดาบัน"

การที่จะบรรลุพระโสดาบันได้

นอกจากพิจารณาความตายแล้ว

 ก็ต้องพิจารณาความเจ็บด้วย

 พระโสดาบันนี้ปล่อยได้ทั้ง

ความเจ็บของร่างกาย

และความตายของร่างกาย

วิธีที่จะพิจารณา คือให้นึกถึงความตายบ่อยๆ

 นึกว่าร่างกายนี้เกิดมาแล้วก็ต้องตาย

 ร่างกายนี้เป็นเพียง ดิน น้ำ ลม ไฟ

 เราไม่ได้เป็นร่างกาย เราเป็นธาตุรู้

ร่างกายเป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ

เพียงแต่มารวมกัน เวลาที่ร่างกายตายไป

 ธาตุรู้คือเรานี้ ไม่ได้ตายไปกับร่างกาย

 เราก็จะปล่อยร่างกายได้ไม่กลัวตาย

ส่วนความเจ็บเราก็ต้องฝึกอยู่กับมัน

 ดูว่ามันก็เป็นสิ่งที่อยู่กับร่างกาย

 ใจไม่ได้เจ็บ ผู้ที่เจ็บคือร่างกาย

 แต่ร่างกายเขาไม่เดือดร้อนกับความเจ็บ

 ผู้ที่เดือดร้อนแต่ไม่เจ็บก็คือใจ

เราไม่ได้เจ็บเราเพียงแต่มารับรู้

ความเจ็บของร่างกาย

แล้วเราก็ทนความเจ็บของร่างกายไม่ได้

เพราะเราอยากจะให้

ความเจ็บของร่างกายหายไป

ต้องสอนอย่างนี้ เราต้องปล่อยวางความเจ็บ

 ปล่อยวางความตายให้ได้

ถ้าปล่อยได้เราก็จะเป็นพระโสดาบันได้.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

......................

หนังสือสติธรรม








ขอบคุณที่มา fb.. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 06 มิถุนายน 2560
Last Update : 6 มิถุนายน 2560 5:15:41 น.
Counter : 696 Pageviews.

0 comment
<<< "ที่หลบภัย" >>>










"ที่หลบภัย"

วันนี้เป็นวันพระ พระพุทธเจ้าก็สอนให้เรา

ลองมารักษาศีลกันบ้าง ถ้าไม่เคยรักษาเลย

คือทำแต่ตามใจ คือรักษาก็ได้ไม่รักษาก็ได้

ถ้าอยากจะพูดปดก็พูดปด

ถ้าอยากจะขโมยก็ขโมย

อย่างนี้เรียกว่าไม่ได้รักษา

ถ้ารักษา เช่น วันนี้เราจะต้องตั้งใจสมาทานศีล

ว่าวันนี้จะขอรักษาศีล ๕ จะไม่ฆ่าสัตว์

จะไม่ตบยุง จะไม่ฆ่ามดแมลง ฆ่าแมลงต่างๆ

หรือสัตว์เล็กสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่

จะไม่ลักทรัพย์ จะไม่เอาของของผู้อื่น

โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเขา

จะไม่ไปประพฤติผิดประเวณี

ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ก็จะมีกับสามีภรรยาของตน

 จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับบุคคลอื่น

แล้วก็จะพูดความจริง จะไม่พูดปด

ถ้าพูดความจริงไม่ได้ก็จะไม่พูดอะไร

หุบปากเฉยๆ ไม่ต้องพูดอะไร

 ถ้าพูดไปแล้วเป็นคำพูดปดก็อย่าพูด

แล้วก็จะไม่ดื่มสุรายาเมา

 เพราะสุรายาเมาจะทำให้เราไม่มีสติ

ประคับประคองใจนั่นเอง

 คนที่ไม่มีสติมักจะห้ามใจไม่ให้ไปทำบาปไม่ได้

 พอคิดอยากจะทำบาปก็จะทำเลย

แต่ถ้ามีสติก็จะมีการยับยั้งชั่งตวง

มีการคิดไว้ก่อน เอ๊ะวันนี้เราถือศีลหรือเปล่า

 อ้อวันนี้เราถือศีล เราโกหกไม่ได้

เราประพฤติผิดประเวณีไม่ได้

เราลักทรัพย์ไม่ได้ โกงไม่ได้ เราฆ่าสัตว์ไม่ได้

 ถ้าเราทำได้รักษาศีลได้เราก็จะมีความสุข

อานิสงส์ของศีลนี้มีหลายอย่าง

ในท้ายศีลที่เวลาเราสมาทานศีล

 พระท่านจะบอกว่า

 "สีเลนะ สุคะติง ยันติ" ผู้ที่มีศีลจะไปสู่สุคติ

คือหลังจากที่ร่างกายนี้ตายไปแล้ว

 ใจที่มีศีลจะไม่ไปอบาย จะไปเกิดในสุคติ

จะไม่ไปเป็นเดรัจฉาน ไปเป็นเปรต

ไม่ไปตกนรก จะไปสุคติ จะไปเป็นมนุษย์

ไปเป็นเทวดา ถ้ารักษาศีลอย่างเดียวไม่ได้ทำบุญ

 ก็ไปเป็นมนุษย์ ถ้ารักษาศีลด้วยทำบุญด้วย

ก็ไปเป็นเทวดาชั้นต่างๆ

นี่คือความสวยงามของจิตใจ

ทำให้ได้ไปเป็นเทพ เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า

เป็นมนุษย์ ถ้าเป็นมนุษย์

ก็เป็นมนุษย์ที่หน้าตาสวยงาม

รูปร่างไม่อัปลักษณ์ไม่พิกลพิการ

มีอาการ ๓๒ ครบบริบูรณ์

ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน

มีอายุยืนยาวนาน

 นี่คืออานิสงค์ของการมีศีล

มีความสวยงามทางจิตใจ

นอกจากจิตใจต้องการอาหาร

คือการทำทานแล้ว จิตใจก็ยังต้องการศีล

เพื่อความสวยงามเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์

ใจก็ยังต้องการที่อยู่อาศัยเหมือนกับร่างกาย

ที่อยู่อาศัยของใจคืออะไร ก็คือความสงบนั่นเอง

เวลาใจสงบแล้ว ใจก็จะปลอดภัย

จากความทุกข์ความวุ่นวายใจต่างๆ

 เหมือนกับร่างกายเวลาที่ไม่มีที่อยู่อาศัย

 ก็จะถูกฝนฟ้าอากาศทำให้เกิดความทุกข์

ความไม่สบายได้ คนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย

เวลาฝนตกก็ต้องนอนตามใต้สะพาน

 นอนตามศาลาที่จอดรถ

 ศาลาสำหรับผู้โดยสารรถเมล์รถโดยสาร

ก็จะไม่ปลอดภัย ร่างกายจะไม่ปลอดภัย

มีทุกข์มีภัยรอบด้าน ใจก็เหมือนกัน

 ถ้าใจไม่ได้เข้าไปในความสงบ

ใจก็จะมีความทุกข์มารุมเร้า

มีความทุกข์ที่เกิดจากความโลภ

ความทุกข์ที่เกิดจากความโกรธ

ความทุกข์ที่เกิดจากความอยากต่างๆ

พอเกิดความอยากความโลภ ใจก็จะร้อนขึ้นมา

ใจก็จะไม่สบายใจขึ้นมา

 แสดงว่าใจไม่ได้อยู่ในบ้าน

 ใจออกไปนอกบ้าน ออกไปนอกบ้าน

เดี๋ยวก็เจอฝนเจอลม เจอเหตุการณ์ต่างๆ

อุบัติเหตุอุบัติภัยต่างๆ แต่ถ้ากลับไปอยู่ในบ้าน

ก็จะปลอดภัย ฝนมาพายุมา

ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร มีที่หลบภัย

ที่หลบภัยของใจก็เช่นเดียวกัน

คือ การทำใจให้สงบ ที่เราเรียกว่านั่งสมาธิ

 ถ้าเรานั่งสมาธิแล้วใจเราจะสงบ

จะมีความสุขจะไม่เดือดร้อนวุ่นวาย

ไปกับเหตุการณ์ต่างๆ ไปกับสิ่งต่างๆ

ไปกับบุคคลต่างๆ ใครจะทำอะไรดีหรือชั่ว

 ใครจะพูดอะไรดีหรือไม่ดี จะไม่เป็นปัญหา

 เพราะเราไม่รับรู้ เราไม่สนใจ เราอยู่ที่ปลอดภัย

 อยู่ในสมาธิอยู่ในความสงบ อันนี้เป็นที่หลบภัย.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

............................

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๐








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 05 มิถุนายน 2560
Last Update : 5 มิถุนายน 2560 17:57:55 น.
Counter : 733 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ