Group Blog
All Blog
<<< "ความโง่เขลาของเรา" >>>










"ความโง่เขลาของเรา"

อย่าไปกังวลอย่าไปห่วงกับสิ่งต่างๆในโลกนี้

 เพราะอย่างไรก็ต้องตายจากกันไปในที่สุด

 ห่วงก็ตาย ไม่ห่วงก็ตาย ห่วงแล้วก็จะเสียเวลา

 ไม่มีเวลามาภาวนา ถ้าไม่ห่วง

ก็จะได้มีเวลามาภาวนามาปฏิบัติ

มาแยกธาตุแยกขันธ์ มากำจัดต้นเหตุ

ที่ทำให้จิตใจว้าวุ่นขุ่นมัววุ่นวาย

ทุกข์อยู่ตลอดเวลา

 ก็คือความโลภ ความโกรธความหลง

ความอยากทั้งสาม คือ กามตัณหา

ความอยากใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ

ภวตัณหา ความอยากมีอยากเป็น

วิภวตัณหา ความอยากไม่มี อยากไม่เป็น

พอไม่มีความอยากเหล่านี้อยู่ในใจแล้ว

 ใจก็จะเป็นอุเบกขาไปตลอด

 เพราะจะเฉยกับทุกสิ่งทุกอย่าง 

เมื่อก่อนอยากให้เขาเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้

เดี๋ยวนี้เห็นแล้วว่า

 อยากแล้วมันทุกข์อยากไปทำไม

เขาจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้

ไปห้ามเขาได้ที่ไหน

 เขาอยากจะเป็นอะไร

ก็ปล่อยเขาเป็นไปก็เท่านั้นเอง

 ไม่เห็นมีอะไรเลยปัญหาทั้งหมด

อยู่ที่ ความอยากของเราเอง

ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามเรื่องของเขา

 เขาเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของเขา

 เราจะไปเปลี่ยนเขาได้อย่างไร

เขาทำบุญมาเขาก็จะเป็นคนดี

 เขาทำบาปมาเขาก็จะต้องเป็นคนไม่ดี

 เราจะไปอยากให้เขาไม่ดี

 หรืออยากให้เขาดีได้อย่างไร

 เขาดีเขาก็ต้องดีของเขา

เขาไม่ดีเขาก็ต้องไม่ดีของเขา

 แต่เรามันมักจะหลง

พออะไรเป็นของเรา ก็อยากจะให้ดีไปหมด

ไม่คิดว่าทำได้หรือเปล่า บางคนทำบาปมาแล้ว

ก็มาหลงมาติดในท้องเรา อย่างนี้

ออกมาก็เป็นลูกเรา พอมันเป็นลูกเรา

 เราก็อยากจะให้มันเป็นคนดี

 แต่มันเป็นมหาโจรมาเกิด

อย่างนี้แล้วมันจะดีได้อย่างไร

ชาติก่อนมันเป็นมหาโจร

 จะมาสอนมันให้มันเป็นคนดีมันไม่เป็นหรอก

 นอกจากว่ามันเป็นคนฉลาด

 มันเห็นโทษของการเป็นมหาโจร

อย่างองคุลีมาลนี่ฉลาด

พอถูกพระพุทธเจ้าทักเท่านั้นเอง

ก็เข้าใจก็กลับตัวได้

เราก็มีหน้าที่เตือนเขาเท่านั้น

 ว่าคุณกำลังทำไม่ดีนะ แต่ถ้าเขาไม่กลับตัว

เราก็ไปบังคับเขาไม่ได้ รักกันขนาดไหน

แต่ถึงเวลาทำกิจกรรมแล้ว ตัวใครตัวมัน

 ใครชอบทำอะไรก็ยังไปอย่างนั้น

 คนชอบบวชชีก็จะไปบวชชี

 คนชอบไปมีสามีก็ต้องไปหาสามี

 จะรักกันขนาดไหนกลืนกินกันขนาดไหน

 แต่พอถึงเรื่องการกระทำแล้ว

 มันบังคับกันไม่ได้

เพราะฉะนั้นเราอย่าไปวุ่นวาย

กับเรื่องราวของคนอื่นมากจนเกินไป

ดูแลในขอบเขตของเหตุผล

ทำได้เท่าไหร่ก็ทำไป

มีหน้าที่สอนก็สอนไป มีหน้าที่เลี้ยงดูเขา

ก็เลี้ยงดูเขาไป พอเขาโตแล้ว

เขาพึ่งตัวเขาเองได้แล้วก็จบ

เรามาดูแลตัวเราเองดีกว่า

 ตัวเราที่ยังวุ่นวายยังทุกข์ไม่รู้จักจบจักสิ้นนี้

ให้มันหายวุ่นวายกันเสียทีไม่ดีกว่าหรือ

 ไปมัวแต่แก้ปัญหาของคนอื่น

จนลืมแก้ปัญหาของตัวเองไป

นี่แหละคือความโง่เขลาของพวกเรา

 อย่าไปคิดว่านี่เป็นการทำบุญน่ะ

 เป็นการทำลายตัวเอง.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

................................

คัดลอกจากหนังสือ
"ผู้ไกลจากทุกข์"

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

วัดญาณสังวรามฯ ชลบุรี






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 02 กรกฎาคม 2560
Last Update : 2 กรกฎาคม 2560 4:51:21 น.
Counter : 870 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ