Group Blog
All Blog
<<< "ปัญญาและอุเบกขา" >>>












"ปัญญาและอุเบกขา"

ปัญญา ก็คือความรู้ตามความเป็นจริง

รู้ว่าสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ไม่เที่ยง

 มีเกิดมีดับมีขึ้นมีลง

รู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เรามีอยู่ตอนนี้

มันไม่ได้เป็นของเราหรอก เดี๋ยวสักวันหนึ่ง

เราก็ต้องจากมันไปทั้งหมด

 แม้แต่ร่างกายนี้ก็ไม่ใช่เป็นของเรา

นี่คือปัญญา ให้รู้ความจริง

 รู้ว่าทุกอย่างที่เรามีอยู่นี้เป็นของชั่วคราว

เป็นของที่ยืมเขามา

 วันหนึ่งก็จะต้องสูญเสียไป

 ต้องพลัดพรากจากกันไป

 ถ้าเรารู้เราก็จะไม่ยึดไม่ติด

ไม่หลงไปคิดว่าเป็นของเรา

 เราก็จะพร้อมที่จะจากมัน

 เมื่อถึงเวลาจากกัน

ก็จากกันอย่างมีความสุข

 จากกันอย่างไม่มีความทุกข์

 เพราะรู้ว่ามันไม่ได้เป็นของเรา

 เหมือนกับเราไปยืมของของคนอื่นเขามาใช้

 พอเราใช้เสร็จเราก็คืนเขาไป

 ไม่เห็นจะเดือดร้อนไปทำไม

 แต่ถ้าเราไปคิดว่าเป็นของเรา

พอไปยืมเขามาแล้วก็มาถือว่าเป็นของเรา

 เราก็จะไม่อยากคืนเขา พอต้องคืนเราก็ไม่คืน

 พอถูกบังคับให้คืนเราก็จะทุกข์

 นี่ของต่างๆ นี้เหมือนกับของที่เรายืมมา

 ร่างกายนี้ก็เป็นเหมือนของที่เรายืมมา

 ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองต่างๆ

สามี ภรรยา บุตรธิดา พ่อแม่ปู่ย่า ตายาย

 เหมือนของที่เรายืมมาทั้งนั้น

 เดี๋ยวไม่ช้าก็เร็วเราก็จะต้องคืนเจ้าของไป

 เดี๋ยวปู่ย่าตายายก็ต้องไปก่อน

 คืนปู่ย่าตายายไปก่อนแล้ว

 เดี๋ยวก็คืนพ่อคืนแม่ ต่อไปก็มาคืนพี่

 ต่อมาก็เมื่อคืนตัวเรา ลูกเราสามีเราเมียเรา

 ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองของเรา

ถ้าเรามีปัญญาเราจะไม่ลืมความจริงอันนี้

 แล้วเราจะเตรียมตัวตลอดเวลา

 แล้วเราจะใช้อุเบกขานี้รับกับเหตุการณ์ได้

ถ้าเรามีปัญญา แต่ถ้าเราไม่มีอุเบกขา

เราก็จะยังทำใจไม่ได้

 เวลาเราต้องเสียสิ่งที่เรารักไปแล้วก็จะเสียใจ

 แต่ถ้าเรามีอุเบกขา และ เรามีปัญญา

 อุเบกขาจะทำให้เราเฉย ปัญญาจะสอนว่า

ไม่มีอะไรเป็นของเรา

ของทุกอย่างที่เรามีอยู่นี้เราจะต้องเสียมันไป

ฉะนั้น เรามาเตรียมตัวกัน

เตรียมตัวล่วงหน้าไว้ก่อน ซ้อมไว้ก่อน

 เช่นไปอยู่คนเดียวบ้าง

อย่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แยกกันอยู่

 แยกอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่าง ไปอยู่วัด

 เหมือนกับไปตายกัน ไปหัดตายกัน

หรือไปหัดอยู่แบบไม่มีทรัพย์สมบัติ

ข้าวของเงินทอง ไม่มีแม้แต่ร่างกาย

 เพราะไปอยู่วัดนี้ร่างกายก็ไม่ต้องใช้

 จะอยู่วัดก็ใช้ใจใช้ธรรมะทำใจให้สงบ

 แล้วใจก็มีความสุข โดยที่ไม่ต้องใช้ร่างกาย

 ถ้าเราไปอยู่วัดไปอยู่แบบนักบวชได้เป็นพักๆ

 ต่อไปเราก็จะสามารถที่จะทำใจได้

ให้เป็นอุเบกขาได้

ให้ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างได้

 ให้มีปัญญาคอยเตือนใจอยู่เสมอว่า

ไม่มีอะไรเป็นของเรา

 ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของชั่วคราว

 แล้วก็ไม่เที่ยงแท้แน่นอน

 มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ได้เรื่อยๆ

บางทีก็เจริญ บางทีก็เสื่อม ห้ามมันไม่ได้

บังคับมันไม่ได้ แต่เราไม่ต้องไปทุกข์กับมันได้

ด้วยการยอมรับความจริง

แล้วเราก็จะไม่มีความทุกข์อยู่ในใจ อีกต่อไป.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.............................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐

"ธรรมที่ควรพากเพียร"







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 16 พฤษภาคม 2560
Last Update : 16 พฤษภาคม 2560 5:32:19 น.
Counter : 547 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ