Group Blog
All Blog
### ของยืมเขามาสักวันหนึ่งก็ต้องคืนเขาไป ###










"ของยืมเขามาเดี๋ยววันนึงก็ต้องคืนเขาไป"

ทางโลกเขาจะสอนเพียงทางด้านเดียว

สอนวิธีหาเงินหาทอง

 วิธีหาลาภยศตำแหน่ง

 วิธีหาสรรเสริญหาความสุขต่างๆ

 ทางตาหูจมูกลิ้นกาย

ทางโลกสอนเพียงวิธีหาเท่านั้นเอง

แต่ทางโลกไม่ได้สอนวิธีปล่อย

หรือวิธีคืนของที่เราหามาได้

เพราะของที่เราหามาได้นั้น

มันไม่ได้เป็นของเรา

 เดี๋ยวเวลาเราจากโลกนี้ไป

เราก็ต้องคืนของทุกอย่างที่เราหามาได้ไป

 ถ้าเราคืนไม่เป็นปล่อยไม่เป็น

เราก็จะทุกข์มาก เวลาคนที่จะตายนี้

เขาจะทุกข์กันมาก เพราะเขาปล่อยไม่เป็น

 คืนของไม่เป็น ไปยืมของเขามาแล้ว

 พอถึงเวลาจะคืน คืนไม่เป็น ปล่อยไม่เป็น

 ไม่ยอมคืน ไม่ยอมปล่อย

ก็เลยเกิดความทุกข์กันขึ้นมา

แต่ถ้าได้มาศึกษาทางธรรม

 ศึกษาทางการปล่อยวาง

 ศึกษาการคืนข้าวของต่างๆ

คืนทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้มา

 สิ่งที่เราได้มาสิ่งแรกก็คือร่างกาย

 เวลาที่เรามาเกิดที่เราได้อะไรมาก่อน

 ออกมาจากท้องแม่ใหม่ๆ

 ก็มีร่างกายที่มีอาการ ๓๒

 มีขน ผม เล็บ ฟัน หนัง

 เนื้อ เอ็น กระดูกเป็นต้น

 นี่คือสมบัติชิ้นแรกที่เราได้กัน

 เวลาที่เรามาเกิดในโลกนี้แล้ว

พ่อแม่ก็เลี้ยงดูเรา ให้อาหารให้อะไรต่างๆ

 พอเราโตเขาส่งให้เราไปเรียนหนังสือ

ให้เราไปหาวิชาความรู้

เรียนจบเราก็ไปทำงาน ไปสมัครงาน

เอาปริญญาไปยื่นให้เขา

ได้ปริญญาตรีโทเอก เขาก็จะหางานให้

เหมาะกับปริญญา

ปริญญาตรีก็ได้เงินเดือนระดับหนึ่ง

 ปริญญาโทก็ได้อีกระดับหนึ่ง

 ปริญญาเอกก็ได้อีกระดับหนึ่ง

พอได้เงินมาทีนี้เราก็มาซื้อ

สิ่งที่เราอยากได้

 ซื้อข้าวซื้อของ ซื้อบ้านซื้อรถ

 ซื้อเสื้อผ้าซื้อเครื่องใช้ไม้สอย

แล้วก็ไปซื้อคู่ครอง

ไปซื้อสามีไปซื้อภรรยา ต่อมาก็ไปซื้อลูก

ได้ลูกมาก็ต้องไปซื้ออาหารมาเลี้ยงลูก

 ก็เหมือนกับซื้อลูก ได้ภรรยาได้สามีมา

ก็ต้องซื้ออาหารซื้ออะไรมาเลี้ยงกัน

เรารู้จักวิธีหากัน ทุกคนหากันได้

 หาลาภ ยศ สรรเสริญ หาความสุข

ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย

เพียงแต่ว่าใครจะเก่งกว่ากันเท่านั้น

คนที่หาเก่งก็รวยเป็นใหญ่เป็นโต

 ถ้าคนหาไม่เก่งก็ไม่ใหญ่ไม่โต

ไม่รวยพออยู่พอกินไปวันๆ

 แต่ทุกคนไม่รู้ว่าของต่างๆ ที่หามาได้นี้

 ไม่ได้เป็นของเรา เป็นของยืมเขามา

เดี๋ยววันหนึ่งต้องคืนเขาไป

 ร่างกายนี้เดี๋ยวเราก็ต้องคืนเขาไป

ร่างกายเวลาไม่หายใจ

แสดงว่าเราคืนเขาแล้ว เขามาเอาคืนแล้ว

 สัปเหร่อมาขอรับไปแล้ว

 ใครเป็นเจ้าของร่างกาย ก็คือธรรมชาติ

 ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุ ๔

 ร่างกายของเรานี้ทำมาจากธาตุ ๔

 ดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วพอถึงเวลา

ก็ต้องคืนเขาไป จะยินดีหรือไม่ยินดี

จะยอมหรือไม่ยอมเขาไม่สนใจแล้ว

เหมือนคนที่มายึดบ้านของเรา

 ยึดรถที่เราไปซื้อแล้วเราไม่มีเงินจ่ายเขา

ไม่มีเงินผ่อน เพราะขาดผ่อน

เขาก็มายึด ร่างกายของเรา

ก็เหมือนกับของที่เราไปซื้อมา

หรือไปยืมเขามาไปเช่าเขามา

 พอถึงเวลาเขาก็จะมาเอาคืนไป

 สมบัติก็เหมือนกัน ลาภ ยศ สรรเสริญ

 เงินทองตำแหน่งประกาศเกียรติคุณต่างๆ

 การยกย่องสรรเสริญเยินยอ

และความสุขที่เราไปได้จากการเสพ

รูป เสียง กลิ่น รสต่างๆ

เดี๋ยวสักวันหนึ่งก็ต้องจากเราไป

เงินทองนี้ถ้าเราไม่รู้จักรักษา

ก็อาจจะหมดได้ล้มละลายได้

ตำแหน่งถ้าเราทำงานไม่ถูก

ก็อาจถูกเขาปลดได้

การสรรเสริญถ้าเราทำไม่ถูกทำไม่ดี

เขาก็ไม่สรรเสริญเขาก็จะตำหนิติเตียน

ประณามเรา แล้วรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ

ที่เราเสพ ถ้าเราไม่มีเงินก็ไปซื้อมาไม่ได้

 อยากจะดูหนังก็ไม่มีเงินซื้อหนังมาดู

อยากจะฟังเพลง

ก็ไม่มีเงินไปซื้อแผ่นมาฟัง

 อยากจะไปเที่ยวก็ไม่มีเงินไปเที่ยว

 อันนี้คือความไม่แน่นอนของสิ่งต่างๆ

ที่เราหามากันได้

ภรรยาของเราสามีของเราลูกของเรา

 วันดีคืนดีก็จะจากเราไปก็ได้

 สามีอาจจะไปมีแฟนใหม่ก็ได้

ภรรยาอาจจะไปมีแฟนใหม่ก็ได้

 หรืออาจจะตายไปก็ได้

ทางโลกเขาไม่สอนวิธีคืนของเหล่านี้

 ให้คืนอย่างไรให้ปล่อยอย่างไร

 เพราะเวลาที่เราต้องคืน

เวลาที่เราต้องปล่อย

 เราเลยต้องร้องห่มร้องไห้กัน มีความทุกข์กัน

แต่ถ้าเราได้มาศึกษาทางธรรมะ

ได้ยินคำสอนของพระพุทธเจ้า

 พระพุทธเจ้าจะสอนให้เรารู้จักวิธีปล่อย

 คือสอนว่าทุกอย่างในโลกนี้

มันไม่ได้เป็นของเรา เป็นของชั่วคราว

 เวลาเรามา เรามาตัวเปล่าๆ

เราไม่มีอะไรติดตัวมา

ร่างกายนี้ก็ของพ่อแม่ให้เรามา

 แล้วของต่างๆ เราก็หากันมา

ด้วยการไปเรียนวิชาต่างๆ แล้วก็ไปทำงาน

หาเงินไปซื้อของต่างๆ มา

 แล้วเดี๋ยวเวลาตายไป

เราก็ต้องคืนทุกอย่างไป

 ร่างกายนี้ก็เอาไปไม่ได้

ข้าวของเงินทอง สามีภรรยา

บุตรธิดาอะไรต่างๆ ที่เรามีนี้ ก็จะเอาไปไม่ได้

 ท่านบอกว่าเรามาตัวเปล่าๆ

 แล้วเวลาเราไปเราก็ไปตัวเปล่าๆ

เวลาเราไปทีเราทุกข์กันเพราะ

 เราไม่ยอมไปแบบตัวเปล่าๆ

 เราอยากจะเอาทุกอย่าง

ที่เป็นของเราไปด้วย แต่เราเอาไปไม่ได้

นี่คือสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้จากพระพุทธเจ้า

 พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า

พวกเราเกิดมาแล้วต้อง แก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย

 ต้องพลัดพรากจากกัน

 ล่วงพ้นความแก่ ความเจ็บ ความตาย

ล่วงพ้นการพลัดพรากจากกันไปไม่ได้

 แต่พวกเราสามารถที่จะแก่เจ็บตาย

พลัดพรากจากกันได้อย่างไม่มีความทุกข์

ไม่มีความเศร้าโศกเสียใจ

 ถ้าเราคอยสอนใจเตือนใจเราอยู่เรื่อยๆ

ว่า ของทุกอย่างที่เรามีอยู่นี้

มันไม่ได้เป็นของเรา

เป็นเหมือนของที่เรายืมเขามา

 เวลาเราไปยืมของเขานี้

เราพร้อมที่จะคืนเจ้าของไหม

 พร้อมใช่ไหม เราไปยืมรถเขามาใช้

พอใช้เสร็จก็เอาไปคืนเขา

 เราก็ไม่เห็นได้เดือดร้อนอะไร

 ยืมหม้อข้าวเขามาใช้เสร็จก็ไปคืนเขา

 ถ้าเรายินดีจะคืนมันก็ไม่ทุกข์

แต่บางคนนี้ชอบยืมแล้วทำเป็นลืม

 ลืมว่าไปยืมเขามา ไม่ยอมคืน (หัวเราะ)

 พอเจ้าของมาทวงก็โกรธเจ้าของอีก

ไปว่าเขาหวงบ้าง ไปว่าเขาใจแคบบ้าง

แล้วทีเราไปเอาของของเขาแล้วไม่คืนกลับ

 ไม่ว่าตัวเองว่าเราเลว ไปขโมยของเขามา

ไปโกหกเขาว่ายืมของเขามา

 ยืมมาแล้วก็ไม่ยอมคืนเขา

 กลับไปว่าคนที่เขาให้เรายืมของ

หาว่าขาใจแคบ เราน่ะเลวกว่าเขา

 เราขโมยของเขามาด้วยการไปโกหก

 หลอกเขาว่าเรายืมของเขามา

 แท้จริงก็จะเก็บเอาไว้เป็นของเรา

 แล้วพอเขามาทวงคืนก็โกรธเสียใจ

แต่ถ้าเรารู้ว่าไม่ได้เป็นของเรา

 เรายืมเขามาเดี๋ยวเขาจะมาขอคืน

 เราก็ยกคืนเขาไปเท่านั้นเอง จะไม่ทุกข์เลย

 ของทุกอย่างที่เราหามาได้ในโลกนี้

ก็เหมือนกัน ไม่ได้เป็นของเรา

ร่างกายนี้ก็ไม่ได้เป็นของเรา

 เป็นของพ่อแม่ให้กับเรามา เป็นของขวัญ

 แล้วเดี๋ยวก็ต้องคืนเจ้าของเดิมไป

คืน ดิน น้ำ ลม ไฟ ไป.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

....................

สนทนาธรรมมะบนเขา
วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๐





ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2560 11:00:07 น.
Counter : 1833 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ