Group Blog
All Blog
<<< "กฎแห่งกรรม" >>>








“กฎแห่งกรรม”


งานที่จะทำให้ใจสุขก็คืองานบุญ

เวลาเราทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น

 แม้ว่าจะด้วยเงินทอง

ด้วยข้าวของด้วยการกระทำอะไรก็ตาม

การพูดก็ได้ การแสดงธรรมนี้ก็เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟัง

 ผู้ที่ได้ฟังธรรมแล้วเกิดความสุขใจขึ้นมา

 ฟังแล้วเข้าใจทำให้ดับความทุกข์ใจได้

 บางทีทุกข์ใจเพราะไม่รู้ว่าทุกข์เพราะอะไร

 พอฟังธรรมท่านบอกว่าทุกข์เพราะอยาก

อย่าไปอยาก อยากให้เขาเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้

 เขาตายไปแล้วอย่าไปอยากให้กลับมา

อยากแล้วจะเศร้าอยากแล้วจะทุกข์ แต่ถ้าไม่อยาก

 รู้ว่าเขาตายไปแล้วก็ต้องให้เขาตายไป

 เราอยู่เราก็อยู่ของเราต่อไปเราจะไม่ทุกข์

 เราก็จะหายทุกข์กัน นี่ก็เป็นประโยชน์กับผู้อื่น

 การแสดงธรรมท่านก็เรียกว่าธรรมทาน

 ให้ธรรมะแก่ผู้อื่นเป็นการให้ที่ดีที่สุด

ดีกว่าการให้ข้าขอเงินทอง

 เพราะข้าวของเงินทองนี้

ดับความทุกข์ทางร่างกายได้

 แต่ยังดับความทุกข์ทางใจไม่ได้

 แต่ธรรมะนี้สามารถดับความทุกข์ทางใจได้

ทำให้หายทุกข์ได้

เศร้าโศกเสียใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ

 เหมือนมีนิทานอยู่เรื่องหนึ่ง ในสมัยพุทธกาล

 มีแม่คนหนึ่งได้คลอดลูกออกมา

 แล้วอยู่ได้ไม่กี่วันก็ตาย แม่ก็เสียอกเสียใจ

อยากจะให้ลูกฟื้น ไม่ยอมทำศพ

ไม่ยอมเอาลูกไปเผาหรือไปฝัง

 กอดนอนกับลูกอยู่ทุกวัน ร้องห่มร้องไห้

ชาวบ้านเห็นเขาก็สงสาร ก็เลยบอกว่า

มีพระพุทธเจ้านี่ท่านเก่งนะ ท่านช่วยเราได้นะ

แกก็ดีใจ แกไม่รู้ว่าช่วยยังไง

 แกก็คิดว่าจะช่วยให้ลูกแกฟื้น

 แกก็อุ้มลูกนี้ไปกราบพระพุทธเจ้า

แล้วไปขอให้พระพุทธเจ้านี้ช่วยทำให้ลูกฟื้นเถิด

 พระพุทธเจ้าบอก อ๋อ ง่ายมากเธอ

 ขอให้เธอไปเอาผักเมล็ดผักกาด

มาสักกำมือหนึ่งก็แล้วกัน

 ไปเอาจากบ้านที่ไม่มีคนตายนะ

 บ้านไหนที่มีคนตายนี้เอามาไม่ได้ ใช้ไม่ได้

ต้องเอาเมล็ดผักกาดจากบ้านที่ไม่มีคนตาย

 พอแกได้ทราบว่ามีความหวังแกก็ดีใจ

 ดีใจที่จะได้ลูกกลับคืนมา

 ก็เลยรีบกลับไปบ้านไปหมู่บ้าน

ไปเคาะตามบ้านที่รู้จักและไม่รู้จัก

ถามเขาว่ามีเมล็ดผักกาดไหม

บ้านที่มีก็บอกว่ามี แล้วถามว่าบ้านนี้มีคนตายไหม

 เขาก็บอกว่ามี ไปบ้านไหนก็ได้คำตอบเหมือนกัน

บ้านที่มีเมล็ดผักกาดก็ตอบว่าก็มีคนตาย

 มีปู่ย่าตายาย มีพี่มีน้องมีญาติ มีลูกมีหลาน

ทุกบ้านตอบเหมือนกันหมด มีคนตายทั้งนั้น

 พอแกได้รับความจริงรู้ความจริงขึ้นมา

 แกก็เลยเห็นความจริง เห็นว่าความตายนี้

มันเป็นเรื่องปกติเรื่องธรรมดา มีอยู่ทุกบ้าน

 และตายแล้วก็ไม่ฟื้น ไม่มีใครฟื้น

 ตายแล้วก็เอาไปฝังเอาไปเผากัน จบ

แกก็เลยเห็นความจริง

หยุดความอยากที่จะให้ลูกนี้ฟื้น

 หยุดความอยากที่จะให้ลูกนี้ไม่ตาย

พอหยุดความอยากได้ก็หายทุกข์หายเศร้า

 สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้

นี่แหละคือความฉลาดของพระพุทธเจ้า

 ท่านแสดงธรรมนี้ท่านไม่ได้ประโยชน์

คนที่ได้รับประโยชน์คือคนที่มีความทุกข์ใจ

 ไปขอปรึกษาขอความช่วยเหลือพระพุทธเจ้า

นี้ก็สอนให้พ้นจากความทุกข์ใจได้

ตัวพระพุทธเจ้าเอง

ไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการสอน

 แต่ท่านก็ไม่ต้องการ และประโยชน์ที่ท่านได้รับ

จากการที่ท่านตรัสรู้ท่านก็ได้เต็มที่แล้ว

 ถ้าเป็นน้ำก็มันเต็มแก้วแล้ว

 จะเทน้ำเข้าไปอีกเท่าไหร่

มันก็ไม่สามารถที่จะเก็บน้ำไว้ได้

 น้ำมันก็ต้องไหลออกมา

 มันจะต้องไหลล้นออกมาจากแก้ว

 ใจของพระพุทธเจ้านี้เต็มเปี่ยมด้วยความสุขแล้ว

 นิพพานัง ปรมังสุขัง แล้ว

 ใจมีความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว

ไม่มีใครต้องการความสุขอันใด

จากการกระทำอีกต่อไป

 แต่เนื่องจากว่าร่างกายมันยังอยู่ได้อยู่

 ยังเอามาใช้ประโยชน์ได้อยู่

พระองค์ก็เลยเอาร่างกายนี้มาแสดงธรรม

มาสั่งสอนให้กับผู้ที่ไม่รู้ได้รู้ว่า

 อะไรคือสิ่งศักสิทธิ์อะไรที่จะปกป้องคุ้มครองรักษา

รักษาอะไร รักษาใจไม่ใช่รักษาร่างกาย

 ร่างกายนี้ไม่มีใครรักษาคุ้มครองได้

ร่างกายเมื่อมันถึงเวลา

มันจะต้องแก่ต้องเจ็บหรือต้องตายไป

จะตายเร็วตายช้า เจ็บมากเจ็บน้อย

นี้ก็ขึ้นอยู่ที่กฎแห่งกรรมนี่เอง.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

................................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 21 พฤษภาคม 2561
Last Update : 21 พฤษภาคม 2561 9:07:07 น.
Counter : 274 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ