"รักษาศีล รักษาสัจ"

ศีลนี้ก็เป็นเหมือนกับ เปรียบเทียบเหมือนกับ

เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เราสวมใส่

เราสวยงามเพราะเสื้อผ้าที่เราซื้อมาใส่กัน

 ชุดต่างๆ จะทำให้เรานี้

เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย

ใส่เสื้อผ้าสวยๆ กับใส่เสื้อผ้าไม่สวยนี่

จะรู้สึกว่าเป็นคนละคนเลย

 เป็นคนสวยกับคนไม่สวย

 เราจึงต้องซื้อเสื้อผ้ากัน

 เพื่อเสริมความสวยงามของร่างกาย

 แต่ความสวยงามของร่างกายนี้

มันไม่ได้เป็นความสวยงามจริง

 เป็นสวยงามปลอม

 พอไม่ได้ใส่ชุดสวยๆ ก็ไม่สวยแล้ว

แต่ใจของเรา ก็ต้องการความสวยงามเหมือนกัน

 เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ทำให้ใจเราสวยงามก็คือ “ศีล”

การไม่ทำบาป ถ้าเรามีศีลแล้ว

เราก็จะเป็นคนน่ารัก

 เวลาที่เราจะจ้างคนมาทำงานที่บ้านเรานี้

เราจะเลือกคนที่มีศีลหรือเลือกคนที่ไม่มีศีล

 คนที่ไม่มีศีล คนที่จะมาคอยขโมยของเรา

คนที่เผลออาจจะฆ่าเรา

คนที่มาแย่งแฟนของเรา

 จ้างคนใช้มาแล้ว

ก็มาเป็นแฟนของแฟนเรานี้

 เราจะจ้างเขามาไหม แต่ถ้าเป็นคนที่มีศีล

เขาก็จะไม่ทำ เขาจะไม่ลักทรัพย์

เขาจะไม่ฆ่า เขาจะไม่ประพฤติผิดประเวณี

 จะไม่พูดโกหกหลอกลวง จะไม่ดื่มสุรายาเมา

 ก็เลยกลายเป็นคนน่ารักน่ายินดีขึ้นมา

เวลาที่เราจะอยู่กับใคร เลือกใคร

 เราควรจะเลือกที่ศีล วันก่อนมีโยมถามว่า

ถ้าจะหาเนื้อคู่นี่ให้ดูอะไร ก็อย่าไปดูเงินทอง

 อย่าไปดูหน้าตา ให้ดูว่าเขามีศีลหรือไม่มีศีล

 ถ้าเขามีศีล เขาก็จะเป็นคนสวยงาม

ถึงแม้ว่าหน้าตาจะไม่สวยงาม

ถึงแม้ว่าจะไม่ร่ำรวย แต่เขาจะไม่มาทำ

ให้เราทุกข์ใจอย่างแน่นอน

 แต่ถ้าเราแต่งกับคนที่รวย

 แต่งคนที่หน้าตาสวยงาม แต่ไม่มีศีล

 เราจะน้ำตาตกใน เพราะว่า

เขาจะหลอกเราโกหกเรา

ไปเที่ยวกับผู้หญิงคนนั้น

 ไปเที่ยวกับผู้ชายคนนั้นก็บอกว่า

เอ้อไปทำธุระที่นั่นที่นี่

โกหกหลอกลวงเราไปเรื่อยๆ

นี่คือเสื้อผ้าอาภรณ์ของใจ

ที่เราควรที่จะมาหากัน

ถ้าเราอยากเป็นคนที่สวยงาม เป็นคนที่น่ารัก

 เป็นคนที่น่าชื่นชมยินดี

คนที่มีศีลนี้ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนไปอยู่กับใคร

 รับรองได้ว่าไม่มีใครรังเกียจ

 แต่คนที่ไม่มีศีลนี้จะมีแต่คนรังเกียจ

ถึงแม้ว่าจะหน้าตาสวยงามขนาดไหนก็ตาม

ถึงแม้ว่าจะร่ำรวยขนาดไหนก็ตาม

แต่ถ้าไม่มีศีลนี่

ไม่มีคนเขาอยากจะคบค้าสมาคมด้วย

ถ้าเราอยากเป็นคนที่น่ารัก

เป็นคนที่มีคนชอบดูแลคนติดตาม

 เราก็ต้องมีศีลมีสัจกัน รักษาศีลรักษาสัจกัน.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..............................

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๐







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ