ถ้ารับพร ก็แล้วแต่อัธยาศัย
จะนั่งพนมมือ จะกราบ หรือจะอะไร
ก็เป็นไปตามอัธยาศัย
ส่วนการที่จะอุทิศบุญนี้
ความจริงควรจะอุทิศ
ในตอนที่เรายังไม่ได้รับพรก็ได้
เพราะการรับพรนี้เป็นการให้คำสอน
ให้กำลังใจว่าการทำบุญนี้
มีคุณมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
เช่น จะได้เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ
บุญที่เราทำนี้เราสามารถอุทิศ
แบ่งให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
ทีนี้เวลาพระให้พรควรจะตั้งใจฟัง
มากกว่าที่จะไปนั่งบ่นพึมพำๆ
อุทิศแข่งกับการสวดของพระ
มันก็จะไม่ได้ประโยชน์
ไม่ได้รับประโยชน์จากการรับพร
ความจริงการให้พรของพระ
ก็เป็นการสอนนั่นเอง
สอนว่าการทำบุญนี้
มีประโยชน์หลายด้าน
บุญนี้เราอุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับไปได้
และบุญที่เราทำนี้
ก็จะทำให้ชีวิตของเรา
มีความเจริญก้าวหน้า
ใน ลาภ ยศ สรรเสริญ
ในอายุ วรรณะ สุขะ พละ
ฉะนั้นควรที่จะแยกกันทำจะดีกว่า
แต่ตามธรรมเนียมเขามักจะสอนว่า
เวลาพระเริ่มกล่าวยะถา ก็ให้กรวดน้ำ
ให้อุทิศบุญไป ความจริงเวลาพระสวด
เวลาพระให้พรนี้ควรจะนั่งฟังจะดีกว่า
เราจะอุทิศบุญรอให้พระสวดเสร็จแล้วก็ได้
หรือก่อนก็ได้ เรามีเวลา
พอถวายข้าวของเสร็จ
เราก็นั่งอุทิศไปได้เลย
มันไม่เกี่ยวกับการสวด
การให้พรของพระ
แต่ธรรมเนียมเขาไปผูกไปติดกันไว้
ว่าเวลาจะอุทิศบุญนี้
ต้องรอให้พระยะถาก่อน
แล้วถ้าเกิดพระเขายะถาไปแล้ว
เรามาไม่ทัน เราจะทำอย่างไร
เราก็อุทิศบุญของเราเองได้
ไม่ต้องมีพระมายะถาให้กับเรา
มันคนละเรื่องกันไม่เกี่ยวกัน
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
......................
ธรรมะบนเขา วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๙
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ