Group Blog
All Blog
<<< ธาตุ ๔ >>>









"ธาตุ ๔"

เวลาร่างกายนี้ตายไป

ใจมันไม่ได้อยู่ที่ร่างกาย

 มันก็เลยไม่ได้ตายไปกับร่างกาย

 ใจมันอยู่ในโลกทิพย์

ใจของพวกเราทุกคน

ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ใจของพวกเรา

อยู่ในโลกทิพย์กัน

 เพียงแต่ว่าเราส่งกระแสใจมารับรู้

ส่งกระแสใจมาเกาะที่ตามารับภาพ

 มาเกาะที่จมูก

 เกาะที่ลิ้น เกาะที่หู เกาะที่ร่างกาย

พออะไรมาแตะร่างกายเราก็รู้เลย

 อ้อ มีของแข็งของนุ่ม

มีความร้อนความเย็น

มาแตะที่ร่างกายเรา

 ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ที่ร่างกายเราก็รู้ได้

 เหมือนกับคนที่อยู่ที่บ้าน

พอเราพูดอะไรปั๊บ

คนที่บ้านก็ได้ยิน

 คนที่อยู่ทางบ้านคนที่เขาไม่ได้มาอยู่ตรงนี้

เขาก็ได้ยินเขาก็ได้เห็นเหมือนกัน

ฉะนั้นเวลาอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายนี้

ใจไม่ได้เป็นอะไรไปกับร่างกาย

 ท่านเรียกว่าใจถึงไม่ตายกับร่างกาย

ร่างกายต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย

 พอร่างกายตายไปปั๊บ

กระแสการติดต่อก็ขาด

ตามันไม่ส่งภาพไปแล้วใช่ไหม

 ตามันไม่ทำงาน

 หูไม่ทำงาน อะไรไม่ทำงานหมด

เหมือนกับเครื่องนี้พอปิดเครื่องปั๊บ

ก็ไม่รับภาพไม่รับเสียงอะไร

 คนที่อยู่ทางบ้านก็ดูไม่ได้

คนที่อยู่ทางบ้านก็ต้องไปทำอย่างอื่น

ใจพอไม่มีร่างกายก็ต้องไปทำอย่างอื่น

ก็ทำแบบตอนที่นอนหลับเนี่ย

 เวลานอนหลับใจทำอะไรรู้ไหม

 ใจก็ฝันไงใช่ไหม ใช้ร่างกายไม่ได้ตอนนั้น

ร่างกายปิดเครื่องชั่วคราวพักผ่อน

เวลาที่เรานอนหลับ

ก็เหมือนปิดเครื่องโทรศัพท์

 ก็ใช้โทรศัพท์ไม่ได้ เมื่อใช้โทรศัพท์ไม่ได้

ก็จะคุยกับใครก็ต้องเดินไปคุยกับเขา

 อันนี้ก็เหมือนกัน พอไม่มีร่างกาย

พอร่างกายพักผ่อน ใจก็ไปฝันเลย

ฝันดีก็ไปสวรรค์ ฝันไม่ดีก็ไปนรก

 และอะไรทำให้เราฝันดีฝันไม่ดี

 ก็เวลาเราทำบุญเราฝันดี

เพราะเราทำแต่สิ่งที่ดี

 เวลาทำอะไรไว้มันก็จะอัดเทปไว้ในใจเรา

 พอนอนหลับมันก็เปิดเทปมาให้เราดู

 เวลาเราทำบาปมันก็จะอัดเทปไว้

 เพราะเวลาเรานอนหลับ

มันก็จะเปิดเทปมาให้เราดู

 มันก็จะให้เราดูเรื่องที่ไม่ดี

 เวลาเราทำบุญมันก็จะให้เราดูเรื่องที่ดี

นี่คือใจที่ไม่ได้อยู่ในร่างกาย

เพียงแต่ว่ามีกระแสวิญญาณมาเชื่อมกัน

 เพื่อมารับข้อมูลต่างๆ ผ่านทางร่างกาย

 รับรูปรับเสียงรับกลิ่นรับรสรับอะไรต่างๆ

 แล้วพอรับแล้วก็มีความรู้สึกมีความสุข

ความทุกข์กับรูปเสียงที่ได้รับ

 เหมือนคนทางบ้านเนี่ย

ถ้าได้ยินเสียงที่ดีก็มีความสุข

ถ้าได้ยินเสียงไม่ดีก็เกิดความทุกข์ขึ้นมา

 นี่คือร่างกายกับใจ เป็นสองคน

ใจนี้ไม่มีรูปไม่มีร่างมันก็เลยไม่เกิดไม่ดับ

 มันไม่มีการตายเพราะว่า

มันไม่มีส่วนประกอบเหมือนกับร่างกาย

 ร่างกายเป็นสังขาร เป็นสิ่งที่ประกอบขึ้น

ด้วยดินน้ำลมไฟ แล้วเดี๋ยวดินน้ำลมไฟ

มันก็บอกว่าบ๊ายบาย

ดินก็อยากจะกลับไปหาดิน

น้ำก็จะกลับไปหาน้ำ

ลมก็จะกลับไปหาลม

ไฟก็จะกลับไปหาไฟ

ตอนนั้นก็เรียกว่าธาตุ ๔

ก็แยกออกจากร่างกายไป

ร่างกายก็หายไป

นี่คือเรื่องของร่างกายที่เราต้องพิจารณา

ให้เข้าใจ ให้เรารู้ว่าร่างกายไม่ใช่ตัวเรา

ร่างกายไม่ใช่ของเรา เราสั่งมันไม่ได้

ห้ามมันไม่ได้ เวลามันจะบ๊ายบายเรา

ไปห้ามมันไม่ได้ เวลามันจะแยกทางกัน

 เวลาดินน้ำลมไฟในร่างกาย

มันจะไปกันคนละทิศคนละทาง

 เราห้ามมันไม่ได้ เวลามันจะเจ็บ

เราก็ห้ามมันไม่ได้

เวลาไม่สบายแต่เราไม่ต้องไปไม่สบายกับมัน

เพราะเราสบายเราไม่ได้เป็นอะไร

 ใจไม่ได้เป็นอะไร.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

........................

สนทนาธรรมมะบนเขา

วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๐








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 23 เมษายน 2560
Last Update : 23 เมษายน 2560 6:20:33 น.
Counter : 596 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ