สอนลูกให้เป็นผู้ใหญ่






สอนลูกให้เป็นผู้ใหญ่




เวลาออกไปซื้อของที่ห้างกับลูก พ่อแม่ไม่จำเป็นจะต้องซื้อของให้ลูก….ตามที่ลูกร้องขอ เสมอไป

บางครอบครัว พ่อแม่มักจะซื้อของให้ลูก…..ทุกครั้ง

เพราะคิดไปว่า ตนเองเคยอยากได้ของคล้ายๆกันนี้แต่ไม่มีใครเคยซื้อให้ เมื่อในวัยเด็ก ตนเองจึงไม่อยากจะให้ลูกผิดหวังอย่างตนเองในวัยเด็กอีก
และเพราะบางคนคิดไปว่าตนเองทำงานหนัก ไม่ค่อยจะมีเวลาให้กับลูก ก็เลยอยากจะชดเชยโดยการซื้อของต่างๆให้กับลูก ตามที่ลูกจะพึงพอใจ หรือบางคนกลับกลัวไปว่า ถ้าไม่ซื้อของให้ เดี๋ยวลูกจะไม่รัก
หรือกลัวไปว่า ถ้าไม่ซื้อของให้ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะนินทาได้ว่า
มาเที่ยวห้างแล้วไม่มีเงิน!!! 5555



การทำเช่นนี้อาจจะทำให้พ่อแม่รู้สึกดีขึ้น รู้สึกว่าตนเองทำถูก ดูแลลูก
รักลูก ห่วงลูก

แต่ถ้าทำเช่นนี้บ่อยๆ ลูกจะพัฒนาความอยากได้ โดยการขอจากพ่อแม่มากครั้งยิ่งขึ้น ใหญ่โตยิ่งขึ้น เพราะรู้ว่าตนเองสามารถจะทำเช่นนั้นได้ และพ่อแม่ก็มักจะให้เสมอ….


จากของเล่นชิ้นเล็ก ก็จะกลายเป็นของเล่นชิ้นใหญ่ ก็จะกลายเป็นของเล่นที่มีกลไกซับซ้อน แล้วจะพัฒนายิ่งขึ้นกลายเป็นของเล่นหลักหมื่นหลักแสน จะกลายเป็นของเล่นที่เสี่ยงภัยอันตรายทั้งต่อตัวผู้เล่นเอง
และต่อตัวผู้อื่น



สุดท้ายนอกจากพ่อแม่จะไม่มีกำลังเงินจะซื้อให้ได้แล้ว ลูกก็ยังจะโต้เถียงกับพ่อแม่ ในเรื่องความพึงพอใจของตนเองที่อยากจะได้สิ่งใดๆ จากพ่อแม่ ยิ่งกว่านั้นยังจะมีเรื่องอุบัติเหตุความไม่ปลอดภัยของตัวลูกเอง
และที่สำคัญ คือ
ความเป็นผู้ใหญ่ที่นิสัยเสีย เป็น “ผู้ใหญ่ช่างขอ”


สังคมของลูกไม่ใช่จะมีอยู่แต่เฉพาะในบ้านกับพ่อแม่ ไม่ใช่อายุของพ่อแม่จะยืนยาวจนเท่ากับอายุของลูก แต่ยังจะมีบุคคลอื่นนอกบ้านที่ลูกจะต้องไปติดต่อ ไปพบปะ ไปทำงาน ไปร่วมกินร่วมเที่ยว ร่วมครอบครัว ตลอดจนลูกจะต้องมีลูกหลานให้อบรมเลี้ยงดูสั่งสอนไปอีกนานหลายปี
….เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย



ถ้าลูกช่างขอ ซะแบบนี้ ลูกก็จะติดนิสัยช่างขอกับผู้อื่น ช่างขอกับสังคมต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งจะเป็นนิสัยเห็นแก่ตัว ที่อยากจะได้อะไรอย่างง่ายๆร่ำไป เรียกร้องความต้องการโดยวิธีร้องขอจากผู้อื่นอยู่ร่ำไป
ไม่คิดจะทำอะไรด้วยตนเอง สร้างความระอา
สร้างความรำคาญต่อผู้รู้เห็น

และถ้าหากลูกไม่ได้ในสิ่งที่ตนร้องขอ ลูกก็จะคิดไปว่าผู้อื่นไม่รักตน เหมือนกับที่เคยคิดว่าพ่อแม่ก็ไม่รักตนเช่นเดียวกัน


ลูก….ก็จะอยู่ในสังคม แบบคนมีความเครียด แบบคนที่มีความอัดอั้นใจที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามความพึงพอใจของตนเอง







ฉะนั้น เมื่อลูกร้องขอสิ่งใดเมื่อไปซื้อของที่ห้าง พ่อแม่จึงไม่ควรจะให้
โดยง่าย ทุกครั้ง ควรจะพิจารณาด้วยเหตุผลและความจำเป็นเสียก่อน
ไม่ใช่จะตัดสินให้เพียงเพราะรัก หรือตัดสินให้เพียงเพราะ
ลูกร้องขอเสียงดัง ...แล้วน่าอับอาย



แต่ควรพิจารณาความจำเป็นที่ลูกจะต้องมีสิ่งนั้นหรือไม่ สิ่งนั้นจะมีอันตรายต่อลูกหรือไม่ สิ่งนั้นจะสอดคล้องกับพัฒนาการของลูกหรือไม่ หรือสิ่งนั้นมีราคาแพงเกินไปหรือไม่ เป็นต้น


ถ้าลูกอยู่ในวัยโตพอที่จะฟังและรู้ภาษาไทยธรรมดาได้

….ก็อาจจะบอกเหตุผลความจำเป็นว่าที่ไม่ซื้อให้เพราะอะไร
แน่นอนลูกส่วนใหญ่จะหน้างอ งอนไม่พูดไม่จา บางครั้งถึงกับไม่ยอมกินด้วย แต่เมื่อใช้เหตุผลและความจำเป็นมาอ้างทุกครั้งที่ไม่ซื้อให้ ลูกก็จะเริ่มเรียนรู้ว่าพ่อแม่ไม่ซื้อให้จริงๆ ถ้าของสิ่งนั้นซื้อไปแล้วไม่มีเหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องมี ซึ่งลูกก็จะเริ่มซึมซับนิสัยเช่นนี้ของพ่อแม่ จนกลายเป็นนิสัยของตนเอง
เมื่อกลายเป็นผู้ใหญ่



แต่ถ้าลูกยังอายุน้อย ดื้อจนเกินกว่าจะพูดจารู้เรื่องในห้าง

……ก็ตัดสินใจอุ้มลูกกลับบ้านจะดีกว่า เมื่อถึงบ้านแล้ว ลูกซึ่งอายุยังน้อย มักจะลืมเรื่องที่ผ่านมาได้รวดเร็วเพียงแค่คืนเดียว
และครั้งต่อไปก็พิจารณาให้ดีว่า ควรจะชวนลูกที่อายุยังน้อย
ยังดื้ออยู่ ไปเที่ยวห้างด้วยกันกับพ่อแม่หรือไม่ เพราะในห้าง
มีฝุ่นละอองมีเชื้อโรคมาก ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าในโรงพยาบาลหรอก ในห้างมีมิจฉาชีพเยอะที่อาจจะลักพาตัวเด็กที่พลัดหลงได้
และการซื้อของหรือการซื้ออาหารจากในห้างกลับมาฝากลูกน้อย
กินภายในบ้านก็อร่อยพอๆกับได้กินภายในห้างเช่นเดียวกัน



ยิ่งกว่านั้น พ่อแม่ควรจะอบรมสั่งสอนลูก ว่า การมีของเล่น เสื้อผ้า
เครื่องใช้จำนวนมาก ไม่ใช่ว่าจะเป็นสาระสำคัญของการจะมีความสุขในชีวิตเสมอไป แต่สิ่งสำคัญของการเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีบุคลิกของการจะเป็นผู้นำผู้อื่นต่อไป คือ การรู้จักเลือกซื้อของที่ดีมีประโยชน์ คุ้มค่าต่อความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และการพัฒนาความชำนาญ การรู้จักดัดแปลงของที่มีอยู่ให้เป็นของใหม่ใช้งานได้หลายรูปแบบ การไม่ซื้อของตามเพื่อนๆหากไม่มีความจำเป็น เพราะคนแต่ละคนจะชอบและจะถนัดไม่เหมือนกัน
ตลอดจนการรู้จักแบ่งปันสิ่งของเสื้อผ้าที่ตนมีอยู่ แต่ไม่ใช้แล้ว
ให้กับผู้อื่นที่ขาดแคลนแต่ต้องการใช้


บางครั้ง พ่อแม่ควรจะอบรมสั่งสอนให้ลูกรู้คุณค่าของเงินว่า
กว่าจะได้มาจะต้องใช้ความสามารถ กำลังแรง และความอดทน
เช่น สิ่งของบางอย่างหากมีเหตุผลและความจำเป็นที่ลูกจะต้องมี แต่ควรบอกลูกว่า เนื่องจากพ่อแม่ไม่ได้มีส่วนร่วมที่จะใช้สิ่งของนั้น พ่อแม่จึงจะขอร่วมออกเงินให้ลูกครึ่งหนึ่ง เงินอีกครึ่งหนึ่งลูกจะต้องออกแรงทำงานหรือประหยัดอดออมเอาเอง เพื่อจะหาเงินมาสมทบจึงจะซื้อสิ่งของนั้นได้ อย่างซื้อจักรยาน ซื้อไม้เทนนิส ซื้อกีตาร์ เป็นต้น



นอกจากจะทำให้ลูกรู้คุณค่าของเงินที่ตนเองสู้อุตส่าห์หา
หรือประหยัดอดออมแล้ว ลูกยังจะรู้คุณค่าของสิ่งของที่ตนมีอยู่
ว่ากว่าจะซื้อหามาได้ มีความเหนื่อย มีความยาก และต้องใช้เวลา
นานมากเพียงใด ลูกก็จะรัก จะหวง จะถนอม จะเก็บเข้าที่
และจะภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนหาซื้อมาเองด้วยตนเอง


อีกอย่างหนึ่ง ถ้าหวังจะให้ลูกเป็นคนดี พ่อแม่ควรจะร่วมอบรมสั่งสอนลูกให้เหมือนๆกัน ไม่ใช่แม่บอกว่าให้ซื้อได้ แต่พ่อบอกว่าจะไม่ให้ซื้อ
ทำให้พ่อกับแม่โต้เถียงกันให้ลูกเห็น

หรือไม่ใช่พ่อบอกว่าพ่อจะออกเงินให้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งลูกจะต้องหาเงินหรือประหยัดอดออมเอาเอง แต่แม่(หรือย่า ยาย)กลับสงสารลูก
ให้เงินอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือกับลูกโดยที่พ่อไม่รู้

แบบนี้ลูกก็จะมีนิสัยไม่สามัคคีกับผู้อื่น ไม่ซื่อสัตย์กับผู้อื่น
…ตามอย่างพ่อแม่



ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น
พ่อแม่มีนิสัยอย่างไร ลูกก็มักจะซึมซับนิสัย…ตามอย่างพ่อแม่

ถ้ารักลูก ควรสอนสิ่งที่ดีงามให้กับลูก….
ดีกว่ารักลูก แล้วคิดแต่จะให้เงินกับลูก


เพราะ ลูกยังจะต้องเป็นผู้ใหญ่อยู่ในโลกนี้อีกนาน




โดย yyswim




 

Create Date : 24 กันยายน 2548
24 comments
Last Update : 24 กันยายน 2548 0:27:30 น.
Counter : 2238 Pageviews.

 

ใช่ๆ เห็นด้วยครับ เมื่อก่อน ตอนเด็กๆ ผมจะงอแงๆๆตลอดเวลาจะเอาโน่นเอานี่ แม่ก็ให้จนเคยตัว แต่หลังๆพอโตมาอีกนิด ก็มีงอแงนิดหน่อย แต่พอเห็นหน้าแม่ตอนที่ควักเงินจ่ายค่าของเล่นไร้สาระให้แล้วสงสารแม่มาก คิดได้ครับ เลยไม่งอแงอีกเลย จึงไม่เคยขอเงินแม่ซื้อของเล่นอีกเลยครับ ถ้าอยากได้ จะเก็บเงินค่าขนมซื้อเอง

เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้บางทีพ่อแม่มักจะตามใจเพะราสงสารลูก หรือตัดรำคาญมั้งครับ แต่หารู้ไม่ว่า จะเป็นการฝึกนิสัยแย่ๆทีละนิดให้กับลูกโดยไม่รู้ตัวเลย

 

โดย: พ่อน้องโจ 24 กันยายน 2548 1:18:54 น.  

 

เห็นด้วยเหมือนกันคะ
พ่อแม่สมัยนี้ บางทีตามใจลูกเกิดเหตุคะ บางทีโอเว่อร์เลยก็มี แย่ ๆ ๆ

 

โดย: Angel Tanya 24 กันยายน 2548 1:31:49 น.  

 

คุณสน มาแนวสไตร์ผู้ชายลูกสาม เลยนะครับ

ผมก็เคยเป็นแบบที่คุณสนยกตัวอย่างเหมือนกัน แต่ผมก็คิดได้ตอนโต ที่ต้องพึ่งตัวเองแล้ว ความคิดเด็กๆ คงจะหายไปเอง ความรับผิดชอบก็จะมีมากขึ้น

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ อีกแล้วครับผม

 

โดย: ช้าง IP: 210.86.146.203 24 กันยายน 2548 4:06:24 น.  

 

มีพี่ที่ทำงานเค้าว่าอบ่างนี้ครับ ที่ซื้อของบางอย่างตามใจเด็กเพราะคิดว่า
แต่ก่อนตนเองของเล่นไม่เคยได้ และซื้อของเพราะชดเชยความอยากของตนด้วย

 

โดย: เงือกลม 24 กันยายน 2548 6:37:27 น.  

 

รออ่านมานานแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อคิดดี ๆ ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าจากเรื่องเล็ก ๆ จะส่งผลมากมายขนาดนี้
จะว่าไปเราเพาะนิสัยเสียให้ลูกเหมือนกัน เพราะเห็นว่าของเล่นราคาไม่แพง ซื้อเพราะว่าสนองตัณหาตัวเอง อยากช้อป ว่างั้นเหอะ
โชคดีลูกเรายังเล็ก ฝึกตอนนี้ หวังว่าคงยังไม่สาย ... เนอะ

 

โดย: คุณย่า 24 กันยายน 2548 7:51:16 น.  

 





ขอเห๊นด้วยเพิ่มอีก1ค่ะ




 

โดย: หนี่หนีหนี้ 24 กันยายน 2548 8:45:06 น.  

 

พูดถูกครับ..

แต่จะว่าไปการเลี้ยงลูก .. บางทีผมว่ามันก็สะท้อนพื้นฐานและประสบการณ์การถูกเลี้ยงดูของพ่อ-แม่ มาก่อน เหมือนกันนะครับ..

พ่อ-แม่ คู่ไหนที่ได้รับการปฏิบัติโดยการเลี้ยงดูแบบมีภาวะการพึ่งพิงยาวนาน..ก็มักจะนำประสบการณ์เหล่านั้นมาใช้กับลูกของตนเองด้วย ไม่มากก็น้อยล่ะ..ผมว่า..

ป.ล.ผมก็พูดไปตามหลักการที่จากที่ได้อ่าน ได้เห็นมานะครับ..ยังไม่มีลูกกับเค้า..

 

โดย: กุมภีน 24 กันยายน 2548 8:55:35 น.  

 

ในห้างไม่ค่อยซื้อให้ครับ
ส่วนใหญ่แม่เขาจะซื้อให้เวลาไปเดินดูแถวหลังการบินไทย
สรุปว่าของเล่นเพียบเหมือนกัน
5555

 

โดย: ultraman seven 24 กันยายน 2548 8:57:31 น.  

 

มูลเหตุของการเอาแต่ใจตัวเอง มาจากนิสัยการใช้จ่ายเงินของพ่อแม่

รักลูกให้เป็น ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งในสังคมสมัยนี้ที่มีแต่การแข่งขัน บางครั้งไม่ใช่เพราะความอยากได้อยากมีของลูก แต่มาจากความต้องการของผู้ใหญ่ ที่ต้องการให้ลูกเด่นกว่าใคร

ปัจจัยมีหลายอย่าง

พ่อแม่จึงควรสอนลูกให้คิดไป ซึ่งยังนับว่าขาดในสังคมปัจจุบัน เราคงแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราสามารถกำหนดได้ว่า ถ้าเรามีลูกจะสอนลูกหลานได้อย่างไร

ขอบคุณบทความดีดีค่ะ คุณสิน
ปล. วันนี้มาก่อนซีบวก อิอิ

 

โดย: MDA IP: 203.159.36.10 24 กันยายน 2548 8:59:38 น.  

 

นึกถึงพี่สาวที่บ้าน...สปอยล์ลูกเกินเหตุ
แต่ก็อย่างว่าน่ะค่ะลูกคนเดียว แต่ยังดีที่หลานไม่ค่อยเอาแต่ใจเท่าไหร่

=)

 

โดย: hunjang 24 กันยายน 2548 9:26:00 น.  

 

เป็นบทความที่ดีมากค่ะ


 

โดย: รักดี 24 กันยายน 2548 9:44:19 น.  

 


ขำน้อยๆ

เด็กชายคนหนึ่งอายุก็คงจะราวสัก 12 ขวบ
นอนร้อง…..ร้อง….. แล้วก็ร้อง เสียงดังลั่น
ดิ้นพราดๆ กลิ้งไป กลิ้งมาอยู่กับพื้นที่ชั้นสองของห้างเซ็นทรัลเวิร์ล
ราชประสงค์
เพราะความที่แกอยากจะได้รถบังคับวิทยุ ที่อยู่ในตู้โชว์ในร้านขายของเด็กเล่นนั่นเอง

…..แต่แม่ของเด็กก็ใจแข็งไม่ยอมซื้อให้ คงอยากจะดัดนิสัยของลูก
ละ มั้ง!!


”มาม๊ะ หนูจาอาว หนูจาอาว อ่ะ”

มิไยที่เด็กคนนั้นจะร้องลั่นเสียงดัง คนผ่านไปผ่านมาหรือพนักงาน หรือแม้แต่ รปภ.ต่างก็หันมามองเหตุการณ์กันเป็นทิวแถว

“เเม่เขา ทําไงน่ะ?” คนที่อยากรู้อยากเห็นแต่ไม่ได้เดินไปดูเหตุการณ์ถามคนที่เดินไปดูเหตุการณ์

“เปล่านี่” คือคำตอบ

ใช่ เงียบนิ่ง!! คือคำตอบของคนที่เป็นแม่ เธอยืนอยู่ในท่าเหนื่อยล้า ปากเม้ม ตามองตาลูก นิ่งและเงียบ พร้อมคิ้วขมวด

พอลูกร้องจนสาแก่ใจ จนแทบจะไม่มีเสียงร้องอีกแล้ว จะมีก็แต่เสียงไอ และเสียงคล้ายๆกับจะอ้วก

เธอจึงพูดประโยคแรกกะลูกเธอว่า


“ร้องเหนื่อยเเล้วก็กรุณาตามไปที่ม้านั่งตรงโน้นด้วย จะรออยู่ ... ชั้นถือของหนักนะ!!” 55555

 

โดย: สิน (yyswim ) 24 กันยายน 2548 9:52:57 น.  

 

เวลามีลูกต้องจำเอาไปใช้บ้างแล้วครับ ขอบคุณครับ

แต่ว่าทุกวันนี้ผมว่า พ่อแม่เด็กมักจะมีอายุไม่ค่อยเยอะกันเท่าไหร่นะ ว่าไหม? หรือว่าผมเอา อายุผมเป็นที่ตั้ง เลยคิดไปว่าอายุพวกเค้ายังน้อยอยู่...

 

โดย: merf1970 IP: 61.91.196.178 24 กันยายน 2548 11:14:05 น.  

 


พ่อน้องโจ

นอนดึกนะคับ ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยม ทั้งๆที่ดึกแล้ว

พ่อน้องโจ เป็นไม้พันธ์ดี ดีเพราะตัวของตัวเอง
คุณโจ คงจะไม่ค่อยดื้อ
คุณโจ …ถ้าอ่านหนังสือออก อย่าทำตัวให้พ่อเสียใจนะ…จะต้องหัดเชื่อฟังพ่อบ้าง
โฮ้ง โฮ้ง… อืมม์ ไม่เสียแรงให้เค๊กกล้วยหอม

นางฟ้าTanya

ตีหนึ่งครึ่งที่แถวบ้านผม(แถวๆอนุสาวรีย์ชัย) ตรงกับเวลาที่บ้านคุณนางฟ้า บ่ายหรือปล่าว…
ฝรั่ง เขาคงจะไม่ค่อยตามใจลูกเนาะ คงจะให้ลูกออมเงิน และทำงานหาเงินให้กะตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก
จะไม่ช่วยบอกเล่าบรรยากาศ การสอนลูกของพ่อแม่ทางนี้ ให้เมืองไทยทราบบ้างหรือคับ

ช้าง

ใครมีถึงสามลูก ก็เป็นซุปเปร์แมนละค้าบ….
แต่คนที่เล่นเน็ตตอนตีสี่เนี่ย ผมก็ขอนับว่าเป็น สะมอลซุปเปอร์แมน คนนึงล่ะ
ขอบคุณ ที่เข้ามาอ่านตอนตีสี่
อยากตบรางวัลให้ เอามะ

เงือกลม

ผมก็มีเพื่อนอยู่คนนึง พูดแล้วก็เหมือนกับ คนนินทาเพื่อน แต่ไม่ได้บอกชื่อคงจะไม่เป็นไร แถมเขาก็ไม่รู้ว่าyyswimคือใคร
เป็นเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันในมหาวิทยาลัย ไม่ค่อยจะสนิทกันนักกับเพื่อนคนนี้ เพราะเขาชอบขี้โม้
เพื่อนคนนี้อยู่วัดบวร ตอนเรียน
โชคดี หลังจากเรียนจบ เขาได้งานดีเจวิทยุ และโชคดีอีก ที่นิสัยช่างคุยช่างโม้ของเขา ถูกกับจริตคนที่เป็นดีเจวิทยุ งานก็รุ่ง เงินก็มาก
พูดแล้ว ไม่น่าจะเชื่อว่าจะจริง เขาให้ลูกชายขับรถเบนซ์ ไปเรียนที่เซนคาเบรียล แต่เขาบอกว่าเรื่องจริง
โม้ ปล่าววะ….เบนซ์มือสอง หรือให้ขับไปแค่ไม่กี่ครั้ง หรือให้ขับไปแค่วันเสาร์อาทิตย์ รึปล่าว
เฮ้อ…แต่เขารักลูกแปลกดี รถเบนซ์น่ะซดน้ำมันจะเป็นจะตาย แล้วลูกจะหาเงินที่ไหนมาซื้อน้ำมันแสนแพง

คุณย่าคับ

ลูกสาวคงจะสวยเหมือนคุณย่า คงจะช๊อปเก่งเหมือนคุณย่า และคงจะต่อราคาได้เก่งเหมือนคุณย่า
….ดี นะคับ เริ่มให้ลูกเรียนรู้สินค้าในตลาดตั้งแต่ยังเด็ก โตขึ้น คงจะได้เป็นเถ้าแก่น้อย ถ้าชอบทำธุรกิจจริง

คุณหนี่

มาช่วยเพิ่มให้อีกหนึ่งคะแนน เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนคับ

กุมภีณ

ที่คุณเขียน เป็นเรื่อง ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
ผมก็คิดเหมือนคุณคับ

แล้วผมก็เขียนขึ้น…จากประสบการณ์คนไม่มีลูกเหมือนกัน
…..เอ่อ แต่นักเขียนหลายคนก็เขียนเรื่องฆาตกรรมโดยไม่เคยเป็นฆาตกร เนาะ

Ultra7

น้องตงตง ชอบเล่นของเล่นแบบไหนคับ
ชอบพวกไม้กอล์ฟหรือยัง…แฮ่ะ แฮ่ะ
วัยขนาดนี้แหละที่ไทเกอร์ วู้ด เริ่มต้น

คุณMDA

ใช่คับ ซี กับมะเอ้อ ผมยังไม่เห็น คงจะไปตักบาตรรอยู่นะคับ….
เด๋ว ตอนซีเข้ามา ผมจะบอก

ความคิดของคุณ ผมชอบ
“….ในสังคมสมัยนี้ที่มีแต่การแข่งขัน บางครั้งไม่ใช่เพราะความอยากได้อยากมีของลูก แต่มาจากความต้องการของผู้ใหญ่ ที่ต้องการให้ลูก เด่นกว่าใคร….”
อ่านแล้ว….แสบถึงหัวใจ

คุณฮัน hunjang

เรื่องลูกคนเดียว เป็นเรื่องน่าคิด นะคับ
ที่พี่สาวคุณ จะรักและตามใจลูก ใครจะไปบอกว่าไม่ดีนะ ไม่ควรทำ น่ะ
เรื่องนี้พูดยาก…

ก็เหมือนกะเรารักใครคนเดียว รักมาก เราจะไม่ค่อยคิดถึงเหตุผลหรอก
แต่เราจะมุ่งไปที่ความรู้สึกมากกว่า
คนที่ไม่เคยรักใครคนเดียว ไม่เคยรักใครทั้งหัวใจ จะไม่เข้าใจในความรู้สึกนี้
แต่ชอบที่จะเตือนสติผู้อื่นว่า อย่ารักใครทั้งหัวใจ ให้รักตนเองบ้าง
…..เข้าใจ น่ะเข้าใจ แต่มันทำยาก

ยินดีด้วย ที่หลานคุณฮันเป็นคนดีเหมือนน้าฮัน

คุณรักดี

ขอบคุณที่คุณรักดีชอบอ่านคับ

Merf

เลือกแม่ของเด็ก ที่เป็นคนดี เหมือนกับmerf
….ตอนนี้ เจอแล้ว ใช่มั้ย


 

โดย: yyswim 24 กันยายน 2548 11:49:05 น.  

 

เขียนได้ดีค่ะ เขียนเองเป่า แต่อ่านแล้วพี่ไม่คล้อยตามทั้งหมด น้องสินมีลูกแล้วยังอ่ะ (อันนี้สงสัยเอง เหอๆ)
ข้อ comment หน่อยได้อะเป่า
ข้อดี
1. เขียนประเด็นได้ชัดเจนดีนะ มีเหตุผล และตัวอย่างมา support สิ่งที่เขียนได้ดี ความคิดต่อเนื่องลื่นไหล โน้นน้าวใจคนอ่านได้ดี
2. มีแนวทางแก้ไข และการชี้แจงและอธิบายผลที่จะตามมาได้ดี แบบว่ามีทางออกหรือคำแนะให้คนอ่านไปปฏิบัติตาม
ข้อติ
มีข้อเดียวอ่ะ เหอๆ
อ่านแล้วเหมือนจะสื่อว่า "หากตามใจซื้อของให้ลูกทั้งหมด ลูกโตไปจะกลายเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ที่นิสัยเสีย เป็น ผู้ใหญ่ช่างขอ" ความจริงแล้วมีตัวแปรอื่นๆ อีกมากมายจะทำให้เป็นเช่นนั้นอ่ะจ๊ะ
ถ้าเขียนทำนองว่า "มีส่วนทำให้" อาจทำให้ความแข็งกร้าวของบทความน้อยลงนะ

แหะๆ เม้นท์เองตามความรู้สึกอ่ะ มะมีกฏเกณฑ์ไร ยังไงก็เขียนต่อนะ จาเข้ามาอ่านบ่อยๆจ้า


 

โดย: ladybear (ladybear ) 25 กันยายน 2548 9:27:45 น.  

 


คุณladybear

ขอบคุณมากๆๆๆๆคับ ที่เข้ามา รออ่านตอนที่สินกำลังPublish อยู่พอดี….เห็นคุณเข้ามาแล้วละคับ

สินยังโสดคับ ยังไม่มีลูก และเรียนมา ทางด้านจิตวิทยา
ขอบคุณที่กรุณาช่วยเม้นต์ให้….ชอบอ่านที่มีคนเม้นต์ให้ คับ
ยังเขียนไม่ค่อยเก่ง ไม่ค่อยลื่นไหล สู้คนอื่นมะด้ายคับ ยังจะต้องปรับปรุงอีกเย๊อะ!!!

Blogเรื่องใหม่เขียนเสร็จแล้ว
เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาชีพสำหรับคุณแม่บ้าน…ที่ยังไม่ได้ทำงาน หรือจะเป็นอาชีพสำหรับนักเรียนนักศึกษาช่วงปิดเทอมก็ได้
เป็นอาชีพที่ทำแล้ว จะได้กำไรดี ทำง่าย ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ แถมไม่ต้องพึ่งฝีมือ เพราะมีสูตรให้
กำหนดว่า จะลงBlog ตอนเช้าวันอังคารคับ

 

โดย: สิน (yyswim ) 25 กันยายน 2548 9:57:57 น.  

 


อ้าว…ลืมไป
ผมเขียนเองคับ


 

โดย: สิน (yyswim ) 25 กันยายน 2548 10:02:11 น.  

 

จาตามมาอ่านวันอังคารดึกๆ นะคะ น้องสิน
หัวข้อน่าสนใจดีจัง

 

โดย: ladybear (ladybear ) 25 กันยายน 2548 16:04:44 น.  

 

ตอนเช้าวันอังคารคับ

 

โดย: สิน (yyswim ) 26 กันยายน 2548 1:57:59 น.  

 

มาเยี่ยมเยียนแล้วครับ

 

โดย: U2 IP: 61.90.184.202 26 กันยายน 2548 8:00:48 น.  

 

อ่านแล้วนึกถึงตัวเอง 55555
เด็กสปอยล์ขนานแท้และดั้งเดิม
โตมาก็ยังเป็นผู้ใหญ่สปอยล์เรียกร้องความสนใจไม่มีหยุด
จริงๆ แล้วเด็กสปอยล์ ( แบบผม ) ก็มีส่วนน่ารักนะครับคุณสิน
แต่คนส่วนใหญ่จะเบิร์ดกะโหลกผมลงไปนอนสลบก่อนจะหาความน่ารักเจอ
5555+

 

โดย: พลทหารไรอัน 26 กันยายน 2548 16:28:28 น.  

 

มาเยี่ยมอีกครั้ง ก่อนเปลี่ยนเรื่องค่ะ

ที่พูดไปหนะ ความจริงนะคะ
เพิ่งได้อ่านประวัติคุณสินอย่าละเอียดจากการตอบนะคะ

เรียนจิตวิทยามา ดีจังเลยค่ะ
อยากเรียนมากเลยค่ะ

 

โดย: MDA 26 กันยายน 2548 21:48:22 น.  

 

โต้งU2

หายหน้าไปเลยนะ คิดถึงมรึง นาว๊อยยย….

พลทหารไรอัน

ถ้าผมเป็นหลวงพี่ ผมก็จะเตือนคุณว่า… มีสตินะโยม คิดก่อนที่โยมจะพูดหรือจะทำอะไรลงไป ถ้าสิ่งที่จะทำนั้น ทำแล้วโยมจะมีทุกข์ ทำแล้วผู้อื่นจะมีทุกข์ (ทั้งในยามนี้ และในวันหน้า) ก็อย่าทำ ….พยายามมีสติ คิดและทำในสิ่งที่เหมาะสม เท่านั้นนะโยม
แต่ถ้าผมเป็นพี่ชายของคุณ ผมก็จะเตือนคุณ โดยเบิ๊ดกะโหลก ….อ่ายน้อง แกหัดเอาความน่ารักของแก มาใช้ให้ถูกกับคน ถูกกับเรื่อง ถูกกับเวลา และถูกกับสถานที่ ซิ แล้วแกก็อย่าใช้ความน่ารักของแกให้มันบ่อยนัก หรือหวานนัก มันจะเลี่ยน ….การเป็นหัวหน้าคน เขาจะไม่เอาความน่ารัก คิกขุ แบบเด็กๆ มาใช้หรอกเว๊ย อ่ายน้องเอ๊ย…

คุณMDA

ขอบคุณที่กรุณาเข้ามาบ่อยๆ
อยากเรียนเรื่องคน เหรอคับ
สนุกดีนะคับ มีเรื่องให้เรียนไม่สิ้นสุด


 

โดย: yyswim 26 กันยายน 2548 22:52:55 น.  

 

แวะมาตอบ จะตบรางวัลอะไรให้เราอ่ะ

 

โดย: Nocturnal ช้าง (Christian Chang ) 9 พฤศจิกายน 2548 1:29:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
24 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.