ปลาดุกร้า 2 รส ไร้สารพิษ โอท็อป 5 ดาว ท่าเตียน นครศรีธรรมราช
เมื่ออดีตที่ผ่านมา พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เคยได้รับผลกระทบทางสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาน้ำจืดขาดแคลน น้ำเค็ม น้ำเสีย ซึ่งส่งผลกระทบต่ออาชีพเกษตรกรรม ในหลายพื้นที่ไม่สามารถปลูกพืชได้ ถึงปลูกได้ก็ให้ผลผลิตน้อยกว่าพื้นที่อื่นๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนของพระองค์ จึงมีพระราชดำริจัดทำโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยเน้นแก้ปัญหาน้ำ พื้นที่ทำการเกษตร พัฒนาสิ่งแวดล้อม คมนาคม การสื่อสาร สวัสดิการ และส่งเสริมอาชีพให้กับคนในชุมชน โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สามารถช่วยแก้ไขปัญหาพื้นที่ทำกินให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์สร้างอาชีพใหม่ที่ก่อให้เกิดเป็นรายได้ให้กับครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น เพิ่มขึ้นมากมาย และหนึ่งในอาชีพที่เกิดขึ้นในชุมชนคือ การต่อยอดนำวัตถุดิบที่มีในชุมชนมาแปรรูปเป็นสินค้าจำหน่ายสร้างรายได้เสริม ในพื้นที่บ้านท่าเตียน ตำบลแหลม อำเภอหัวไทร มีหลากหลายอาชีพที่เกิดขึ้นมาหลังจากโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงอาชีพการเพาะเลี้ยงปลาดุก นอกจากอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำไร่ ที่เป็นอาชีพหลักแล้ว อาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมที่คนในชุมชนหันมาให้ความสนใจเพาะเลี้ยงกันเป็นจำนวนมาก ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำในช่วง ปี 2545 ส่งผลทำให้ราคาปลาเริ่มตกลงตามไปด้วย อีกทั้งยังถูกผูกมัดเรื่องราคารับซื้อจากพ่อค้า แม่ค้า ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงต้องเผชิญกับปัญหาขาดทุนกันทั่วหน้า จากปัญหาดังกล่าว เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาดุกในหมู่บ้านจึงได้รวมกลุ่มระดมความคิดเห็น หาทางแก้ไขปัญหา โดยการนำมาแปรรูปทำเป็นปลาดุกร้า ส่งจำหน่ายภายในชุมชนและต่างจังหวัด ภายใต้ชื่อกลุ่ม ปลาดุกร้า 2 รส บ้านท่าเตียน กลุ่มปลาดุกร้า 2 รส บ้านท่าเตียน ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ปี 2547 โดยมี คุณลุงช่วง ชูเมือง เป็นประธานกลุ่ม คุณลุงช่วง เล่าให้ฟังว่า กลุ่มเกิดจากความร่วมมือของคนในชุมชน ที่ประสบปัญหาราคาปลาตกต่ำ โดยเริ่มมีสมาชิกเข้าร่วมกลุ่ม 12 คน ในช่วงตลอดระยะเวลาที่กลุ่มเกิดขึ้นมา ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่ให้ความรู้ กระบวนการผลิตที่ถูกหลักอนามัยและทุนเป็นจำนวนมาก ทั้งมหาวิทยาลัยทักษิณ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช องค์การบริหารส่วนตำบลแหลม และสำนักงานประมงจังหวัดนครศรีธรรมราชเข้ามาเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลเสมอมา การนำปลาดุกมาแปรรูปเป็นปลาดุกร้า ทำกันมานานกว่า 20 ปี โดยแต่ละบ้านที่เลี้ยงปลาดุกจะนิยมนำมาแปรรูปเก็บไว้บริโภคภายในครอบครัว จนทำให้มีความรู้ความชำนาญในการแปรรูปปลาดุกพอสมควร ในช่วงแรกที่เริ่มแปรรูปทำเป็นปลาดุกร้า จะมีสูตรดั้งเดิมที่ทำกันมา โดยผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาจะวางขายภายในชุมชนและส่งเข้าไปจำหน่ายในจังหวัดก่อนในช่วงแรกๆ ซึ่งในระยะแรกยังไม่ค่อยได้รับการตอบรับมากเท่าที่ควร เนื่องจากยังไม่เป็นที่รู้จัก อีกทั้งรสชาติยังไม่ลงตัว หวานบ้าง เค็มบ้าง ซึ่งจากคำติชมเหล่านี้ทางกลุ่มจึงได้เก็บมาพัฒนาปรับปรุงแก้ไขจนได้สูตรที่ลงตัว มีรสชาติที่อร่อย เป็นที่ต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้น สำหรับปลาดุกที่นำมาแปรรูป คุณลุงช่วง บอกว่า จะมีทั้งปลาดุกพื้นบ้านที่เลี้ยงเองและปลาดุกบิ๊กอุย โดยบางส่วนจะสั่งซื้อจากตำบลข้างเคียง เนื่องจากปริมาณความต้องการมีเพิ่มมากขึ้นทุกเดือน อีกทั้งเกษตรกรเลิกเลี้ยงและหันมาแปรรูปกันหมด ส่งผลทำให้ปลาในพื้นที่มีไม่เพียงพอต่อการนำมาแปรรูป ขั้นตอนและวิธีทำ คุณลุงช่วง เล่าให้ฟังว่า ก่อนอื่นต้องนำปลาดุกที่คัดเลือกน้ำหนักต่อตัวเฉลี่ยประมาณ 3-4 ขีด มาตัดหัวและนำไปล้างน้ำ 4 น้ำ จากนั้นนำเกลือและน้ำตาลทรายแดงที่ผสมกันไว้ทาลงไปที่ตัวปลาให้ทั่ว ก่อนนำลงไปวางเรียงไว้ในภาชนะหมัก ปิดฝาทิ้งไว้ 3 คืน (ช่วง 3 คืน ต้องมาพลิกกลับปลาทุกวัน) หลังจากที่ทิ้งไว้จนครบก็จะนำขึ้นมาตากในโรงเรือนเพื่อป้องกันแมลงวันและนก ประมาณ 3-4 แดด และก่อนนำมาบรรจุถุงจำหน่าย ในราคากิโลกรัมละ 240 บาท (7-8 ตัว) 100 บาท (2-3 ตัว) แต่ละสัปดาห์ กลุ่มจะแปรรูปปลาดุกร้าเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน ถึง ณ วันนี้ ตกอยู่ที่สัปดาห์ละประมาณ 1 ตัน โดยกระบวนการทำงานของกลุ่มจะมีสมาชิกเข้ามาหมุนเวียนกันทำงานทุกวัน เนื่องจากการแปรรูปและกระบวนการทำปลาดุกร้าค่อนข้างจะต้องใช้แรงงานคนและเวลา เนื่องจากมีหลากหลายขั้นตอน อีกทั้งต้องยึดหลักความสะอาด เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ผลิตภัณฑ์ปลาดุกร้าของกลุ่มทุกๆ เดือน จะได้รับเชิญไปออกร้านจำหน่ายในงานโอท็อปทั้งในจังหวัดและกรุงเทพมหานคร งานประจำปี ซึ่งมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในช่วงของเทศกาลทำบุญเดือนสิบ เทศกาลสงกรานต์ เทศกาลปีใหม่ ส่วนการนำมาประกอบอาหาร คุณลุงช่วง แนะนำมาว่า ปลาดุกร้าจะรับประทานให้อร่อยต้องนำไปทอดและหั่นซอยหอม พริก บีบมะนาวใส่เล็กน้อย ซึ่งเมื่อรับประทานกับข้าวเหนียวร้อนๆ รสชาติไม่ต้องพูดถึง แซบเว่อร์ ด้วยปลาดุกร้าจะมีรสชาติหวานและเค็มผสมกันอยู่ หากจะนำมาทอด คุณลุงช่วง บอกว่าต้องใช้ไฟอ่อนๆ เนื่องจากมีน้ำตาล หากใช้ไฟแรงทอดอาจจะทำให้เนื้อปลาไหม้ก่อนที่ข้างในจะสุก แต่หากใครที่ชอบแบบปิ้งย่างก็สามารถทำได้ แต่ต้องใช้ไฟอ่อนๆ เช่นกัน ณ วันนี้ ปลาดุกร้า 2 รส บ้านท่าเตียน มีวางจำหน่ายในหลายจังหวัด ทั้งสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต นครศรีธรรมราช แต่ยังอยู่เฉพาะกลุ่มเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความสะอาดและดีกรีสินค้าโอท็อป ระดับ 5 ดาว จะใช้เวลาไม่นาน ตลาดอื่นๆ ก็จะรู้จักกันเป็นอย่างดี ท้ายที่สุด คุณลุงช่วง ยังบอกอีกว่า ถึงแม้ผลิตภัณฑ์ปลาดุกร้าจะยังไม่เป็นที่ยอมรับมากเท่าที่ควร แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับและสะท้อนให้เห็นได้จากผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้คือ การหวงแหนและการอนุรักษ์ภูมิปัญญาเก่าแก่ของชาวบ้านที่พยายามรักษาสิ่งดีงามเหล่านี้ให้ยังอยู่ถึงชั่วลูกชั่วหลานสืบไป สนใจติดต่อ กลุ่มปลาดุกร้า 2 รส บ้านท่าเตียน เลขที่ 86/2 หมู่ที่ 10 ตำบลแหลม อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช โทรศัพท์ (086) 942-9905, (085) 672-8313 บริการส่งจำหน่ายทั่วประเทศ (ค่าจัดส่งขึ้นอยู่กับน้ำหนัก) ขอบคุณ มติชนออนไลน์ สิริสวัสดิ์ศุกรวารค่ะ
Create Date : 14 ธันวาคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 14 ธันวาคม 2555 10:24:22 น. |
Counter : 5470 Pageviews. |
|
|
|