280 .. เสียงอ่านเพชรพระอุมา - ภาคแรก # 28 (406 - 420)
เสียงอ่านเพชรพระอุมา ภาคแรก # 28 ลำดับที่ 406 420
เพชรพระอุมา เป็นนวนิยายที่มีความยาวทั้งสิ้น 48 เล่ม แบ่งออกเป็นสองภาค คือภาคแรกและภาคสมบูรณ์ ภาคละ 24 เล่ม
ภาคแรกของเพชรพระอุมาแบ่งเป็น 6 ตอน ได้แก่ ไพรมหากาฬ, ดงมรณะ, จอมผีดิบมันตรัย, อาถรรพณ์นิทรานคร, ป่าโลกล้านปี และแงซายจอมจักรา
สำหรับภาคสมบูรณ์ก็แบ่งเป็น 6 ตอนเช่นกัน ได้แก่ จอมพราน, ไอ้งาดำ, จิตรางคนางค์, นาคเทวี, แต่ปางบรรพ์ และมงกุฎไพร
ป้า เป็นแฟนคลับ เพชรพระอุมา ค่ะ ได้ติดตามอ่านมาตลอด และอ่านจบหลายรอบ หลังจากป้าวางงานประจำแล้ว ป้าได้ใช้เวลาว่างไปอ่านหนังสือให้ผู้พิการทางสายตาฟัง โดยอ่านที่ ห้องสมุดคอลฟิลล์เพื่อคนตาบอด ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอด เริ่มอ่านมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2541 ถึงวันนี้ ป้าอ่านจบไปแล้วประมาณเจ็ดสิบเรื่อง และในจำนวนนั้นมีเรื่อง เพชรพระอุมา รวมอยู่ด้วย
เรื่อง เพชรพระอุมา จะมีผู้อ่านสองคน คนแรกคือ คุณศศวรรณ อรรถจรรยากุล ท่านอ่านมาถึงลำดับที่ 140 ค่ะ หลังจากนั้น ท่านมีความจำเป็นไม่อาจจะมาอ่านต่อให้จบได้ ทางศูนย์ ฯ จึงได้ขอให้ป้ารับหน้าที่อ่านต่อจนจบ
เพชรพระอุมา เป็นนวนิยายที่ยาวมาก กว่าจะอ่านจบต้องใช้เวลาอ่านนานมากทีเดียว ภาคแรก ป้าเริ่มอ่านเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2545 อ่านจบเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2546 ส่วนภาคสมบูรณ์ ป้าเริ่มอ่านเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2547 และอ่านจบเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551 ค่ะ
เนื่องจาก เพชรพระอุมา เป็นงานเสียงที่ป้าชอบมาก จึงอยากจะนำมาเก็บไว้ในบล็อก และหวังว่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของแฟนคลับ เพชรพระอุมา ที่ไม่สะดวกหรือมีข้อจำกัดในการอ่าน
ขอเชิญฟังเสียงอ่านนวนิยาย เพชรพระอุมา ภาคแรก ลำดับที่ 406 420 ค่ะ
ลำดับที่ 406-408
ลำดับที่ 409-411
ลำดับที่ 412-414
ลำดับที่ 415-417
ลำดับที่ 418-420
ขอเชิญติดตามตอนต่อไปค่ะ
ขอขอบคุณ "พนมเทียน" เจ้าของผลงาน "เพชรพระอุมา"
ขอขอบคุณ ณ บ้านวรรณกรรม ผู้จัดพิมพ์วรรณกรรมเรื่องนี้
ขอขอบคุณ ห้องสมุดคอลฟิลด์เพื่อคนตาบอด มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ผู้จัดทำเป็นหนังสือเสียง
ขอขอบคุณ คุณศศวรรณ อรรถจรรยากุล อาสาสมัครผู้ให้เสียงอ่าน ตั้งแต่ต้น จนถึง ลำดับที่ 140
ขอขอบคุณภาพจากทุกเว็บที่เกี่ยวเนื่องกับเพชรพระอุมา
และขอขอบคุณ คุณ treetree6969 ผู้จัดทำวิดีโอนี้
เ พ ช ร พ ร ะ อุ ม า
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อเรื่องย่อ แงซายจอมจักรา
ดารินหายเป็นปกติ ออกเดินทางได้ ตลอดเส้นทางการเดินทาง รพินทร์และคณะนายจ้างต่างเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ ทุกคนในคณะเดินทางยกเว้นมาเรียต่างพึ่งพายาร้อนของบุญคำ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาวเย็นและมีหิมะตก รพินทร์นำคณะนายจ้างเดินทางถึงบริเวณเนินพระจันทร์ ในตอนบ่ายวันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน ก่อนวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 เร็วกว่ากำหนดถึง 2 วัน
ช่วงสายวันรุ่งขึ้น ทั้งคณะแยกกันออกสำรวจพื้นที่ เกิดปะทะกับฝูงหมาป่านับพันที่กำลังไล่ต้อนกวาง ผลคือไชยยันต์กับจันบาดเจ็บ แงซายยิงธนูติดระเบิด ไล่ฝูงหมาหนีไปได้ คณะเดินทางพบหลักฐานการมาถึงเนินพระจันทร์ของพรานชดและหนานอิน คือที่พักนอนและรอยก่อไฟในหลุมอุกาบาต แต่ก็ยังตีปริศนาลายแทงไม่ออก
วันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ตาม กำหนดของลายแทง ซึ่งระบุว่า ปิ่นพระศิวะจะฉายแสง แล้วถันพระอุมาจะปรากฏ ช่วงกลางวันทั้งคณะ ออกตรวจตราไปทุกที่ แต่ก็ไม่เกิดปัญญาใดๆให้ตีปริศนาลายแทงได้ ตกเย็นหลังจากกินอาหารแล้ว ก็เก็บสัมภาระเตรียมออกเดินทาง มาพักรอที่เนินพระจันทร์ท่ามกลางความหนาวเหน็บ จนต้องอาศัยยาร้อนของบุญคำช่วย กระทั่งพระจันทร์เสี้ยวของคืน5 ค่ำแตะเขาพระศิวะ ปรากฏการณ์สุดแสนมหัศจรรย์ก็บังเกิด ทั้งปิ่นพระศิวะที่ฉายแสง และถันพระอุมาก็ปรากฏ ทุกคนรีบออกเดินทางทันที
เดินทางมาอย่างมีความหวัง เป็นเวลาหลายชั่วโมง จนเวลา 03.25 น. ก็มาพักที่เวิ้งถ้ำเล็กๆ (ถ้ำเล็กๆทางด้านเหนือของเต้านมด้านใต้สุดของภูเขาสองลูก) เจ้าของลายแทงมาเข้าฝันดาริน แล้วก็พบโครงกระดูกของเจ้าของลายแทงในถ้ำนั้นเอง
ตื่นเที่ยง (เวลาในมรกตนครช้ากว่าเวลาจริง 7 ชั่วโมง) ไม่มีอาหารรองท้อง ต้องใช้อาหารแก้หิวของดาริน เดินขึ้นเขา - ไต่เขาต่ออีก 3 ชั่วโมงเศษก็พบพระศิวะอะเวนิว ทันทีที่เหยียบหัวถนน นาฬิกาของเชษฐาก็หยุดเดินที่ เวลา 15.35 น.กับ 22 วินาที ของวันที่ 4 พฤศจิกายน นอกจากนาฬิกาจะหยุดเดิน เข็มทิศก็ชี้ผิดทิศด้วย แต่แก็ปกระสุนปืนยังทำงาน (.375 จากมือดาริน) เดินตามถนนที่เริ่มลาดต่ำต่อไปอีกราว 4 ชั่วโมงเศษ ทุกคนก็เหนื่อยล้า มาเรียเริ่มสังเกตเห็นเงาตะวันว่าเพิ่งเที่ยงหรือเลยเที่ยงทั้งที่เดินมานานแล้ว คณะหยุดพักใต้ร่มไม้ข้างลำธาร จับปลามาย่างกินแล้วทุกคนก็หลับเป็นตายจนเกือบรุ่งเช้า
ย่ำรุ่งตื่นขึ้นมาก็พบว่าแงซายหายไปพร้อมกับอาวุธปืนและยุทธปัจจัย ฟ้าสางกองทัพของมรกตนครจับคนต่างถิ่นเป็นเชลย ทุกคนถูกกวาดต้อนไปกับทหารเพียงแต่ไม่โดนพันธนาการ เพราะรพินทร์ได้สำแดงเดชฤทธิ์ของอาวุธสายฟ้า(ปืนที่เหลือ)ให้รหัสยะประจักษ์
หลังพักเที่ยงออกเดินทางต่อ กุตะมะโดนธนูอาบยาพิษของฝ่ายขบถ ชาวต่างถิ่นจึงมีโอกาสรักษากุตะมะเพราะไม่มีหมอหลวงมาด้วย รักษากุตะมะแล้ว ยังช่วยรักษานักโทษ 6 คน ทำให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับมรกตนครและข่าวของคนที่กำลังตามหา กลางดึกเมยานีลูกสาวอรชุนตีปล้นค่ายชิงตัวนักโทษทั้ง6 หนีไปได้ พร้อมกับทำอุบายเข้ามาดูตัวคณะเดินทางทั้ง 11 คน
รุ่งเช้าออกเดินทางต่อ ดารินได้มีโอกาสสนทนากับกุตะมะ ช่วงที่กองทัพผ่านประตูปีศาจ ได้รับสัญญาณแสงจากแงซายแจ้งว่าได้เข้ากับกองทัพประชาชนแล้ว จะหาทางช่วยคณะรพินทร์ก่อนที่จะเปิดศึกกับสิงหรา กองทัพถึงกำแพงเมืองเวลาย่ำค่ำจึงไม่อาจเข้าเมืองได้ มีแต่กุตะมะกับรหัสยะเท่านั้นที่เข้าเมืองไป ตกดึกดารินวางแผนออกไปสำรวจค่ายโดยรมยาสลบทหารยาม แล้วชวนรพินทร์กับคะหยิ่นออกไป โชคดีได้เจอเมยานี จึงได้ทราบเรื่องราวต่างๆของมรกตนคร
รุ่งเช้าเชลยทั้งหมดถูกคุมตัวมารอที่ปราสาทส่วนหลังในอุทยาน โดยมีรหัสยะเป็นตัวประกัน จนเที่ยงก็มีอาหารมาเลี้ยง ช่วงบ่ายได้เข้าเฝ้ากษัตริย์สิงหรา เมื่อสิงหราถามถึงคนที่ 12 (หมายถึงแงซายที่สิงหราต้องการตัว) เชษฐาบอกขอดูตัวคนหายที่มาตามก่อน สิงหรายินยอมแล้วให้ลงไปดูในคุกโดยมีกุตะมะเป็นตัวประกันไปด้วย
เมื่อลงไปถึงก็เจอนายชดกับหนานอิน พร้อมกับรู้ว่าหลงกลสิงหราโดนขังในคุกด้วยจนกว่าจะยอมวางอาวุธ แต่แล้วพระเจ้าก็ไม่เข้าข้างคนผิด ปรากฏว่า กุตะมะซ้อนกล แปรพักตร์เข้ากับอรชุนผู้นำกองทัพประชาชน โดยเปิดประตูลับที่อยู่ในห้องขัง ประตูลับนี้มีกุตะมะทราบแต่เพียงผู้เดียว แล้วก็นำคณะรพินทร์ออกมาพบกองทัพประชาชนที่มีแงซายคอยต้อนรับอยู่แล้ว
รุ่งขึ้นวางแผนเผด็จศึก โดยให้แงซายออกไปรบ แล้วทำทีแตกพ่ายหนีมาที่ช่องเขา ซึ่งรพินทร์ได้วางระเบิดรอไว้แล้ว เมื่อรหัสยะนำทหารตามมาก็โดนระเบิดเขาถล่ม รหัสยะแตกทัพหนีเข้าเมือง กองทัพแงซายติดตามไป ฝ่ายของรพินทร์ช่วยยิงธนูติดระเบิดถล่มประตูเมือง ทำให้กองทัพประชาชนเข้าไปได้
ที่สนามชัย แงซายเผชิญหน้ากับสิงหราและรหัสยะ แงซายแสดงฝีมือดาบ ฆ่าสองพี่น้องได้อย่างง่ายดาย จับญาติทรราชมาพิจารณาโทษ แล้วขึ้นไปดูแม่มดวาชิกาผู้วางแผนโค่นกษัตริย์วิษณุพรมนารถในครั้งกระโน้น จับแม่มดมาเผากลางเมือง รุ่งขึ้น เอาศพกุตะมะไปไว้ที่สุสานพระแม่อุมาเทวี พร้อมกับเปิดขุมเพชรพระอุมาให้ทุกคนได้ดูเป็นบุญตา แงซายสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าจักราธิราช ขึ้นครองเมือง หลังพักผ่อนที่มรกตนครเป็นเวลาพอสมควร ทุกคนก็เดินทางกลับ
ร่มไม้เย็น ค่ะ
Create Date : 02 ธันวาคม 2555 |
|
10 comments |
Last Update : 30 มีนาคม 2558 21:12:54 น. |
Counter : 3491 Pageviews. |
|
|
|
ช่วงนี้ผมงานยุ่ง เลยไม่ค่อยมีเวลามาทักทายต้องขอโทษด้วยครับ