Cosmopolis หนังอาร์ตหลุดโลกชนิดลุงบุญมียังส่ายหน้า
สำหรับคอหนังอาร์ตชนิดหลุดโลกจนลุงบุญมีต้องส่ายหน้านั้น เห็นทีจะต้องมาชม Cosmopolis ของ เดวิด โครเนนเบิร์ก เจ้าพ่อหนังเซอร์ หนังเรื่องนี้ทำมาจากหนังสือชื่อเดียวกันของ Don Delillo ซึ่งเกลื่อนไปด้วยไดอะล็อกนอกโลกที่คนธรรมดาสามัญไม่สามารถประดิษฐ์คำพูดอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้ Cosmopolis เล่าเรื่องราวของมหาเศรษฐีหนุ่มซึ่งนำแสดง โดย โรเบิร์ต แพททินสัน ดาราแวมไพร์ทไวไลท์ที่คงนึกเฮี้ยนอยากมาเล่นบทยากๆ ท้าทายความสามารถ โดยเฉพาะกับผู้กำกับจอมเซอร์อย่าง เดวิด โครเนนเบิร์ก ที่ทำหนังมาสารพัดแนวแต่จะโดดเด่นในแนวไซไฟเซอร์เรียล ซึ่งข้าพเจ้าติดตามดูมาตั้งแต่สมัย Scanners, Videodrome, Crash, Naked Lunch มาจนถึงหนังดราม่าแปลกๆ อย่าง Eastern Promises หรือหนังพีเรียดจิตวิทยาอย่าง A Dangerous Method แต่เมื่อมาถึง Cosmopolis นี้ ข้าพเจ้าขอยอมถวายบังคมว่ามิอาจเอื้อมจริงๆ Cosmopolis เป็นภาษากรีก แปลว่า Universe City หรือ Order City ซึ่งน่าจะหมายถึงเมืองใหญ่ที่คละเคล้าไปด้วยผู้คนสารพันมากมายหลายหลาก เมืองใหญ่ที่พ่อหนุ่มมหาเศรษฐี อีริค แพคเกอร์ (แพททินสัน) ต้องมาผจญกรรมจากการแค่อยากนั่งลีมูซีนคันยาวเท่าเรือสุพรรณหงส์ไปตัดผมอีกฟากหนึ่งของมุมเมือง แม้กระทั่งบอดี้การ์ดตัวดีจะเตือนแล้วกับความวุ่นวายของจราจรที่เกิดขึ้นจากการเยี่ยมเยือนของประธานาธิบดี หรือการต้องฝ่าฝูงชนที่กำลังเดินขบวนประท้วงกันอย่างเมามัน แต่ภายในรถลีมูซีนคันหรูนั้น ประหนึ่งเป็นโลกพิศดารส่วนตั๊ว..ส่วนตัวของอีตาแพคเกอร์คนนี้ หนังพาเราเดินทางไปกับกิจกรรมสารพัดแบบที่บังเกิดขึ้นในรถลีมูซีน โดยมีบรรยากาศของความเปลี่ยนแปลงผันผวนบังเกิดขึ้นภายนอกอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ในโลกลีมูซีนของเศรษฐีหนุ่มคนนี้กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ตรงกันข้ามกับเหตุการณ์ด้านนอกชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า ตั้งแต่การมีเซ็กซ์ชั่วคราวแทนม่านรูด เป็นห้องน้ำ เป็นที่เจรจาธุรกิจ ที่ปรับทุกข์ ไปจนถึงคลีนิคแพทย์ตรวจภายใน (ทวาร) ..ชะอุ๊ย ทุกๆ คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของแพคเกอร์ ต่างพูดจาเหมือนมาจากดาวอังคาร 555 เล่าเรื่องอะไรเป็นวรรคเป็นเวรด้วยภาษาที่ประดิดประดอยจนฟังไม่รู้เรื่อง ต้องปล่อยอารมณ์ให้พวกท่านเหล่านั้นพล่ามไปเรื่อยเปื่อยแล้วจับความเอาเอง ได้เห็นโลกของคนหลากหลายระดับชั้นที่ต้องมาพัวพันกันด้วยแรงกดดันของเมืองหลวงและชีวิตที่ครอบไว้ด้วยโลกวัตถุนิยมซึ่งไร้ความแน่นอน แม้แต่ตัวมหาเศรษฐีอย่างอีริค แพคเกอร์เองก็ยังต้องพลาดท่ากับการดำเนินธุรกิจ สูญเสียเงินทองนับเป็นล้านๆ แล้วชีวิตเขาต้องการอะไรแน่ ? ขณะที่ในรถลีมูซีนคันงามนั้น เพียบพร้อมไปด้วยทุกอย่างระดับไฮเทค ต้องการข้อมูลบ้าบออะไรก็หาได้หมด แต่โลกส่วนตัวของเขาในรถก็หาใช่สิ่งที่เขาแสวงหา กระนั้น เมื่อเขาก้าวเดินออกไปจากตัวรถเป็นครั้งคราว.. เพื่อตามไปงอนง้อภรรยาที่ทำท่าไม่อยากนอนกับเขาด้วยเพราะอยากเก็บแรงไว้ทำงานต่อ หรือ แค่จะออกไปตัดผมแต่ก็ต้องโดนผู้ประท้วงเอาพายมาโปะหน้าให้ได้อาย แถมมีปาปารัสซี่มีถ่ายภาพซ้ำเติม หรือ..แอบไปมีเซ็กซ์กับบอดี้การ์ดสาวของตัวเอง จนกระทั่งท้ายสุดมาเจอะเจอกับอดีตลูกจ้าง (แสดงโดย พอล จีอาแมตติ นักแสดงระดับรางวัล) ซึ่งกำลังจ้องจะเอาปืนส่องกบาลล้างแค้นเขาอยู่ทุกขณะจิตนั้น ...ตกลงชีวิตเขาดูมีค่าตรงไหนกันนี่? ซึ่งฉากการปะทะคารมครั้งสุดท้ายระหว่าง โรเบิร์ต แพททินสัน และ พอล จีอาแมตตินี้ร่ายยาวด้วยไดอะล็อคของสองนักแสดงชั้นนำอย่างลืมโลกเลยทีเดียว และต้องขอสารภาพว่าข้าพเจ้ามึนเป็นอันมากกับการตีความเรื่องราวที่ไม่เหมือนมนุษย์มนาเหล่านี้ ซึ่งท่านทั้งสองก็สามารถคุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ได้เป็นวรรคเป็นเวร และต้องยกความดีให้กับนักแสดงในเรื่องทุกคนที่สามารถยิ่งในการท่องบทยาวๆ ที่พูดยากพูดเย็นเหล่านี้ได้อย่างลื่นไหล แถมยังตีบทใส่อารมณ์ให้กับมันได้อย่างใจนึก มันเป็นบทที่เหนือจริงที่ทุกคนต้องแสดงเหมือนในชีวิตจริง...เออ..เก่งซะไม่มี ที่ต้องชมเชยคือ ผู้กำกับ เดวิด โครเนนเบิร์ก ที่สามารถหาทุนได้จากทั้งแคนาดา และยุโรป มาลงขันทำหนังเซอร์สุดริดสุดเดชเรื่องนี้ ในแง่มุมของการกำกับ ก็ต้องยอมรับว่าเขามีความคิดสร้างสรรค์ได้ล้ำ ตีความนวนิยายออกมาเป็นภาพได้อย่างมีเอกลักษณ์โดดเด่น (แต่จะดูเข้าใจแค่ไหนอีกเรื่องนึง) ในแง่มุมของการตีความ หนังอาร์ตแบบนี้มักมีปลายเปิดให้ไอเดียของคนดูหลั่งไหลเข้ามาแสดงสัญชาตญาณได้โดยเสรีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ก็คงเข้าหลัก สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม มองเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย ส่วนในด้านโปรดักชั่นนั้น ต้องยอมรับว่าฝีมือการถ่ายทำในที่แคบๆ อย่างรถลีมูซีนกับสถานการณ์ด้านนอกที่ผันแปรไปแต่ละช่วงละตอนนั้น ทำได้ขั้นเทพ เพราะการวัดแสงจัดไฟนั้นต้องระดับฝีมือจริงๆ ถึงจะบาลานซ์ความพอดีให้กับทั้งภาพภายนอกภายใน ที่โดดเด่นมากก็ฉากที่ภายนอกรถลีมูซีนมีการประท้วง นักเดินขบวนพากันเข้ามาพ่นสีใส่รถใส่กระจก ทุบเขย่ารถกันโคลงเคลง ขณะที่พ่อพระเอกตัวดียังคงเจรจาต้าอ้วยด้วยลีลาอันเย็นชา (ยิ่งกว่าแวมไพร์) ซะงั้น สำหรับบางซีนที่ต้องการความประณีต ก็อาจต้องใช้ซีจีในการซ้อนภาพกันบ้างนั้นก็ไม่ว่ากัน เพราะบางช็อทก็หินเหลือกำลัง ศิริรวมได้ว่าถ้าอยากจะลองของเปลี่ยนบรรยากาศในการชิมรสชาติหนังแปลกๆ ดูบ้าง Cosmopolis ก็ดูเป็นทางเลือกที่ไม่เลว เพราะอย่างน้อย หนังเรื่องนี้ก็ได้เข้าชิงรางวัลปาล์มทองมาแล้วในเทศกาลหนังเมืองคานส์ ส่วนโรเบิร์ต แพททินสัน ก็ได้เห็นเขาแสดงบทแหวกๆ เซ็กซ์ๆ ไม่ซ้ำรอยกับแวมไพร์เอ็ดเวิร์ดที่เห็นจนเอือมมาแล้ว ซึ่งเขาก็ทำได้ดีเกินคาดเลยทีเดียว แต่แรกนั้น โคลิน ฟาเรล จะมาสวมบทนี้ แต่ให้เผอิญคิวไม่สมพงษ์ ก็เลยอดเห็นหุ่นอันบึ้มๆ ของพ่อเจ้าประคุณในฉากล่อแหลมไปซะ คิดๆ ไปก็น่าแปลกใจที่ดาราระดับแม่เหล็กยอมลงมาเล่นบทพิศดารยากๆ แบบนี้ คงเพราะเขาเหล่านั้นอยู่ในระดับที่อยากสร้างผลงานที่ฉีกแนวให้เป็นเกียรติประวัติแก่ตนเองกระมัง? เหมือนกับที่ ทอม แฮงค์ส ยอมล่มหัวจมท้ายกับการแสดงใน Cloud Atlas อะไรทำนองนั้น สิ่งที่น่าทึ่งอีกอย่างคือ หนังเรื่องนี้ได้มีโอกาสแหวกโปรแกรมเข้ามาฉายในเมืองไทยในเครือเมเจอร์ได้กะเขาด้วยสิ โดยมีชื่ออันแสนเกร๋ว่า เทพบุตรสยบเมืองคลั่ง (มันเกี่ยวกันมั้ยเนี่ย) เออ..เลยพาลนึกอยากไปชมซับไทยให้เป็นบุญตาว่า จะมีนักแปลคนไหนอาจหาญมาแปลหนังเรื่องนี้ให้เป็นภาษาไทยชนิดร้อยเรียงให้ดูรู้เรื่องได้กันหนอ ส่วนตัวข้าพเจ้า ถ้าจะถามว่าชอบหนังเรื่องนี้ไหม? คงต้องบอกว่า น่าสนใจ โดยเฉพาะในแง่มุมของโปรดักชั่นที่มีสไตล์โดดเด่น และที่สำคัญ สามารถดูจนจบเรื่องได้ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็มิใช่คอหนังอาร์ตชนิดฮาร์ดคอร์ (คงเพราะอยากรู้ว่ามันจะจบยังไง) ขณะที่ยังมีหนังสยองขวัญลึกลับอีกสองสามเรื่องที่ดูได้ครึ่งเดียวก็เปลี่ยนแผ่น แต่ถ้าถามว่าเข้าใจสาระของมันได้แค่ไหน ก็ต้องบอกว่า..คงเป็นผู้หนึ่งที่มองไม่ถึงดวงดาว คงเห็นได้แค่ หาดทรายกับน้ำทะเล เท่านั้น (ดีกว่า โคลนตม หน่อยนึงอะนะ).... (หมายเหตุ - ตัดตอนบางส่วนจากบทความของข้าพเจ้าในนิตยสาร Audiophile/Videophile ขอขอบคุณ บก. มา ณ ที่นี้)
Create Date : 23 มีนาคม 2556 |
|
1 comments |
Last Update : 23 มีนาคม 2556 16:23:38 น. |
Counter : 4833 Pageviews. |
|
|
|
ชอบพี่หมีเวลารีวิวหนังด้วยครับ
หนังอาร์ตมากๆ ผมไม่ค่อยได้ดูเลยครับพี่
แต่พยายามจะพาเวลาดูหนังให้มากขึ้นครับ
ช่วงนี้ไม่ได้มาทักทายพี่เลย
ปีนี้งานตรึมเลยครับพี่
ตื่นตี 5 ไม่ไหวครับ 555