ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
16 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

โค้วอิ้ม ป้าจีนคนหนึ่ง

ป้าธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา

นานหลายปีแล้วที่อยากจะเขียนเรื่องนี้จากความทรงจำ
ยังจำภาพหญิงมีอายุ เชื้อชาติจีน สัญชาติจีนได้
เมื่อวันที่ไปเยี่ยมแกตอนหัวค่ำ ที่บ้านห้องแถวหลังโรงภาพยนตร์โอเดียน
หรือที่เรียกว่า บ้านให้เช่าคุณพระ(เสน่หามนตรี)
แม่ให้เรียกแกว่า โค้วอึ้ม หรือ ป้าโค้ว
จำได้ว่าทะเลาะแย่งของเล่นตุ๊กตารูปเป็ดหรือไง ไม่แน่ใจนัก กับลูกชายของแก
แล้วแกมาห้ามไม่ให้ลูกแกทะเลาะกับเรา
แต่ก็ยังทะเลาะกันประสาเด็ก จนกระทั่งกลับบ้านในเวลาต่อมา

แม่เล่าให้ฟังว่า สามีแกเป็นหมอจีนรักษาโรคทั่วไป
แต่ถูกยิงเสียชีวิตในตอนค่ำวันหนึ่ง
ในสมัยนั้นพ่อกับแม่ไปอยู่บ้านให้เช่าละแวกเดียวกัน
ตำรวจสันนิษฐานว่า เป็นการยิงผิดคน
ตอนนั้นยังเล็ก ๆ อยู่มาก จำความอะไรไม่ได้
ตั้งแต่นั้นแกก็เลี้ยงดูลูกชายตลอดมา ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงที่ไปขอมา
จากครอบครัวคนจีนที่กรุงเทพฯ แห่งหนึ่ง
(เป็นวัฒนธรรมคนจีนแต่ก่อนที่จะต้องมีลูกชายไว้สืบแซ่(สายสกุล)

ลูกเลี้ยงของแกก็เคยไปพบกับพ่อแม่ที่แท้จริงเมื่อตอนวัยรุ่น
แต่ก็อยู่อาศัยกับพ่อแม่ที่แท้จริงพร้อมกับพี่น้องด้วยกันได้ไม่นาน
จำได้ว่าไม่กี่เดือน ก็กลับมาอยู่ที่หาดใหญ่อีกครั้ง
เพราะขาดการติดต่อและสายสัมพันธ์เครือญาติ
รวมทั้งความเอาใจใส่ที่แกรักเหมือนลูกแท้ ๆ ไม่ได้
ตอนนี้เปิดร้านค้าในหาดใหญ่เกี่ยวกับการให้เช่าบูชา พระพุทธรูป
แถว ๆ ละม้ายสงเคราะห์ใกล้กับโรงแรมไดอิชิ

มีช่วงหนึ่ง แม่ต้องไปผ่าตัดต่อมไทรอยด์ที่โรงพยาบาลสงขลา
ทำให้พ่อต้องไปเฝ้าคนไข้ โค้วอึ้ม ก็มาดูแลที่บ้านทุก ๆ วัน
อย่างเป็นห่วงเป็นใย เหมือนกับญาติสนิท
แม้ว่าที่บ้านจะมีพี่ชายพี่สาวดูแลน้อง ๆ กันอยู่
แต่ก็มีความอบอุ่นใจที่มีผู้ใหญ่มาดูแลและถามไถ่ตลอดเวลา
จนกระทั่งแม่กลับจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้านและหายเป็นปกติ

จำได้ช่วงหนึ่ง กับพี่ชาย ลงทุนกับเพื่อน ๆ ที่บ้านพักรถไฟหาดใหญ่
เลี้ยงเป็ด โดยไปซื้อลูกเป็ดมาจากตลาดตัวละสองสลึง เลี้ยงกว่าสิบเดือน
(อัตรารอดน้อยมาก สิบตัวรอดไม่ถึงครึ่ง เพราะยังไม่รู้จักวัคซีน
หรือการเลี้ยงดูที่ดีแต่อย่างไร) อาหารก็ใช้เศษข้าวจากบ้าน
หรือ จอกแหน บางครั้งก็รำข้าว ที่รั่วและหล่นอยู่ตามพื้นโกดังรถไฟรอบนอก
(ใกล้กับสะพานลอยข้ามทางรถไฟ) คนงานหรือเจ้าหน้าที่รถไฟแถวนั้น
ก็ไม่มายุ่งหรือห้ามปราม เพราะเห็นว่าเป็นลูกหลานคนรถไฟด้วยกัน
ก็ช่วยกันโกยใส่ถุงมาจากโกดังรถไฟหาดใหญ่มาผสมเศษอาหารเลี้ยงเป็ด

ปลายปีก็มีคนจีนมาซื้อเป็ดไปขายต่อก่อนไหว้ตรุษจีน
จำได้ตัวหนึ่งไม่เกินกว่าสิบห้าบาท ก็ดีใจมากแล้ว
เลี้ยงอยู่ประมาณสองหรือสามรุ่น บ้านพักรถไฟแถวนั้นต้องรื้อถอน ย้ายไปที่อื่น
(ช่วงนั้นเป็ดอายุประมาณหกเดือนแล้ว)
จึงต้องนำเป็ดส่วนที่เลี้ยงไว้แถวบ้านพักรถไฟกลับมาที่บ้าน
ตอนค่ำต้องเอาไปไว้ในห้องน้ำ กลัวขโมยมาลักไป เลี้ยงอยู่ประมาณอาทิตย์
แม่เลยขอให้ไปให้โค้วอื้ม เอาไปเลี้ยงดีกว่าและแกจะได้ขายตอนตรุษจีนด้วย
แกก็รับไปด้วยความเต็มใจ

ช่วงวันไหว้ตรุษจีน แกก็เอาเป็ดที่ฆ่าแล้วและทำพะโล้มาให้ที่บ้านจำนวน
สองตัวจากหกตัว เรากับพี่ชายหุ้นกันเลี้ยงต่างกินกันไม่ลง
เพราะสงสารและนึกถึงวันที่ผูกพันกับมันมากว่าหกเดือนแล้ว

สมัยก่อน ที่บ้านตอนตรุษจีนหรือสารทจีน
จะมีการซื้อไก่บ้านมาฆ่ากันแถวหลังบ้าน
้เวลาดูไก่ถูกเชือดคอและวิ่งพล่านกว่าจะตายก็หลายปี
และที่บ้านก็ไม่มีพี่น้องคนไหนกล้าฆ่าไก่สักคนรวมทั้งพ่อกับแม่ด้วย
ทุกครั้งต้องไหว้วานให้คนงานของพ่อมาฆ่าไก่ให้
และยังต้องยุ่งกับการถอนขนไก่ ต้มไก่
กว่าจะได้ไหว้ก็ปาเข้าไปครึ่งคืนแล้ว
จนหลายปีต่อมา จำได้ว่า ที่บ้านเริ่มซื้อไก่ที่มีคนรับทำสำเร็จรูปมาขายให้
ก็เลยซื้อไก่ประเภทนั้นมาไหว้เจ้าแทน

จำได้ปีนั้นเป็นปีสุดท้ายที่ โค้วอึ้ม มาถามแม่ว่าปีนี้จะซื้อไก่บ้านมาฆ่า
แล้วไหว้เจ้าหรือไม่ แม่บอกว่า ปีนี้คงไม่แล้ว
เพราะพี่ชายก็ไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ กับ ปีนังค์แล้ว
ส่วนที่บ้านก็อยู่กันน้อยกว่าเดิมมาก ซื้อที่เขาทำไว้สำเร็จรูปง่ายกว่า
และช่วงนั้นพ่อก็ไปทำงานรับเหมาก่อสร้างที่ลพบุรี
คนงานที่มาฆ่าไก่ให้ทุกปี ก็ตามไปทำงานกับคุณพ่อที่นั่นเลยไปมาไม่สะดวก

จำได้ โค้วอึ้ม ซึมไปเล็กน้อย
เลยถามแม่ว่า ทำไมไม่ช่วยแกซื้ออีก
แม่ก็บอกถึงความจำเป็นที่มี และบอกว่า คงไม่เป็นไรหรอก เพราะไก่ขายช่วง
ตรุษจีน ได้ราคาดีกว่าอยู่แล้ว เพียงแต่แกมาขายหลายปีแล้ว
จนกระทั่งเคยชินว่า ที่บ้านจะต้องเป็นคนซื้อแกเจ้าแรกทุก ๆ ปี
และปกติที่บ้านก็ซื้อพวกธูปเทียน กระดาษไหว้เจ้าของแกเป็นประจำอยู่แล้ว
แม้ว่าจะมีเจ้าอื่นขายถูกกว่าก็ตาม
(ไก่ของโค้วอึ้ม แกจะเลี้ยงไว้ในคอกตับ ใส่ช่องละตัวไว้ในหลังบ้าน
โดยซื้อมาขุนก่อนตรุษจีนประมาณสองถึงสามเดือนเป็นประจำถ้าจำไม่ผิด)
จำได้ว่า เคยไปกับแม่ที่ตลาดชีกิมหยง
ไปซื้อกระดาษเงินกระดาษทอง
และธูปเทียนไหว้เจ้าที่แผงของโค้วอึ้มเป็นประจำ

ยังจำได้ว่าช่วงตรุษจีนในวันไหว้เจ้า แม่มักจะให้เอาของไหว้เจ้า
(ที่ยังไม่ได้ไหว้)ไปให้แก แกก็จะเอาของคืนให้มากกว่าที่เราเอาไปให้แก
บางครั้งแกก็เอามาให้ก่อน พอแม่เอาของใส่คืนให้แกมากกว่า
แกก็ไม่ยอมพยายามเอาออกจนเหลือให้น้อยที่สุดเท่าที่แกจะยื้อได้

ช่วงหลัง ไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ หลายปี กลับมาที่บ้านก็พบว่า
บ้านห้องแถวเก่าที่โค้วอึ้มอยู่ ถูกรื้อถอนสร้างเป็นโรงแรมอินทราไปแล้ว
เลยถามแม่ว่า โค้วอึ้มไปไหนแล้ว
แม่บอกว่า แกย้ายไปอยู่บ้านพี่น้องแกที่สระบุรีแล้ว ขาดการติดต่อกันเลย
ส่วนลูกชายแกช่วงนั้นก็ไป ๆ มา ๆเอาแน่นอนไม่ได้ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
บางครั้งเจอก็ลืมถามเรื่องนี้บ้าง เลยไม่รู้ว่าแกไปอยู่ที่ไหนแน่

จนกระทั่งวันหนึ่งเราเจอลูกชายแก เลยถามถึงโค้วอึ้ม
แต่ลูกชายแกกลับบอกว่า เสียชีวิตแล้วและฝังอยู่ที่สระบุรี
และไม่ได้บอกใคร ๆ เพราะแกสั่งว่าไม่ต้องบอกกับใคร แต่อย่างใด
เพราะไม่อยากรบกวนใคร ๆ อยากตายแบบเงียบ ๆ และอบอุ่นใจ
ที่บั้นปลายอยู่ใกล้ชิดกับพี่น้องอีกครั้ง

เป็นความทรงจำสุดท้าย ที่ขอมอบให้โค้วอึ้ม
เพื่อนของแม่ที่เหมือนญาติ
และเป็นคนดีในความรู้สึกของเรา
ที่ได้รู้จักคนหนึ่งในชีวิตที่ผ่านมา
ขอให้แกไปสู่สุคติและมีชีวิตในภายหน้า
ที่เป็นสุขสวัสดิ์ดีกว่าชาตินี้ด้วย




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2552
2 comments
Last Update : 24 พฤษภาคม 2554 0:01:01 น.
Counter : 1484 Pageviews.

 

อ่านแล้วคิดถึงวันคืนเก่าๆ
แต่ไม่สามารถถ่ายทอดได้
จริงนะ คุณเขียนเหมือนนักเขียน
สละสลวยเห็นภาพพจน์

คิดถึงก๋ง ท่านตายจากไปนาน



 

โดย: หมุยจุ๋ย 15 มีนาคม 2552 14:05:57 น.  

 

ตามมาอ่านแล้ว

 

โดย: tuk-tuk@korat 9 สิงหาคม 2552 11:21:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.