36.4 พระสูตรหลักถัดไป คือฆัตวาสูตร [พระสูตรที่ 71] การสนทนาธรรมนี้ต่อเนื่องมาจาก 36.3 พระสูตรหลักถัดไป คือฆัตวาสูตร [พระสูตรที่ 71] //www.bloggang.com/mainblog.php?id=gravity-of-love&month=21-06-2014&group=4&gblog=38 ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 44 GravityOfLove, 18 มิถุนายน 2557 เวลา 13:48 น. ๗๖. นชีรติสูตร //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=1309&Z=1326&bgc=honeydew&pagebreak=0 กรุณาอธิบายค่ะ บทว่า ตนฺที ได้แก่ ความเกียจคร้านอันจรมาด้วยอำนาจแห่งความกระหายจัดเป็นต้น. ขอบพระคุณค่ะ ความคิดเห็นที่ 45 ฐานาฐานะ, 18 มิถุนายน 2557 เวลา 14:29 น. GravityOfLove, 20 นาทีที่แล้ว ... 1:48 PM 6/18/2014 สันนิษฐานว่า บทว่า ตนฺที ได้แก่ ความเกียจคร้านอันจรมาด้วยอำนาจแห่งความกระหายจัดเป็นต้น. คำว่า ความกระหายจัด น่าจะมาจาก อติจฺฉาต หรือ ระหายนัก ตนฺทีติ อติจฺฉาตาทิวเสน อาคนฺตุกาลสิยํ. //budsir.mahidol.ac.th/cgi-bin/Budsir.cgi/SearchItem?mode=2&valume=11&item=76&Roman=0&PageMode=1 ความกระหายจัดเป็นต้น หรือความกระหายนักเป็นต้น ก็น่าจะเป็นความเกียจคร้านจากเหตุ 6 ประการในสิงคาลกสูตร. อติจฺฉาโตสฺมีติ กมฺมํ น กโรติ //budsir.mahidol.ac.th/cgi-bin/Budsir.cgi/SearchItem?mode=1&valume=11&item=184&Roman=0 [๑๘๔] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน ๖ ประการเหล่านี้ คือ มักให้อ้างว่าหนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน ๑ มักให้อ้างว่าร้อนนัก แล้วไม่ทำการงาน ๑ มักให้อ้างว่าเวลาเย็นแล้ว แล้วไม่ทำการงาน ๑ มักให้อ้างว่ายังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำการงาน ๑ มักให้อ้างว่าหิวนัก แล้วไม่ทำการงาน ๑ มักให้อ้างว่าระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน ๑ เมื่อเขามากไปด้วยการอ้างเลศ ผลัดเพี้ยนการงานอยู่อย่างนี้ โภคะที่ยังไม่เกิดก็ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ถึงความสิ้นไป ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เหล่านี้แล ฯ //84000.org/tipitaka/read/?11/178-184/196-198 ความคิดเห็นที่ 46 ฐานาฐานะ, 18 มิถุนายน 2557 เวลา 15:09 น. แม้ความเกียจคร้านโดยอ้างเหตุอื่นๆ ก็ปรากฎในพระสูตรอื่นด้วย. กุสีตวัตถุสูตร //84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=7061&Z=7099 ขอเสริมเล็กน้อย ดังนี้ :- พระชาติหนึ่ง พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระมหาชนก ขณะที่ทรงออกผนวชอยู่ พระนางสีวลีก็ยังตามเพื่อไม่ให้ผนวช ในช่วงที่บวชได้ไม่นานนัก ดาบสชื่อว่านารทะได้มาตักเตือนพระโพธสัตว์ ในคำที่ตักเตือนนั้นก็มีคำว่า ความเกียจคร้าน อยู่ด้วย. มหาชนกชาดก [บางส่วน] [๔๕๙] เสียงอันกึกก้องของหมู่ชนเป็นอันมากนี้ เพราะอะไร นั่นใครหนอ มากับท่านเหมือนเล่นกันอยู่ในบ้าน ดูกรสมณะ อาตมภาพขอถามท่าน มหาชนนี้ติดตามท่านมาเพื่อประโยชน์อะไร. [๔๖๐] มหาชนนี้ติดตามข้าพเจ้าผู้ละทิ้งพวกเขาไปในที่นี้ ข้าพเจ้าผู้ล่วงเสียซึ่ง เขตแดน คือ กิเลส ออกบวชเพื่อบรรลุถึงมโนธรรม คือ ญาณของ พระมุนี แต่ยังเจือด้วยความเพลิดเพลินทั้งหลายอยู่ พระผู้เป็นเจ้ารู้อยู่ จะถามทำไม. [๔๖๑] พระองค์เพียงแต่ทรงสรีระอันครองผ้ากาสาวะนี้ อย่าได้สำคัญว่าเราข้าม พ้นเขตแดน คือ กิเลสแล้ว กรรม คือ กิเลสนี้ จะพึงข้ามได้ด้วย การทรงเพศบรรพชิตก็หาไม่ เพราะอันตราย คือ กิเลสของพระองค์ยัง มีอยู่มาก. [๔๖๒] อันตรายอะไรหนอ จะพึงมีแก่ข้าพเจ้าผู้มีปกติอยู่ผู้เดียวอย่างนี้ ไม่ปรารถนากามทั้งหลายในมนุษยโลกและในเทวโลก. [๔๖๓] อันตรายเป็นอันมากแล คือ ความหลับ ความเกียจคร้าน ความง่วงเหงา ความไม่ยินดี ความเมาอาหาร ตั้งอยู่ในสรีระของพระองค์. [๔๖๔] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ท่านพร่ำสอนข้าพเจ้าดีหนอ ข้าพเจ้าขอถามท่าน ผู้นิรทุกข์ ท่านเป็นใครหนอ. //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=28&A=2871&Z=3200 ความคิดเห็นที่ 47 GravityOfLove, 18 มิถุนายน 2557 เวลา 18:57 น. ในโลกมีช่องอยู่ ๖ ช่องที่จิตไม่ตั้งอยู่ได้ คือ ความเกียจคร้าน (อาลสฺยํ) ๑ ความประมาท ๑ (ปมาโท) ความไม่หมั่น (อนุฏฺฐานํ) ๑ ความไม่สำรวม (อสญฺญโม ไม่ระวังศีล) ๑ ความมักหลับ (นิทฺทา) ๑ ความอ้างเลศไม่ทำงาน (ตนฺที) ๑ อย่างนี้ถูกต้องหรือไม่คะ ความคิดเห็นที่ 48 ฐานาฐานะ, 18 มิถุนายน 2557 เวลา 19:46 น. GravityOfLove, 40 นาทีที่แล้ว ... 6:57 PM 6/18/2014 น่าจะถูกต้องครับ บทว่า ตนฺที ฯ เป็นคำที่ 2 คือ ความอ้างเลศไม่ทำงาน ๑ นัยว่า ก็เป็นความเกียจคร้านอย่างหนึ่ง อรรถกถาว่า จรมา (อาคันตุกะ) น่าจะเป็นเพราะว่า เมื่อมีเหตุให้อ้าง จึงอ้างได้ (ไม่ประจำ). ในโลกมีช่องอยู่ ๖ ช่องที่จิตไม่ตั้งอยู่ได้ คือ ความเกียจคร้าน (อาลสฺยํ) ๑ ความประมาท ๑ (ปมาโท) ความไม่หมั่น (อนุฏฺฐานํ) ๑ ความไม่สำรวม (อสญฺญโม ไม่ระวังศีล) ๑ ความมักหลับ (นิทฺทา) ๑ ความอ้างเลศไม่ทำงาน (ตนฺที) ๑ แก้ไขเป็น ในโลกมีช่องอยู่ ๖ ช่องที่จิตไม่ตั้งอยู่ได้ คือ ความเกียจคร้าน (อาลสฺยํ) ๑ ความประมาท (ปมาโท) ๑ ความไม่หมั่น (อนุฏฺฐานํ) ๑ ความไม่สำรวม (อสญฺญโม ไม่ระวังศีล) ๑ ความมักหลับ (นิทฺทา) ๑ ความอ้างเลศไม่ทำงาน (ตนฺที) ๑ ความคิดเห็นที่ 49 GravityOfLove, 18 มิถุนายน 2557 เวลา 20:33 น. ความเกียจคร้าน (อาลสฺยํ) และความอ้างเลศไม่ทำงาน (ตนฺที) หมายความว่าอย่างไรคะ ความคิดเห็นที่ 50 ฐานาฐานะ, 18 มิถุนายน 2557 เวลา 20:53 น. GravityOfLove, 13 นาทีที่แล้ว ความเกียจคร้าน (อาลสฺยํ) และความอ้างเลศไม่ทำงาน (ตนฺที) หมายความว่าอย่างไรคะ 8:33 PM 6/18/2014 น่าจะหมายความว่า ความเกียจคร้าน (อาลสฺยํ) เกียจคร้านโดยปกติ. ความอ้างเลศไม่ทำงาน (ตนฺที) เกียจคร้านโดยมีเหตุเสริม เช่น ฝนตก, วันก่อนทำงานดึก วันนี้เมื่อยจึงหยุด มีเหตุอ้าง เหตุเสริม จึงลางาน. นัยน่าจะคล้ายๆ ความเกียจคร้าน เหมือนคนชอบโดดงานเป็นประจำ ความอ้างเลศไม่ทำงาน เหมือนคนชอบลางาน เมื่อมีวันหยุดนักขัตฤกษ์ เช่น ปกติหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ พอมีวันหยุดนักขัตฤกษ์ในวันอังคาร ก็ลางานในวันจันทร์ด้วย เป็นหยุดงาน เสาร์-อาทิตย์-จันทร์-อังคาร. สันนิษฐานล้วน. ความคิดเห็นที่ 51 GravityOfLove, 18 มิถุนายน 2557 เวลา 21:17 น. เข้าใจแล้วค่ะ ขอบพระคุณค่ะ ความคิดเห็นที่ 52 GravityOfLove, 18 มิถุนายน 2557 เวลา 21:21 น. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต ฆัตวาวรรคที่ ๘ ๗๖. นชีรติสูตร ว่าด้วยสิ่งที่ไม่ทรุดโทรม //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=1309&Z=1326&bgc=honeydew&pagebreak=0 เทวดาทูลถามด้วยคาถาว่า อะไรหนอย่อมทรุดโทรม อะไรไม่ทรุดโทรม อะไรหนอท่านเรียกว่าทางผิด อะไรหนอเป็นอันตรายแห่งธรรม อะไรหนอสิ้นไปตามคืนและวัน อะไรหนอเป็นมลทินของพรหมจรรย์ อะไรไม่ใช่น้ำแต่เป็นเครื่องชำระล้าง ในโลกมีช่องกี่ช่องที่จิตไม่ตั้งอยู่ได้ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบด้วยคาถาว่า รูปของสัตว์ทั้งหลายย่อมทรุดโทรม นามและโคตรย่อมไม่ทรุดโทรม (นามและโคตรของพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต จนถึงทุกวันนี้ บัณฑิตยังกล่าวอยู่ จึงชื่อว่าไม่ทรุดโทรม เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ นามและโคตรนั้น ไม่ปรากฏแล้วก็จริง แต่สภาวะที่ทรุดโทรมย่อมไม่มีเลย) ราคะท่านเรียกว่าทางผิด ความโลภเป็นอันตรายของธรรม วัยสิ้นไปตามคืนและวัน หญิงเป็นมลทินของพรหมจรรย์ หมู่สัตว์นี้ย่อมข้องอยู่ในหญิงนี้ ตบะและพรหมจรรย์ทั้งสองนั้น มิใช่น้ำแต่เป็นเครื่องชำระล้าง ในโลกมีช่องอยู่ ๖ ช่องที่จิตไม่ตั้งอยู่ได้ คือ ความเกียจคร้าน (อาลสฺยํ) ๑ ความประมาท (ปมาโท) ๑ ความไม่หมั่น (อนุฏฺฐานํ) ๑ ความไม่สำรวม (อสญฺญโม ไม่ระวังศีล) ๑ ความมักหลับ (นิทฺทา) ๑ ความอ้างเลศไม่ทำงาน (ตนฺที) ๑ พึงเว้นช่องทั้ง ๖ เหล่านั้นเสียโดยประการทั้งปวง //84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=ตบะ //84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=พรหมจรรย์ ------------------ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต ฆัตวาวรรคที่ ๘ ๗๗. อิสสรสูตร ว่าด้วยความเป็นใหญ่ //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=1327&Z=1338&bgc=honeydew&pagebreak=0 เทวดาทูลถามด้วยคาถาว่า อะไรหนอเป็นใหญ่ในโลก อะไรหนอเป็นสูงสุดแห่งภัณฑะทั้งหลาย อะไรหนอเป็นดังสนิมศัสตราในโลก อะไรหนอเป็นเสนียดในโลก ใครหนอนำของไปอยู่ย่อมถูกห้าม แต่ใครนำไปกลับเป็นที่รัก ใครหนอมาหาบ่อยๆ บัณฑิตย่อมยินดีต้อนรับ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบด้วยคาถาว่า อำนาจเป็นใหญ่ในโลก หญิงเป็นสูงสุดแห่งภัณฑะ (ทรัพย์) ทั้งหลาย ความโกรธเป็นดังสนิมศัสตราในโลก (เป็นสนิมต่อปัญญา) พวกโจรเป็นเสนียดในโลก โจรนำของไปอยู่ย่อมถูกห้าม แต่สมณะนำไปกลับเป็นที่รัก (สมณะรับของทำบุญไป) สมณะมาหาบ่อยๆ บัณฑิตย่อมยินดีต้อนรับ ความคิดเห็นที่ 53 ฐานาฐานะ, 19 มิถุนายน 2557 เวลา 19:25 น. GravityOfLove, 4 ชั่วโมงที่แล้ว ... 9:20 PM 6/18/2014 สรุปความได้ดีครับ. ความคิดเห็นที่ 54 ฐานาฐานะ, 19 มิถุนายน 2557 เวลา 19:26 น. คำถามในพระสูตรทั้งสอง ๗๖. นชีรติสูตร //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=1309&Z=1326 ๗๗. อิสสรสูตร //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=1327&Z=1338 เมื่อศึกษาแล้วได้อะไรบ้าง. ย้ายไปที่ สารบัญ ๑ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=gravity-of-love&month=12-03-2013&group=1&gblog=1 |
แก้วมณีโชติรส
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
คุณฐานาฐานะเคยถามเกี่ยวกับชาดกนี้ และตอนนั้นต้องใบ้ให้กว่าจะตอบได้
เกือบจะขอให้ใบ้ให้อีก คราวนี้ไม่รู้ว่าจะบอกใบ้อย่างไร
//topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/05/Y12045944/Y12045944.html#267