31.3 พระสูตรหลักถัดไป คือสัตติสูตร [พระสูตรที่ 21] การสนทนาธรรมนี้ต่อเนื่องมาจาก 31.2 พระสูตรหลักถัดไป คือสัตติสูตร [พระสูตรที่ 21] ความคิดเห็นที่ 79 ความคิดเห็นที่ 80 GravityOfLove, 21 พฤษภาคม เวลา 08:57 น. นึกไม่ออกแบบนี้โดยตรงเสียทีเดียวค่ะ นึกออกที่คล้ายๆ ค่ะคือ ธรรมใดที่เสพแล้ว กุศลธรรมเจริญขึ้น อกุศลธรรมเสื่อมลง ควรเสพ ธรรมใดที่เสพแล้ว กุศลธรรมเสื่อมลง อกุศลธรรมเจริญขึ้น ไม่ควรเสพ ก็มีหลายพระสูตร เช่น สักกปัญหสูตร //84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=5727&Z=6256 มหาธรรมสมาทานสูตร //84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=9701&Z=9903 เสวิตัพพาเสวิตัพพสูตร //84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=2899&Z=3431 ความคิดเห็นที่ 81 ฐานาฐานะ, 21 พฤษภาคม เวลา 09:06 น. ตอบได้ดีทั้งพระสูตรที่เป็นคำตอบ. ความคิดเห็นที่ 82 GravityOfLove, 21 พฤษภาคม เวลา 09:26 น. อุ๊ย ถูกต้องหรือคะ ขอบพระคุณค่ะ ความคิดเห็นที่ 83 ฐานาฐานะ, 21 พฤษภาคม เวลา 19:42 น. เป็นอันว่า พระสูตรชื่อว่า มโนนิวารณสูตร, อรหันตสูตรและปัชโชตสูตร จบบริบูรณ์. //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=404&Z=440 พระสูตรหลักถัดไป คือ สรสูตร [พระสูตรที่ 27]. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค สรสูตรที่ ๗ //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=441&Z=446 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=70 ความคิดเห็นที่ 84 GravityOfLove, 21 พฤษภาคม เวลา 20:59 น. ๒๙. จตุจักกสูตร //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=457&Z=465&bgc=honeydew&pagebreak=0 ในเชิงอรรถฉบับมหาจุฬาฯ ค้นหา (สํ.ส.อ.๑/๒๙/๕๒) ใน 84,000 อย่างไรคะ ทวาร ๙ คือ ตา ๒, หู ๒, จมูก ๒, ปาก ๑, ทวารหนัก ๑, ทวารเบา ๑ (สํ.ส.อ.๑/๒๙/๕๒) //www.geocities.ws/tmchote/tpd-mcu/tpd15.htm ขอบพระคุณค่ะ ความคิดเห็นที่ 85 ฐานาฐานะ, 21 พฤษภาคม เวลา 22:02 น. ตอบว่า ยากที่จะค้นหาครับ เพราะ (สํ.ส.อ.๑/๒๙/๕๒) อ้างอิงอรรถกถาฉบับภาษาบาลี สํ.ส.อ. ไม่ได้กำหนดหมายเลขเล่ม จำเป็นต้องดูว่า หมายถึงเล่มใด สํ.ส. คือ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค คือ พระไตรปิฎกเล่ม 15 อ. คือ อรรถกถา ๒๙ จากการสุ่มค้นใน BUDSIR พบว่า เป็นข้อของอรรถกถา ๕๒ เป็นหน้าของอรรถกถาบาลี //budsir.mahidol.ac.th/cgi-bin/Budsir.cgi/SearchItem?mode=2&valume=11&item=29&Roman=0&PageMode=1 //budsir.mahidol.ac.th/cgi-bin/Budsir.cgi/show?mode=2&valume=11&page=52&Roman=0&PageMode=1 ซึ่งค้นจาก BUDSIR ก็คือ อรรถกถาของพระสูตรนี้เอง แต่ว่า ในอรรถกถาบาลีของฉบับเรียนธรรม ไม่มีหมายเลข และระบบการค้นด้วยข้อ ทั้งเมื่อเปิดหน้าหมายเลขเดียวกัน ก็ปรากฎว่า จัดแบ่งหน้า ไม่เหมือนกัน. สรุปว่า บทว่า นวทฺวารํ แปลว่า ทวาร ๙ ได้แก่ ทวาร ๙ ซึ่งมีปากแผล ๙ แห่ง. นวทฺวารนฺติ นวหิ วณมุเขหิ นวทฺวารํ. ปุณฺณนฺติ อสุจิปูรํ. ส่วนคำว่า ตา ๒, หู ๒, จมูก ๒, ปาก ๑, ทวารหนัก ๑, ทวารเบา ๑ เป็นการขยายความ (เชิงอรรถ ซึ่งอาจจะนำมาจากอรรถกถาพระสูตรอื่นก็ได้) [๒๙] นวเม จตุจกฺกนฺติ จตุอิริยาปถํ. อิริยาปโถ หิ อิธ จกฺกนฺติ อธิปฺเปโต. นวทฺวารนฺติ นวหิ วณมุเขหิ นวทฺวารํ. ปุณฺณนฺติ อสุจิปูรํ. โลเภน เชิงอรรถ: ๑ ม. ยตฺถ ยตฺถ ๒ ฉ.ม., อิ. อุตฺตานตฺถเมวาติ ๓ ฉ.ม. อปริยตฺตชาตา ... //budsir.mahidol.ac.th/cgi-bin/Budsir.cgi/SearchItem?mode=2&valume=11&item=29&Roman=0&PageMode=1 //budsir.mahidol.ac.th/cgi-bin/Budsir.cgi/show?mode=2&valume=11&page=52&Roman=0&PageMode=1 ความคิดเห็นที่ 86 GravityOfLove, 21 พฤษภาคม เวลา 22:19 น. ถ้าอย่างนั้น ใน ๘๔๐๐๐ มีตรงไหนอธิบายว่า ทวาร ๙ คืออะไร ไหมคะ ขอลิงค์ด้วยค่ะ จะอ้างอิงในย่อความค่ะ ขอบพระคุณค่ะ ความคิดเห็นที่ 87 ฐานาฐานะ, 21 พฤษภาคม เวลา 22:34 น. อรรถกถาวิชยสูตร [บางส่วน] บทว่า นวหิ โสเตหิ ได้แก่ ช่องตา ๒ ช่องหู ๒ ช่องจมูก ๒ ปาก วัจจมรรคและปัสสาวมรรค. //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=312 ความคิดเห็นที่ 88 GravityOfLove, 21 พฤษภาคม เวลา 22:36 น. ขอบพระคุณค่ะ แกรวิตี้หาเองจนง่วงก็ไม่เจอ ความคิดเห็นที่ 89 GravityOfLove, 21 พฤษภาคม เวลา 22:39 น. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต สัตติวรรคที่ ๓ ๒๗. สรสูตร ว่าด้วยความแล่นไป //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=441&Z=446&bgc=honeydew&pagebreak=0 เทวดาทูลถามเป็นคาถาว่า สงสารทั้งหลายย่อมกลับ (สิ้นสุด) แต่ที่ไหน วัฏฏะย่อมไม่เป็นไป (ไม่หมุนวน) ในที่ไหน นามก็ดี รูปก็ดี ย่อมดับหมดในที่ไหน พระผู้มีพระภาคตรัสตอบเป็นคาถาว่า น้ำ ดิน ไฟ ลม ย่อมไม่ตั้งอยู่ในที่ใด (คือพระนิพพาน) สงสารทั้งหลายย่อมกลับแต่ที่นี้ วัฏฏะย่อมไม่เป็นไปในที่นี้ นามก็ดี รูปก็ดี ย่อมดับหมดในที่นี้ --------------- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต สัตติวรรคที่ ๓ ๒๘. มหัทธนสูตร ว่าด้วยผู้มีทรัพย์มาก //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=447&Z=456&bgc=honeydew&pagebreak=0 เทวดาทูลถามเป็นคาถาว่า กษัตริย์ทั้งหลายมีทรัพย์มาก มีสมบัติมาก ทั้งมีแว่นแคว้น ไม่รู้จักพอในกามทั้งหลาย ย่อมขันแข่งซึ่งกันและกัน เมื่อกษัตริย์ทั้งหลายนั้นมัวขวนขวาย ลอยไปตามกระแสแห่งภพ บุคคลพวกไหนไม่มีความขวนขวาย ละความโกรธและ ความทะเยอทะยานเสียแล้วในโลก พระผู้มีพระภาคตรัสตอบเป็นคาถาว่า บุคคลทั้งหลาย ละเรือน ละบุตร ละปศุสัตว์ที่รัก บวชแล้ว กำจัดราคะ โทสะ และอวิชชาเสียแล้ว เป็นผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว เป็นผู้ไกลจากกิเลส (คือเป็นพระอรหันต์) บุคคลพวกนั้นเป็นผู้ไม่ขวนขวายในโลก --------------- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต สัตติวรรคที่ ๓ ๒๙. จตุจักกสูตร ว่าด้วยสรีระมี ๔ ล้อ //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=457&Z=465&bgc=honeydew&pagebreak=0 เทวดาทูลถามเป็นคาถาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียรมาก สรีระมีจักร ๔ (๔ ล้อ คืออิริยาบถ ๔) มีทวาร ๙ เต็มด้วยของไม่สะอาด ประกอบด้วยโลภะ ย่อมเป็นดังว่าเปือกตม ความออกไป (จากทุกข์) ได้ จักมีได้อย่างไร [อรรถกถาวิชยสูตร] ทวาร ๙ บทว่า นวหิ โสเตหิ ได้แก่ ช่องตา ๒ ช่องหู ๒ ช่องจมูก ๒ ปาก วัจจมรรคและปัสสาวมรรค. //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=312 คำว่า อิริยาบถ //www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อิริยาบถ_๔&detail=on พระผู้มีพระภาคตรัสตอบเป็นคาถาว่า ตัดความผูกโกรธด้วย กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัดด้วย ความปรารถนาและความโลภอันลามกด้วย ถอนตัณหาอันมีอวิชชาเป็นมูลเสียแล้วอย่างนี้ ความออกไป (จากทุกข์) จึงจักมีได้ --------------- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต สัตติวรรคที่ ๓ ๓๐. เอณิชังคสูตร ว่าด้วยพระผู้มีพระชงฆ์เหมือนเนื้อทราย //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=466&Z=479&bgc=honeydew&pagebreak=0 เทดาทูลถามเป็นคาถาว่า พวกข้าพระองค์เข้ามาเฝ้าแล้ว ขอทูลถามพระองค์ผู้มีความเพียร ผู้ซูบผอม (มีพระสรีระสม่ำเสมอ ไม่อ้วน) มีแข้งดังเนื้อทราย (กลมเรียวเรียบ) มีอาหารน้อย (ทรงประมาณในการเสวยพระกระยาหาร) ไม่มีความโลภ เป็นเหมือนราชสีห์และช้างเที่ยวไปผู้เดียว (เป็นผู้ไม่ประมาท) ไม่มีห่วงใยในกามทั้งหลาย บุคคลจะพ้นจากทุกข์ได้อย่างไร พระผู้มีพระภาคตรัสตอบเป็นคาถาว่า กามคุณ ๕ มีใจเป็นที่ ๖ บัณฑิตประกาศแล้วในโลก บุคคลเลิกความพอใจในนามรูป (กามคุณ ๕ และใจ) นี้ได้แล้ว ก็พ้นจากทุกข์ได้อย่างนี้ //www.84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=กามคุณ_5 ย้ายไปที่ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=gravity-of-love&month=12-03-2013&group=1&gblog=1 |
แก้วมณีโชติรส
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
GravityOfLove, 9 ชั่วโมงที่แล้ว
ตอบคำถามในพระสูตรทั้งสาม
เมื่อศึกษาแล้วได้อะไรบ้าง.
...
11:05 PM 5/20/2014
ตอบคำถามได้ดีครับ
พระพุทธดำรัสที่ว่า
บุคคลไม่ควรห้ามใจแต่อารมณ์ทั้งปวงที่เป็นเหตุให้ใจมาถึงความสำรวม
บาปย่อมเกิดขึ้นแต่อารมณ์ใดๆ บุคคลพึงห้ามใจแต่อารมณ์นั้นๆ
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=404&Z=410
นัยนี้ เคยได้ศึกษาในพระสูตรใดมาก่อน.