Bloggang.com : weblog for you and your gang
39.4 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
การสนทนาธรรมนี้ต่อเนื่องมาจาก
39.3 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=gravity-of-love&month=29-07-2014&group=4&gblog=56
ความคิดเห็นที่ 30
GravityOfLove, 15 กรกฎาคม 2557 เวลา 22:52 น.
ตอบคำถามในพระสูตรทั้งสอง
1. เมื่อศึกษาแล้วได้อะไรบ้าง.
๑๐๖. ชันตุสูตร
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=1947&Z=1965
๑. ในวันอุโบสถวันหนึ่ง ชันตุเทพบุตรได้เข้าไปตักเตือนภิกษุผู้ประมาท
เย่อหยิ่งฟุ้งเฟ้อ ปากกล้าวาจาพล่อยๆ ปล่อยตัวเยี่ยงคฤหัสถ์เป็นต้น ว่าภิกษุเหล่านี้เป็น
เหมือนเปรต
๒. บทว่า อุทฺธตา ได้แก่ เป็นผู้มีปกติฟุ้งซ่าน เพราะสำคัญในสิ่งที่ไม่ควรว่าควร
สำคัญในสิ่งที่ควรว่าไม่ควร สำคัญในที่ไม่มีโทษว่ามีโทษ สำคัญในสิ่งที่มีโทษว่าไม่มีโทษ
................
๑๐๗. โรหิตัสสสูตร
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=1966&Z=2008
๑. พระผู้มีพระภาคตรัสมีใจความว่า
นิพพานไม่สามารถบรรลุได้ด้วยการเดินทาง
เพราะเราได้บรรลุนิพพานแล้ว เราจึงกล่าวถึงการกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
เราบัญญัติอริยสัจ ๔ ลงในกายที่ประกอบมหาภูตรูป ๔ ไม่ได้บัญญัติลงในต้นไม้เป็นต้น
เหตุนั้นแหละ คนมีปัญญาดี ตระหนักชัดเรื่องโลก ถึงที่สุดโลกได้
อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว จึงไม่หวังโลกนี้และโลกหน้า
๒. โรหิตัสสฤๅษีเกิดในยุคที่มนุษย์มีอายุยืน เขามีฤทธิ์ เหาะไปในอากาศได้
เดินทางก้าวละจักรวาล
เริ่มเดินทางหาที่สุดโลก เมื่ออายุขัยเหลือ ๑๐๐ ปี ยังไม่ถึงที่สุดโลกก็ตายก่อน
แล้วมาบังเกิดในจักรวาลนี้
-----------------------
2. ในชันตุสูตร สันนิษฐานว่า เทพบุตรที่ตักเตือนนั้น
เตือนด้วยจิตอนุเคราะห์
ในเรื่องการตักเตือนของเทวดานี้ นึกถึงชาดกเรื่อง
.
ปสิงฆปุปผกชาดก
ว่าด้วยคนดีไม่ควรทำชั่วแม้นิดหน่อย
ครั้งนั้น เทพธิดาตนหนึ่งสถิตอยู่ที่ลำต้นต้นไม้
เมื่อจะให้ท่านสลดใจ จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
ดูก่อนท่านผู้เช่นกับด้วยเรา ท่านดมดอกไม้ที่เกิดในน้ำ ดอกบัวที่เขาไม่ได้ให้นี้ใด
การดมนี้นั้นเป็นองค์ๆ หนึ่งของการขโมย ท่านเป็นผู้ขโมยกลิ่น.
//84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=944
ความคิดเห็นที่ 31
ฐานาฐานะ, 15 กรกฎาคม 2557 เวลา 23:14 น.
GravityOfLove, 6 นาทีที่แล้ว
ตอบคำถามในพระสูตรทั้งสอง
...
10:52 PM 7/15/2014
ตอบคำถามได้ดีครับ.
เพิ่มเติมนัยจากปสิงฆปุปผกชาดก
เนื้อความว่า
[๙๔๗] บุรุษผู้หยาบช้า โหดร้าย แปดเปื้อนไปด้วยบาป
เหมือนผ้านุ่งของแม่นม ฉะนั้น เพราะเหตุนั้น
ข้าพเจ้าจึงไม่ว่ากล่าวบุรุษนั้น
แต่ข้าพเจ้าปรารถนาจะว่ากล่าวท่าน ผู้ทำกรรมไม่สมควร.
[๙๔๘] บาปเพียงเท่าปลายขนทราย ย่อมปรากฏแก่บุรุษผู้ไม่มีโทษ
เหมือนท่านแสวงหาความสะอาดอยู่เป็นนิตย์ เหมือนเท่ามหาเมฆ ฉะนั้น.
ให้นัยว่า ภิกษุเป็นจำนวนมากเหล่านั้น ยังอยู่ในฐานะ
ที่ตักเตือนได้อยู่ คือเทพบุตรนั้นยังสำคัญว่า พอตักเตือนได้
ไม่ได้เลวทรามจนกระทั่งเกินจะตักเตือนได้
เหมือนที่เทพธิดาไม่ตักเตือนพวกบุรุษผู้หยาบช้า โหดร้าย ...
เพราะเกินตักเตือน เสียเวลาเปล่า แต่ตักเตือนพระโพธิสัตว์ เพราะยังเตือนได้.
ปทุมปุบผสูตร [บางส่วน]
[๗๙๘] เท. บุรุษผู้มีบาปหนา แปดเปื้อนด้วยราคาทิกิเลสเกินเหตุ
เราไม่พูดถึงคนนั้น แต่เราควรจะกล่าวกะท่าน บาปประมาณ
เท่าปลายขนทราย ย่อมปรากฏประดุจเท่าก้อนเมฆใน
นภากาศแก่บุรุษผู้ไม่มีกิเลส ดังว่าเนิน ผู้มักแสวงหา
ไตรสิกขาอันสะอาดเป็นนิจ ฯ
//84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=6591&Z=6626
ความคิดเห็นที่ 32
GravityOfLove, 15 กรกฎาคม 2557 เวลา 23:19 น.
ขอบพระคุณค่ะ
ความคิดเห็นที่ 33
GravityOfLove, 15 กรกฎาคม 2557 เวลา 23:27 น.
อรรถกถา วิฆาสาทชาดก
เมื่อจะให้ฤๅษีเหล่านั้นสลดใจ จึงได้กล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
เหล่าชนผู้กินเดนทั้งหลายพากันอยู่อย่างสบายดีจริงหนอ ทั้งในปัจจุบันก็น่าสรรเสริญ ทั้งในสัมปรายภพก็จะมีสุคติ.
พระโพธิสัตว์กล่าวประชดหรือคะ
ความคิดเห็นที่ 34
ฐานาฐานะ, 15 กรกฎาคม 2557 เวลา 23:41 น.
GravityOfLove, 4 วินาทีที่แล้ว
...
11:27 PM 7/15/2014
สันนิษฐานว่า น่าจะกล่าวเพื่อให้เกิดการเจรจา และแยกแยะ
คำว่า กินเดน และกินซากศพ.
คือ เหล่าชนผู้กินเดน ได้แก่ ผู้ที่เป็นเจ้าของไทยธรรม
แต่ย่อมให้สมณะบริโภคก่อน เหลือจากให้แล้วจึงค่อยบริโภค ทั้งที่เป็นเจ้าของ.
ส่วนฤๅษีเป็นเพียงผู้กินซากศพเท่านั้นเอง
นี้เป็นการตำหนิอย่างหนึ่ง.
การที่อยู่ต่อหน้าบุคคลที่ปฏิญาณว่า เป็นสมณะ
แต่กลับสรรเสริญผู้อื่นที่เป็นทายก แสดงว่า
ผู้สรรเสริญนั้นเห็นบุคคลที่ปฏิญาณตนว่าเป็นสมณะว่าต่ำกว่า
คฤหัสถ์ผู้เป็นทายก
นัยก็คือ การบวชของบุคคลเช่นนั้น มีผลน้อย ไม่อยู่ในสายตาเลย
คือ แม้จะบวชมาถึง 7 ปี ยังสู้คฤหัสถ์ผู้เป็นทายก ไม่ได้เลย.
ความคิดเห็นที่ 35
GravityOfLove, 15 กรกฎาคม 2557 เวลา 23:48 น.
อรรถกถา วิฆาสาทชาดก
คำว่า กินเดน ในที่นี้ความหมายดีนี่เอง
ท่านทั้งหลายเป็นผู้กินของเหลือเป็นปกติ แต่ท่านทั้งหลายไม่เป็นผู้กินเดนเป็นปกติ.
หมายความว่าอย่างไรคะ
ความคิดเห็นที่ 36
ฐานาฐานะ, 15 กรกฎาคม 2557 เวลา 23:58 น.
GravityOfLove, 1 นาทีที่แล้ว
...
11:48 PM 7/15/2014
ครั้งนั้น นกแก้ว เมื่อจะห้ามคนเหล่านั้นจึงได้กล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-
ดูก่อนท่านผู้กินซากศพทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่สรรเสริญท่านทั้งหลาย
ขอท่านทั้งหลายจงฟังข้าพเจ้า
ท่านทั้งหลายเป็นผู้กินของเหลือเป็นปกติ แต่ท่านทั้งหลายไม่เป็นผู้กินเดนเป็นปกติ.
//84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=951#953
มาจากข้อ 953 ว่า
[๙๕๓] ข้าพเจ้าไม่ได้สรรเสริญท่านทั้งหลาย ดูกรท่านทั้งหลาย ผู้กินซากศพ
ท่านทั้งหลายจงฟังข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายกินของเดนทิ้ง ไม่ใช่ผู้กินเดนเหลือ.
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=4212&Z=4230
ท่านทั้งหลายเป็นผู้กินของเหลือเป็นปกติ
คือ กินของเหลือจากราชสีห์ เสือ เป็นปกติ
แต่ท่านทั้งหลายไม่เป็นผู้กินเดนเป็นปกติ.
คือ ท่านไม่ใช่ผู้ให้เป็นปกติแล้ว
จึงบริโภคส่วนที่เหลือจากการให้ภายหลัง.
ความคิดเห็นที่ 37
GravityOfLove, 16 กรกฎาคม 2557 เวลา 00:05 น.
งงค่ะ ฤาษีอยู่ในฐานะผู้รับทานไม่ใช่หรือคะ ไม่ใช่ผู้ให้นี่คะ
ความคิดเห็นที่ 38
ฐานาฐานะ, 16 กรกฎาคม 2557 เวลา 00:13 น.
ฤาษี เป็นนักบวช แต่ไม่สำรวม เมื่อเทียบกับ
คนที่ไม่ได้บวช แต่ให้ทานเป็นปกติแล้ว
คนสรรเสริญต่อผู้ไม่ได้บวช แสดงว่า
การบวชของฤาษีผู้ไม่สำรวม มีผลน้อยนัก.
จึงเป็นการตำหนิ เหมือนตำหนิว่า
บวชมาทำได้เพียงกินเดนทิ้งจากเสือ
สู้คฤหัสถ์ผู้เป็นทายก ยังไม่ได้เลย.
ความคิดเห็นที่ 39
GravityOfLove, 16 กรกฎาคม 2557 เวลา 00:15 น.
เข้าใจแล้วค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
ความคิดเห็นที่ 40
ฐานาฐานะ, 15 กรกฎาคม 2557 เวลา 23:21 น.
เป็นอันว่า พระสูตรชื่อว่า ชันตุสูตรและโรหิตัสสสูตร จบบริบูรณ์.
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=1947&Z=2008
พระสูตรหลักถัดไป คือ นันทสูตร [พระสูตรที่ 108].
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๗
สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
นันทสูตรที่ ๗
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=2009&Z=2016
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
//84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=299
ย้ายไปที
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=gravity-of-love&month=29-07-2014&group=4&gblog=58
สารบัญ ๑
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=gravity-of-love&month=12-03-2013&group=1&gblog=1
Create Date : 29 กรกฎาคม 2557
Last Update : 29 กรกฎาคม 2557 11:42:40 น.
Counter : 385 Pageviews.
0 comments
Share
Tweet
แก้วมณีโชติรส
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [
?
]
Group Blog
สนทนาธรรม 1 ทีฆนิกาย ~ มัชฌิมนิกาย
สนทนาธรรม 2 มัชฌิมนิกาย
สนทนาธรรม 3 มัชฌิมนิกาย
สนทนาธรรม 4 สังยุตตนิกาย
<<
กรกฏาคม 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
29 กรกฏาคม 2557
39.8 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.7 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.6 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.5 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.4 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.3 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.2 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
All Blog
40.9 พระสูตรหลักถัดไป คือทหรสูตร [พระสูตรที่ 112]
40.8 พระสูตรหลักถัดไป คือทหรสูตร [พระสูตรที่ 112]
40.7 พระสูตรหลักถัดไป คือทหรสูตร [พระสูตรที่ 112]
40.6 พระสูตรหลักถัดไป คือทหรสูตร [พระสูตรที่ 112]
40.5 พระสูตรหลักถัดไป คือทหรสูตร [พระสูตรที่ 112]
40.4 พระสูตรหลักถัดไป คือทหรสูตร [พระสูตรที่ 112]
40.3 พระสูตรหลักถัดไป คือทหรสูตร [พระสูตรที่ 112]
40.2 พระสูตรหลักถัดไป คือทหรสูตร [พระสูตรที่ 112]
40.1 พระสูตรหลักถัดไป คือทหรสูตร [พระสูตรที่ 112]
39.8 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.7 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.6 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.5 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.4 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.3 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.2 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
39.1 พระสูตรหลักถัดไป คือสิวสูตร [พระสูตรที่ 102]
38.5 พระสูตรหลักถัดไป คือจันทิมสสูตร [พระสูตรที่ 92]
38.4 พระสูตรหลักถัดไป คือจันทิมสสูตร [พระสูตรที่ 92]
38.3 พระสูตรหลักถัดไป คือจันทิมสสูตร [พระสูตรที่ 92]
38.2 พระสูตรหลักถัดไป คือจันทิมสสูตร [พระสูตรที่ 92]
38.1 พระสูตรหลักถัดไป คือจันทิมสสูตร [พระสูตรที่ 92]
37.6 พระสูตรหลักถัดไป คือปฐมกัสสปสูตร [พระสูตรที่ 82]
37.5 พระสูตรหลักถัดไป คือปฐมกัสสปสูตร [พระสูตรที่ 82]
37.4 พระสูตรหลักถัดไป คือปฐมกัสสปสูตร [พระสูตรที่ 82]
37.3 พระสูตรหลักถัดไป คือปฐมกัสสปสูตร [พระสูตรที่ 82]
37.2 พระสูตรหลักถัดไป คือปฐมกัสสปสูตร [พระสูตรที่ 82]
37.1 พระสูตรหลักถัดไป คือปฐมกัสสปสูตร [พระสูตรที่ 82]
36.7 พระสูตรหลักถัดไป คือฆัตวาสูตร [พระสูตรที่ 71]
36.6 พระสูตรหลักถัดไป คือฆัตวาสูตร [พระสูตรที่ 71]
36.5 พระสูตรหลักถัดไป คือฆัตวาสูตร [พระสูตรที่ 71]
36.4 พระสูตรหลักถัดไป คือฆัตวาสูตร [พระสูตรที่ 71]
36.3 พระสูตรหลักถัดไป คือฆัตวาสูตร [พระสูตรที่ 71]
36.2 พระสูตรหลักถัดไป คือฆัตวาสูตร [พระสูตรที่ 71]
36.1 พระสูตรหลักถัดไป คือฆัตวาสูตร [พระสูตรที่ 71]
35.3 พระสูตรหลักถัดไป คือนามสูตร [พระสูตรที่ 61]
35.2 พระสูตรหลักถัดไป คือนามสูตร [พระสูตรที่ 61]
35.1 พระสูตรหลักถัดไป คือนามสูตร [พระสูตรที่ 61]
34.4 พระสูตรหลักถัดไป คือชราสูตร [พระสูตรที่ 51]
34.3 พระสูตรหลักถัดไป คือชราสูตร [พระสูตรที่ 51]
34.2 พระสูตรหลักถัดไป คือชราสูตร [พระสูตรที่ 51]
34.1 พระสูตรหลักถัดไป คือชราสูตร [พระสูตรที่ 51]
33.5 พระสูตรหลักถัดไป คืออาทิตตสูตร [พระสูตรที่ 41]
33.4 พระสูตรหลักถัดไป คืออาทิตตสูตร [พระสูตรที่ 41]
33.3 พระสูตรหลักถัดไป คืออาทิตตสูตร [พระสูตรที่ 41]
33.2 พระสูตรหลักถัดไป คืออาทิตตสูตร [พระสูตรที่ 41]
33.1 พระสูตรหลักถัดไป คืออาทิตตสูตร [พระสูตรที่ 41]
32.6 พระสูตรหลักถัดไป คือสัพภิสูตร [พระสูตรที่ 31]
32.5 พระสูตรหลักถัดไป คือสัพภิสูตร [พระสูตรที่ 31]
32.4 พระสูตรหลักถัดไป คือสัพภิสูตร [พระสูตรที่ 31]
32.3 พระสูตรหลักถัดไป คือสัพภิสูตร [พระสูตรที่ 31]
32.2 พระสูตรหลักถัดไป คือสัพภิสูตร [พระสูตรที่ 31]
32.1 พระสูตรหลักถัดไป คือสัพภิสูตร [พระสูตรที่ 31]
31.4 พระสูตรหลักถัดไป คือสัตติสูตร [พระสูตรที่ 21]
31.3 พระสูตรหลักถัดไป คือสัตติสูตร [พระสูตรที่ 21]
31.2 พระสูตรหลักถัดไป คือสัตติสูตร [พระสูตรที่ 21]
31.1 พระสูตรหลักถัดไป คือสัตติสูตร [พระสูตรที่ 21]
30.5 พระสูตรหลักถัดไป คือนันทนสูตร [พระสูตรที่ 11]
30.4 พระสูตรหลักถัดไป คือนันทนสูตร [พระสูตรที่ 11]
30.3 พระสูตรหลักถัดไป คือนันทนสูตร [พระสูตรที่ 11]
30.2 พระสูตรหลักถัดไป คือนันทนสูตร [พระสูตรที่ 11]
30.1 พระสูตรหลักถัดไป คือนันทนสูตร [พระสูตรที่ 11]
29.6 พระสูตรหลักถัดไป คือโอฆตรณสูตร [พระสูตรที่ 1]
29.5 พระสูตรหลักถัดไป คือโอฆตรณสูตร [พระสูตรที่ 1]
29.4 พระสูตรหลักถัดไป คือโอฆตรณสูตร [พระสูตรที่ 1]
29.3 พระสูตรหลักถัดไป คือโอฆตรณสูตร [พระสูตรที่ 1]
29.2 พระสูตรหลักถัดไป คือโอฆตรณสูตร [พระสูตรที่ 1]
29.1 พระสูตรหลักถัดไป คือโอฆตรณสูตร [พระสูตรที่ 1]
สารบัญย่อย ๖
สารบัญย่อย ๕
Friends Blog
Webmaster - BlogGang
[Add แก้วมณีโชติรส's blog to your weblog]
Link
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ตอบคำถามในพระสูตรทั้งสอง
1. เมื่อศึกษาแล้วได้อะไรบ้าง.
๑๐๖. ชันตุสูตร
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=1947&Z=1965
๑. ในวันอุโบสถวันหนึ่ง ชันตุเทพบุตรได้เข้าไปตักเตือนภิกษุผู้ประมาท
เย่อหยิ่งฟุ้งเฟ้อ ปากกล้าวาจาพล่อยๆ ปล่อยตัวเยี่ยงคฤหัสถ์เป็นต้น ว่าภิกษุเหล่านี้เป็น
เหมือนเปรต
๒. บทว่า อุทฺธตา ได้แก่ เป็นผู้มีปกติฟุ้งซ่าน เพราะสำคัญในสิ่งที่ไม่ควรว่าควร
สำคัญในสิ่งที่ควรว่าไม่ควร สำคัญในที่ไม่มีโทษว่ามีโทษ สำคัญในสิ่งที่มีโทษว่าไม่มีโทษ
................
๑๐๗. โรหิตัสสสูตร
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=1966&Z=2008
๑. พระผู้มีพระภาคตรัสมีใจความว่า
นิพพานไม่สามารถบรรลุได้ด้วยการเดินทาง
เพราะเราได้บรรลุนิพพานแล้ว เราจึงกล่าวถึงการกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
เราบัญญัติอริยสัจ ๔ ลงในกายที่ประกอบมหาภูตรูป ๔ ไม่ได้บัญญัติลงในต้นไม้เป็นต้น
เหตุนั้นแหละ คนมีปัญญาดี ตระหนักชัดเรื่องโลก ถึงที่สุดโลกได้
อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว จึงไม่หวังโลกนี้และโลกหน้า
๒. โรหิตัสสฤๅษีเกิดในยุคที่มนุษย์มีอายุยืน เขามีฤทธิ์ เหาะไปในอากาศได้
เดินทางก้าวละจักรวาล
เริ่มเดินทางหาที่สุดโลก เมื่ออายุขัยเหลือ ๑๐๐ ปี ยังไม่ถึงที่สุดโลกก็ตายก่อน
แล้วมาบังเกิดในจักรวาลนี้
-----------------------
2. ในชันตุสูตร สันนิษฐานว่า เทพบุตรที่ตักเตือนนั้น
เตือนด้วยจิตอนุเคราะห์
ในเรื่องการตักเตือนของเทวดานี้ นึกถึงชาดกเรื่อง
. ปสิงฆปุปผกชาดก ว่าด้วยคนดีไม่ควรทำชั่วแม้นิดหน่อย
ครั้งนั้น เทพธิดาตนหนึ่งสถิตอยู่ที่ลำต้นต้นไม้
เมื่อจะให้ท่านสลดใจ จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
ดูก่อนท่านผู้เช่นกับด้วยเรา ท่านดมดอกไม้ที่เกิดในน้ำ ดอกบัวที่เขาไม่ได้ให้นี้ใด
การดมนี้นั้นเป็นองค์ๆ หนึ่งของการขโมย ท่านเป็นผู้ขโมยกลิ่น.
//84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=944