Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 
19 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

นาฬิกาชีวิต นาฬิกาจิตใจ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

นาฬิกาชีวิต นาฬิกาจิตใจ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
นาฬิกาชีวิต นาฬิกาจิตใจ โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม


โลกเอ๋ยคือนาฬิกาหลังนี้ เราต้องอาศัยโลกด้วย เพราะเราอยู่ในโลกมนุษย์
เราต้องอาศัยธรรม คือนาฬิกาชีวิต
การกระทำของชีวิต คือนาฬิกาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามกฎแห่งกรรม
ตามหลักของกรรม ต้องใช้เวรกรรมตามเวลาด้วย
ถ้าคนปฏิบัติกรรมฐานยังไม่ได้จะไม่รู้จะไม่เข้าใจที่อาตมาพูด
โยมอย่าเอาไปทิ้ง โครงการของชีวิตอย่าทิ้ง หมั่นเทียบนาฬิกาชีวิตกับเขา
เราอยู่กันหมู่มาก เข้ากับเขาให้ได้ คนมากมีปัญหามาก คนน้อยมีปัญหาน้อย
คนมีแต่ปัญหาทั้งนั้น สร้างปัญหาให้เราตลอดรายการ
อย่าท้อแท้ใจ อย่าหดหู่ใจ อย่าเหี่ยวแห้งใจ ต้องสู้ต่อไป

บริวารมาเพราะน้ำใจดี บริวารหนีเพราะน้ำใจลด บริวารหมดเพราะน้ำใจแห้ง
บริวารกลั่นแกล้งเพราะผู้บังคับบัญชาไม่ยุติธรรม ตำรานี้ได้จากกรรมฐานทั้งนั้น
นาฬิกาเรือนในเรือนใจหายากมาก นาฬิกาเรือนนอกต้องไขลาน ต้องใส่ถ่าน ถ้าไม่ใส่ถ่านหมดไฟ
นาฬิกาเรือนในเรือนใจก็หมดไฟเหมือนกัน โยมหมั่นไขลานหน่อยนะ
นาฬิกาเรือนนอกนี้ไม่เป็นไร คนอื่นไขให้เราได้
แต่นาฬิกาเรือนในเรือนใจเราต้องไขลานเอง กลับไปบ้านแล้วก็ต้องไขลาน
ถ้าโยมไขลานนาฬิกาเรือนในและเรือนใจ โยมจะมีบุตรสุดที่รัก
จะมีสิ่งแปลกประหลาดทั้งหลายเข้ามาในใจ ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น ไม่เคยรู้ก็ได้รู้ ไม่เคยฟังก็ได้ฟัง
เดี๋ยวเรือนใจจะบอกโยมเอง จะได้อ่านตัวออก จะได้บอกตัวได้ จะได้ใช้ตัวเป็น
จะได้เห็นตัวตาย จะได้คลายทิฏฐิ จะได้ดำริชอบ จะได้ประกอบกุศล จะได้ผลอนันต์
เอาตาชั่งขึ้นมาดู เอาตราชูขึ้นมาชั่ง ถูกต้องไหม



โยมเอาใจใส่ตัวเอง รักตัวเองให้มาก สงสารตัวเองให้มาก จะได้ช่วยตัวเองให้มาก
อย่าสงสารคนอื่นมากกว่าตัวเองเลย รักนวลสงวนตัว อย่าให้เสียหายได้ไหม ไม่มีใครช่วยเราแล้ว
อัตตาหิ อัตโน นาโถ ตนเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของตน
ตนเตือนตน ของตนให้พ้นผิด
ตนเตือนจิตได้ ใครจะเหมือน
ตนเตือนตน ของตนไม่ได้ใครจะเตือน
ตนแชเชือน ใครจะไปเตือนให้เสียเวลา
ไม่ช่วยตัวเองแล้วใครจะช่วย


โยมเลี้ยงลูกเอาบุญ อย่าเอาคุณตอบแทน เขาไม่มาช่วยโยมหรอก
มีลูกผู้ชายไปมีภรรยา ภรรยาก็เป็นแม่ตัวไป มีลูกสาวไปได้สามี สามีก็เป็นพ่อตัวไป
เราก็นึกว่าอนุโมทนากับลูกเถอะ เราก็เป็นพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง เลี้ยงลูกมาเอาบุญ อย่าเอาคุณตอบแทน
ปฐมวัยตั้งแต่ ๓ ขวบ ถึงอายุ ๒๕ เรียนจบด็อกเตอร์ให้ได้
มัชฌิมวัย อายุ ๒๕-๕๐ ต้องมีบ้านหลักฐานเป็นที่อยู่ของตน
ปัจฉิมวัย อายุตั้งแต่ ๕๐ ถึงตาย มีอะไรติดตัวบ้างไหม
เวลาหมดไป ถ้าไม่มีอะไรก็เสียใจด้วย แต่เวลานี้ไม่เป็นไร เป็นนาฬิกาของโลก
ที่สำคัญมากที่สุด คือนาฬิกาชีวิต นาฬิกาจิตใจ ตรงนี้ขาดทุนย่อยยับอย่างไม่รู้ตัว
อย่าให้เวลาหมดไป และเสียใจต่ออดีตแต่ประการใด

เห็นหนอ...ถ้ากำลังใจหมด โปรดรักษาหม้อแบตเตอรี่ไว้
จะยกตัวอย่างหม้อแบตเตอรี่ทางโลกให้เห็น ถ้าปล่อยหม้อแบตเตอรี่ตามยถากรรม
ไม่เติมน้ำกลั่นปล่อยให้แห้ง ไม่เติมแร่ธาตุใช้แต่ไฟอย่างเดียว ในไม่ช้าหม้อแบตเตอรี่จะเสีย
อีกประการหนึ่งไม่เคยใช้รถ ไม่เคยใช้หม้อแบตเตอรี่เลย หม้อแบตเตอรี่จะเสีย ต้องนำหม้อแบตเตอรี่ทิ้ง
ทิ้งไปแล้วหมดโอกาสนำมาใช้ ต้องซื้อใหม่
เปรียบเทียบกับหม้อแบตเตอรี่ของชีวิต เราไม่เคยให้สมองคิด ไม่เคยใช้จิตเลย
ไม่มีสติปัญญา ไม่มีสติสัมปชัญญะเลยหรือ ถ้าไม่มี หม้อแบตเตอรี่ของโยมจะเสีย

จิตจะเสียกลายเป็นจิตวิตกกังวล ในเมื่อจิตวิตกกังวลแล้ว จิตโยมไม่มีทางขึ้น
จิตตกจากวงจร รับรองไม่มีทางดีเลย เป็นโรคประสาท
หนักเข้าจิตตกไป จะต้องไปอยู่โรงพยาบาลศรีธัญญาแน่นอน

พี่น้องทั้งหลายขอให้รักษาหม้อแบตเตอรี่ด้วยการใช้ ไม่ใช่นำหม้อแบตเตอรี่ไปเก็บ
เหมือนอย่างท่านขับรถมาจอดไว้ที่วัดอัมพวัน ๗ วัน ไม่เคยสตาร์ทรถเลย
หม้อแบตเตอรี่เสีย หมดไฟ ทางวัดก็ช่วยสตาร์ทให้
การรักษาหม้อแบตเตอรี่ชีวิตของเรา ต้องหมั่นเจริญกรรมฐานทุกวัน
หมั่นกำหนดจะหยิบอะไรก็กำหนด เสียใจก็กำหนด เมื่อจิตตกกังวล เสียใจ ถ้าไม่แก้ หม้อแบตเตอรี่จะเสีย

ถ้าจิตตกถึง ๓ วัน โยมไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล รักษาไม่หายด้วย เป็นโรคเครียด โรคประสาทรักษาไม่หาย จำไว้
ต้องทิ้งหม้อแบตเตอรี่กระทั่งตาย จึงจะหายด้วยไฟ ด้วยการเผาหรือฝัง
จำไว้เลย ตรงนี้สำคัญมากคือ การเจริญกรรมฐาน ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลแต่ประการใด ชัดเจนมาก ชัดเจนที่สุดแล้ว
เพราะฉะนั้น อย่าทิ้งการกำหนดจิต
ถ้าโยมเสียใจ กำหนดเสียใจหนอ...ที่ลิ้นปี่
หายใจยาวๆ เดี๋ยวจะหาเหตุได้เลย
เสียใจหนอ...หลับตา ดูที่ลิ้นปี่ กำหนดเสียใจหนอๆๆ
สติดีเป็นการรักษาหม้อแบตเตอรี่ไม่ให้มันเสีย จิตก็ไม่ตกกังวล จิตก็เข้มแข็ง


สมมติว่าเสียใจเรื่องลูกไม่เรียนหนังสือ ลูกไม่เรียนหนังสือมาจากเหตุนี้เขาจึงเสียใจ
ทำงานบริษัท ทำงานธนาคารก็ไม่อยากทำ เพราะคิดถึงลูกไม่เรียนหนังสือ
คิดหนอ คิดหนอ คิดหนอ รู้แล้ว สติจะบอกทันทีว่าเราเป็นแม่เขา โปรดแผ่เมตตาให้ลูก
อย่าโกรธลูกซิ โกรธลูกถึงได้เสียใจขนาดนี้
ความโกรธจะหายเลย คิดหนอต่อไปอีก คิดว่าจะแผ่เมตตาอย่างไร
จะออกมาว่า อ๋อ ! นั่งกรรมฐาน สวดพาหุงมหากาแล้วแผ่เมตตาให้ลูก
ลูกกลับร้ายกลายดี ตั้งใจเรียนหนังสือทันที นี่คือวิธีแก้


คัดลอกจาก : //www.jarun.org
ที่มา : //www.dhammajak.net




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2553
3 comments
Last Update : 19 พฤษภาคม 2553 20:46:45 น.
Counter : 1267 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายค่ะ

 

โดย: nootikky 19 พฤษภาคม 2553 21:42:32 น.  

 

อนุโมทนา สาธุค่ะ...อ่านแล้วก็จะพยายามคิด และทำตาม
ขอบคุณ จขบ มากค่ะ

 

โดย: กิ๊ฟท์ศรี IP: 125.27.31.143 20 พฤษภาคม 2553 7:43:24 น.  

 

สาธุ

 

โดย: วี IP: 121.216.106.102 22 พฤษภาคม 2553 21:03:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.