วิธีป้องกัน ฆ่าตัวตาย
ผลการสำรวจออกมาแล้ว คนไทยในวันนี้เครียดจัดเข้าขั้นเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายร่วมล้านคน!
อ่านดีๆนะครับ ผลสำรวจที่ว่านี้ไม่ใช่ ‘คนไทยเครียด’ ร่วมล้านคน แต่เป็น ‘คนไทยเครียดเข้าขั้นเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายแล้ว’ ร่วมล้านคน! ฟ้า กำลังอึมครึมขนาดไหนก็ลองนึกดู ทุก ๖๐ คนคิดจะฆ่าตัวตาย ๑ คน คุณรู้จักคนถึง ๖๐ คนไหม? ถ้าใช่ก็อาจแปลว่าหนึ่งในนั้นกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวที่ไหนเมื่อไหร่ดี!
ถ้ามีใครประดิษฐ์เครื่องฉาย ‘โลกหลังการฆ่าตัวตาย’ ให้ชมได้ ก็คงไม่มีใครยอมฆ่าตัวตาย เพราะ ใครๆก็รักตัวและกลัวความทุกข์ ที่อยากตายก็เพราะนึกว่าจะหนีทุกข์ได้พ้นนั่นเอง แต่ถ้าทราบชัดๆว่าปลิดชีวิตตนเองทิ้งแล้วยิ่งทุกข์หนักกว่าเดิม ใครมันจะไปอยากทำ?
เพื่อให้เห็นภาพ ง่ายที่สุด เราจะพูดว่าพวกที่คิดฆ่าตัวตายนั้น จิตเศร้าหมองมืดมนจนไม่เหลือปัจจัยในฝ่ายนามให้ดำรงชีวิตอยู่ต่อ แม้จะยังคงเต็มไปด้วยปัจจัยในฝ่ายรูป เช่น อาหารการกิน อุณหภูมิที่เหมาะสม ตลอดจนสัมผัสหล่อเลี้ยงกายให้คงสภาพอยู่ได้ทั้งหลายแหล่ อย่างไรก็ต้องตาย ทนอยู่ไม่ได้ ทำนองเดียวกับขาดอาหาร น้ำ และอากาศนั่นเอง
ดังนั้น เพื่อไม่ต้องพบกับสภาพที่แย่กว่ามนุษย์ คุณต้องไม่ปล่อยให้จิตมืดแบบดิ่งลงเหว เมื่อรู้สึกตัวว่า เริ่มมืดต้องหาทางทำให้สว่าง หรือแม้เมื่อรู้ตัวว่ามืดลงจนแทบสายเกินกว่าจะหาทางแก้ ก็ต้องเพิ่มความสว่างขึ้นให้จงได้ สักนิดก็ยังดี เพราะมันหมายถึงการต่อชีวิต ต่อโอกาสได้รับแสงสว่างยิ่งๆขึ้นไป
ความสว่างมีหลายแบบ ใช้ในหลายสถานการณ์ เช่น
๑) สว่างแบบที่สามารถลดแรงกดดันให้อยากตาย ความสว่างแบบนี้ได้จากการฟังความจริง ต้องฟังให้เข้าใจอย่างเป็นเหตุเป็นผลตามจริง คือ จิตที่เศร้าหมองก่อนตายย่อมเป็นเหตุให้ไปสู่อบายอย่างแน่นอน คิดง่ายๆว่าถ้าตายตอนนี้ ตอนที่จิตยังเศร้า ยังอยากคลุ้มคลั่ง มันก็ต้องเศร้าหรือคลุ้มคลั่งต่อ ไม่ต่างจากคนสติแตกอาละวาดจนหลับ เพราะเหนื่อยที่ย่อมฝันร้ายต่อเป็นแน่แท้ โดยไม่มีสิทธิ์ทำอะไรให้ดีขึ้นจนกว่าฝันร้ายจะหมดกำลัง การพิจารณาตามจริงย่อมทำให้ยั้งคิด อย่างน้อยก็รู้สึกว่าถ้ายังเป็นมนุษย์ คงมีสิทธิ์ทำจิตให้ดีขึ้นได้บ้าง
๒) สว่างแบบที่สามารถลดความเศร้าหมอง ความสว่างแบบนี้ได้จากการรู้จักคิด รู้จักพูด และรู้จักทำเหตุแห่งความสุขทางใจ เช่น สวดมนต์หลายๆรอบจนกว่าใจจะรู้สึกเลื่อมใสเสียงสวดของตัวเอง หรือริเริ่มกวาดตาหาคนที่ลำบากกว่าคุณแล้วรี่ไปช่วยเหลือให้เต็มที่ หรือเดินเล่นพักผ่อนในสวนสาธารณะกว้างๆเพื่อมองน้ำมองหญ้าอย่างมีสติ หรือออกกำลังกายในแบบที่ร่างกายและจิตใจจะสดชื่นขึ้น ฯลฯ ความเคลื่อนไหวดีๆอันใดก็ตาม ขออย่างเดียวสามารถถอนใจไม่ให้แช่จมอยู่กับความเครียด ความหดหู่ ความสิ้นหวังได้ นับว่าใช้ได้หมด
๓) สว่างแบบที่สามารถป้องกันความ เศร้าหมอง ความสว่างแบบนี้ได้จากการมีสติให้เป็น! ถ้าเศร้าแล้วแช่แปลว่าขาดสติ เหมือนจมน้ำลึกแล้วว่ายขึ้นฝั่งยาก แต่ถ้าเริ่มเศร้าแล้วรู้สึกตัวว่าเศร้า แปลว่าสติยังดีอยู่ เหมือนเริ่มลุยน้ำตื้นพอรู้ว่าเปียกก็ถอนเท้ากลับขึ้นฝั่งได้ง่าย
นอก จากการมีสติให้เป็นแล้ว ไม่มีทางลัด ไม่มีอุบาย ไม่มีโวหารอื่นใดช่วยคุณได้จริงเลย ต่อให้อ่านวิธีเอาชนะความทุกข์สักสิบเล่ม ก็ยังได้ประโยชน์น้อยกว่าลงมือทำจริงง่ายๆ เช่น ตื่นนอนตอนเช้าแล้วสั่งตนเองให้รู้ทัน ว่าความเศร้าครั้งแรกของวันเกิดขึ้นในใจคุณเมื่อใด!
ผู้เขียน ดังตฤณ
Create Date : 23 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2552 19:33:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1555 Pageviews. |
|
|
|
|
|