Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 
22 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
เบื้องหลังแห่งกรรม (ท.เลียงพิบูลย์)

เบื้องหลังแห่งกรรม (ท.เลียงพิบูลย์)
เบื้องหลังแห่งกรรม โดย ท.เลียงพิบูลย์
จากหนังสือกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๓


วันหนึ่งข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์จากคุณณรงค์ ได้พูดมาจากธนาคารกรุงเทพฯ เล่าเรื่องของเด็กหญิงเพ็ญศรี
อายุเพียง ๑๐ ขวบที่เที่ยวขายพวงมาลัยตามข้างถนน ตามสถานที่หย่อนใจตามหน้าบาร์
เพื่อหารายได้มาเลี้ยงแม่และน้องๆ อีก ๓ คน น้องคนเล็กยังอยู่ในอกแม่ น้องอีกสองคนก็ยังเล็กๆ
แต่แล้วเด็กหญิงที่น่าสงสารก็ถูกรถยนต์เก๋งของนักท่องราตรี เที่ยวหาความสำราญทางสุรานารีชนเอา
เห็นจะเป็นเพราะมึนเมา จึงขับรถชนเอาเด็กหญิงผู้น่าสมเพชล้มฟุบอาการสาหัส
แล้วก็ถึงแก่ความตายขณะที่กำลังขายพวงมาลัย เพื่อนำเงินมาเลี้ยงครอบครัว
รถเพชฌฆาตได้ทำลายชีวิตของเด็กหญิงผู้บริสุทธิ์ไม่รู้เดียงสา แล้วก็หลบหนีไป
คุณณรงค์อยากจะชวนให้ข้าพเจ้าไปเห็นสภาพการเป็นอยู่ของครอบครัวนี้

เหตุเกิดขึ้นในปลายเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็นเรื่องเศร้าเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายถูกรถยนต์ชนตาย
เมื่อคุณณรงค์ได้ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์รายวันลงข้อความน่าเศร้าใจ นึกสงสาร
ตามปกติคุณณรงค์เชื่อกฎแห่งกรรม ใครทำดีทำชั่วย่อมเกิดผลตามสนอง
และสนใจหนังสือของข้าพเจ้าสละเงินช่วยพิมพ์เผยแพร่ตลอดมา เป็นผู้มีจิตใจเป็นกุศลมีมนุษย์ธรรมอยู่แล้ว
จึงเกิดความสังเวช สงสารอยากจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกอยู่ในความยากลำบาก
จึงจัดตั้งคนไปสืบดูความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้
และคนไปดูเห็นสภาพ กลับมาส่งข่าวที่ได้เห็นความทุกข์ยากลำบากมาให้คุณณรงค์ทราบ
คุณณรงค์จึงได้จัดส่งเงินจำนวนหนึ่ง ไปมอบให้แก่แม่ของเด็กหญิงเพ็ญศรีเพื่อบรรเทาความทุกข์ยาก

ต่อมาคุณณรงค์และพวกพนักงานในธนาคารกรุงเทพฯ ต่างก็พร้อมใจกันเสียสละเงินได้จำนวนหนึ่ง
จึงตั้งใจไว้ว่าจะให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มอบแก่แม่ของเด็ก พร้อมทั้งจะได้ไปเห็นความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้
ซึ่งเป็นความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ในมุมหนึ่งของชีวิต เพื่อจะนำมาตักเตือนผู้ที่ขับรถโดยประมาท
เมื่อชนคนตายแล้วก็รีบหนีกำลังเป็นข่าวขึ้นในเมืองเรา กฎหมายเรายังไม่รัดกุม ไม่นึกถึงชีวิตเบื้องหลัง
ญาติพี่น้องของผู้ตายต้องผจญต่อกรรมความยากแค้นแสนสาหัสเพียงไร

ข้าพเจ้าตอบตกลงและขอบคุณที่ได้ให้เกียรติข้าพเจ้า เป็นผู้มอบเงินให้แม่ของเด็ก
ข้าพเจ้าจึงอยากพบอยากเห็นความทุกข์ยากลำบากในแง่หนึ่ง
และข้าพเจ้าปลื้มปิติ ขออนุโมทนาในการสร้างกรรมดีในความเมตตากรุณาของคุณณรงค์และคุณนาย
พร้อมทั้งพนักงานในธนาคารที่มีจิตเมตตาสงสารชีวิต ซึ่งกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์
ได้ช่วยกันแผ่เมตตาจิต ช่วยเหลือเกื้อกูลให้ได้รับความทุกข์ยากน้อยลง
พอที่จะขยับขยายมีทุนทรัพย์จะทำมาหาเลี้ยงชีพต่อไป

วันนัดเป็นวันเสาร์ตอนบ่าย คุณณรงค์และคุณนายมารอข้าพเจ้าอยู่ที่บ้าน บังเอิญข้าพเจ้าติดธุระในตอนบ่ายวันนั้น
จึงกลับบ้านล่าไป แล้วเราก็ได้เดินทางไปตามตำบลที่อยู่ของแม่ และน้องๆ ของเด็กหญิงเพ็ญศรีผู้ตาย
เราต้องจอดรถไว้ที่ข้างถนนใหญ่ แล้วก็เดินเข้าตรอกแล้วก็เลี้ยวเข้าในซอยแคบๆ
บางตอนเวลามีคนเดินสวนกัน เราก็ต้องเอี้ยวตัวหันหลังเกาะรั้วบ้าน พอจะหลีกกันได้โดยไม่สะดวกนัก

เราถามชาวบ้านแถบนั้นถึงบ้านที่พักของแม่เด็กหญิงเพ็ญศรี ก็มีคนชี้ให้และมีเด็กๆ อาสาพาไปให้ถึงบ้าน
ความเห็นอกเห็นใจย่อมจะเกิดแก่ผู้ยากจนด้วยกัน
เมื่อไปถึงบ้านก็ปรากฏว่า แม่ของเด็กหญิงเพ็ญศรีไม่ทราบว่าไปไหน เราจึงได้สนทนากับชาวบ้านแถบนั้น
และหญิงเจ้าบ้านผู้ให้ที่พักอาศัยโดยคิดค่าเช่าเพียงเล็กน้อย เราต้องนั่งสนทนาเพื่อรอพบแม่ของเด็กหญิงเพ็ญศรี
ชาวบ้านผู้หนึ่งกำลังรีดผ้าอยู่ข้างทางชี้ให้ดูเด็กสามคน เนื้อตัวมอมแมมอยู่เป็นกลุ่ม เด็กคนเล็กยังเพิ่งจะนั่งได้
แล้วบอกเราว่านี่แหละลูกของเขาฝากไว้ แต่ตัวไม่รู้ไปไหน เรามองดูเด็กคนเล็กกำลังร้องไห้หาแม่
พี่สองคนก็ยังกำลังเล่นอะไรตามภาษาเด็กอยู่ข้างๆ แต่แม่ของเด็กไม่ทราบว่าไปไหน
ซึ่งคุณณรงค์ก็ได้ส่งคนมาบอกล่วงหน้าว่า เราจะเดินทางมาหาและชาวบ้านก็ช่วยกันไปตามหา

เราได้ทราบจากชาวบ้านว่าพ่อของเด็กหญิงเพ็ญศรีนั้นมีคดีติดตัว คอยหลบหนีคดีอาญา
ข้อหาว่าเป็นผู้ทำลูกปืนลั่นถูกคนตายโดยประมาท
แม้ชาวบ้านผู้หวังดีจะได้ช่วยแนะนำ ขอให้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ทางการ
สารภาพผิด เมื่อได้รับโทษใช้กรรมตามที่ตนได้ก่อขึ้น ก็คงได้รับโทษไม่หนักหนาอะไร จะได้มีเวลาพ้นโทษ
แล้วก็จะได้เป็นอิสระในวันหนึ่งข้างหน้า ไม่ต้องคอยหลบหนีไม่มีวันสิ้นสุด ต้องทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ
ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น ต้องสะดุ้งผวากลัวไม่มีขอบเขตตลอดวันเดือนปี ที่จะพ้นความรู้สึกอันนี้ไปได้
แต่แกไม่ยอมเชื่อฟัง คอยแต่หลบหลีกการจับกุมอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ครอบครัวได้รับความยุ่งยากลำบาก
ตลอดจนบุตรสาวต้องจบชีวิตลงกลางถนนอย่างน่าเวทนา เราได้ทราบข่าวนี้ด้วยความเศร้าใจ

เมื่อได้สนทนากับชาวบ้านพอสมควรแล้ว เราก็อยากดูที่พักของแม่เด็กหญิงเพ็ญศรี ชาวบ้านชี้ให้เราดู
เมื่อเห็นสภาพที่อยู่แล้วก็สลดใจ ข้าพเจ้ากับคุณณรงค์ได้ปีนขึ้นไปดูห้องพักภายใน
เหตุที่ต้องปีนเพราะไม่มีทางขึ้น เมื่อขึ้นไปยืนก็เห็นเป็นช่องทึบยาวๆ สองข้างเป็นฝาบ้านกว้างไม่เกิน ๒ เมตร
ไม่มีช่องหน้าต่างพอที่แสงสว่างจะลอดเข้าไปในช่องนั้นได้ จึงมัวๆ หาอากาศผ่านยาก
ภายในมีเสื่อเก่าๆ และมีผ้าห่มนอนขาดออกเป็นหลายชิ้น นอกนั้นก็ไม่เห็นมีอะไร เมื่อเรามองดูแล้วก็เศร้า
ทำให้จิตใจหดหู่ลง มองเห็นมนุษย์ ๕ ชีวิตมาสุมอยู่ในห้องแคบๆ ทึบๆ และอยู่ในซอยแคบๆ

บัดนี้ ชีวิตน้อยๆ ที่น่าสงสารชีวิตหนึ่งได้จากไปแล้วยังเหลืออีก ๔ ชีวิตที่ยังต้องทนทุกข์ทรมานต่อไป
เมื่อเราตรวจดูสภาพที่พักอยู่ครู่หนึ่ง แม่ของเด็กหญิงเพ็ญศรีก็กลับมา
ข้าพเจ้าได้สอบถามความเป็นอยู่ของเด็กหญิงเพ็ญศรี เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ เราได้สนทนากันด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ก็ได้ความว่าแม่ของเด็กเมื่อครั้งสาวๆ เคยเข้าประกวดได้เป็นรองนางงามเทพีมาก่อน

วันที่ลูกสาวถูกรถยนต์ชนตาย
ก็ตรงกับวันเดือนครบรอบปีที่พ่อของเด็กหญิง ทำปืนลั่นถูกเพื่อนตายด้วยความประมาท

จะเป็นกรรมตามสนองหรือเป็นเหตุบังเอิญก็เป็นเรื่องที่น่าคิด
นอกจากนั้นก็ได้ทราบจากผู้เป็นแม่ของเด็กหญิงเพ็ญศรีว่า
บางคืนก็มีผู้ซื้อพวงมาลัย และถามถึงชีวิตของเด็กหญิงที่ลำบากยากแค้น ต้องมาขายพวงมาลัยเวลาค่ำคืนเช่นนี้
เด็กหญิงก็เล่าถึงประวัติชีวิตจริงให้ฟัง ทำให้ผู้ทราบเรื่องแล้วก็เกิดสงสารหยิบธนบัตรใบแดงๆ มอบให้
เพราะความเมตตาปรานี เด็กหญิงผู้น่าสมเพชก็ได้เก็บซ่อนธนบัตรไว้อย่างมิดชิดระมัดระวัง
เมื่อกลับบ้านก็รีบนำมาให้แม่พร้อมด้วยแสดงความดีอกดีใจ บอกว่า
“แม่จ๋า วันนี้คนเขามาถามหนูว่าทำไมมาขายพวงมาลัยอย่างนี้
หนูเล่าถึงความลำบากความจริงให้เขาฟัง เขาใจดี๊ดีให้เงินหนู ๑๐๐ บาท จะแม่”

เด็กหญิงผู้นี้นอกจากจะเป็นเด็กขยันหาเงินเลี้ยงแม่และน้อง ยังเป็นเด็กหญิงที่มีความกตัญญูที่น่าสรรเสริญ
เมื่อได้เงินมาจากการขายพวงมาลัยเท่าใดก็นำมาให้แม่ เมื่อต้องการสิ่งใดก็ขอแม่
นี่ก็เป็นเบื้องหลังของเด็กหญิงอายุเพียง ๑๐ ขวบ ต้องออกมาหารายได้ช่วยค่าครองชีพและชีวิตจนต้องเสียชีวิต-
ดับลงอย่างน่าอเนจอนาถ ดังข่าวที่แจ้งมานี้
เมื่อสนทนากันถึงเรื่องเศร้าในชีวิตจริงแล้ว และถามเหตุการณ์อื่นๆ พอสมควรแล้ว
ก็มอบเงินจำนวนที่คุณณรงค์รวบรวมไว้ จำนวนพันกว่าให้แก่แม่ของเด็กหญิงเพ็ญศรีพร้อมกับบอกว่า
“เงินจำนวนนี้คุณณรงค์และคุณนาย พร้อมทั้งเพื่อนๆ ได้พร้อมใจกันเสียสละรวบรวมนำมาเพื่อช่วยค่าครองชีพ
ด้วยจิตใจเปี่ยมด้วยคุณธรรมในความเมตตาสงสาร ขอให้นึกว่าตราบใดยังมีคนดีใจบุญ มีเมตตาจิตค้ำจุน
เราก็อยู่ในโลกโดยไม่ว้าเหว่เพราะยังมีความเห็นอกเห็นใจ”
แม่เด็กหญิงเพ็ญศรียกมือขึ้นไหว้แสดงความขอบคุณเราทุกคน
และเราก็ทราบว่าก่อนหน้าก็ยังมีนักหนังสือพิมพ์ใจบุญ ช่วยกันรวบรวมเงินมามอบให้แม่ของเด็กจำนวนหนึ่ง
และมีผู้ใจบุญทั้งหลายต่างก็ช่วยกันด้วยความเห็นอกเห็นใจ เมื่อเราเห็นควรแก่เวลาแล้วก็ลากลับ

เมื่อมานึกถึงชีวิตของมนุษย์เราทุกวันนี้แล้วก็เศร้าใจ
อยากจะพูดถึงเรื่องรถยนต์ชนคนตายในท้องถนนมากมายไม่เว้น เป็นประจำด้วยความประมาทของคนขับ
แม้แต่ประชาชนเดินข้ามตามทางม้าลาย ซึ่งทางการจัดให้ข้ามก็ยังไม่ปลอดภัย ไม่วายถูกรถยนต์ชนตาย
ข่าวมากจนหมดความสนใจเพราะรู้สึกเป็นข่าวธรรมดาประจำวัน
ถ้าขับโดยไม่ประมาทมีความระมัดระวังไม่เร็วเกินไป เหตุการณ์ที่ร้ายแรงชนคนตายก็ไม่เกิดขึ้น

เวลานี้ภัยในท้องถนนหลวงในเมืองเราสูงกว่าประเทศอื่น เมื่อเกิดเหตุในท้องถนนต่อหน้าต่อตา
เราก็เพียงดูด้วยความเศร้าสลดใจแล้วความรู้สึกก็ผ่านไป
แต่ผู้ที่ถูกชนฟุบลงกลางถนนนั้น ย่อมมีเบื้องหลังของชีวิต ถ้าเราได้มีโอกาสติดตามเรื่องราวเบื้องหลังของเขาแล้ว
จะรู้ได้ว่าทุกๆ ชีวิตมีความสำคัญแก่ครอบครัวญาติพี่น้อง พ่อ แม่ ลูก หลาน สามี ภรรยา มากน้อยแต่ละครอบครัว
เหมือนลูกโซ่ติดต่อกัน ถ้าขาดไปบ่วงหนึ่งในครอบครัวก็ปั่นป่วนทุกข์ยากเกิดขึ้น

ยิ่งเป็นบ้านพ่อบ้านแม่ก็ยิ่งสำคัญในชีวิตของครอบครัว แต่เมื่อมาจบชีวิตลงกลางถนนไม่ทันได้สั่งเสีย
เพราะไม่มีใครรู้ว่าความตายจะมาถึงตนเมื่อใด
คนขับรถก็ได้สร้างกรรมที่บาปหนัก ที่ได้ทำลายอนาคตของบุตรหลานพ่อแม่พี่น้องลูกหลาน
ชีวิตพลเมืองให้อับเฉาเหมือนต้นไม้ขาดรากแก้ว
เพราะพ่อบ้านแม่บ้านผู้เป็นกำลังแรงหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ได้สูญสิ้นไปแล้ว การเงินก็ขาด
การเล่าเรียนเพื่อความก้าวหน้าของเด็กๆ ความหวังในอนาคตก็หยุดชะงัก
นี่เป็นเบื้องหลังชีวิตของผู้ตายด้วยความประมาทของบุคคลขับรถ มิได้ทำลายบุคคลในท้องถนนหลวงเท่านั้น
ยังทำลายอนาคตของพลเมืองของชาติ ที่เล่ามานี้เพียงแต่ให้เห็นเบื้องหลังชีวิตของผู้ตาย

ยังมีเรื่องน่าเศร้าสำหรับคนขับรถประมาท และคะนองเกิดขึ้นในท้องถนนหลวง
แม้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่คิดว่าคงมีผู้จำเหตุการณ์ได้ ข้าพเจ้าได้เรื่องนี้จากทนายความผู้มีชื่อเสียง
เล่าและถอดความรู้สึกจากจิตใจในชีวิตของลูกความ
ซึ่งเป็นผู้มีการศึกษาสูงและฐานะดีผู้หนึ่ง ที่ได้สารภาพถึงความรู้สึกที่ได้ประกอบกรรมทำผิดว่า

“เช้าวันนั้นผมได้ขับรถออกจากบ้านตามปกติ ผมก็เป็นคนที่อยู่ในจำพวกขับรถเร็วอยู่แล้ว
เมื่อผมออกจากซอยมาสู่ถนนใหญ่ ก็มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งมาปาดหน้าแล้วก็เร่งความเร็วขับขึ้นหน้าไป
แล้วก็หันหน้ามาคล้ายจะเย้ย ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
ในความรู้สึกของผมเกิดไม่พอใจ ที่มีคนมาอวดดีคล้ายจะท้าทายมาแข่งลองดีกัน
ผมจึงเริ่มเหยียบคันน้ำมันให้รถพุ่งขึ้นหน้า เพื่อจะแย่งตำแหน่งความเร็วจากรถคันนั้นด้วยความโกรธ
แต่รถคันนั้นไม่ยอมให้ผมขึ้นหน้า เมื่อเห็นรถผมตามติดๆ เข้าไปใกล้เขาก็เร่งรถให้เร็วขึ้น
เราจึงแข่งกันคล้ายท้องถนนหลวงเป็นสนามแข่งประลองความเร็ว
เพราะต่างคนก็มีความถือดีไม่ยอมให้ขึ้นหน้า ตามอารมณ์คะนองด้วยกันทั้งคู่

เวลานั้นผมมิได้นึกถึงอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น จิตมุ่งแต่จะเอาชนะอ้ายคนขับรถอวดดีคันนั้นฝ่ายเดียว
มันจะเป็นใครลูกใครพ่อมันจะใหญ่โตอย่างไร ผมไม่สนใจเพราะผมทนมันขับรถยั่วโทสะไม่ไหว
เราจึงวิ่งคู่คี่ด้วยความเร็วไปตลอดทาง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
จึงเป็นที่หวาดเสียวของผู้คนเดินทางและรถที่สวนทางตลอดมา แต่รถคันนั้นมันวิ่งขึ้นหน้าไปได้
เพราะมีรถโกดังออกจากข้างทาง ผมจะเร่งขึ้นหน้ารถบรรทุกคันนั้นไม่ได้ เพราะมันวิ่งกลางถนนปิดกั้นทาง
ผมโกรธจนสติจะเสีย บีบแตรขอทางถี่ๆ พอวิ่งขึ้นหน้ารถบรรทุกได้ ผมก็เร่งคันนำรถกวดติดตามรถคันนั้นทันที
ด้วยอารมณ์ร้อนใจเร็ว แต่แล้วเหตุการณ์อันน่าสยดสยองครั้งใหญ่ในชีวิตของผมก็อุบัติขึ้น
เพราะข้างหน้ามีรถรับส่งนักเรียนพุ่งออกมาจากซอย คนขับรถก็ตกใจห้ามล้อทันที ในรถมีเด็กนักเรียนเต็ม
ผมใจหายหมดสันหลังเย็นวาบ เพราะเป็นระยะที่ไม่สามารถจะห้ามล้อให้รถหยุดได้ทันที
ผมรีบหักพวงมาลัยหลีกการปะทะกับรถคันหน้าด้วยความตกใจกลัว
แต่แล้วรถก็แฉลบไปข้างถนนตรงเข้าไปในหมู่ฝูงคน ซึ่งกำลังยืนรอรถประจำทาง
เพราะผมเพียงแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้ามิได้สนใจทางอื่น
ผู้คนเห็นเหตุการณ์ที่รถวิ่งแฉลบเป็นอันตรายเช่นนั้นก็ตกใจ ต่างคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดไปคนละทาง

ผมยอมรับว่าตาลายมองไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้ว่ารถวิ่งไปทางใด ประสาทผมมึนชางงไปหมด ใจหายหมดสติ
รู้แต่ว่ารถฝ่าเข้าไปในหมู่คนเป็นเวลาที่ผมกลัวที่สุดในชีวิต ผมอยากจะหลับตาเพราะรู้ว่าเบื้องหลังมีอะไรเกิด
ผมไม่สามารถจะควบคุมจิตใจ ไม่มีอำนาจจะยับยั้งผลแห่งความประมาท อยากจะหลับตา
ไม่อยากเห็นภาพสยดสยองที่เกิดขึ้น ที่สุดรถก็หยุดลง เพราะมีเสายันอยู่หน้ารถหลังจากปะทะร่างมนุษย์ล้มลง-
ระเนระนาด มีทั้งบาดเจ็บสาหัสและไม่สาหัส ทั้งที่เสียชีวิต ผมไม่รู้ตัวว่าผมได้ทำอะไรลงไป

เสียงร้องโอดครวญของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่วนมากเป็นเด็กนักเรียน เสียงเอะอะอลหม่านเรื่องช่วยคนบาดเจ็บ
และต่างคนต่างก็ส่งเสียงร้องบอกต่อๆ กันอย่างอลเวง รถชนเด็กนักเรียนตาย
มีเสียงให้โทรศัพท์แจ้งตำรวจท้องที่ด่วน ส่วนตัวผมนั้นนอกจากพวงมาลัยจะกระแทกหน้าอกรู้สึกชาและจุกแล้ว
ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ผมไม่มีเวลาจะนึกถึงตัว

เมื่อได้ยินได้เห็นเหตุการณ์รอบข้างที่เกิดขึ้น เพราะผมเป็นผู้ก่อเป็นผู้ทำ
ผมได้ฆ่าเด็กนักเรียนที่น่ารักน่าเอ็นดูตายโดยไม่เจตนา ทำให้อีกจำนวนหนึ่งได้รับความบาดเจ็บไม่รู้ว่ากี่คน
ความรู้สึกของผมตะลึงชาหมดทั้งตัว มือเท้าอ่อนหมดแรง
สิ่งที่ผมต้องการที่สุดในเวลานั้น ก็คืออยากจะหลับตาแล้วก็สิ้นใจตายคาพวงมาลัย คงจะเป็นความสุขที่สุด
มีพลเมืองดีมาคุมผมไว้ไม่ให้หนี เพื่อรอคอยมอบให้ตำรวจ
ภาพที่น่ากลัวมากก็คือสายตาของทุกคนจ้องมองดูผมอย่างศัตรู
คล้ายแสดงกิริยาอยากจะฉีกเนื้อผมออกเป็นชิ้นๆ ด้วยความโกรธ
แม้แต่หญิงชราก็มายืนร้องไห้ด้วยความสงสาร ชี้หน้าแช่งด่าผมอย่างหยาบคาย ผมก็ยอมทนฟัง
ทั้งๆ ที่แกไม่ได้เป็นญาติกับคนที่ตายและบาดเจ็บเหล่านั้นเลย เพราะความเจ็บแค้นคิดสงสารเด็กๆ
นี่เป็นเพียงผู้อื่นยังมีความรู้สึกเพียงนี้ แล้วพ่อแม่ญาติพี่น้องของเด็กจะมีความรู้สึกเพียงไร

ตั้งแต่ผมเกิดมายังไม่เคยมีใครมาชี้หน้า แสดงกิริยาหยาบคายเช่นนี้มาก่อนเลย
แต่บัดนี้พอผมได้ทราบว่าตัวได้ขับรถชนคนตาย ผมก็แทบจะหมดสติจะช็อก ความรู้สึกชาหมด
ทั้งตัวแม้หญิงชราจะมายืนชี้หน้าแช่งด่าหยาบคายเพียงไร ก็ไม่เข้าสู่ความรู้สึกเหมือนเวลาธรรมดา
ทั้งรู้สึกควรแล้วที่ทุกคนจะมารุมแช่งด่าผมที่ประมาท รู้สึกว่าชีวิตอนาคตของผมได้สิ้นสุดลง
พร้อมทั้งความเป็นอิสระ ความหวังที่เจริญรุ่งเรือง ที่ได้อุตส่าห์พยายามไปศึกษาวิชาความรู้มาจากต่างประเทศ-
เป็นเวลานานปี เพื่อหวังความก้าวหน้าด้วยการใช้วิชาความรู้
บัดนี้เหมือนดวงไฟกำลังส่องแสงรุ่งโรจน์แจ่มใสดับลงเหมือนตัวผม
พร้อมทั้งเกียรติที่คนยกย่องนับถือ ได้ตกจากที่สูงไปสู่ก้นเหวนรกเบื้องต่ำ ทุกอย่างสูญสิ้นไม่มีอะไร
คงมีเหลือแต่ความเศร้าโศกไว้ให้พ่อแม่ญาติพี่น้อง เมื่อได้ทราบข่าวสลดใจอันนี้
ต่อไปก็จะต้องขาดการติดต่อกับโลกภายนอก
และไม่รู้ว่าเมื่อใดจะใช้หนี้กรรมหมด เพื่อได้รับแสงสว่างแห่งความอิสระ
วิชาความรู้และทรัพย์สินเงินทอง ก็ไม่สามารถจะช่วยพ้นหนี้กรรมอันนี้ได้
ความประมาทเกิดอุบัติเหตุ ย่อมทำลายอนาคตทั้งคนขับรถและผู้ถูกชน”
'
เป็นเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนนหลวงโดยย่อเท่าที่รู้เห็นความจริง
เรื่องหลังอุบัติเหตุมีมากมายใหญ่หลวงนับไม่ถ้วนราย เกินกว่าที่จะนำมาเขียนได้
เพียงแต่ตัวอย่าง “เบื้องหลังแห่งกรรม” ก็ได้รู้ได้ทราบดังกล่าวมาแล้ว
คงจะทำให้ผู้ขับขี่ยวดยานในท้องถนน เพิ่มความระมัดระวังไม่ให้เกิดความประมาท
ท่านที่ชอบดื่ม เมื่อทราบว่าตัวเมาแล้วก็ไม่ควรแตะต้องพวงมาลัยรถ
มิฉะนั้นโศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้นดังเรื่องที่ได้กล่าวมาแล้ว
ใครจะรู้ได้ว่าต่อไปกรรมที่เราได้สร้างไว้อาจตามสนองเรา หรือบุตรหลานผู้รักใคร่ใกล้ชิดในวันหนึ่งข้างหน้า
ซึ่งจะเรียกว่ากรรมสนองก็คงไม่ผิด

อันคนเราแม้บางครั้งจะเคยประกอบกรรมทำชั่วมาแล้ว
ก็คิดละอายใจทำให้กลับตนเป็นคนดี ทำมาหากินโดยสุจริต
ดังเรื่องของเพื่อนรุ่นพี่ได้ประสบมาแล้วด้วยตัวของท่านเอง คุณพี่เป็นผู้ที่อยู่ในศีลธรรมเป็นคนเที่ยงตรง
พร้อมทั้งมีความกรุณาปรานี มองคนในแง่เห็นอกเห็นใจช่วยผู้ทุกข์ยากที่บริสุทธิ์
เป็นที่เคารพของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เป็นที่รักใคร่ของผู้ใหญ่ที่เที่ยงตรง

ครั้งหนึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการในองค์การแห่งหนึ่ง และองค์การนี้มีรถยนต์บรรทุกของหลายคัน
ที่ใช้ประจำองค์การและมีการเบิกเงินซื้อยางนอกในเป็นประจำบ่อยครั้ง จนเป็นที่สงสัย
คุณพี่นึกว่าทำไมยางรถยนต์บรรทุกมันจึงให้เปลืองมากเช่นนี้ คงจะมีการทุจริตเกิดขึ้นเป็นแน่
แต่เมื่อดูยางเก่าที่ขอเปลี่ยนมันก็เสียใช้ไม่ได้จริงๆ จึงมาคิดดู แล้วสั่งอนุมัติให้ซื้อเปลี่ยนได้
แต่ยางเส้นใหม่นี้ได้แอบทำเครื่องหมายลับไว้แล้ว โดยร่วมรู้เห็นกับผู้จัดการเป็นความลับ

เมื่อเบิกไปใช้แล้วก็ทำเป็นไม่รู้ ต่อมาไม่นานคนรถก็มาขอเบิกยางนอก โดยบอกว่ายางที่เบิกได้แตกแล้วใช้ไม่ได้
คุณพี่จึงได้นำยางเก่ามาตรวจดู แล้วก็เห็นได้ว่ามันไม่ใช่ยางที่ทำเครื่องหมายลับไว้ จึงรู้ว่าเป็นการทุจริตเกิดขึ้น
จึงได้ไต่สวนและชี้แจงให้เห็นหลักฐานในการทุจริต คนขับรถก็จนต่อเหตุผลจึงรับสารภาพว่า
คิดทุจริตจริงตามความเข้าใจ คุณพี่สั่งให้ไล่ออกทันที เหตุการณ์ทุจริตในวงการนั้นก็ยุติลงตั้งแต่นั้นมา

เหตุการณ์ได้ผ่านไปเป็นปีๆ เย็นวันหนึ่งคุณพี่บอกว่าฝนตกหนักหลังจากเลิกงานแล้ว แต่ฝนก็ไม่หาย
ก็พอดีเห็นรถแท็กซี่คันหนึ่งกำลังจะผ่านมา จึงเรียกให้หยุดรับแล้วก็ขึ้นบนรถบอกตำบลบ้านให้ไปส่ง
ระหว่างเดินทางบนท้องถนนที่ฝนกำลังตกหนัก คนขับรถได้หันมาถามคุณพี่ว่า “ท่านจำผมได้ไหมครับ

คุณพี่ได้พยายามมองหน้าก็จำไม่ได้ จึงบอกว่า “ขอโทษจำไม่ได้เคยรู้จักที่ไหนล่ะ”

คนขับรถแท็กซี่ยิ้มแล้วพูดว่า
“ผมเคยทำงานที่...... แล้วถูกท่านไล่ออก เพราะผมเปลี่ยนเอายางใหม่ไปขาย และเอายางเก่ามาเบิกใหม่แทน”

เมื่อคุณพี่พิจารณาดูแล้วจำได้ก็สะดุ้ง ไม่รู้ว่าคนขับรถจะคิดโกรธแค้นอาฆาตอย่างไรบ้าง
จึงถามดูว่า “การถูกไล่ออกนั้น เรามีความโกรธแค้นมากไหม”

คนขับรถยิ้มอย่างสบายใจแล้วพูดว่า
“ทีแรกผมก็โกรธเหมือนนิสัยคนพาลสันดานชั่ว ไม่ยอมมองดูความผิดของตัว เช่นคนพาลทั่วๆ ไปแหล่ะครับ
แต่เมื่อผมมาคิดพิจารณาดู ก็มองเห็นความกรุณาของท่านขึ้นมา ก็เกิดความเคารพ
เพราะท่านทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม ใครผิดก็ต้องรับโทษและเป็นบุญของผม เพราะถ้าเป็นคนอื่นไม่ใช่ท่าน
เขาคงไม่เพียงไล่ออกอย่างเดียวเขาคงส่งผมเข้าไปในตะรางแล้ว
ผมคงไม่เป็นอิสระกลับใจมาหากินด้วยความสุจริตเช่นนี้หรอกครับ ผมยังนึกถึงบุญคุณของท่านจนถึงทุกวันนี้
บัดนี้ผมเข็ดแล้ว ผมหากินสุจริตสบายใจ ไม่ต้องคอยสะดุ้งกลัวความผิดอีกแล้ว”

แต่พอรถวิ่งมาถึงบ้าน ซึ่งคนขับรถรู้จักดีอยู่ก่อนแล้ว พอรถหยุดคุณพี่หยิบเงินส่งให้ ๑๐ บาท
แต่คนขับรถแท็กซี่ยกมือขึ้นไหว้ แล้วพูดขึ้นว่า
“โปรดให้ผมได้รับใช้ท่านเถิดครับ ผมยังนึกถึงบุญคุณท่านอยู่เสมอ”

นี้ก็เป็นเรื่องของคนชั่วแล้วกลับตัวเป็นคนดี เมื่อได้สำนึกรู้สึกตัวกลับเป็นคนดีที่ควรยกย่อง เป็นเรื่องที่น่าคิด


................... เอวัง ...................


ที่มา : //www.dhammajak.net



Create Date : 22 พฤษภาคม 2553
Last Update : 22 พฤษภาคม 2553 22:46:13 น. 0 comments
Counter : 1161 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.