Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 
13 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
ปรุงแต่งใจให้เป็นสุข...พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต)

ธรรมะ
ปรุงแต่งใจให้เป็นสุข โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)

ใช้ความสามารถปรุงแต่งสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ภายนอก
แล้วอย่าลืมใช้ความสามารถนั้นปรุงแต่งสร้างสรรค์ความสุขภายในด้วย

พระพุทธศาสนาเปิดเผยความจริงว่าความสุขมีมากมาย ความสุขมีหลายแบบ ความสุขมีหลายชั้นหลายระดับ
ทั้งความสุขภายนอกภายใน ทั้งความสุขแบบแบ่งแยกและความสุขแบบประสาน
ทั้งความสุขที่อาศัยวัตถุและไม่อาศัยวัตถุ ทั้งความสุขทางร่างกายและความสุขทางจิตใจ
ทั้งความสุขระดับจิตและความสุขระดับปัญญา ทั้งความสุขแบบมัวเมาติดจมและความสุขแบบโปร่งโล่งผ่องใส

ความสุขของมนุษย์อย่างหนึ่งคือ ความสามารถในการปรุงแต่งสร้างสรรค์คิดค้นซึ่งสัตว์อื่นไม่มี

การที่มนุษย์เจริญขึ้นมามีเทคโนโลยีมีสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ มากมาย ก็เกิดจากความสามารถของมนุษย์
ในการปรุงแต่งสร้างสรรค์นี่แหละ แต่กว่าจะออกมาเป็นวัตถุปรุงแต่งสร้างสรรค์ได้ ต้นเดิมมันมาจากไหน
มันก็มาจากในใจของเราคือใจที่มีสติปัญญา เริ่มด้วยใช้ปัญญาคิดปรุงแต่งข้างใน
แล้วจึงแสดงออกมาเป็นการปรุงแต่งประดิษฐ์วัตถุ สร้างสรรค์วัตถุข้างนอกได้
จนกระทั่งเป็นคอมพิวเตอร์และดาวเทียม ก็เกิดจากความคิดในใจเป็นจุดเริ่ม

ทีนี้ความคิดของเรานี่น่ะ นอกจากปรุงแต่งสร้างสรรค์วัตถุข้างนอกแล้ว
อีกอย่างหนึ่งก็คือปรุงแต่งสุขปรุงแต่งทุกข์ข้างใน
เราไม่รู้ตัวหรอกว่าเราใช้ความสามารถนี้ตลอดเวลา ด้วยการปรุงแต่งความสุข และปรุงแต่งความทุกข์
จริงไหมว่าที่เราทุกข์เราสุขกันนี้ ส่วนมากเป็นสุขและทุกข์ที่เราปรุงแต่งขึ้นเอง ไม่เหมือนกับสัตว์อื่น

สัตว์อื่นนั้นไม่รู้จักความทุกข์ความสุขมากเหมือนมนุษย์ มันมีความสุขความทุกข์ที่เกิดจากทางกายได้กินอาหาร
ได้หลับนอนพักผ่อนหรือต่อสู้หนีภัยอะไรๆ ก็ตามประสา
แต่ความสุขความทุกข์ทางใจที่เกิดจากการคิดปรุงแต่งมันไม่มี เราจะเห็นว่าสัตว์กลุ้มใจไม่เป็น
สัตว์มันเครียดไม่เป็น เครียดได้แต่เรื่องที่สืบเนื่องจากทางกาย ไม่เหมือนมนุษย์
มนุษย์นี้ปรุงแต่งสุขทุกข์ในใจกันมากมายพิสดาร ปรุงแต่งทุกข์ให้กลุ้มให้กังวล ให้เครียดจนกระทั้งเสียจิตไปเลย
สัตว์อื่นปรุงแต่งใจให้เป็นบ้าไม่ได้ แต่มนุษย์ปรุงแต่งจิตใจจนกระทั่งกลายเป็นบ้าไปก็มี

มนุษย์มีความสามารถนี้อยู่มากมายนัก
แต่น่าเสียดายที่มนุษย์ใช้ความสามารถนี้ ไปในการปรุงแต่งทุกข์มากกว่าปรุงแต่งสุข
มีอะไรมากระทบตากระทบหู ไม่สบายใจนิดหน่อยก็เก็บเอามาปรุงแต่งต่อเสียยืดยาวใหญ่โต
เวลาอยู่ว่าง ๆ แทนที่จะปรุงแต่งสุขก็ปรุงแต่งทุกข์ เอาเรื่องที่ไม่ดีมาวาดเป็นภาพ ทำให้เกิดความรู้สึกกลุ้มใจกังวล
มีความโกรธเคียดแค้นต่าง ๆ ทำให้มีความทุกข์มากมาย
แสดงว่ามนุษย์ส่วนมากใช้ความสามารถไม่ถูกทางจึงเป็นโทษแก่ตนเอง
ทีนี้ถ้ามนุษย์ฝึกตัวให้ใช้ความสามารถนั้นให้ถูก เขาก็จะปรุงแต่งความสุขได้มากมายมหาศาล

ในทางพระพุทธศาสนาท่านแนะนำให้เราปรุงแต่งความสุข ท่านสอนวิธีทำใจหรือฝึกจิตฝึกใจ
และบอกวิธีใช้ปัญญามากมาย อย่างเช่น การบำเพ็ญสมาธิต่างๆ ก็คือวิธีปรุงแต่งจิตใจนั่นเอง
แต่เป็นการปรุงแต่งให้เป็นสุขในการมองโลกแม้แต่สิ่งเดียวกัน
ถ้าเรามองไม่เป็นก็เป็นเรื่องร้ายเกิดทุกข์ แต่ถ้ามองเป็นก็กลายเป็นดีเกิดสุขได้


ขอเล่าเรื่องพระท่านหนึ่ง ที่เป็นเพื่อนกันตอนเรียนหนังสือที่มหาจุฬาฯ ในวัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์
เวลาชั่วโมงว่างไม่ได้เรียนหนังสือ ท่านจะมองไปที่ท่าพระจันทร์ ซึ่งมีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาขวักไขว่จำนวนมาก
ท่านมองไปมองมาแล้วก็นั่งหัวเราะ อาตมาก็ถามว่าหัวเราะอะไร ไม่เห็นมีอะไร
ท่านบอกว่ามองไปเห็นผู้คนเดินไปเดินมา ท่าทาง รูปร่างเครื่องแต่งกาย เสื้อผ้าสีสันต่างๆ กัน
คนนั้นเดินอย่างนี้ คนนี้เดินอย่างนั้น ดูแล้วขำ ท่านก็เลยหัวเราะ นี่ก็เป็นวิธีมองโลกอย่างหนึ่ง

บางคนมองอะไรก็น่าขำไปทั้งนั้น บางคนมองเห็นอะไรก็รู้สึกขัดหู ดูขัดตาไปทุกอย่าง
บางคนไม่มีอะไรก็นั่งกังวลไม่สบายใจทุกข์ไปหมด นี้เป็นตัวอย่างง่ายๆ ของการปรุงแต่งจิตใจ
เราตั้งท่าทีของจิตใจอย่างไรก็สร้างจิตใจให้เป็นอย่างนั้น สุข-ทุกข์ก็เกิดตามมา

ในชีวิตประจำวันเมื่อทำงานทำการ เราก็มองโลก เราก็มองคนที่พบเห็น มาหาไปหา เช่น
เป็นแพทย์เป็นพยาบาลก็มองคนไข้ไปด้วย เราต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนทั่วไป
กับผู้ร่วมงาน เราจะต้องหัดมองให้เป็น อย่ามองในแง่ที่กระทบหูกระทบตา

วิธีมองให้ไม่เกิดโทษมีหลายอย่าง อย่างน้อยก็ควรมองเห็นว่าเป็นประสบการณ์แปลกๆ
ในวันหนึ่ง ๆ เราพบเห็นผู้มีกิริยาอาการต่างๆ มากมาย คนนั้นลักษณะอย่างนั้น คนนี้ลักษณะอย่างนี้
เราก็มองในแง่ที่ว่าเป็นสิ่งที่ได้รู้ได้เห็น เป็นประสบการณ์หลากหลาย เป็นข้อมูลความรู้ อย่าเก็บมาเป็นอารมณ์
เราอาจจะสบายใจหรือพอใจว่านี่เราได้รู้เห็นรู้จักโลกมากขึ้น โลกเป็นอย่างนี้
เมื่อเราทำใจอย่างนี้ สิ่งที่พบเห็นก็ไม่กระทบหูไม่กระทบตา ไม่กระทบใจ เราก็สบายใจ
แต่ไม่แค่นั้น ยังดีกว่านั้นอีกคือเราได้ความรู้ด้วย.



คัดลอกตัดตอนมาจาก
หนังสือ “ทำอย่างไรจะให้งานประสานกับความสุข”
โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)

ที่มา : //www.dhammajak.net


Create Date : 13 พฤษภาคม 2553
Last Update : 13 พฤษภาคม 2553 22:23:09 น. 1 comments
Counter : 1195 Pageviews.

 


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:50:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.