Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
5 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
กลวิธีเอาชนะคนหัวดื้อ

ธรรมะ

เวลามีคนดื้อกับเรา หรือทำอะไรไม่ถูกใจขัดใจซ้ำๆ เราไม่พอใจ
จึงอยากจะเอาชนะเหมือนเขาดื้อหรือพยศกับเรา และเราอยากปราบพยศเขาใช่ไหม?

มีชาวไร่คนหนึ่งไปไถไร่เป็นประจำ วันหนึ่งไปไถโดนโถวิเศษที่ฝังอยู่ในดินแตกไป
ปรากฎว่ามียักษ์ตัวโตโผล่มา จากนั้นบอกว่าจะยอมเป็นทาส ให้ชาวไร่ใช้งานทุกอย่างได้ตลอดเวลา
แต่มีข้อแม้ว่าหากชาวบ้านไม่ใช้เขา ปล่อยให้เขาว่าง เขาจะทำร้ายชาวไร่ทันที
ชาวไร่จึงบอกให้ยักษ์ไปสร้างบ้าน 3 หลัง ขุดบ่อ 3 บ่อ ยักษ์สร้างเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ
หมดงานแล้วยักษ์ก็จะทำร้ายชาวไร่ ชาวบ้านก็พยายามหางานให้เรื่อยๆ แต่ยักษ์ก็ทำเสร็จหมดทุกอย่าง
สุดท้ายชาวบ้านบอกให้ยักษ์สร้างม้าที่มีฝีเท้าดีกว่ายักษ์ให้ 1 ตัว

แล้วชาวไร่ก็รีบขี่ม้าไปหาฤาษีที่เป็นพระอาจารย์
เพื่อให้ช่วยแนะนำว่า ควรจะหางานอะไรให้ยักษ์ทำจะได้ไม่ว่าง โดยมียักษ์ตามมาติดๆ
แต่ไล่ไม่ทันเพราะม้าฝีเท้าเร็วกว่า ฤาษีมีปัญญาดี จึงบอกชาวไร่ให้ใช้ยักษ์ให้สร้างเสาสูงๆ ขึ้นหนึ่งต้น
และให้ยักษ์ปีนขึ้นไปบนเสาและปีนลงมา แล้วปีนขึ้นไป ปีนขึ้นปีนลงอย่าได้หยุด
ยักษ์ก็เลยมีงานทำตลอด ไม่มารบกวนหรืออยากทำร้ายชาวไร่อีกต่อไป

อ่านจบแล้วได้ความคิดอะไรบ้างไหม? หรือเห็นว่าไม่เกี่ยวกับการปราบพยศเลย?

นิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเปรียบเทียบ โดยเปรียบว่า….. ยักษ์….คือ จิต หรือความคิดของมนุษย์ที่มีพลังมาก
ฟุ้งซ่านเกเรง่าย คอยจะทำร้ายเจ้าของคือตัวมนุษย์
ถ้าจิตอยู่เฉยๆ ไม่มีงานทำ เช่น จิตจะคิดโน่นคิดนี่ ทำให้เกิดทุกข์ โลภ โกรธ หลง ระแวง ฯลฯ
เสาสูงนั้น… คือร่างกายส่วนที่เป็นรูจมูกของเรา ที่เราจะใช้เป็นอุปกรณ์ลดความเกเรของจิตใจ
ส่วนการปีนเสาขึ้นๆ ลงๆ …คือ ลมหายใจที่สูดเข้าๆ ออกๆ อยู่เป็นประจำ หยุดไม่ได้
นั่นก็คือ จิต หรือความคิดของเรานั้นถ้าไม่ควบคุมให้ดี ไม่หา
งานที่เหมาะสมให้ทำ มันก็ทำร้ายเราด้วยการคิดมาก ฟุ้งซ่าน ทำให้
เป็นทุกข์เหมือนยักษ์ที่พร้อมจะทำร้ายเจ้าของเมื่อมี เวลาว่าง
ฉะนั้น เราจึงต้องทำให้จิตใจหรือความคิดคอยจดจ่ออย่างมีสติ
อยู่กับลมหายใจเข้าๆ ออกๆ ที่ผ่านรูจมูกอยู่เสมอเมื่อมีเวลาว่าง เท่ากับเป็นการทำให้จิตใจมีงานทำอยู่ตลอดเวลา
จะได้ไม่ทำอันตรายเรา คือไม่ฟุ้งซ่าน ไม่นำความคิดที่เป็นความคิดที่เป็นทุกข์มาให้เรา

บางคนไม่สามารถมีสติอยู่ที่ลมหายใจได้
เพราะความคิดแว่บไปแว่บมาหรือแอบหนีไปคิดโน่นคิดนี่ หรือหนีไปเที่ยว ก็ลองใช้เทคนิค“ตามดูจิต” คือ
ให้ตามความคิดที่ซนๆ ของจิตใจไปเรื่อยๆ อย่าไปห้ามคิด อย่าไปหยุดคิด จนสุดท้ายจิตจะหยุดเองเพราะเหนื่อย
แล้วเราก็ดึงจิตให้กลับมาอยู่ที่ลมหายใจเข้า หายใจออกที่ผ่านรูจมูกได้
ที่เล่ามานี้เป็นวิธีทำสมาธิหรือกรรมฐานอย่างง่ายที่เรียกว่า สมถะกรรมฐาน (Calming Meditation)
โดยที่เมื่อเราว่างจากงานประจำก็ให้ฝึกนึกถึงลมหายใจเข้า-หายใจออกที่ผ่านรูจมูกเสมอๆ
จะทำให้มีสติไม่คิดฟุ้งซ่าน หรือคิดไม่ดี
จิตจะมีพลัง มีสมาธิ เป็นผลดีต่อการทำงาน การเรียน การตัดสินใจ ทำให้เกิดปัญญาได้มากขึ้น

ฉะนั้น วิธีปราบพยศหรือความเกเรของคนอื่นๆ ก็คือ

1. ตัวเราเองทำสมาธิแบบสมถะกรรมฐานนี้ก่อนเป็นประจำ โดยมีสติอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก จะได้เกิดสติ
ไม่ฟุ้งซ่านไม่โกรธคนอื่นมาก ไม่โทษไม่อคติ จิตใจสงบขึ้น ไม่วุ่นวายกับคำชม คำตำหนิ หรือความโกรธ
สามารถอยู่กับความคิดปกติกลางๆ คือ ไม่ดีใจ ไม่น้อยใจ
วิธีนี้เหมือนเป็นการปราบพยศตัวเองโดยตัวเองให้ได้เสียก่อน

2. จากนั้นจิตใจของเราจะสงบ เฉยๆ ไม่พยศแล้ว ความโกรธแค้น อาฆาต อคติ รังเกียจ เครียด ฯลฯ ก็จะลดลง
เราจะมีสติควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น

3. จากนั้นเราจะเกิดปัญญา คิดได้ว่าเราควรจะทำอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนที่พยศกับเรา
เราจะแก้ไขนิสัยเขาได้ไหม?
เรามีความสามารถจริงหรือ?
เราคิดโกรธเขามากไปหรือเปล่า?
อคติหรือเปล่า?
คำตอบก็คือ เราเปลี่ยนแปลงนิสัยเขาได้ยากมาก
และความโกรธ ความไม่พอใจของเราที่มีมากนั้น มันมาจากพื้นฐาน มาจากอารมณ์ของเราที่ไม่ดีอยู่แล้วต่างหาก
หรือเกิดจากการยกตัวของเราเป็นมาตรฐานเสียเอง ทำให้ตัดสินเข้าข้างตัวเองตลอด

4. จากนั้นจะเกิดปัญญามากขึ้น ไม่อยากเกิดความทุกข์ เกิดเมตตาตัวเองและคนที่พยศกับเรา
เกิดเมตตากับตัวเองคือ ไม่อยากทุกข์ ไม่อยากให้ตัวเองมีความโกรธ เพราะจะทำให้ทุกข์ ก็ต้องทำใจให้สงบ
มีอุเบกขา (วางเฉย) กับคนที่เราไม่ชอบ เลี่ยงความคิดที่ไม่ดีที่จะทำให้เกิดทุกข์ทั้งหลายเสีย
เกิดเมตตากับคนที่เราไม่ชอบ หาว่าเขาพยศกับเรา โดยนึกถึงความบกพร่องของเขาน้อยลง จับผิดเขาน้อยลง
โดยเข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนมีข้อบกพร่องทั้งนั้น ไม่มีใครดีพร้อมแบบ
คิดว่าถ้าเขาบกพร่องมากเท่าใด เขาก็ทุกข์ร้อนจากข้อบกพร่องของเขาเอง
ถ้าคิดจะปราบพยศเขา หรือให้เขาเปลี่ยนแปลงทันทีทันใด เขาคงทำไม่ได้
หรือถ้าอยากจะพัฒนาเขา ก็ต้องทำด้วยความเมตตา ต้องพูดกับเขาดีๆแบบเป็นมิตร
หาทางยกย่องชมเชยเขา เพื่อสร้างมิตรมากขึ้น แล้วจึงสอน
หรือแนะนำเขาบางอย่าง…ทีละอย่าง ในสถานที่เป็นส่วนตัวด้วยท่าทีของมิตรมากขึ้น
ส่วนเขาจะเปลี่ยนแปลงหรือทำได้แค่ไหนก็เป็นเรื่องของ เขา

คนที่หมั่นทำสมาธิบ่อยๆ จิตใจจะได้พัก เกิดความสงบ เกิดพลังความคิดที่ดีๆ ร่างกายจะได้พักไปด้วย
หลายๆ คนทำแล้วหน้าตามีเลือดฝาด มีความสุข และเกิดปัญญาเฉลียวฉลาดมากขึ้น
แต่อย่าไปเอาจริงเอาจังมากนะ ค่อยๆ ทำไป ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น
เก่งมาก…ดีมากแล้วมันจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง
ถ้าตั้งใจมากหรือคาดหวังมาก แทนที่จะดีกลับเครียดมากขึ้นกลายเป็นทุกข์มากขึ้นไป…


ที่มา : //www.watthummuangna.com



Create Date : 05 เมษายน 2553
Last Update : 5 เมษายน 2553 21:27:03 น. 5 comments
Counter : 8147 Pageviews.

 
หึหึ นึกว่าให้ยักไปขอเม็ดผักกาดจากบ้านที่ไม่เคยมีคนตาย แง่บๆ


โดย: itoursab วันที่: 5 เมษายน 2553 เวลา:23:17:05 น.  

 
คนเราก่มีแค่นี้หนอ ไม่เที่ยง อยู่ที่ใจเรา


โดย: พัณณ์ชุดา IP: 118.172.24.39 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:26:46 น.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: พีรพล IP: 125.27.242.111 วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:0:12:34 น.  

 
สาธุ เจ้าค่าๆ


โดย: นั่งยิ้ม IP: 49.230.65.220 วันที่: 8 พฤษภาคม 2557 เวลา:2:24:31 น.  

 
สาธุ เจ้าค่าๆ


โดย: นั่งยิ้ม IP: 49.230.65.220 วันที่: 8 พฤษภาคม 2557 เวลา:2:24:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.