Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 
19 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
ชีวิตในหม้อดินลงยันต์

ข่าวแวดวงไฮโซในหน้าหนังสือพิมพ์รายงานว่า รัฐมนตรีผู้หนึ่งทำบุญเลี้ยงพระ 60 รูป
เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิดแต่เนื่องจากสะโพกมีปัญหา ไม่สะดวกที่จะเดินเหิน
จึงนิมนต์ให้พระที่มาร่วมงานชักแถวมารดน้ำมนต์ให้ครบ 60 รูป
รัฐมนตรีเปียกมะล่อกมะแล่ก รุ่งขึ้นเลยป่วยเป็นไข้หวัด

หลวงพ่อชา สุภัทโท เคยกะเทาะกิเลสให้เกิดปัญญาไว้ว่า น้ำมันต์ก็คือน้ำธรรมดาๆ นี่เอง
แต่คนหลงงมงายว่าจะช่วยอะไรได้จริง น้ำมนต์จะช่วยอะไรใครได้โดยทั่วไปแล้ว
คนที่ได้อะไรดั่งใจก็จะหัวเราะ ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็ร้องไห้ ดังนั้นในโลกนี้ส่วนมากจึงมีแต่คนโง่
สำหรับผู้มีปัญญาแล้วเขาแสวงหาทางพ้นทุกข์ หาทางปฏิบัติที่ทำให้เกิดปัญญาอย่างแท้จริง
ซึ่งหาได้แล้วเกิดมีธรรมะในใจแล้ว ก็จะสงบระงับ สอนตัวเองได้ทุกเวลา ไม่ต้องหัวเราะ
ไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป

ศิษย์ของท่านเล่าว่า ชายผู้หนึ่งคลานเข้าไปหมอบอยู่แทบเท้าท่านแล้ว
ขอให้ท่านรดน้ำมนต์ให้ สักพักท่านพูดขึ้นว่า "วันนี้ไม่ได้ต้มน้ำร้อน!"
ก่อนจะสอนว่า ถ้าใครมาขอน้ำมนต์ต้องเอาน้ำร้อนรดให้
เอาน้ำเดือดๆ รดให้เลย เพราะมันคนกิเลสหนาทั้งนั้น
รดให้หนังพองไปเลยเพราะบอกสอนให้ภาวนาไม่เอา จะเอาแต่น้ำมนต์

ท่านว่าคนทุกวันนี้สู้กระรอกกระแตไม่ได้
กระรอกกระแตนั้นมันรู้จักผลไม้ต้นไหนหวานหรือไม่หวาน แต่คนมักไม่รู้ถูกรู้ผิด
ไม่รู้ว่าอะไรควรเชื่ออะไรไม่ควรเชื่อเขาว่าพระธาตุดีก็วิ่งหาพระธาตุ
เขาว่าใครทำบุญกับพระที่อยู่กรรมพ้นอาบัติจะได้ก็เชื่อกัน ฯลฯ

"นั่นมันพระต้องอาบัติ พระนักโทษเพิ่งจะพ้นมาจากคุก มันจะบริสุทธิ์ได้อย่างไร
คนมันไม่ฉลาดไม่มีปัญญา มันเป็นอย่างนั้นแหละ คนที่จะรู้เรื่องได้ถูกได้ตรงจริงๆนั้นไม่มี
อยู่ปฏิบัติกันไปให้สงบระงับนั้น ทำไม่เป็นมันเลยสู้พวกกระรอกกระแตไม่ได้..."

ไม่เพียงแต่น้ำมนต์ ผีสางเทวดา นรกสวรรค์มีหรือไม่ เราเองก็ไม่กระจ่าง เพราะไม่กระจ่าง
หลายคนจึงมีชีวิตแบบ 2 มาตรฐาน โกงชาติแล้ว หน้ากฐินทำบุญทีละ 33 วัดก็มี
จะทำอะไรก็ต้องดูฤกษ์ดูยามก็มาก ที่วันๆตื่นขึ้นมาก็จะตีความหมายของฝันเป็นตัวเลขก็เยอะ
เอาอนาคตผูกไว้กับกงล้อฉลากกินแบ่งก็ปรากฏทุกหย่อมหญ้า ฯลฯ
ตัวเราและบ้านเมืองของเราจะพ้นความอับจนได้อย่างไร ถ้าเราไม่ทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้

พระธรรมปิฎก(ประยุต ปยุตโต) ไขประทีปธรรมไว้ว่า หลักฐานในพระคำภีร์ เช่น
พระไตรปิฎก ฯลฯ ยืนยันว่า อิทธิปาฏิหาริย์มีจริง แต่พุทธศาสนาได้วางหลักการไว้ปิดกั้น
พวกที่อยากพิสูจน์ว่า สิ่งเหล่านี้มีจริงหรือไม่ หลักการนั้นคือ
"พระพุทธศาสนา ประกาศอิสรภาพให้แก่มนุษย์ ท่ามกลางการมีอยู่ของสิ่งเหล่านั้น"

มนุษย์ประกาศอิสรภาพให้แก่ตนเองได้ เพราะมนุษย์ทุกผู้ทุกนามสามารถเข้าถึงจุดหมาย
สูงสุดของพระพุทธศาสนาได้ โดยไม่ต้องอาศัยสิ่งเหนือสามัญวิสัยเหล่านั้นแม้แต่นิด
และสิ่งเหล่านั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ก็ไม่กระทบอะไรกับหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนา

พุทธศาสนาไม่สนใจว่า ผีสางนางไม้ อิทธิปาฏิหาริย์มีอยู่หรือไม่
สนแต่ว่ามนุษย์ควรมีท่าทีหรือควรปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านั้นอย่างไร

พระพุทธองค์ทรงจำแนกปาฏิหาริย์ว่า มีอยู่ 3 อย่าง คือ
1.การแสดงฤทธิ์ด้วยวิธีต่างๆ
2.การทายใจคนอื่นได้
3.สามารถสอนให้เห็นจริง เมื่อนำสิ่งที่สอนไปปฏิบัติก็เกิดผลขึ้นจริง
2 อย่างแรกนั้นถึงทำได้ก็จะมีคนทุ่มเถียงกันเพราะบางคนเชื่อบางคนไม่เชื่อบ้าง
จึงไม่ทรงสรรเสริญแต่สรรเสริญประการสุดท้าย

หลักของพุทธในเรื่องเหนือสามัญทั้งหลายคือ มนุษย์ต้องอยู่กับมนุษย์
ไม่ไปพึ่งอำนาจภายนอกที่มองไม่เห็น ไม่เซ่นสรวง หวังผลจากปาฏิหาริย์ของผู้อื่นหรือ
อำนาจอื่นเพราะถ้าพึ่งสิ่งภายนอก เราก็จะไม่เป็นตัวของตัวเอง มีแต่ต้องพึ่งตนเอง
ทำตนให้เป็นที่พึ่งได้สามารถพึ่งตนเองได้ ฝึกหัดตนให้มีความรู้ความสามารถชำนิชำนาญใน
การแก้ไขปัญหาตามวิถีทางแห่งเหตุผลให้สำเร็จโดยชอบธรรม
นี่จึงเป็นปาฏิหาริย์ที่แท้จริง นี่จึงเป็นหนทางการประกาศอิสรภาพของตนเองอย่างแท้จริง!

ตอนเด็กใครหลายคนดูหนังผีฝรั่งเรื่องหนึ่งแล้ว ทุกครั้งที่ปลดทุกข์หนักกลับมีทุกข์หนักกว่า
เพราะนั่งส้วมไปก็ระแวงไปว่าจะมีมือโผล่ขึ้นมาจากคอห่านเหมือนที่จำมาจากหนัง
ล้างหน้าก็ต้องล้างทีละครึ่งหน้าเพราะหากหลับตาหมด กลัวเวลาลืมตาขึ้นมา
จะพบแขกไม่ได้รับเชิญมายืนอยู่ข้างหน้า ต่อเมื่อโตขึ้นมาได้ขบคิดสุดยอดคำสอนในเรื่องผี
ที่ว่า"คนกลัวผีคือคนกลัวตาย" หน่ออ่อนของปัญญาจึงโผล่มานิดๆว่า กลัวผีก็กลัวตัวเองและ
ที่เห็นๆกันอยู่นี่ก็ผีทั้งนั้น ผีกลัวผี เลยมีชีวิตอยู่แบบถูกกักอยู่ในหม้อดินลงยันต์
เป็นทาสที่ต้องพึ่งพิงสิ่งอื่น คนอื่นร่ำไป

ที่มา larndham.net





Create Date : 19 มกราคม 2552
Last Update : 19 มกราคม 2552 21:10:04 น. 2 comments
Counter : 949 Pageviews.

 
คงจะจริง อ่านของคุณหลายเรื่องเม้นหน่อยก็ดี ว่าธรรมมะก็มีคนอ่านเหมือนกัน


โดย: AAAA IP: 124.121.192.194 วันที่: 6 มีนาคม 2552 เวลา:14:05:45 น.  

 
อันนี้รู้แจ้งเห็นจริงตามที่บทความเขียนไว้และปฏิบัติดีปฎิบัติชอบตามที่ชาวพุทธควรทำมาตลอดเลยค่ะ


โดย: Tassanee วันที่: 24 มีนาคม 2552 เวลา:1:43:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.