Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
ไม่จำนนต่อกรรมเก่า

ไม่จำนนต่อกรรมเก่า

จักรชัย มีภรรยาที่ ขยันและใส่ใจในงานบ้าน เมื่อเขากลับจากที่ทำงานก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย
เพราะภรรยาดูแลกิจธุระต่างๆ ในบ้านให้หมด แต่แล้ววันหนึ่งภรรยาได้ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งขั้นสุดท้าย
มิหนำซ้ำแม่ยายซึ่งเป็นโรคอัลไซเมอร์ก็มีอาการรุนแรงขึ้น ทั้งสองคนช่วยตัวเองแทบไม่ได้เลย

จักรชัยซึ่งเคยมีชีวิตที่สบาย ต้องหันมาดูแลทั้งภรรยาและแม่ยาย แม้จะจ้างคนมาช่วย
แต่เมื่อเขากลับจากที่ทำงาน ก็ต้องมาช่วยป้อนข้าว อาบน้ำ เช็ดตัว เช็ดอุจจาระ ให้ผู้ป่วย
เพื่อนบ้านเห็นวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของจักรชัย ก็สรุปว่าเขากำลังใช้กรรม
ชาติที่แล้วเขาคงจะทำอะไรไม่ดีกับภรรยาและแม่ยายเอาไว้ ชาตินี้จึงต้องมารับผลกรรมดังกล่าว

แต่จริงหรือที่จักรชัยกำลังชดใช้กรรมเก่า ที่จริงน่าจะมองว่าเขากำลังทำกรรมใหม่ที่ดีงาม
เพราะแทนที่เขาจะทิ้งภรรยา หรือนิ่งดูดายกับอาการของแม่ยายอย่างที่ผู้ชายจำนวนมากนิยมทำ
เขากลับช่วยพยาบาลบุคคลทั้งสองอย่างไม่มีความรังเกียจ นี่คือการกระทำที่เสียสละและเปี่ยมด้วยเมตตา
เป็นการทำดีที่เขาเป็นฝ่ายเลือกเอง ทั้งๆ ที่มีทางเลี่ยง

พูดเช่นนี้ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องกรรมเก่า เป็นไปได้ว่าการที่ชีวิตครอบครัวของจักรชัยต้องมาประสบปัญหาเช่นนี้
อาจเป็นเพราะกรรมเก่าของเขาก็ได้ (ส่วนจะเก่าแค่ไหน ย้อนไปถึงชาติที่แล้วหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
แต่ การที่เขาตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับปัญหาดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องของกรรมเก่าอย่างแน่นอน
เพราะเขาสามารถเลือกได้ว่าจะรับมือกับปัญหาหรือเพิกเฉยหลบหนี
และเมื่อเขาตัดสินใจรับมือกับปัญหาด้วยการดูแลรับผิดชอบกับภรรยาและแม่ยาย
นั่นคือกรรมใหม่หรือกรรมปัจจุบันที่ดีงาม อันสาธุชนควรสรรเสริญและเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
หาควรไม่ที่จะซ้ำเติมด้วยการอ้างกฎแห่งกรรม ซึ่งทำให้ความดีของเขากลายเป็นสิ่งไร้ค่า
มีสภาพไม่ต่างจากการใช้โทษอย่างสาสม


กฎแห่งกรรมนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เราตระหนักว่า
ชีวิตของเรานั้นสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการกระทำของเราเอง มิใช่ด้วยการดลบันดาลของเทพยดา
หรือพระเจ้า กล่าวอีกนัยหนึ่งกฎแห่งกรรมช่วยให้เราเห็นคุณค่าของความเพียร
แต่ทุกวันนี้กฎแห่งกรรมถูกใช้เพื่อสะกดให้ผู้คนยอมจำนนกับปัญหา
โดยไม่คิดที่จะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเองหรือสถานการณ์

เมื่อภรรยาถูกสามีทุบตีหรือข่มเหงทั้งกายและใจ คำแนะนำที่มักจะให้แก่ฝ่ายหญิงก็คือ
ให้ยอมทนไปเรื่อยๆ เพราะนี้เป็นผลของกรรมเก่า (หรือวิบาก) ที่ต้องชดใช้
นี่คือตัวอย่างการใช้กฎแห่งกรรมที่ทำให้ผู้คนยอมจำนนต่อปัญหา อีกทั้งยังเป็นการกล่าวโทษฝ่ายหญิงแต่ฝ่ายเดียว
จริงอยู่การเลือกผู้ชายเช่นนี้มาเป็นสามีย่อมเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายหญิง
ดังนั้น เมื่อถูกเขาข่มเหงจึงถือได้ว่า เป็นผลจากกรรมเก่าของเธอด้วยส่วนหนึ่ง
แต่การทนให้เขาทำร้ายนั้น ไม่ใช่เรื่องของกรรมเก่าหรือการชดใช้กรรมแล้ว แต่เป็นการสร้างกรรมใหม่
และกรรมใหม่ที่ผู้หญิงเลือกที่จะทนให้ผู้ชายมากระทำย่ำยีนี้เอง ที่เป็นตัวการทำให้เธอต้องระทมทุกข์
พูดอีกอย่างก็คือ ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับฝ่ายหญิงส่วนหนึ่งเป็นผลจากการกระทำในปัจจุบันของเธอเอง
ไม่ใช่เป็นเพราะกรรมเก่าในอดีต (ไม่ว่าในชาตินี้หรือชาติที่แล้ว)

กฎแห่งกรรมนั้นเน้นที่การสร้างกรรมใหม่หรือกรรมในปัจจุบัน เพราะกรรมใหม่อยู่ในวิสัยที่เราจะควบคุมได้
(แม้จะไม่ทั้งหมด เพราะการกระทำอะไรก็ตามย่อมอยู่ภายใต้เงื่อนไขหรือเหตุปัจจัยที่จำกัดเสมอ)
กรรมใหม่นั้นเราสามารถเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร ทั้งหมดนี้อยู่ที่การตัดสินใจของเรา
ในขณะที่กรรมเก่านั้นเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เพราะกลายเป็นอดีตไปแล้ว

การที่กฎแห่งกรรมพูดถึงกรรมเก่านั้น ก็เพื่อให้เรารับผิดชอบกับการกระทำในอดีตของตนเอง
จะได้ไม่โทษผู้อื่นหรือเทวดาฟ้าดินว่าเป็นตัวการทำให้เราทุกข์

แต่อีกด้านหนึ่งของกฎแห่งกรรมซึ่งเป็นจุดเน้นที่สำคัญของพุทธศาสนา ก็คือการสร้างกรรมใหม่ในปัจจุบัน
เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนให้เป็นไปในทางที่ดีงาม

แต่ความเข้าใจในปัจจุบันกลับไปเน้นที่กรรมเก่าและการยอมจำนนต่อกรรมเก่า

ทุกวันนี้ชาวพุทธจำนวนไม่น้อยมีความเข้าใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตนเองทั้งหมดล้วนเป็นเพราะกรรมเก่า
ความคิดเช่นนี้แท้จริงแล้วขัดกับหลักการทางพุทธศาสนา
พระพุทธองค์ได้เคยตรัสไว้ว่า 1 ใน 3 ของลัทธินอกพุทธศาสนา ได้แก่ ลัทธิกรรมเก่า (ปุพเพกตเหตุวาท) คือ
ความเชื่อที่ว่าสิ่งใดก็ตามที่ได้ประสบ จะเป็นสุขก็ตามทุกข์ก็ตาม มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ก็ตาม
ล้วนเป็นเพราะกรรมที่ได้ทำไว้ในปางก่อน ใช่แต่เท่านั้นพระองค์ยังทรงเตือนว่า
"เมื่อบุคคลมายึดเอากรรมที่ทำไว้ในปางก่อนเป็นสาระ ฉันทะก็ดี ความพยายามก็ดี
ว่าสิ่งนี้ควรทำ สิ่งนี้ไม่ควรทำ ก็ย่อมไม่มี"

อดีตกับปัจจุบันนั้นไม่อาจแยกขาดจากกันได้ฉันใด การกระทำในอดีตก็ย่อมส่งผลถึงปัจจุบันฉันนั้น
แต่ปัจจุบันก็หาใช่เป็นทาสของอดีตไม่ เพราะเราสามารถเลือกได้ว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่สืบเนื่องจากอดีต
รวมทั้งสามารถเอาผลจากกรรมเก่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่เราได้ด้วย เช่น ความเจ็บป่วย
อันที่จริงเหตุปัจจัยแห่งความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นมีหลายอย่าง ไม่ได้เกิดจากกรรมเก่าเท่านั้น
หากยังเป็นผลจากดินฟ้าอากาศ (อุตุนิยาม) หรือกรรมพันธุ์ (พีชนิยาม) แต่ไม่ว่าจะเกิดจากอะไรก็ตาม
ก็ใช่ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกความเจ็บป่วยมากระทำเท่านั้น หากเรายังสามารถใช้ความเจ็บป่วยให้เกิดประโยชน์ได้ด้วย
ตรงนี้แหละเป็นเรื่องของการสร้างกรรมใหม่หรือกรรมในปัจจุบัน

มีคนจำนวนไม่น้อยเมื่อเจ็บป่วยแล้วแทนที่จะคร่ำครวญหรือเป็นทุกข์ กลับสามารถทำใจให้เป็นปกติได้
ยิ่งกว่านั้นก็คือ กลับมีคุณภาพจิตที่ดีขึ้น เพราะได้อาศัยความเจ็บป่วยนั้นมาช่วยให้เกิดปัญญา
จนแลเห็นความไม่เที่ยงของ ชีวิต ปล่อยวางจากทรัพย์สมบัติที่เคยยึดถือ
และหันมาให้ความสนใจกับการพัฒนาจิตใจ
ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังจากล้มเจ็บ ทำให้หลายคนบอกว่า "โชคดีที่เป็นมะเร็ง"

แน่นอนว่านอกจากความเจ็บป่วยแล้ว ยังมีสิ่งไม่พึงประสงค์อีกมากมายที่อาจเกิดจากการกระทำในอดีต เช่น
ความพลัดพรากสูญเสีย หรือการถูกประทุษร้าย แม้เราจะหลีกหนีมันไม่พ้น
แต่เราก็สามารถที่จะเอามันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ พูดอีกอย่างคือ แทนที่เราจะถูกกรรมเก่ามากระทำย่ำยี
เราสามารถใช้กรรมเก่านั้นให้เกิดประโยชน์ได้

พระนางสามาวดีซึ่งเป็นมเหสีของพระเจ้าอุเทนเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในเรื่องนี้
พระนางและบริวารเป็นผู้ใฝ่ในธรรมอย่างยิ่ง
แต่กลับถูกไฟคลอกตายด้วยอุบายของมเหสีอีกองค์หนึ่งของพระเจ้าอุเทน ในคัมภีร์อรรถกถาอธิบายว่า
พระนางสามาวดีและบริวารนั้นในอดีตชาติเคยทำกรรมหนักด้วยการจุดไฟคลอกและเผา
ทำลายสรีระของพระปัจเจกพุทธเจ้า
ผลจากกรรมดังกล่าวทำให้พระนางและบริวารต้องมีอันเป็นไปในลักษณะเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เรื่องไม่ได้มีแค่นี้ เพราะในขณะที่ไฟกำลังลุกท่วมปราสาทนั้น พระนางสามาวดีมีสติมั่นคง
หาได้ตื่นตกใจไม่ กลับแนะให้บริวารกำหนดจิตบำเพ็ญภาวนา
โดยถือเอาทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นมาเป็นอารมณ์กรรมฐาน บริวารทั้งหมดได้ทำตามคำแนะนำจนหมดลม
ผลก็คือทั้งหมดได้บรรลุธรรม บ้างเป็นโสดาบัน บ้างเป็นสกทาคามี บ้างเป็นอนาคามี

พระพุทธองค์ได้กล่าวถึงทั้งหมดในเวลาต่อมาว่า
"อุบาสิกาเหล่านั้น ทำกาละ (ตาย) อย่างไม่ไร้ผล"

จากเนื้อเรื่องดังกล่าวจะเห็นได้ว่า พระนางสามาวดีและบริวารแม้จะหนีกรรมเก่าไม่พ้น
แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้กรรมเก่ามากระทำฝ่ายเดียว
หากยังใช้ประโยชน์จากกรรมเก่าด้วยการนำเหตุร้ายที่เกิดขึ้นมาเป็นอุปกรณ์ใน การยกระดับจิต
จนเข้าสู่อริยภูมิขั้นสูง ถ้าหากว่ากรณีดังกล่าวคือการใช้กรรม ก็เป็นการใช้กรรมที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ
นั่นคือใช้กรรมเก่าให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาจิต มิใช่ยอมจำนนต่อกรรมเก่าอย่างคนจนตรอก

นี้คือท่าทีต่อกรรมเก่าที่ชาวพุทธควรใส่ใจให้มาก

โดย พระไพศาล วิสาโล



Create Date : 27 กรกฎาคม 2552
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 21:03:08 น. 0 comments
Counter : 798 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.