Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 
10 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
ตัดกิเลสดีกว่าตัดคอตัวเอง

ตัดกิเลส

ในอดีตกาล มีกุลบุตรผู้หนึ่งอาศัยอยู่ใน กรุงสาวัตถี หลังจากได้ฟัง พระธรรมเทศนา ของพระศาสดาแล้ว
ก็ได้บวชเป็นพระภิกษุด้วย ความเลื่อมใสศรัทธา ต่อมาพระภิกษุรูปนี้กลับเกิดความคิดขึ้นมาว่า “ชื่อว่าการอยู่เป็น
ฆราวาส ไม่เหมาะกับกุลบุตรเช่นเรา เราควรจะบวชอยู่อย่างนี้ และตายในผ้าเหลืองน่าจะดีกว่า”
เมื่อคิดได้ เช่นนี้แล้ว จึงนั่งคิดนอนคิดหา วิธีการ ที่จะฆ่าตัวตาย

ต่อมาในวันหนึ่ง มีภิกษุหลายรูปได้ตื่นมาสรงน้ำ แต่เช้าตรู่ แล้วก็ฉันภัตตาหาร หลังจากเสร็จแล้วจึงไปสู่ วิหาร
เมื่อไปถึงได้เห็นงูตัวหนึ่งอยู่ใน โรงไฟ จึงพากันจับงูนั้นใส่ไว้ในหม้อ แล้วถือออกไปจากวิหาร
ฝ่ายภิกษุ ที่อยากจะสึกนั้น หลังจากฉันภัตตาหารเสร็จแล้วได้เดินมาเจอภิกษุที่ถือ หม้อเดินมาอยู่นั้น จึงถามว่า
นี่อะไร พวกภิกษุจึงบอกว่า งู ภิกษุผู้นั้นจึงถามต่อไปอีกว่า “ท่านจะเอางูไปทำอะไร?”
พวกภิกษุตอบว่า “จะเอามันไปทิ้ง”
ภิกษุที่อยากจะสึกนั้น จึงคิดว่า เราน่าจะให้งูนี้กัดเราให้ ตาย เมื่อคิดดังนั้น จึงเอ่ยปากของูจากเพื่อนภิกษุ
โดยบอก ว่าจะเอาไปทิ้งให้เอง ฝ่ายเพื่อนภิกษุจึงได้ให้หม้อใส่งูไป

หลังจากได้งูมาแล้ว ภิกษุนั้นก็เดินไปนั่งในที่แห่งหนึ่ง แล้วให้งูกัดตนเอง แต่ทำอย่างไรๆ งูก็ไม่ยอมกัด
ภิกษุนั้นจึงเอามือล้วงลงในหม้อ แล้วเปิดปากงูให้กว้าง พร้อมกับสอดนิ้วมือเข้าไป
หวังว่าคราวนี้ งูคงจะกัดแน่ๆ แต่งูก็ไม่ยอมกัด เหมือนเดิม ก็เลยคิดว่า งูนี้คงไม่ใช่งูที่มีพิษ เป็นงู ที่ไม่ดุร้าย
จึงทิ้งงูนั้นไป แล้วกลับไปยังวิหาร

ลำดับนั้น พวกภิกษุทั้งหลายได้สอบถามว่าทิ้งงูไปแล้ว หรือยัง
ภิกษุนั้นตอบว่า“งูนั้นเป็น งูไม่มีพิษ ไม่ใช่งูที่ดุร้ายอะไร”
ฝ่ายพวกภิกษุจึงแย้งขึ้นว่า “เป็นงูมีพิษ เพราะมันแผ่แม่เบี้ย ขู่ฟู่ๆ และกว่าจะจับมันได้นั้น ยากแสนยาก
เหตุใด ท่านจึงบอกว่า งูนั้นเป็นงูไม่มีพิษเล่า”
ภิกษุนั้นตอบไปว่า “ก็ผมให้มันกัด มันก็ไม่ยอมกัด เอานิ้วมือสอดเข้าไปในปากมัน มันยังไม่ยอมกัดเลย
ผมจึงคิดว่า มันเป็นงูไม่มีพิษ” เมื่อได้ฟัง เช่นนั้น บรรดาพวกภิกษุต่างก็นั่งอึ้งไป ตามๆ กัน

ในวันรุ่งขึ้น มีช่างตัดผมคนหนึ่ง ถือมีดโกนสองสามเล่มเดินไป ทางวิหาร แล้ววางมีดโกนเล่มหนึ่งไว้ที่พื้น
ส่วนอีกเล่ม ใช้ปลงผมให้แก่พระภิกษุ หลายรูป
ภิกษุที่อยากสึกนั้น ได้หยิบมีดโกนซึ่งวางไว้ที่พื้น แล้วคิดว่า เราจะตัดคอตัวเองให้ตายด้วย มีดโกนนี้
คิดดังนั้นแล้ว จึงยืนเอาคอตัวเองพาดไว้ที่ต้นไม้แห่งหนึ่ง จ่อคมมีดโกนเข้าที่ก้านคอ
แต่ขณะนั้นเอง ก็นึกใคร่ครวญถึงศีล ของตนเอง ตั้งแต่วันบวช เป็นต้นมา ได้เห็นว่าตั้งแต่บวช มานั้น
ตนเองไม่เคยทำให้ศีล ด่างพร้อยเลย จึงเกิดความปีติ แผ่ซ่านทั่วทั้งร่างกาย จึงข่มปีติแล้วเจริญวิปัสสนา
จนในที่สุด ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ พร้อมด้วย ปฏิสัมภิทา ทั้งหลาย

หลังจากนั้น ท่านจึงถือมีดโกนเข้าไปท่ามกลางวิหาร พวกภิกษุเห็น จึงถามว่าจะไปไหน?
ท่านจึงตอบว่า “ก่อนหน้านี้ ผมคิดจะเอามีดโกนนี้ ตัดคอตัวเองตาย”
พวกภิกษุจึงย้อนถามว่า “อ้าว แล้วทำไม ท่านจึงไม่ตายล่ะ”
ภิกษุผู้นั้นจึงตอบว่า “ตอนนี้ผมเป็นผู้ไม่ควร ฆ่าตัวตาย เพราะผมคิดว่า จะตัดคอตัวเอง ด้วยมีดโกนนี้
แต่ผมได้ตัดกิเลสเสียสิ้น ด้วยมีดโกนคือ ญาณ”
พวกภิกษุทั้งหลายไม่เชื่อ จึงไปกราบทูลให้ พระพุทธเจ้าทรงทราบว่า
ภิกษุรูปนี้ พยากรณ์พระอรหัต ด้วยคำที่ ไม่เป็นจริง
แต่พระพุทธเจ้า ตรัสว่า “ท่านทั้งหลาย ธรรมดา พระขีณาสพ ย่อมไม่ฆ่าตัวตาย”
พวกภิกษุเมื่อได้ฟังดังนั้น จึงกราบทูลว่า “พระองค์ตรัสว่า ภิกษุนี้เป็น พระขีณาสพ
หากภิกษุนี้ มีอุปนิสัยแห่งพระอรหันต์สมบูรณ์ อย่างนี้ ทำไม จึงกระสันอยากสึกเล่า
อะไรเป็นเหตุแห่ง อุปนิสัยของความเป็น พระอรหันต์ ของภิกษุนี้ และทำไมงูนั้น จึงไม่กัดท่าน”

พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย งูนั้นได้เคยเป็น ทาสของภิกษุนี้ ในอัตภาพที่สามก่อนอัตภาพนี้
มันไม่อาจ จะกัดร่างกายผู้เป็นนายของตนเองได้”

พระองค์ได้ตรัสบอกเหตุเพียง อย่างเดียวก่อน และตั้งแต่นั้นมาภิกษุรูปนั้นจึงได้ชื่อว่า “สัปปทาสะ”
ส่วนอดีตกรรมของท่านนั้น มีดังต่อไปนี้

ในกาลแห่งพระกัสสปพุทธเจ้า บุตรแห่งคฤหบดีผู้หนึ่ง ฟังพระธรรมเทศนา จากพระพุทธเจ้าแล้ว
เกิดความสลดใจ จึงออกบวช ต่อมา มีความเบื่อหน่ายเกิดขึ้น จึงบอกแก่เพื่อน ภิกษุรูปหนึ่ง
เพื่อนภิกษุได้บอกเล่าถึง ความยากลำบาก ของการอยู่เป็นฆราวาส เมื่อท่านได้ฟังภิกษุผู้เป็นสหธรรมิกพูด
เช่นนั้นก็ยินดียิ่งใน พระศาสนา จึงนั่งขัดเช็ดถู เครื่องบริขาร ของตนที่มีฝุ่นจับให้สะอาด
แล้วจึงกล่าว กับภิกษุผู้เป็นสหายว่า หากตนสึกเมื่อใด ก็จะถวายเครื่องบริขารทั้งหมดนี้ แก่ท่าน
ภิกษุผู้เป็นสหายได้ยินเช่นนั้น จึงเกิดความโลภขึ้น คิดว่าภิกษุรูปนี้จะสึก หรือไม่สึกก็ตาม
เราก็จะต้องเอาบริขารเหล่านี้ให้ได้ ตั้งแต่นั้นมา จึงพยายามพูดกรอกหูผู้เป็นสหายอยู่เนืองๆว่า ชีวิตการเป็นภิกษุ
จะมีประโยชน์อะไร ก็เพียงแค่ขอข้าวเขากินไปวันๆ สึกไปมีลูกมีเมียจะไม่ดีกว่าหรือ
แล้วก็พูดถึง คุณประโยชน์ ในการเป็นฆารวาส

ฝ่ายภิกษุนั้น หลังจากได้ฟังแล้ว ก็กระสันอยากสึกอีก แต่ก็มาฉุกคิดขึ้นได้ว่า ครั้งแรก ที่ตนบอกว่า อยากจะสึก
พระผู้เป็นสหายรูปนี้ก็บอกว่า การเป็นฆราวาส ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่า
การเป็นฆารวาสดีกว่าการ เป็นภิกษุ ทำไมท่านจึงพูดกลับไปกลับมาอย่างนั้นหนอ และเมื่อใคร่ครวญอยู่สักพัก
จึงรู้ว่า เพื่อนสหธรรมิกเกิด ความโลภในบริขาร ที่ท่านบอกว่าจะยกให้ เมื่อสึก

ดังนั้น เพราะความที่ภิกษุรูปหนึ่งถูกตนทำให้ กระสันอยากสึกแล้ว ในกาลแห่งพระกัสสปพุทธเจ้า
บัดนี้ ความเบื่อหน่ายจึงเกิดขึ้นแก่ ภิกษุรูปนั้น ด้วยประการฉะนี้ ส่วนสมณธรรมใดที่ภิกษุรูปนั้น บำเพ็ญมา
สองหมื่นปีครั้งนั้น สมณธรรมนั้นเกิดเป็นอุปนิสัยแห่งพระอรหันต์ของภิกษุนั้น ในกาลบัดนี้แล

พวกภิกษุ หลังจากได้ฟังความที่พระพุทธองค์ตรัสเล่าแล้ว จึงทูลถามเพิ่มอีกว่า
การที่ภิกษุนี้ ยืนจ่อคมมีดโกนที่ก้านคอ ตัวเองนั้น พระอรหัตตมรรคเกิดขึ้นได้โดยขณะ เพียงเท่านั้นหรือ?
พระพุทธองค์ จึงตรัสว่า “อย่างนั้นภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุผู้ปรารภความเพียร ยกเท้าขึ้น วางบนพื้น
เมื่อเท้ายังไม่ทันถึงพื้นเลย พระอรหัตตมรรคก็ได้เกิดขึ้น ความเป็นจริง ความเป็นอยู่
แม้เพียงชั่วขณะของท่านผู้มีความขยันหมั่นเพียรนั้น ประเสริฐกว่ามีชีวิตอยู่เป็นร้อยๆ ปี ของ บุคคลที่เกียจคร้าน”

ความเพียร นั้นสามารถทำให้เราทำอะไรจน ประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรมก็ตาม
ใน การเป็นอยู่ทางโลก ความเพียรเป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดันให้ประสบความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
และทำให้เรามีกินมีใช้อย่างไม่อดอยาก ดังสุภาษิตที่ว่า “ความจนไม่มีในหมู่คนขยัน”
ส่วนความเพียร หากนำมาใช้กับทางธรรมนั้น ก็จะทำให้ผู้ปฏิบัติสามารถที่บรรลุถึงเป้าหมายสูงสุด
หรือความเป็นอรหันต์ หมดกิเลสสิ้นเชิงได้ในที่สุด การจะชนะกิเลสได้อย่างสิ้นเชิงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
คนที่ไม่มี ความขยันหมั่นเพียร ย่อมตกเป็นทาสของกิเลสอยู่ร่ำไป ไม่มีทางที่จะ บรรลุธรรมขั้นสูงได้

การมีความเพียร เป็นนิสัยประจำตัวจึงเป็นเหมือนสิ่งวิเศษที่สามารถเสกสรรสิ่งต่างๆ ให้เราได้สมความปรารถนา

จาก หนังสือธรรมลีลา


Create Date : 10 มิถุนายน 2552
Last Update : 10 มิถุนายน 2552 21:22:38 น. 1 comments
Counter : 1057 Pageviews.

 
sa tu


โดย: alex IP: 84.71.112.161 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:5:11:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.