The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 
ปรัชญาชีวิต (The Prophet) - คาลิล ยิบราน

มันออกจะเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อน

หรือควรจะบอกให้ถูกคือเราจำไม่ได้

เราจำไม่ได้ว่าเราเริ่มรู้จักคาลิล ยิบราน ตอนไหน มันน่าจะเป็นจากปกหลังของชุดเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ (ของใครหว่า ออบิท?) ชื่อ "เด็กอนาคต" ซึ่งเป็นชุดเรื่องสั้นไซไฟชุดรักเล่มหนึ่ง หลังปกของหนังสือเล่มนั้นมีบทชื่อ "บุตร" จากหนังสือ "ปรัชญาชีวิต" ของคาลิล ยิบราน อยู่ ซึ่งขึ้นต้นว่าอย่างนี้

บุตรของเธอ ไม่ใช่บุตรของเธอ
เขาเหล่านั้นเป็นบุตรและธิดาแห่งชีวิต
เขามาทางเธอ แต่ไม่ได้มาจากเธอ
และแม้ว่าเขาอยู่กับเธอ แต่ก็ไม่ใช่สมบัติของเธอ
เธออาจให้ความรักแก่เขา แต่ไม่อาจให้ความนึกคิดได้
เพราะว่าเขาก็มีความคิดของตนเอง
เธออาจจะให้ที่อยู่อาศัยแก่ร่างกายของเขาได้
แต่มิใช่แก่วิญญาณของเขา
เพราะว่าวิญญาณของเขานั้นอยู่ในบ้านของพรุ่งนี้
ซึ่งเธอไม่อาจไปเยี่ยมเยียนได้แม้ในความฝัน


จดจำได้แน่แท้มั่นคงว่าทันทีที่ได้สัมผัส โลหิตก็ออกเจ็ดทวารตายสนิทไปทันที (ฉูดดดด...อ้าก)

แต่ที่จริงตอนนั้น เราก็นึกไม่ออกว่าหลังปกมันมีเขียนบอกหรือเปล่าว่าไอ้ที่คัดมานี่มาจากไหน แล้วใครเป็นคนเขียน

###

เราคิดว่าไอ้ข้างบนนั่นน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อน

และเหตุการณ์ต่อไปนี้น่าจะเกิดขึ้นทีหลัง (ซึ่งแปลว่าเรารู้จักคาลิล ยิบราน มาสิบปีแล้วสินะ)

สิบปีก่อน (สิบปีพอดี ตอน ม.3) ที่โรงเรียนเก่าให้สนพ.ผีเสื้อเข้ามาขายหนังสือในโรงเรียน

ตอนนั้นอยู่ในอารมณ์อะไรสักอย่างของวัยรุ่นที่อธิบายไม่ได้ แต่ทำให้เกิดจิตปฏิพัทธ์เรื่อง "ปรัชญาชีวิต" ฉบับปกแข็งขึ้นมาดื้อ ๆ แน่นอนว่าเป็นความรักแบบไม่มีเหตุผล และในความทรงจำอันเลือนลาง เราไม่รู้ว่าในเล่มนั้นจะมี "บุตร" (ที่เคยทำให้เลือดออกเจ็ดทวาร) อยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม เป็นที่อัศจรรย์ว่าสมัยก่อนหนังสือปกแข็งอย่างดี ไซส์ขนาดนั้น มีราคาถูกพอที่เด็ก ม.3 จะใช้เงินค่าขนมซื้อมาครอบครองด้วยตัวเองได้

หนังสือเล่มนั้นเป็นแสนรักอยู่นานพอสมควร แม้จะอ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง (และรู้เรื่องเท่าที่สติปัญญาขณะนั้นจะรู้บ้าง) จนกระทั่งวันหนึ่งก็ถูกเพื่อนยืมไป และหายสาบสูญไปอย่างปริศนา

หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ซื้อเล่มใหม่มาแทน บางทีคงเพราะฝังใจว่า "ปรัชญาชีวิต" จะต้องเป็นปกแข็ง (พอถึงตอนนั้นก็ไม่มีปกแข็งขายแล้ว เหลือแต่เวอร์ชั่นปกอ่อน) บางทีอาจจะเพราะเสียตังค์ซื้อเล่มอื่น ๆ ของคาลิล ยิบรานไปแล้ว (หมดตัว และอ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างอย่างเดิม)

จะว่าไป รู้สึกว่าที่บ้านจะมีภาษาอังกฤษด้วย แต่อ่านภาษาต้นฉบับก็ไม่อินเท่าของ อ.ระวี ภาวิไล แปล จะว่าไป ได้เคยพบ อ.ระวี ตัวจริงตอนที่ท่านมาพูดให้ฟังทั้งที่โรงเรียนเก่าและที่มหาวิทยาลัย ยังจำได้ว่าท่านพูดถึงการแปลปรัชญาชีวิตว่าใช้มือลอกภาษาอังกฤษลงสมุด แล้วเว้นหน้าด้านข้างให้ขาวไว้เพื่อเขียนภาษาไทยเป็นคำแปล ค่อย ๆ แปลไปเรื่อย ๆ จนครบทุกบท

...โรแมนติกจัง

###

วันนี้มีน้องมาถามถึงหนังสือของรพินทรนาถ ฐากูร บอกว่าหายากมาก ๆ เลยเพิ่งรู้ตัวว่าหายากจริง ๆ ช่วงก่อนสมัยที่เราอ่านเอง รู้สึกเหมือนเป็นช่วงที่มีสนพ.เอาเรื่องของรพินทรนาถมาพิมพ์ซ้ำเยอะมาก เรียกว่าเข้าร้านก็หาซื้อคีตาญชลีได้เลย

พยายามช่วยหาให้ แต่ไม่เจอเลย เว้นแต่กลอนเปล่าสามเล่มที่สวนเงินมีมาเพิ่งเอามาพิมพ์ใหม่ (จันทร์เสี้ยว, โศลกแห่งความรัก, นกเถื่อน)

เลยบอกให้อ่านของคาลิล ยิบรานไปพลาง ๆ ก่อน น่าจะหาง่ายกว่า

รู้สึกครบไซเคิลดี เพราะน้องคนนั้นกำลังจะขึ้น ม.ปลาย (ใช่ไหมนะ) อยู่ในวัยเดียวกับเราตอนที่เริ่มอ่านคาลิล ยิบรานเหมือนกัน

ลองค้นเว็บไซต์ให้น้องลองชิมดู เลยเจอเว็บที่อัพปรัชญาชีวิตไว้ทั้งเล่ม (ฉบับแปลของ อ.ระวี) อยู่ที่นี่

//olddreamz.com/bookshelf/prophet/prophet.html

ช่วงนี้รู้สึกว่าวัยเปลี่ยนไปนะ จากที่ชอบ "บุตร" ก็ชักชอบ "การงาน" ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

แล้วชาวนาคนหนึ่งกล่าวว่า
ได้โปรดพูดถึงเรื่อง การงาน
และท่านตอบว่า

เธอทำงานก็เพื่อจะก้าวไปพร้อมกับพื้นพิภพ
และวิญญาณแห่งพื้นพิภพ
เพราะการที่จะเกียจคร้านอยู่นั้น
ก็คือการทำตนเป็นผู้แปลกหน้าต่อฤดูกาลทั้งหลาย
แลคือการก้าวออกไปจากขบวนแถวของชีวิต
ซึ่งกำลังดำเนินอย่างสง่าผ่าเผยและภาคภูมิไปสู่อนันตภาวะ

เมื่อเธอทำงานนั้น
เธอคือขลุ่ยซึ่งเสียงกระซิบแห่งโมงยาม
ผ่านดวงใจของเธอแปรเป็นดนตรี
เธอคนใดบ้างอยากเป็นไม้อ้อ ใบ้และเงียบ
ในขณะเมื่อสรรพสิ่งร่วมร้องเริงกันเป็นเสียงเดียว

เธอมักจะได้รับบอกเล่าบ่อยๆ ว่า
การทำงานคือคำสาปแช่ง
และการงานคือโชคร้าย
แต่เราขอบอกแก่เธอว่า
เมื่อเธอทำงานนั้น
เธอได้ยังความฝันอันไกลยิ่งของโลก
ให้สมบูรณ์ในส่วนที่ได้จัดไว้เฉพาะเธอ
ในเมื่อความฝันนั้นอุบัติขึ้น
และในการประกอบการงานนั้น
ก็คือการที่เธอรักชีวิตอย่างแท้จริง
และการรักชีวิตโดยทางการงานนั้น
ก็คือการเข้าถึงความลับอันล้ำลึกที่สุดของชีวิต

แต่ถ้าในความเจ็บปวดทรมาน
เธอกล่าวว่า การเกิดคือความทุกข์
และการดำรงเลี้ยงกายคือคำสาปอันจารึกบนคิ้ว
เราก็ขอตอบว่า ไม่มีสิ่งอื่นใด
นอกจากหยาดเหงื่อบนคิ้วนี้เท่านั้น
ที่จะลบรอยจารึกให้สิ้นไปได้

เธอได้รับคำบอกมาด้วยว่า
ชีวิตคือความมืด
และในความเหนื่อยอ่อนของเธอนั้น
เธอได้กล่าวสะท้อนคำกล่าวของผู้เหนื่อยอ่อนทั้งหลาย

และเราก็ขอบอกว่า
ชีวิตคือความมืดแน่แท้
เว้นเสียแต่เมื่อมีความมุ่งมาด
และความมุ่งมาดนั้นก็จะยังมืดบอด
ถ้าหากไร้ปัญญา
และปัญญาทั้งหลายก็คงจะเปล่าประโยชน์
ถ้าหากไม่มีการงาน
และการงานก็จะว่างเปล่า
เมื่อไม่มีความรัก
และเมื่อเธอทำงานด้วยความรักนั้น
เธอได้โอบตนเองเข้ากับตนเองเข้ากับผู้อื่น
และเข้าสู่พระผู้เป็นเจ้าแล้ว
ก็การที่จะทำงานด้วยความรักนี้คืออย่างไรเล่า

คือการทอผ้าด้วยเส้นด้ายที่ดึงจากดวงใจของเธอ
ราวกับว่าผืนผ้านั้นจะเป็นเครื่องนุ่งห่มของคนรักของเธอ
คือการสร้างบ้านขึ้นด้วยดวงใจเอิบอิ่มในความรัก
ประหนึ่งว่าเธอสร้างบ้านนั้นเพื่อคนรักของเธออยู่
เมื่อหว่านเมล็ดพันธุ์ก็ด้วยความละมุนละไม
และเก็บเกี่ยวผลอันผุดขึ้นด้วยความปราโมทย์
ดุจดังว่าที่รักของเธอจะเป็นผู้บริโภคผลนั้นๆ
คือการอาบรด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอจับทำ
ด้วยลมหายใจจากวิญญาณของเธอ
และด้วยรู้อยู่ว่าท่านผู้ทรงคุณธรรมทั้งหลายผู้จากไปแล้ว
ยังยืนเคียงข้างและเฝ้าดูการงานของเธออยู่

บ่อยครั้งที่เราได้ยินเธอพูดดังเพ้อฝันว่า
นายช่างผู้แกะสลักหินอ่อน
และประจักษ์รูปร่างวิญญาณของตนเองในหินผานั้น
สูงศักดิ์กว่าชาวนาผู้คราดไถแผ่นดิน
และผู้ที่คว้าจับเอาสีสันแห่งสายรุ้ง
วางวางระบายบนผืนผ้าใบเป็นรูปร่างแบบมนุษย์นั้น
วิเศษกว่าช่างรองเท้า

แต่เราขอกล่าวว่า
มิใช่ในความหลับหลง
แต่ในความตื่นเต็มที่แห่งกลางเที่ยงนี้ว่า
สายลมนั้นมิได้กระซิบแก่ต้นกร่างใหญ่
ไพเราะไปกว่าแก่ใบหญ้าเล็กที่สุดเลย
และผู้ใดก็ตามที่แปรเสียงแห่งกระแสลม
เป็นทำนองเพลงอันหวานล้ำด้วยความรักของตนเอง
ผู้นั้นนับว่ายิ่งใหญ่โดยแท้

การงานคือความรักปรากฏตนเป็นรูปร่าง
และถ้าเธอไม่อาจประกอบการงานได้โดยมีความรัก
แต่ด้วยความจำใจเบื่อหน่าย
เธอก็ควรวางมือ และไปนั่งตามประตูโบสถ์
ขอทานท่านผู้ทำงานด้วยความชื่นชมจะดีกว่า

เพราะถ้าเธอปิ้งขนมอย่างไม่แยแส
เธอก็จะได้ขนมอันมีรสขม
และบรรเทาความหิวโหยของมนุษย์ได้เพียงครึ่งเดียว
และถ้าเธอบ่นขณะบีบองุ่น
การบ่นของเธอคือยาพิษซึ่งซาบซึมลงในน้ำองุ่นนั้น
และถึงแม้เธอจะร้องเพลงได้ด้วยเสียงดุจเทพธิดา
แต่ถ้าเธอมิได้รักการร้องเพลงนั้นแล้ว
เธอจะทำให้หูของมนุษย์หนวกต่อสำเนียงของวันและคืน



Create Date : 13 พฤษภาคม 2550
Last Update : 17 กรกฎาคม 2551 0:59:17 น. 15 comments
Counter : 3235 Pageviews.

 
อือม์ รู้จักคาลิล ยิบรานครั้งแรกจาก "บุตร" เหมือนกัน
แต่ไม่รู้หรอกว่าใครเขียน แค่ชอบ (อยู่ในวัยต่อต้านพ่อแม่นิดๆ ;P)
เพิ่งมารู้ก็ตอนที่ช่อง Discovery เอามาทำเป็ฯการ์ตูนคั่นเวลา
ที่เป็นชุดของ Unicef น่ะ ร้องเป็นเพลงเลยด้วย
แต่จากนั้นก็ไม่ได้ทำความรู้จักต่อเลย น่าแปลกเหมือนกันเนาะ
ทั้งที่ตอนเด็กๆเคยซื้อของแปลกๆที่อ่านไม่รู้เรื่องตั้งเยอะ
(เคยซื้อสิทธารถะตอนอยู่ประถมด้วยอ้ะ อ่านไม่รู้เรื่องเลย T_T)

ปล. The Islandฯ น่ะ แค่อ่านมาเล่าให้ฟังบ้างก็พอแล้ว
เพราะว่าถ้ารอข้าพเจ้าอ่านเองคงนานมากถึงมากที่สุด
อ้อ แล้วก็อ่านอีกเล่มที่จะแนบไปให้ด้วยน้า
แบบว่าเราเป็นผู้เผยแพร่ลัทธิของนิกายนี้น่ะ อิอิ


โดย: ทินา IP: 58.64.127.47 วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:54:16 น.  

 
บุตรของเธอ ไม่ใช่บุตรของเธอ
เขาเหล่านั้นเป็นบุตรและธิดาแห่งชีวิต
เขามาทางเธอ แต่ไม่ได้มาจากเธอ
และแม้ว่าเขาอยู่กับเธอ แต่ก็ไม่ใช่สมบัติของเธอ
เธออาจให้ความรักแก่เขา แต่ไม่อาจให้ความนึกคิดได้
เพราะว่าเขาก็มีความคิดของตนเอง
เธออาจจะให้ที่อยู่อาศัยแก่ร่างกายของเขาได้
แต่มิใช่แก่วิญญาณของเขา
เพราะว่าวิญญาณของเขานั้นอยู่ในบ้านของพรุ่งนี้
ซึ่งเธอไม่อาจไปเยี่ยมเยียนได้แม้ในความฝัน

.. ชอบบทนี้เหมือนกันเลย

.. แต่ มม จำได้จาก นิยาย นะ .. คุ้นๆ ว่า น่าจะเป็นเรื่อง บ้านของพรุ่งนี้ ของ ว.วินิจฉัยกุล


.. เพิ่งรู้ชื่อมันก็วันนี้แหละ


โดย: แม่มดพันปี วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:55:38 น.  

 
มันเคยทำเป็นละครเพลงด้วยนะที่จำรัส เศวตาภรณ์ทำดนตรี มีคุณตั้วศรัญยูยังหนุ่มเป็นเดอะโพรเฝ็ต ร่ายกันเป็นทำนองเพลง เพราะดี แล้วหลังจากนั้นเขาก็ผลิตเป็นเทปปกสีน้ำตาล ฟังบ่อยมาก จนเดี๋ยวนี้อ่านปรัชญาชีวิตเป็นทำนองเพลงไปหมดโดยไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้แล้ว ติดหัวแล้วเลิกไม่ได้แล้ว แล้วก็ที่อยากทำคืออยากทำเทปที่มีอยู่หนึ่งนี้ (ซึ่งเก่าแก่แล้ว) ให้กลายเป็นสื่อดิจิตัล จะได้เก็บไว้นานๆ ให้คนรุ่นอนาคตฟัง แต่ไม่รู้ทำยังไง ไม่มีเครื่องมือด้วย ถ้าใครมีที่ทำไว้แล้วก็เผื่อแผ่ด้วย เพราะถ้าเทปมันพังมันยืดไปเสียดายแย่

เข้ามาเจอพอดีเขียนหน่อยเลยเรื่องโปรด


โดย: คุณเมียม IP: 203.209.123.11 วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:07:03 น.  

 
จขบ.อ่านแนวนี้ตั้งแต่เด็กเลยหรือนี่

ทึ่งเลย


โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:22:10 น.  

 
อ่านครั้งแรกตอนมอปลายเหมือนกัน

จำไม่ได้ว่าสนใจเพราะอะไรค่ะ (เลาๆ ว่าเหมือนอ่านเจอในนิตยสารซักเล่มหนึ่งเลยไปหามาอ่านดู)



เป็นหนังสืออีกเล่มที่อ่านในวัยที่ต่างกันก็เข้าใจต่างกัน ได้อะไรต่างกัน และชอบต่างกันค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:54:09 น.  

 
บทบุตรนี่แหละ ซึ้งที่สุดใน The prophet แล้ว บทการแต่งงานก็ชอบนะ


โดย: froggie IP: 125.24.162.251 วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:24:03 น.  

 
ชอบงานของ ยิบรานเหมือนกันค่ะ

สะสมไว้หลายเล่มเหมือนกันค่ะ


โดย: จูนิ (จูนิตา ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:36:20 น.  

 
ชอบบท "บุตร" เหมือนกันฮะ ส่วนการงาน โดยส่วนตัวรู้สึกว่ามัน "งั้นๆ" อาจเป็นเพราะมันดูธรรมดาไปนิด ไม่ค่อย Thought Provoking เท่าไร อีกอย่าง เราทำงานแทบทุกวันอยู่แล้วเลยคุ้นเคยกับสิ่งที่คุณคาลิลต้องการจะสื่อดี

แต่แน่ล่ะ ไม่ปฏิเสธเรื่องภาษาสวย สวยทั้งอังกฤษทั้งไทยเลย อ.ระวีสุดยอด...

อึ้งที่ว่าพี่เคียวอ่านปรัชญาชีวิตตั้งแต่ ม.3 คือเรารู้ว่าพี่เคียวชอบอ่านมาแต่ไหนแต่ไร แต่ไม่นึกว่าจะอ่านอะไรเทพๆ ตั้งแต่ยังไม่จบ ม.ต้น ตอน ม.3 ผมอ่านอย่างมากก็ลอร์ดฯ ภาค Eng เองง่า

ขออนุญาตแพร่เชื้อแท็กให้นะคับ อันนี้เป็นแท็ก 50 ข้อ คิดว่าพี่เคียวไม่น่าจะโดนมาก่อน ถือเสียว่าเป็นอะไรเอาไว้อัพบล็อกเวลาหมดมุขก็ได้งับ

//povolam.exteen.com/20070517/entry


โดย: วังน้ำวล คนคึกคัก IP: 202.90.127.35 วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:3:53:36 น.  

 
ปันจัง
อย่าลืมแวะไปดูรายละเอียดในเว็บพวกนี้ด้วยจ๊ะ

//www.gccu.chula.ac.th/gccu49/
//www.reg.chula.ac.th/rctranscript.html

(เพิ่งรู้ว่าใบทรานสคริปต์ไม่ต้องมีรูปถ่ายแล้ว (?))


โดย: พิวจัง IP: 161.200.255.162 วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:38:16 น.  

 
ไม่เจอกันนานนะคะ...แหะๆ

รู้จักท่านคาลิลครั้งแรกจากพี่ปัน
ปัจจุบันยังอ่านไม่ค่อยจะเข้าใจ
ซื้อตั้งแต่งานหนังสือ
ตอนนี้อ่านได้ยังไม่ถึงครึ่งเล่ม

(อ่านแล้วต้องกุมขมับเค้นสมองในการคิดว่ามันแปลว่าอะไรอยู่นาน)

เฮ้อ...นี้ละหน่า ชีวิต!!


โดย: Orange~ IP: 125.24.52.110 วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:44:25 น.  

 
เอ่อ โทษทีนะ จิ้มบล๊อกเรา บรรทัดสุดท้าย = =''


โดย: ทะเลกับความมืด วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:30:28 น.  

 
ตอนนี้อยู่ญี่ปุ่นแล้วใช่มั้ยนี่

เรื่องนี้จำไม่ได้ว่าได้อ่านครั้งแรกตอนไหน มันมากระปิดกระปอยทีละบท
แต่ได้อ่านทั้งเล่มจริงๆเพราะโรงเรียนให้อ่าน+วิเคราะห์ (วิชาไรหว่าจำไม่ได้) แตทำหนังสือหายไปซะแล้ว ปกแข็งซะด้วย

ชอบบทที่บอกว่า ภูเขาสูงนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่ายอดหญ้า
ชาวนาก็ไม่ได้ต่ำต้องกว่าศิลปิน อะไรประมาณนั้น

ปล.เที่ยวให้สนุกน้า


โดย: ouiya IP: 58.8.126.78 วันที่: 24 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:35:40 น.  

 
เจอบล็อคของคุณอัญชลี คนเขียน sweet talk ก็เลยเอามาฝาก
//www.curiouspig.net/


ps. เป็นไงบ้างงงงง คิดถึงๆ >_<


โดย: พิวจัง IP: 125.26.57.234 วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:50:18 น.  

 
เจ้าของบล็อกหาย (หนีไปเที่ยว..หรือคะ?)

เดินทางปลอดภัย รอการกลับมาอัพบล็อกนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:45:46 น.  

 
ทินาจัง @ การ์ตูนคั่นเวลานั้นก็เคยดูนะ ชอบมาก ๆ เลย ฟังแล้วรู้สึกแปลบ ๆ นิดหน่อยเลยละ
เป็นพวกชอบซื้อหนังสือประหลาดตอนเด็ก ๆ เหมือนกัน - -'' เคยซื้อกามาสูตรามาอ่านด้วยความอยากรู้อยากเห็นตอนวัยสะรุ่นด้วย ตะว่ามันช่างวิชาการมากมาย (เธอหวังจะให้มันเป็นยังไงกันแน่เนี่ย) อ่านบ่ฮู้เฮื่องเรย

คุณ มม @ ตอนเห็นเรื่องบ้านของวันพรุ่งนี้ (ฉบับพิมพ์ใหม่) ก็คิดอยู่เลยค่ะว่า อ๊ะ...ได้ไอเดียมาจากยิบรานหรือเปล่าหนอ
หลัง ๆ นี้กลับคิดว่า "บ้านของวันพรุ่งนี้" นี่อาจจะไม่ได้รวมแค่ลูกนะ อาจจะรวมถึง "คนอื่น" ด้วย
บางทีก็ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจคนอื่นน่ะนะ แต่พออ่านบทนี้แล้วก็คิดว่า เออ...ก็คงจะแบบนั้นละมั้ง (แบบไหนหว่า)

คุณเมียม @ ฟังแล้วอยากดูจังเลยค่ะ > <'
แต่คิดว่าคงหาไม่ได้แล้วสินะ - -'' หนึ่งในของดี ๆ อีกอย่างที่หายากไปตามกาลเวลา

คุณ ~:พุดน้ำบุศย์:~ @ เราคิดว่าของยิบรานนี่อ่านได้ทุกวัยน่ะค่ะ อ่านตอนไหนก็ได้ไอเดียที่เหมาะกับตอนนั้น
แต่ถ้าของรพินทรนาถนี่ ตอนเด็ก ๆ ก็อ่านไม่เข้าใจหรอกนุ ^^'

คุณสาวไกด์ @ เนอะคับ ^^

พี่กบ @ บางบทปันว่าไอเดียที่สื่อออกมามัน "สี่เหลี่ยม" ไปหน่อยสำหรับปันนะ แต่ส่วนใหญ่ปันก็ชอบน่ะค่ะ
ที่จริงถ้าอ่านเทียบกับ "ทรายและฟองคลื่น" แล้ว ก็มีหลายอันของทรายและฟองคลื่นที่ชอบมากกว่า ถึงแม้ว่ามันจะเป็นบทสั้น ๆ ไม่กี่บรรทัดก็เถอะ
บางทีสั้น ๆ ก็กินความหมายได้เยอะกว่ายาว ๆ นุ

คุณจูนิตา @ ^^ ดีใจที่เจอคนคอเดียวกันขอรับ

น้องภูมิ @ พี่ว่าแต่ละบทมันเหมาะกับแต่ละเวลาว่ะ ของหลายอย่างที่เคยคิดว่างั้น ๆ แต่พอผ่านไปหลาย ๆ ปี มาดูอีกหน...เฮ้ย ทำไมมันส่องประกายแบบนี้ อธิบายไม่ถูกว่าทำไม
ที่จริงของแบบนี้ก็รวมถึงสิ่งที่พ่อแม่พยายามจ้ำจี้จ้ำไชสอนสมัยเด็ก ๆ ด้วยนะ แบบเมื่อก่อนมันก็ฟัง ๆ มาแล้วรู้สึกว่า...รู้แล้ว...ไม่เห็นต้องพูดบ่อย ๆ เลยพ่อ แต่ว่าเดี๋ยวนี้กลับรู้สึกว่าสิ่งที่พ่อพูดมันมีแง่มุมอื่นมากกว่าที่คิด เหมือนกับว่าเมื่อก่อนมันจูนกันไม่ติดหรือคลื่นไม่ตรงกัน แต่เดี๋ยวนี้จู่ ๆ ก็ตรงกันแล้ว
พี่ว่ายิบรานเป็นกลอนเรียบง่ายที่อ่านเข้าใจได้ทุกเพศทุกวัยนะ (หรือเปล่า) ถ้าสำหรับพี่ พี่ว่ารพินทรนาถจะขึ้นมาอีกขั้น เข้าใจยากกว่า ส่วนลอร์ดนี่โคตรเทพเลย อย่างน้อยแค่ภาษาก็สุด ๆ แล้ว
ไว้จะอัพแท็กนะ ขอเวลาเคลียร์อะไรหน่อยนึง^^

พิวจัง @ ตามไปดู งือ...

น้องส้ม @ นั่นสิ ไม่เจอกันนานแล้ว วันก่อนยังคิดอยู่เหมือนกันว่าไม่เจอส้มตั้งนานแล้วเนอะ ไม่รู้ป่านนี้ทำอะไรอยู่
ง่า...พี่ว่าอ่านไปสบาย ๆ ไม่ต้องคิดมากดีกว่านะ^^'

เลมืด @ เอ่อ...น้องภูมิเอามาให้ก่อนแล้วอะท่าน - -'' เราทำควบเลยละกันนุ

พี่อุ๋ย @ ชอบตรงนั้นเหมือนกันค่ะ รู้สึกเข้ากับแนวคิดช่วงนี้ดี
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ เที่ยวสนุกจริง ๆ ด้วยละ^^


โดย: เคียว IP: 58.8.78.7 วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:13:56:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.