The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องที่อ่านช่วงนี้

ที่จริงมีเรื่องที่อ่านไปหลายเรื่อง แต่เริ่มลืมบ้างแล้ว การ์ตูนก็อ่าน นิยายก็อ่านเหมือนกัน

ช่วงนี้หนังสือที่ชอบมีสองเล่ม เล่มหนึ่งของบลิส เจอที่ร้านเช่า เก่าแล้ว ชื่อ "เพื่อนรัก" เป็นเรื่องญี่ปุ่น คนว่าเป็นเรื่องเด็ก แต่ที่จริงมันก็ไ่ม่เด็กขนาดนั้น ที่จริงเรามีความเห็นว่าวรรณกรรมเยาวชนเป็นสิ่งที่อ่านได้ทุกวัย และคนที่อ่านเรื่องเด็กไม่ได้แปลว่าเด็ก ที่จริงแล้ว บางทีเรื่องเด็กก็สะท้อนให้เห็นอะไรหลายอย่างที่เรื่องผู้ใหญ่สะท้อนไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นผู้ใหญ่ บางทีคงเป็นอะไรคล้าย ๆ ที่ Song of Innocence and Experience ของเบลคพยายามจะบอกละมัง

###

นี่เรื่องย่อจากบลิส (ใครไปดูที่เว็บ หนึ่งโหวตที่ให้ห้าดาวนั่นคือข้าพเจ้าเอง)

//www.blisspublishing.co.th/bookdetail.php?bookid=6550

เพื่อนรัก (Natsu No Niwa/The Friend)

เรื่องราวของเด็กชายสามคนที่เป็นเพื่อนรักกัน ในวันหยุดภาคฤดูร้อน พวกเขาได้ไปเฝ้าชายชราคนหนึ่งซึ่งใคร ๆ ต่างคิดว่าใกล้ตาย เพราะทั้งสามคนต่างสงสัยว่าความตายนั้นคืออะไร แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าพวกเขาได้รู้จักและผูกพันกับชายชรามากขึ้น เรื่อย ๆ จนวาระสุดท้ายของชายชรามาถึงจริง ๆ เด็กสามคนกลับพบว่า มิตรภาพระหว่างวัยนั้นลึกซึ้งกว่าที่คิดมากนัก

นิยายเรื่องนี้แสดงถึงพลังแห่งการมีชีวิตอยู่ และการขบคิดถึงความตายอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน จนได้รับรางวัลเกียรติยศมากมายทั้งระดับประเทศและสากล นอกจากนี้ยังอ่านง่าย สนุก ชวนติดตาม เป็นเหตุให้นิยมแพร่หลายไปในอีกมากว่า 10 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังถูกนำไปสร้างป็นภาพยนตร์และละครเวที

###

อย่างที่บอก เป็นเรื่องของเด็ก และเป็นเรื่องความตาย เด็กสามคนเป็นเด็กแบบที่...ว่าไงดี ไม่ได้โดดเด่นในโรงเรียน ทั้งสามคนไม่ได้เรียนเก่ง ไม่ได้เล่นกีฬาเก่ง ไม่ได้หน้าตาดี บางคนอาจจะบอกว่าเป็นเด็กธรรมด๊าธรรมดา แต่จขบ.ก็พยายามจะเลิกเห็นว่าใครเป็นคนธรรมดามานานแล้ว ที่จริงสามคนนี้ก็ไม่ใช่เด็กธรรมดา เพียงแ่ต่ตามมาตรฐานสามัญ พวกนี้คงคิดว่าตัวเองธรรมดา

หนึ่งในสามไปงานศพของคุณย่า กลับมาเล่าให้เพื่อนอีกสองคนฟัง จากนั้นความตายกรายอยู่เหนือหัวตลอดเวลา ทำให้รู้สึกงุนงงไม่เข้าใจ ตามประสาเด็ก ก็เลยคิดว่าน่าจะไปดูว่าความตายเป็นยังไง เลยพากันไปสังเกตตาแก่คนหนึ่งที่อยู่แถวนั้น ตอนแรกอาจจะไม่ทันรู้สึกหรอก แต่ที่จริงแล้วแกเป็นตาแก่แสบคนหนึ่งเหมือนกัน

ว่าไปอีกที ตาแก่ก็เป็นคนธรรมดา แต่แกก็ไม่ธรรมดาตามแบบของแก

มีเรื่องดีเยอะแยะ เรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกดี มีความสุข เรื่องแบบที่พออ่านแล้วก็คิดว่า สุดท้ายเราก็มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มีอะไรน่ากลัว ไม่มีอะไรน่าเศร้า เป็นเรื่องธรรมดา และเป็นการมองเรื่องธรรมดาด้วยสายตาที่อ่อนโยน คนคงว่าเป็นเรื่อง feel good แต่บางทีเราก็คิดว่าคำว่าฟีลกู๊ดมันเกร่อกลาดเกลื่อนเต็มที เราคิดว่าเรื่องฟีลกู๊ดจริง ๆ จะทำให้คิดด้วย ถ้ามันกู๊ดกันไปกู๊ดกันมาแบบฝืน ๆ ตูก็ไม่กู๊ดด้วยหรอก รู้สึกว่าหลอกลวง

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่มีอะไรฝืนสักนิด เป็นเรื่องที่ดีมาก ควรค่าแก่การอ่านกันดู

###

อีกเรื่องที่อ่านช่วงนี้ คือเรื่อง Till We Have Faces ของ ซี.เอส. ลิวอิส (คนเขียนนาร์เนียนั่นแหละ) คือว่าบ.ก.ใหญ่ของที่ทำงานชื่อคุณซูซาน เป็นคนอเมริกันโตที่ญีุ่ปุ่น คุณซูซานสนใจเรื่องศาสนา ช่วงก่อนคุยกันเรื่องเขียนหนังสือ และบอกคุณซูซานว่าเราชอบเบลค แกไปเจอหนังสือของลิวอิสอีกเล่มที่เขียนจากกลอนของเบลค ชื่อ The Great Divorce เลยเอามาให้ลองอ่าน พออ่านจบแล้วก็เลยต่อเล่มนี้ แน่นอนว่าเรื่องลิวอิสก็ต้องเกี่ยวกับศาสนาด้วยเป็นธรรมดา แต่เราคิดว่าลิวอิสเป็นคนฉลาด อ่านแล้วค่อนข้างมีเหตุผล ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด รู้สึกว่า อ๋อ เขามองแบบนี้ มากกว่า

//www.amazon.com/Till-We-Have-Faces-Retold/dp/0156904365/ref=sr_1_1?ie=UTF8&s=books&qid=1245412828&sr=8-1

เรื่องนี้เป็นการเล่าตำนานคิวปิดกับไซคีใหม่ ถ้าให้เล่าจะสปอยล์หมดสิ้นไม่เหลือดี แต่บอกได้ว่าแกตีความใหม่จริง ๆ ถอดรื้อใหม่หมด และไม่ได้เป็นเรื่องรักระหว่างคิวปิดกับไซคี (หรือจะบอกว่าเป็นก็ได้ แต่ไม่ใช่อย่างที่คิด...)

ช่วงกลาง ๆ ของเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อ อ่านด้วยความหืด แต่ว่าตอนจบดีมาก ๆ ดีแบบที่เรียกว่าหยุดอ่านไม่ได้ อ่านจบแล้วรู้สึกดี ที่หืดมาตอนกลางเรื่องก็กลับมีความหมายขึ้นมาทันที (เรื่องดี ๆ หลายเรื่องเหมือนจะเป็นอย่างนั้น อย่างเช่นเกมลูกแก้วก็เป็น)

เรื่องนี้อาจจะค่อนข้างเฉพาะกลุ่มคนอ่านกว่าเรื่องข้างบน แต่เราว่ามันสนุกดี และเขียนดี เลยเอามาไว้ด้วยกัน ส่วนเรื่อง The Great Divorce จริง ๆ ก็ดีเหมือนกัน แต่มันจะมีช่วงที่ลุงลิวอิสแกขี้สั่งขี้สอนอยู่เป็นจุด ๆ ด้วย คือบางทีก็คิดว่า ถ้าแกไม่พยายามสั่งสอนมาก ปล่อยมือเสียบ้าง ก็จะทำให้อะไร ๆ มันออกมาเป็นธรรมชาติ และกระแทกใจคนอ่านได้มากขึ้น เพราะแกเป็นคนจินตนาการมาก และเป็นนักเขียนที่เก่งมากอยู่แล้ว

แต่ว่าไป เราเองก็ปล่อยมือตลอดเวลาไม่ได้เหมือนกัน มีเวลาที่เขียนแล้วต้องกำไว้ ปล่อยไม่ลง ยิ่งกำมากเท่าไรก็ยิ่งกลัวและยิ่งทำไม่ได้ ต้องมานั่งปลอบตัวเองว่าบางทีสักวันคงทำได้ ต้องลองกันต่อไป


Create Date : 19 มิถุนายน 2552
Last Update : 3 มกราคม 2553 21:02:18 น. 8 comments
Counter : 678 Pageviews.

 
ชอบย่อหน้าสุดท้ายอะ...แง้วๆ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:20:27:50 น.  

 
น่าอ่านจริงๆด้วย ^^


โดย: piccy IP: 124.120.101.8 วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:10:06:31 น.  

 
รู้สึกเหมือนเคยเห็นเล่มนี้ในร้านหนังสืออยู่ครั้งหนึ่ง

ชอบคำนี้ครับ
สุดท้ายเราก็มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มีอะไรน่ากลัว ไม่มีอะไรน่าเศร้า เป็นเรื่องธรรมดา


โดย: เจรามี IP: 161.200.255.162 วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:14:59:35 น.  

 


โดย: sosopa วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:09:48 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: coojung วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:15:40 น.  

 


โดย: beproud วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:04:12 น.  

 
คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ


สุขสันต์วันเกิดค่ะ


โดย: หนูดำจำมัย วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:53:06 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: แม่ปุ้มปุ้ย วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:57:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.