The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 
ซามูไรพ่อลูกอ่อน Lone Wolf and Cub: คาสุโอะ โคอิเขะ, โกเซคิ โคจิมะ

ที่จริงการรับรู้เรื่องซามูไรพ่อลูกอ่อนของจขบ.นี้ จำไม่ได้แล้วว่ารับรู้เป็นซีรีย์ก่อน หรือเป็นการ์ตูนก่อน แต่จำได้ว่าตอนที่เห็นซีรีย์ผ่าน ๆ ไม่ได้สนใจเลย ว่าอีกอย่างคือหนังซามูไรอาจจะไม่ค่อยมีแรงดึงดูดข้าพเจ้านัก เพราะแม้จขบ.จะชอบหนังพีเรียดเอามาก ๆ แต่กลับไม่ชอบหนังพีเรียดญี่ปุ่น และมักจะมีความเชื่อแปลก ๆ ปราศจากเหตุผลว่าหนังญี่ปุ่นนั้นเล่นแข็ง ไม่อย่างนั้นก็มีบางอย่างเหมือนการ์ตูน จึงดูหนังญี่ปุ่นน้อยมาก และแทบไม่มีเรื่องไหนที่ชอบเลย (แต่เธอชอบ Always อย่างยิ่ง)

อย่างไรก็ตาม ก็ยังสนใจซามูไรพ่อลูกอ่อนอยู่ดี และเคยด้อม ๆ มอง ๆ อยู่เมื่อมันออกเป็นฉบับไม่มีลิขสิทธิ์ (หรือเปล่า ไม่แน่ใจ) เมื่อสักประมาณสิบปีก่อน จำได้ถนัดว่าช่วงนั้นยังเรียนอยู่ม.ปลาย ที่ร้านขายการ์ตูนเจ้าประจำตรงโซโก้ (สมัยนั้นอมรินทร์พลาซ่ายังเป็นโซโก้) ก็มีเล่มนี้วางอยู่ แต่ตอนนั้นซื้อศึกวิหารเทพเจ้า ไม่ได้ซื้อซามูไรพ่อลูกอ่อน (อา ศึกวิหารเทพเจ้าก็เก่าขนาดนี้แล้วเนอะ เหม่อ)

ต่อมาเคยไปยืนดูตอนจบในร้านเช่าแวบ ๆ (ยายนี่ชอบดูตอนจบก่อนเพื่อความแน่ใจอะไรบางอย่าง) ก็เข้าใจเรื่องแบบที่คนอ่านจะเฉพาะตอนจบจะเข้าใจได้ แล้วก็ไม่ได้สนใจหาอ่านอีก มาจนช่วงก่อนนี้ไปเจอเรื่อง Samurai Executioner ที่เว็บสแกนการ์ตูนแห่งหนึ่ง ซึ่งคนเขียนเดียวกับเรื่องซามูไรพ่อลูกอ่อน จึงเกิดนึกขึ้นได้ ลองรื้อหาดู ปรากฏว่าเจอที่โหลดได้ทั้งชุดภาษาอังกฤษ (มีลิขสิทธิ์แล้ว มันเล่นสแกนฉบับลิขสิทธิ์อัพขึ้นเน็ตกันดื้อ ๆ เลย แต่ใครจะสนใจหรือ...) ตั้งแต่นั้นมา ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาโหลดมาจนกระทั่งครบยี่สิบแปดเล่มอ้วนหนา ตามแต่กำลังเน็ตจะอำนวย

อา...มันสนุกมาก

ถ้าถามถึงความรู้สึกกันจริง ๆ แน่นอนว่าสำหรับจขบ.ผู้ไม่เคยสนใจฉากบู๊แล้ว ยอมมีหลายต่อหลายตอนที่จขบ.ผู้ปราศจากรสวิไลได้กดข้ามไปดื้อ ๆ เนื่องจากไม่มีอะไรนอกจากการตบตีอันงดงามอลังการระหว่างพระเอกกับฝูงตัวร้าย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเปิดข้ามไปแบบนั้น ก็ยังคงมีหลายต่อหลายที่ติดใจอย่างยิ่ง แม้แต่ตอนนี้ยังคิดถึงมันอยู่ และบางทีคงคิดถึงต่อไปอีกนานพอสมควร

ซามูไรพ่อลูกอ่อน ชื่อภาษาอังกฤษ Lone Wolf and Cub (หมาป่าโดดเดี่ยวและลูก...อืมม หรือว่าหมาป่าโดดเดี่ยวพ่อลูก) เป็นเรื่องของนักฆ่า โอกามิ อิโต ผู้แสวงหาการล้างแค้น

เรื่องคร่าว ๆ มีอยู่ว่า โอกามิมีตำแหน่งเป็น "เพชฌฆาต" ของโซกุน ตำแหน่งนี้ไม่ได้หมายความว่าฆ่านักโทษทั่วไป แต่หมายความว่าพี่แกมีหน้าที่เป็นคนตัดหัวพวกขุนนางที่สั่งให้คว้านท้องฆ่าตัวตาย คือปรกติแล้ว เวลาคว้านท้อง จะต้องมีผู้ช่วยยืนอยู่ข้างหลัง รอจังหวะดี ๆ ก็ตัดหัวไม่ให้คนคว้านทรมานเกินไปนัก ตามธรรมเนียมเดิม ถือว่าไม่มีใครมีอำนาจฆ่าขุนนางได้นอกจากโชกุน ด้วยเหตุนี้โชกุนจึงให้โอกามิเป็นตัวแทนของตนคอย "ฆ่า" ขุนนางที่ถูกสั่งให้คว้านท้อง เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติมาก มีสิทธิ์ใส่เสื้อประดับตราประจำตัวตระกูลโชกุนเวลาทำงานด้วย

แต่ก่อนที่โอกามิจะได้ตำแหน่งนี้ ตระกูลยางิวเบื้องหลัง (ยางิวเรื่องนี้มีเบื้องหน้ากับเบื้องหลัง) ซึ่งเดิมมีหน้าที่เป็นสายลับและมือลอบสังหารของโชกุนอยู่แล้ว ก็ต้องการตำแหน่งนี้เหมือนกัน ยางิว เรตสึโด หัวหน้าตระกูลยางิวเบื้องหลังจึงส่งลูกชายของตัวไปประลองแข่งกับโอกามิ มันมีอะไรซับซ้อนนิดหน่อยระหว่างนี้ แต่เอาเป็นว่าสุดท้ายโอกามิก็ได้ตำแหน่งไป ทำให้ยางิว เรตสึโดหันมาใช้วิธีลอบกัดแทน ยางิว เรตสึโดส่งคนไปฆ่าบ้านโอกามิทั้งบ้าน เผอิญตอนนั้นเมียของโอกามิกำลังจะคลอดลูก โอกามิกลับบ้านเลยช่วยลูกที่เพิ่งคลอดยังแดง ๆ อยู่มาได้หนึ่งคน ยังไ่ม่ทันหายเศร้าดี เรตสึโดก็ป้ายสีว่าโอกามิเป็นกบฏ ถูกสั่งให้คว้านท้อง โอกามิแค้นมากเลยพาลูกทารกไปด้วยกัน เดินสู่ถนนแห่งการล้างแค้น

...

ที่จริงแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องมาโชอย่างยิ่ง สามารถตั้งชื่อเรื่องได้อีกอย่างว่า "ไอ้แมนและลูกมัน" เพราะทั้งเรื่องไม่มีใครแมนตลอดเวลาเหมือนโอกามิอีกแล้ว คนเขียนเขาถือว่าโอกาิมิเป็น embodiment ของบูชิโด อย่างไรก็ตาม อาจบอกได้ว่าในที่บูชิโดของโอกามิมีความซับซ้อน คือโอกามิละทิ้งหนทางแห่งการเคารพเจ้ายิ่งชีพ ไปสู่หนทางของการเป็นนักฆ่าและการล้างแค้น

ที่จริงตอนแรกที่จะตัดสินใจมาทางนี้ โอกามิให้ลูกเลือกแล้ว คือวางลูกบอลกับมีดไว้ตรงหน้าเด็ก (ซึ่งตูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเด็กนี่เกิดไม่นานไมมันคลานได้วะ) ถ้าคลานไปเลือกลูกบอล โอกามิจะถือว่าลูกเลือกไปอยู่กับแม่ ก็จะฆ่าลูกเสีย แต่ถ้าเลือกมีดก็จะอยู่กับตัวเอง เมื่อเด็กนั้นซึ่งชื่อว่าไดโกโร่เลือกมีด โอกามิจึงว่าแต่นี้ไปตัวกับลูกจะมีชีวิตอยู่ในนรก อยู่บนหนทางของสัตว์นรก ไม่ใช่มนุษย์อีก สมกับชื่อสกุลของโอกามิที่จะแปลว่า "หมาป่า" ก็ได้

ถ้าถามว่าเรื่องนี้สนุกยังไง คงว่าสนุกเพราะวิธีการพรีเซนต์ของคนเขียนนั้นไม่ธรรมดา ลายเส้นงามมาก เป็นมาสเตอร์พีชชิ้นหนึ่งในวงการ์ตูนคลาสสิกของญี่ปุ่น นอกจากนั้นคนเขียนยังเข้าใจไปค้นคิดเงื่อนไขหรือตัวละครแปลก ๆ ออกมาได้เรื่อย ๆ ตัวละครพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยต่อเนื่อง จบเป็นตอน ๆ ไป มีแต่ตัวหลักยืนพื้นคือ โอกามิ ไดโกโร่ และเรตสึโดที่อยู่จนตลอดเรื่อง ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องกินเวลาราว ๆ สี่ปี ไดโกโร่อายุสี่ขวบ เป็นเด็กสี่ขวบที่ถึกทือและเป็นผู้ใหญ่มาก

ที่จริงแล้ว จขบ.ไม่ค่อยสนใจเรื่องแก้แค้นเท่าไรนัก แม้จะชอบบทสรุปสุดท้ายของความแค้นนี้มาก (ฉากจบเรื่องนี้กระแทกอารมณ์แรงจริง ๆ) แต่สิ่งที่ทำให้อ่านตลอดเรื่อง น่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อื่น ๆ มากกว่า มีเรื่องเล็ก ๆ อย่างเช่นไดโกโร่หลงไปเจอป้าแก่ ๆ ที่อาศัยอยู่ใต้สะพาน ป้าคนนี้แกอยู่ในเพิงที่สร้างติดกับเสาโคนสะพานผุ ๆ คนจะรื้อสะพานทิ้งก็ทำไม่ได้เพราะป้าไม่ยอมไป ที่ไม่ยอมไปก็เพราะเมื่อก่อนผัวแกเป็นคนแจวเรือ ไม่มีที่ดินทำไร่ทำนา พอชาวบ้านสร้างสะพาน แกเลยไม่มีงานทำ ครอบครัวเลยลำบากมาก ผัวแกสู้อ้อนวอนชาวบ้านว่าอย่าสร้างสะพานเลย ชาวบ้านก็เลยว่าเยาะเย้ยว่าเอาที่ใต้สะพานไปแล้วกัน จนผัวแกอดตาย ลูกหนีไปเป็นยากูซ่า ป้านี่เลยประท้วงยึดเอาที่ใต้สะพานเป็นเรือนตาย

อีกเรื่องหนึ่งที่ชอบ...ที่จริงไม่ใช่ฉากสำคัญเท่าไรนัก แต่เป็นเรื่องของซามูไรคนหนึ่งที่ตัดสินใจคืนยศตัวเอง มาอยู่ป่ากับลูกชายปัญญาอ่อน เพราะตอนอยู่เมือง ตัวเองไม่มีเวลาให้ ลูกก็ถูกแกล้ง ร้องไห้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำทุกวัน จขบ.รู้สึกดีที่ได้พบเรื่องแบบนี้ในการ์ตูนโคตรมาโช มันอ่อนโยนและเป็นแง่มุมที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงดี

นอกจากนั้นก็ยังมีอีกหลาย ๆ ตอนที่ชอบน่ะนะ

...

สิ่งที่ชอบอีกอย่างในเรื่องนี้ คงเป็นส่วนผสมระหว่างโอกามิกับไดโกโร่ คือโอกามินั้นเป็นซามูไรมาตรฐานอย่างยิ่ง มีชีวิตอยู่เพื่อเป้าหมาย หน้าตายเป็นหิน เฉียบขาด แต่พี่แกต้องกระเตงลูกไปไหนต่อไหนด้วยตลอดเวลา ทำให้ส่วนผสมมันเพี้ยนไปจากภาพซามูไรปรกติที่เคยเห็นกัน แม้ว่าหลายครั้งโอกามิจะต้องทิ้งลูกไปทำงานนาน ๆ ปล่อยลูกไว้คนเดียวด้วยความจำเป็น ฯลฯ ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกบางครั้งก็ดูประหลาด ๆ และไดโกโร่ก็โตขึ้นมาเป็นเด็กประหลาด ๆ แต่ถึงอย่างนั้นการ์ตูนก็ยังแสดงให้เห็นหลายครั้งว่าโอกามิรักลูกอย่างยิ่ง อาจจะบอกได้ว่าอยู่ในระดับเกินพ่อญี่ปุ่น (หรือพ่อเอเชีย) ทั่วไป ที่ปล่อยให้การเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของแม่ โอกามิรักลูกมาก แต่อาจจะบอกได้ว่าพี่แกก็แมนมากเกินไปเหมือนกัน จนเห็นได้ชัดว่าบางครั้งมันนำไปสู่สถานการณ์ที่ desperate เช่น เมื่อพลัดกับลูก ทำอย่างไรก็ตามหาไม่เจอ สุดท้ายโอกามิก็วาดรูปรถเข็นเด็กที่ไดโกโร่เคยใช้ แล้วเที่ยวติดเอาไว้ตามทางที่ตัวเองผ่าน ทั้งโอกามิและไดโกโร่นั้นมีชีวิตอยู่โดยตระหนักอยู่แล้วว่าทั้งตัวเองและอีกฝ่ายจะตายได้ทุกเมื่อ แต่ถ้ามันยังไม่ถึงเวลา ก็ยังดิ้นรน ยังไม่ต้องการให้ไม่ว่าตัวเองหรืออีกฝ่ายตาย

หลายครั้งหลายหนที่โอกามิบาดเจ็บ ไม่มีใครดูแลเลยนอกจากลูกอายุสี่ขวบซึ่งทำอะไรไม่ได้นอกจากเท่าที่เด็กสี่ขวบจะทำได้ คือพยายามหาข้าวให้พ่อกิน และเปลี่ยนผ้าที่หน้าผากพ่อ มีเวลาที่ไดโกโร่ป่วยมากอยู่กลางภูเขาหิมะเหมือนกัน และทำอย่างไรก็ไม่ยอมกินข้าว ฉากนั้นให้ความรู้สึก desperate ของโอกามิที่อ่อนโยนไม่เป็น แต่ก็รักลูกมากได้แรงจริง ๆ โอกามิที่หน้าตายตลอดเวลาบอกว่า If you don't eat, you will have to leave Papa and travel to a faraway place all alone. ตอนนั้นสุดท้ายไดโกโร่ก็เพ้อว่าอยากกินส้ม และทั้งที่เป็นกลางหน้าหนาวอย่างนั้น โอกามิก็ผลุนผลันออกไปหาส้มให้ลูก

แต่แน่นอนว่าโอกามิคนเดียวกันก็ปล่อยให้ลูกอยู่ในตรอก ในถ้ำ หรือในศาลาคนเดียวเป็นอาทิตย์ ๆ ทิ้งไว้ให้แต่น้ำกับอาหาร และโอกามิคนเดียวกันก็ใช้ลูกเป็นเครื่องมือในการลอบสังหารเป็นประจำด้วย

...

บางทีควรจะเล่าด้วยว่า ตัวร้ายเรื่องนี้ ยางิว เรตสึโด ซึ่งตอนแรกเป็นตัวร้ายชั่วธรรมดานั้น ในช่วงหลังของเรื่องก็ค่อย ๆ พัฒนาขึ้น และเป็นตัวละครที่น่าสนใจมากตัวหนึ่งเช่นกัน มีฉากที่ชอบมากคือฉากที่เรตสึโดกับโอกามิดวลกันครั้งแรกที่เอโดะ แต่กลับมีคนวิ่งมาบอกว่ามีคนเปิดเขื่อน น้ำกำลังจะท่วมเอโดะ แต่ต่อจากนั้นเป็นอย่างไรไม่สปอย

แน่นอนว่าในฐานะเรื่องสมัยแรก ๆ ก็มีอะไรหลายอย่างในเรื่องที่มีปัญหา แสดงให้เห็นว่าลงติดต่อกันโดยไม่ได้วางโครงเรื่องอย่างรัดกุมมาก่อน อย่างไรก็ตาม โครงเรื่องใหญ่นั้นไม่หลุด ยิ่งวาดรูปก็ยิ่งสวยขึ้นเรื่อย ๆ และปรัชญาเซนผสมบูชิโดก็สื่อออกมาได้ระดับลึกมาก ทำให้กลิ่นอายของเรื่องมีความขลังอย่างประหลาด ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี น่าหาอ่านกันดูเหมือนกัน


Create Date : 31 พฤษภาคม 2552
Last Update : 3 มกราคม 2553 21:01:03 น. 8 comments
Counter : 3505 Pageviews.

 
โอยยยยยย เขียนซะอยากอ่านอ่ะ จะหาได้ไหมเนี่ย อันที่จริงเราไม่ชอบเด็ก ไม่ชอบมาโชแมน แล้วจะอ่านรอดไหมเนี่ย

อ่านๆ ดูแล้ว เหมือนว่าจขบ. จะยังไม่ได้อ่านซามูไรพเนจรนะเนี่ย (คือมันมีประเด็นบางอย่างที่พอจะเชื่อมโยงกันได้ แล้วก็เห็นบอกว่าไม่ค่อยชอบย้อนยุคญี่ปุ่น) เรื่องนี้แนะนำอย่างยิ่วยวด เป็นท็อปไฟว์การ์ตูนตลอดกาลของเราเลย ลองไปหาดูที่ร้านดาว น่าจะมี พิมพ์จบไปรอบนึงแล้ว แว่วๆ ว่ามีพิมพ์ใหม่อยู่


โดย: the grinning cheshire cat วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:09:29 น.  

 
น่าอ่านจ๊ะ


โดย: นักรบ IP: 125.25.89.75 วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:26:15 น.  

 
เคนชิน อ่านแล้วคับ

ย้อนยุคการ์ตูนชอบอ่าน แต่ย้อนยุคหนังไม่ชอบดูค่า


โดย: เคียว IP: 118.172.53.20 วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:6:51:22 น.  

 
สนใจมาก วิ่งไปหาอ่านโดยพลัน


โดย: froggie IP: 124.157.251.146 วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:16:04:11 น.  

 
หนมจีนเป็นโรคประหลาด ไม่ชอบหนังไอ้แมนค่ะพี่เคียว
ถ้าแมนอย่าง เคนชิน ซามูไรพเนจร นี่พอรับได้
หรือถ้าแมนแบบวางแผนสงครามนี่ก็พอชอบไหว
แต่แมนๆทุกข์โศกตรอมตรมเดินอยู่ในนรกนี่ หนมจีนผ่านตลอดเลย ถึงว่ามันจะสนุกก็เถอะ
อย่าง ลี้คิมฮวง นี่ หนมจีนก็ขอผ่าน
การ์ตูนญี่ปุ่นก็มีเรื่องอะไรหนอ เกี่ยวกับสงคราม
ที่เริ่มเรื่อมาพระเอกก็ต้องยิงธนูฆ่าพ่อที่ถูกจับมัดเป็นตัวประกันในสนามรบ่
เรื่องนั้นอ่านได้ครึ่่งนึงก็เลิกเหมือนกัน

เพราะอ่านแล้วไม่เข้าใจตรรกะ...
ชีวิตนี้ต้องแมน ถึงแมนแล้วจะต้องอยู่ในนรกก็เหอะ

ไม่เข้าใจจริงๆนะ -''-



โดย: หนมจีน IP: 58.34.229.150 วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:9:37:42 น.  

 
นั่นจอมคนทาเครุอะ เคยอ่านเหมือนกัน พี่ว่ามัน sentimental มากเลยนะ ไม่เน้นมาโช

แต่ไม่ค่อยปลื้มลี้คิมฮวงเหมือนกัน รู้สึกพี่แกเป็นบุรุษที่น่ารำคาญ -"-



โดย: เคียว IP: 118.172.100.213 วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:11:25:18 น.  

 
น่าหามาอ่านบ้างจังเลย


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:12:55:50 น.  

 
"ไอ้แมนและลูกมัน"

เอิ่ม..อ่านแล้วอยากหามาอ่านโดยพลันเลยง่ะ

ที่ยกๆ มานั่น โดนๆ ทั้งนั้นเลยนะนั่น

คิดว่าคงหามาเก็บไว้แหละ แม้จะไม่รู้ว่าจะได้อ่านเมื่อไร (เพราะขนาดฝากทินาซื้อแขนกลฯ จนได้มาครอบครองแล้ว ก็ยังไม่มีเวลาอ่านจนบัดเดี๋ยวนี้ )


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:23:20:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.