|
บาร์เทิลบี: เฮอร์แมน เมลวิลล์ (จขบ.บ่นและสปอยล์ตลอดเวลา)
อนึ่ง จขบ. อ่านหนังสือเล่มนี้เพราะได้อ่านบล็อครีวิวโทรเลขของคุณ LMJ เลยเกิดอยากรู้ว่าคนประหลาดไม่ค่อยจะมีใครเข้าใจนี้เป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากจขบ.มีจุดอ่อนคือชอบคนประหลาดอย่างยิ่ง (ถ้ามันไม่มารบกวนชีวิตของตู)
อนึ่งอีกอนึ่ง คือว่าหลังจากการสำรวจ จขบ.ได้พบร้านหนังสือชื่อ "ร้านเล่า" (ซึ่งแปลว่า to tell) อยู่ใกล้คอนโดมาก เพียงเห็นหนังสือก็รู้ว่า เจ้าของร้านนี่รสนิยมเดียวกับอารมณ์หนึ่งในตัวตูจริง ๆ ว่าอีกทีคือจขบ.เป็นมนุษย์หลากอารมณ์ ซึ่งไม่ประสงค์จะอ่านหนังสือแนวเดียว และไม่ประสงค์จะประกาศตัวว่าเป็นสาวกของใครเพียงคนเดียว หรือมีไอดอลเพียงคนเดียว (แต่ชีเริ่มรักลุงเฮสเสมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมากทีเดียว) อย่างไรก็ตาม การเห็นหนังสือในร้านนั้นก็ทำให้คาดเดาได้ว่า ยามใดที่จขบ.เกิดจิตตกขึ้นมา ชีจะต้องไปขนซื้อกฤษณะมูรติมาอ่านจนแหวะออกมาเป็นปรัชญาเป็นแน่แท้ (กฤษณะมูรติก็อยากอ่าน แต่ว่าอย่าให้วันนั้นมาถึงเลยได้ไหม - -')
เอาเป็นว่า จขบ.ได้บาร์เทิลบีจากร้านเล่า และความที่เป็นเรื่องสั้น ก็อ่านจบในรวดเดียว
ความรู้สึกหลังจากอ่านจบคือ...โลกอันมืดดำที่เกือบลืมไปแล้วนั่นมันกลับมาอีกแล้ว
คาดว่าต่อไปนี้คงสปอยล์แล้ว
...
ที่จริงแล้ว มันเป็นเรื่องตลกอย่างยิ่ง ตลกชิบเป๋ง หน้าตายด้วย อ่านแล้วกลุ้มใจ (คำว่ากลุ้มใจของจขบ.ในที่นี้มีความหมายในแง่ดี) ในความตลกไปจนถึงประมาณกลาง ๆ เรื่อง จนสถานการณ์มันไปถึงขั้นกลับมาไม่ได้แล้วอีก จขบ.ถึงได้รู้สึกเลิกตลก และรู้สึกถึงความสามารถในการบ่อนเซาะ (ตามที่ปกหลังมันบอก) ของบาร์เทิลบี ซึ่งปกหลังมันบอกอีกว่าจะทำให้องค์กรทั้งหมดที่เป็นเหตุเป็นผลพังทลายลง ว่าอีกทีคือมันเตือนให้จขบ.นึกถึงตอนที่ตูตกนรกโพสต์โมเดิร์นอันน่าสะพรึงกลัว
ที่จริง จขบ.ไม่เคยเข้าใจเลยว่านักคิดสายโปโหมะนั้นดำรงอยู่ได้อย่างไร ว่าอีกทีหนึ่งก็คือ จขบ.คิดว่ามันเป็นโลกที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง อันนี้ไม่ได้หมายความว่าจขบ.พอใจจะให้กระแสหลักกดขี่บีำฑากระแสรองต่อไปจนชั่วกัลปาวสาน และไม่ได้หมายความว่าจขบ.จำยอมต่อกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพราะจขบ.ก็ไม่ชอบกฎเกณฑ์ด๋อยต่าง ๆ ที่คนเอามายัดเยียดให้จขบ.เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ความคิดของจขบ.เกี่ยวกับโปโหมะนี้ ใกล้เคียงกับที่คิดกับเอกซิสเตนเชียลลิสต์อย่างยิ่ง คือ จขบ.ไม่เข้าใจว่าทนกันอยู่ได้อย่างไร เพราะในความรู้สึกของจขบ. มันเป็นภาวะที่ไร้รักอย่างยิ่ง และจขบ.ทนไม่ได้ คือว่าแม้ว่าจขบ.จะไม่ชอบอะไรต่าง ๆ ในโลก และบางครั้งก็ไม่ยอมตามอะไรต่าง ๆ ในโลก แต่ถ้าถึงวันหนึ่งที่ต้องประนีประนอมเพื่อให้ธำรงบางอย่างที่สำคัญกับจขบ.ไว้ ธำรงความรักของครอบครัวและของเพื่อนไว้ จขบ.ก็คิดว่าตัวคงยอมประนีประนอมโดยง่าย ซึ่งว่าอีกทีอาจจะบอกว่าจขบ.เป็นคนขี้ขลาดก็ได้ แต่จขบ.จะไม่มีวันยอมตายอย่างไร้รักแบบนายบาร์เทิลบี หรือนายอะไรก็ไม่รู้ในเรื่องคนนอกนั่นเด็ดขาด
แต่หลังจากปีนขึ้นมาจากนรกโปโหมะได้แล้ว (เดี๋ยวนี้จขบ.มีช่วงตกนรกค่อนข้างสั้น) ก็อ่านคำตามของปราบดา หยุ่น หลังจากอ่านคำตามแล้ว นั่งไปสักพักหนึ่งก็คิดว่า จริงเหรอ จริงอย่างที่คุณปราบดาแกบอกจริงเหรอ
ว่าอีกที คุณปราบดาอาจจะถูกในแง่ของคุณปราบดา และจขบ.อาจจะถูกในแง่ของจขบ.ก็ได้ (นี่ไง ตูประนีประนอมแล้ว) แต่ตอนนี้ก็คิดว่า จริงเหรอที่เราควรจะมองอย่างนั้นในแง่เดียว
สังคมนี่มันร้ายจริงเหรอ มันเฝ้าแต่ยัดเยียดอะไร ๆ ให้ตาบาร์เทิลบีเพราะสำนึกทางศาสนาและความถูกต้องแบบชนชั้นกลางจริง ๆ เหรอ ที่จริงแล้ว จขบ.เห็นว่าตัวข้าพเจ้าในเรื่องนี่น่าสงสารเป็นบ้า อยู่ ๆ ก็มีอีบาร์เทิลบีมาหลอนเป็นเหลือบอยู่ในสนง.อยู่ได้ และบาร์เทิลบีนี่ก็ใจร้ายใจดำอำมหิตมาก หรือว่าอีกทีคือชืดชาต่ออะไร ๆ ของมนุษย์มาก ที่จริงคืออีบาร์เทิลบีนี่ทำร้ายตัวเอง
ทั้งนี้ มิได้หมายความจขบ.ไม่เข้าบาร์เทิลบี (อย่างน้อยก็เข้าใจในมุมของจขบ.เอง) ในฐานะคนคนหนึ่งที่สัญชาตญาณบัญชามาให้ตั้งคำถามกับระบบ (แม้จะพยายามกลมกลืนกับระบบนั้น) จขบ.เข้าใจเป็นอย่างดีว่าการไม่ประสงค์ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้นี่คือความปรารถนาของอะไร และเพื่ออะไร อย่างไรก็ตาม จขบ.มีความเห็นว่า ถ้าจขบ.เป็นนายของตาบาร์เทิลบี อีตอนที่มันบอกว่ามันไม่ประสงค์จะให้คนอื่นมาอัดอยู่ในอาศรมของมัน จขบ.จะเรียกคนทั้ง สนง.มาอัดอยู่กับมันให้หมด (การแกล้งบาร์เทิลบีเป็นความสุขในโลก) และไม่ให้มันออกไปด้วย เพราะจขบ.ไม่สนับสนุนการใช้ชีวิตอยู่ตามอุดมคติหรือความบัดซบของตัวเอง โดยปราศจากความเข้าใจว่ามนุษย์อื่นเขาก็เจ็บปวดและมีข้อบกพร่องของตัวเองเหมือนกัน จขบ.ไม่สนับสนุนการที่คนคนหนึ่งจะคิดว่าตัววิเศษกว่าชาวบ้าน แล้วเลยเหยียดหยามดูแคลนน้ำใจและความเป็นมนุษย์ของคนอื่น บาร์เทิลบีมันทำตัวเอง โลกในใจของมันมีปัญหาอย่างยิ่ง และโรคนี้รักษาไม่ได้ด้วยใครเลย รักษาด้วยความรักจากคนนอกก็ไม่ได้ (กระมัง) แต่รักษาได้ด้วยตัวเอง เมื่อบาร์เทิลบีไม่ยอมรักษาให้หาย บาร์เทิลบีก็ตายเอง
...
อนึ่ง มีการพูดถึงอีเมอร์สันและธอโรในบทความนี้ และบอกว่าพวกก๊กนี้อาจจะเป็นตัวแทนของบาร์เทิลบี จขบ.ไม่ทราบ ไม่เคยรู้เรื่องของอีเมอร์สันมาก่อน แต่เคยอ่านเรื่องวอลเดน (ยังไม่จบ ต้องอพยพมาเชียงใหม่เสียก่อน) จขบ.ว่าถ้าคิดว่าธอโรเป็นบาร์เทิลบี นี่แสดงว่าผิดอย่างยิ่ง เพราะธอโรมิได้มีชีวิตอยู่อย่างบาร์เทิลบี ในความรู้สึกของจขบ. ธอโรมีชีวิตอยู่ในอีกระนาบหนึ่งแล้ว เขาไม่ได้ประท้วงเพราะความเอาแต่ใจตัวเอง หรือความสิ้นหวังเหมือนบาร์เทิลบีแต่ประการใดเลย ธอโรประท้วงเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีวิธีการอื่นอยู่ และเขาก็บอกเองว่านี่คือการแสดงของเขาเพื่อให้คนเห็นว่าเป็นอย่างนั้น ว่ากันจริง ๆ แล้ว จขบ.มีความเห็นว่าธอโรนี่เป็นแมนมาก
และธอโรก็มีความรักมากด้วย ไม่ใช่มีชีวิตอยู่อย่างขาดไร้รักอย่างบาร์เทิลบี แม้ว่าจะไม่ได้แสดงความรักมนุษย์ (บางทีมนุษย์มันอาจจะน่าเบื่อเกินไปในสายตาของพี่แก) แต่ธอโรมีความรักธรรมชาติและสัตว์อย่างยิ่ง มีความรักชีวิตของตัวเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอย่างล้นเหลือ เกินกว่าจะพร่าผลาญชีวิตนั้นไปกับเรื่องไร้สาระที่ตัวเองไม่ได้ต้องการทำ เขาทำแต่สิ่งที่เขาอยากทำ ใช้ชีวิตเข้มข้นทุกหยดตามความต้องการของตัวเอง มีชีวิตเปิดเผย สง่างามเหมือนสิงโต
แต่พูดเรื่องเป็นและตายนี้ จขบ.ก็ไม่ทราบเหมือนกัน อย่างในเรื่องเกมลูกแก้ว เมื่อโยเซฟ คเนชท์ ตายในตอนจบ จขบ.ก็ว่าคเนชท์ได้ใช้ชีวิตของตนถึงแก่นแล้วเหมือนกัน จขบ.จึงอธิบายไม่ได้ชัดว่าการตายของคเนชท์กับการตายของบาร์เทิลบีแตกต่างกันอย่างไร บางทีอาจจะเพราะการตายของบาร์เทิลบีดูเจ็บป่วยขมขื่นอย่างยิ่ง ตัดขาดจากทุกสิ่งทั้งปวงนอกจากความเอาแต่ใจตัวเอง ในขณะที่ความตายของคเนชท์มีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ มีความรู้สึกว่า เอาละ ข้าจะทำให้เต็มที่ ข้าจะไปให้ถึงที่นั่น และถ้าไปไม่ถึง ข้าจะตาย ข้าจะยอมตาย เพราะชีวิตของข้ามีความหมายมากยิ่งกว่าจะมาประนีประนอม ใช้ชีวิตอย่าง mediocre ไปเรื่อย ๆ แล้วก็ตาย
จขบ.ไม่รู้ ก็ไม่ได้หมายความจขบ.จะเห็นว่าความตายเป็นสิ่งประเสริฐหรอก จขบ.แค่พูดถึงว่าเมื่อจขบ.อ่านทั้งสองเรื่องนั้น มีนัยยะอย่างอื่นแฝงอยู่ในความตาย
จขบ.ไม่รู้ว่าคนเขียนเรื่องบาร์เทิลบีเจ็บปวดขนาดไหน ตอนที่เขียนเรื่องนี้ออกมา แกอาจจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดจริง ๆ ก็ได้ แกอาจจะกินอยู่นอนหลับดี เพียงแต่มันมีเงาของความสิ้นหวังบางอย่างอยู่ในใจ แผ่เงาอยู่บนหัว ตลอดเวลา ตลอดเวลา
...
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ จขบ.พูดจากมุมของตัวเอง หากมีมุมอื่น จขบ.ก็ต้องการฟัง เพราะจขบ.ต้องการเข้าใจ มีอยู่ครั้งหนึ่ง จขบ.ได้อ่านวิเคราะห์เอกซิสเตนเชียลลิสต์ ซึ่งดูเหมือนบทความนั้นจะวิเคราะห์ในแง่ที่จขบ.สามารถเข้าใจได้ จขบ.จึงมีความเข้าใจเอกซิสเตนเชียลลิสต์มากขึ้น และเห็นอะไร ๆ มากขึ้น
ว่าไปแล้ว ถ้ามีอะไรอื่นก็อยากฟัง เพราะอย่างนั้นจึงพูดมุมของตัวเองอกมาเต็มที่เหมือนกัน
Create Date : 16 เมษายน 2552 |
Last Update : 3 มกราคม 2553 21:00:21 น. |
|
5 comments
|
Counter : 997 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นักรบ IP: 74.193.243.254 วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:5:02:22 น. |
|
|
|
โดย: เคียว IP: 117.47.46.89 วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:8:00:00 น. |
|
|
|
โดย: สงซาย IP: 114.48.208.157 วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:15:18 น. |
|
|
|
| |
|
|
ป.ล. แต่อย่าลืมเน้อ ว่าเรื่องนี้มันเล่าจากมุมมองของ "ข้าพเจ้า" (เลือกไม่ถูก)