The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 
เคนจิ

(สปอยล์ไหม สปอยล์ละมัง แต่ตูข้าคิดว่าการ์ตูนแบบนี้สปอยล์ก็ไม่เสียอรรถรสดอก)

อ่านเรื่องเคนจิอยู่สองวัน จริง ๆ ควรจบแล้ว แต่ใครไม่รู้มาเช่าเล่ม 16-19 ไป เลยได้อ่าน 1-15 และ 20-21

ชอบอยู่

เป็นการ์ตูนเก่าแล้ว เมื่อก่อนยังเห็นลงในนิตยสารการ์ตูนประมาณ Talent (ุรุ่นเหาขนาดไหนสามารถพิสูจน์ได้ตรงนี้เอง) ตอนแรกคิดว่ายาวกว่านี้ ไปเห็นที่ร้านเช่า อ้าว 21 เล่มจบเท่านั้นเอง สเกลของเรื่องก็เล็กกว่าที่คิดด้วย

เรื่องหลัก ๆ มีอยู่ว่าเด็กชายโก เคนจิ เรียนมวยจีนวิชาแปดปรมัตย์ (ปาจี๋ฉวน) จากปู่ จากนั้นปู่ก็ไปตามหาผู้มีพระคุณที่จีน แล้วหายไปเลย เคนจิจึงเดินทางออกตามหาปู่ ระหว่างนั้นก็ได้เรียนมวยต่าง ๆ ไปด้วย เรียกว่าเป็นการผจญภัยของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น (เคนจิอายุประมาณ 16-18 แต่หน้าค่อนข้างเด็กเมื่อเทียบกับอายุ) บนแผ่นดินจีนช่วงประมาณยุค 80-90 ก็ไ้ด้

ลายเส้นงามยิ่ง ท่ารำ และความเป็นไปต่าง ๆ ก็สมจริง (สมจริงแม้แต่รหัสโต้ตอบของพวกสมาคมลับแบบจีนเก่า) เพราะได้คนเขียนเรื่องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ แต่ที่ จขบ.ติดใจที่สุด และคิดว่าทำให้เรื่องแตกต่างจากเรื่องแนวศิลปะการต่อสู้อื่น ๆ คงเป็น "ความเข้าใจ" ที่ค่อนข้างลุ่มลึกของคนเขียน

เรื่องอย่างเช่นว่า เพราะเคนจิชอบวิชาบู๊ ทำให้ดูแตกต่างไปจากเด็กรุ่นเดียวกันอย่างมาก คือในขณะที่แม่คาดหวังว่าเคนจิจะต้องเรียนหนังสือดี ๆ เข้ามหาลัยดี ๆ และทำงานดี ๆ มีชีวิตที่มั่นคง เคนจิซึ่งที่จริงเป็นเด็กหัวดีกลับมักจะ "มีเรื่อง" ตลอดเวลา และต้องไปเกี่ยวพันกับวงการนักเลงโดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ควรบอกว่าเป็นโลกที่คนอย่างแม่ไม่นึกฝันว่าลูกชายตัวจะต้องไปยุ่งเกี่ยว และเคนจิเองก็ไม่ใช่ "นักเลง" ที่จริงแล้วค่อนข้างจะเป็นเด็กเรียบร้อยอยู่กับร่องกับรอย แม้ว่าจะมีจิตใจกล้าหาญมาก อยากรู้อยากเห็น และไม่ยอมคนง่าย ๆ ก็ตาม

เวลาที่หนังสือพรีเซนต์ว่า เมื่อเลือกมาทางนี้แล้ว ชีวิตก็เริ่มต่างจากคนอื่น ๆ ไปทุกที ซึ่งส่งผลให้แม่ซึ่งเป็นคนปรกติ อยู่ในกรอบปรกติของสังคมรู้สึกทุกข์ใจ จนต้องแสดงออกมาในรูปแบบของการดุว่า จำกัดอิสรภาพ และอื่น ๆ รู้สึกว่าทำได้สมจริง ทั้งในด้านของแม่ และด้านของเคนจิเอง ที่ก็ไม่ได้อยากทำให้แม่เสียใจ แต่มันช่วยไม่ได้ ในขณะเดียวกัน ก็ตั้งคำถามกับวิถีทางต่าง ๆ ในโลก ซึ่งคนจำนวนมากต่างคิดว่ามันมี "ทางเดียว" กล่าวคือ เรียนดี ๆ ทำงานดี ๆ และมีชีวิตที่ "ดี" คำถามว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือ และคำถามว่าวีรบุรุษผู้กล้าคืออะไรกันแน่จะ lurking อยู่ในช่วงต้นของเรื่อง จนกระทั่งถึงตอนที่เคนจิออกไปจากหนทางปรกติแล้ว คำถามนี้ถึงค่อย ๆ จางไป

แต่ที่น่าสนใจคือ คำถามนี้กลับมาอีกครั้งในช่วงท้ายเรื่อง เมื่อเคนจิบรรลุเป้าหมาย (ณ ขณะนั้น) และกลับมาจากเมืองจีน ด้วยความรู้สึกว่า "ทั้งหมดนี้เพื่ออะไร" คือในขณะที่ดิ้นรน แสวงหา สนุกกับการเพิ่มพูนความรู้ของตัวเองนั้น เคนจิไม่ทันได้คิดถึงแง่นี้ แต่รอจนได้สู้จนถึงระดับหนึ่ง ได้ปราบศัตรูตัวร้ายที่สุด จึงเกิดคำถามว่า เรียนศิลปะการต่อสู้ไปเพื่ออะไร ในเมื่อมันไม่มีจุดสิ้นสุด และมันกลับกลายเป็นความว่างเปล่า เรียนเพื่อที่จะ "เก่งขึ้น" ไปเพื่ออะไร เพื่อต่อยตีกับคนให้ชนะอย่างนั้นหรือ เพื่อทำร้ายคนอย่างนั้นหรือ ว่าไปแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับการเรียนหนังสือหนังหาให้ดี เพื่อจะได้ทำงานบริษัทดี ๆ เลยใช่ไหม เพราะในทีุุ่สุด ชีวิตก็จะ "แค่นั้นเอง"

คำว่า "แค่นั้น" ไม่ได้หมายความว่าที่ได้มานั้นน้อย ไม่มีค่า ไม่ได้หมายความว่าความพยายามของแต่ละคนไม่มีความหมาย แต่หมายความว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง สามารถมองภาพอันกว้างใหญ่ของโลก แทนที่จะมองเพียงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ก็จะเห็นความว่างเปล่าอย่างยิ่งของสิ่งที่ตัวเองพยายามทำ สำหรับคนหลายคน จุดนี้เองเป็นจุดที่ต้องพยายามขยายอัตตา พยายามจะแสดงให้โลกเห็นว่าสิ่งที่ตัวทำเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ สำคัญ ว่าตัวมีความหมายต่อโลกในแง่ใดแง่หนึ่ง เพื่อปลอบใจตัวเองว่าไม่ได้ใช้ชีวิตอย่าง "ไร้ค่า"

แต่สำหรับเคนจิซึ่งเป็นคนรู้คิด การขยายอัตตาแบบหลอกตัวเองอย่างนั้นก็ไม่มีความหมายอะไร เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว จึงเกิดสภาพสูญญากาศที่ทำให้ไม่รู้ว่าตัวทำอะไรอยู่ และทำไปเพื่ออะไรกันแน่ เมื่อถึงตอนนี้ "ปรัชญา" ต่าง ๆ ที่เคยแค่ได้ฟังมา จึงกลับมามีความหมายในอีกระนาบหนึ่ง ไม่ใช่เพียงระนาบที่ "รู้" แต่เป็น "ระนาบ" ของความเข้าใจ ความเข้าใจลงไปจากผิว ถึงเนื้อถึงหนัง ถึงกระดูก ทำให้เห็นโลกในอีกระดับหนึ่ง ไม่ใช่โลกในระดับที่เคยอยู่มาก่อน

จขบ.ชอบมากที่ปู่บอกให้เคนจิไปซ้อมมวยใต้แสงดาว และเมื่อไหร่ที่ไม่รู้สึกว่าตัวเอง "เล็กกระจ้อยร่อย" แล้วนั่นแหละ ถึงค่อยมาบอกปู่ ความรู้สึกว่าตัวเองเล็ก ก็เป็นความรู้สึกของอัตตาอย่างหนึ่ง คือตัวเองเล็กเมื่อเทียบกับโลก รอจนเมื่อไม่มีอัตตา เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ของทั้งหลายก็ไม่ได้แยกขาดจากกัน ความหมายที่ค้นหาก็จะไปอีกระดับหนึ่ง ชีวิตก็จะไปอีกระดับหนึ่ง

ในเล่มสุดท้ายของเรื่อง เป็นตอนพิเศษของปรมาจารย์วิชาแปดปรมัตถ์ หลี่ชูเหวิน ซึ่งเป็นคนฉลาดสุด ๆ (ในเชิงมวย) และมีวิริยะอุตสาหะเอามาก ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีอัตตาสูง เหยียดหยามคนอื่น หยิ่งยโส ไม่ผูกสัมพันธ์กับใคร ประมาณเท่สุดยอดแต่ชาวบ้านอยากอยู่ห่าง ๆ ไว้

อ่านแล้วก็รู้สึกว่า ถึงหลี่ชูเหวินจะเก่งกว่านี้ มีชื่อเสียงกว่านี้ และอื่น ๆ ยิ่งกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ต่อให้จนตาย เคนจิเก่งได้ไม่เท่าหลี่ชูเหวิน เคนจิก็เป็นคนที่ไปถึงคุณค่าของความเป็นคนได้มากกว่าอยู่ดี

แปลกที่รู้สึกว่าหลี่ชูเหวินเป็นคนน่าสงสาร และในบางขณะถึงกับน่าสมเพช ทั้งที่พี่แกเก่งบี้คนอื่นตายได้หมด และเหลือชื่อเสียงอันเลื่องลือไว้ในโลกขนาดนั้น


Create Date : 13 ธันวาคม 2552
Last Update : 3 มกราคม 2553 21:06:54 น. 7 comments
Counter : 1448 Pageviews.

 
เราชอบงานคู่ของคนแต่งเรื่องและคนวาดภาพนี่มาก
ทั้งเรื่องเคนจิ, จีซัส, ขวางทางมัจจุราช ฯลฯ

เรื่องดี มีอะไรให้คิดตามเยอะ ภาพสื่ออารมณ์ได้ ชอบๆ


ปล. เรื่องอัวจีว์
สุดท้ายคุณผู้ชาย (หน้าเหมือนนายก ฮ่าๆ)
คนที่ "เลี้ยง" ไหจ่าว เขาปุบปับตายง่ะ
ยัยน้องไหจ่าวก็กำลังท้องด้วย -_-"
ชีวิตเธอเคว้งมากจนแท้งลูก
พ่อแม่ช็อกมากเรื่องลูกสาวไม่รักดี
ก็เหลือแต่ไห่ผิงพี่สาวที่ยังดูดำดูดีน้อง

เราดูแล้วก็ทั้งรักทั้งชังยัยไหจ่าวนะ
ชีวิตหล่อน หล่อนเลือกของหล่อนเองอย่างนี้ เอวัง



โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 124.127.123.114 วันที่: 13 ธันวาคม 2552 เวลา:17:20:00 น.  

 
น่าอ่านจัง ^^


โดย: นักรบ IP: 74.193.252.136 วันที่: 14 ธันวาคม 2552 เวลา:2:00:06 น.  

 
อ่านเรือ่งนี้ตอนมันพิมพ์เป็นไพเรท จำได้ว่าตอนจบมันแค่ เคนจิเจอคุณปู่แล้วพากลับญีุปุ่น ส่วนที่ปันเล่านี่ นึกไม่ออกแฮะ - -"
ไว้เวลาแวะไปร้านการ์ตูนลองไปพลิกๆดีกว่า พิมพ์เป็นลิขสิทธิ์อาจจะต่างจากไพเรทก็ได้แฮะ ^ ^


โดย: romancer IP: 58.8.243.18 วันที่: 14 ธันวาคม 2552 เวลา:11:44:17 น.  

 
สมัยลงพวก Talent เอ่อ... ยังมีอยู่หลายเล่มเลย บ่งบอกอายุมาก


โดย: wanderer IP: 125.25.117.139 วันที่: 14 ธันวาคม 2552 เวลา:13:24:25 น.  

 
ทำให้รู้สึกอยากไปขุดมาอ่านใหม่ แต่ไม่รู้อยู่ไหน มันมีแบบลิขสิทธิ์ขายปะนี่ เผื่อมาปะของเก่า


โดย: Froggie วันที่: 16 ธันวาคม 2552 เวลา:14:07:02 น.  

 
หนมจีนก็ชอบเรื่องนี้เหมือนกัน
โดยเฉพาะสิ่งที่ปู่สอนเคนจิ โดยยกเรื่องของลีโชบุงขึ้นมาเล่า

อีกอย่างที่ชอบก็คือ เคนจิตอนเด็กๆ น่ารักน่าหยิกจัง (ฮา)


โดย: หนมจีน IP: 125.25.132.47 วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:10:09:28 น.  

 
ร้านเช่าแถวบ้านมีไม่ครบ เศร้า


โดย: Rungyeee IP: 171.96.167.19 วันที่: 23 ธันวาคม 2557 เวลา:22:20:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.