The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 

ว่าด้วยหนังอินเดีย (6)

ตรงนี้เป็นแบคกราวน์เรื่อง :

ในเรื่องมีพี่น้องสามคน สองคนโตเป็นผู้ชาย คนเล็กเป็นผู้หญิง เข้าใจว่าคนโตกับสองคนเล็กเป็นคนละแม่กัน และแม่ของสองคนเล็กวรรณะต่ำกว่า ( หรืออะไรแบบนั้น )

คนโตมีครอบครัวลูกเมียแล้ว คนกลางเป็นพระเอก กำลังป้อสาว คนเล็กเคยกำลังจะได้แต่งงาน แต่ถูกพี่ชายคนโตไปแฉวรรณะแท้จริงกลางงาน ( หรืออะไรแบบนั้น ) ชีจึงอดแต่งไปโดยปริยาย โฉดจริงเชียว

ณ ปัจจุบัน คนโตเป็นผู้ใหญ่บ้าน พระเอกเป็นพระเอก ส่วนคนเล็กก็เป็น...เอ่อ...ตัวละครหญิงคนหนึ่ง

###

ฉากที่น่าสนใจเบอร์หนึ่ง

ลูกสาวของพี่ชายคนโต เกิดไปมีแฟนที่ปะปี๊ไม่ชอบ หลังจากตบตีโฮกแฮ่ไปมา ในที่สุดชีจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านด้วยการ...

ปีนข้ามกำแพงไปบ้านอา ( อยู่ติดกัน )

กำแพงบ้านอามีเศษกระจกอยู่ข้างบน ยัยหนูเธอก็ปีนขึ้นไปเหยียบกระจก

ปึ้ก

#แพนกล้องสู่ใบหน้า โอ...เจ็บปวดสะท้านทรวง

แทนที่จะกระโดดลงไปเลยให้หมดเรื่องหมดราว ชียังเดินต่อไปข้าง ๆ ตามแนวกำแพงอีกสองสามก้าว ( เพื่ออะไรวะ )

ปึ้ก ปึ้ก ปึ้ก

# แพนกล้องสู่ใบหน้า โอ...เจ็บปวดสะท้านทรวงกว่าเดิม

ในที่สุดยัยหนูก็โดดลงอีกฝั่ง แล้วเดินเข้าบ้านไปหาอา

# แพนกล้องลงพื้น มีรอยตีงแดงเถือกปานเฮลสลูบอยเป็นแถบตามก้าวของชีอย่างชัดเจน ( น่ากลัวจริง ๆ )

###

ฉากที่น่าสนใจเบอร์สอง

อยู่ ๆ ไป พระเอกก็ตัดสินใจจัดงานแต่งงานให้หลานสาว ซึ่งทำให้ตัวร้ายที่หมายมั่นจะได้ตัวยัยหนูมานานไม่พอใจ

ตัวร้ายจึงไปจ้างลิ่วล้อไซส์ XXL มาสองตัว

พระเอกไปไหนก็ไม่รู้จำไม่ได้ น้องสาวคนเล็กของพระเอกอยู่บ้านกะหลาน

ตัวร้ายไซส์ XXL มาถึง ถีบอากระเด็น ฉุดหลานสาว ฮึบ ๆ

อามันลุกขึ้นวิ่งเข้าครัว ไปหยิบอาวุธมา ร้องตะโกนว่า "ปล่อยหลานชั้นนะ"

# แพนกล้องสู่อา จังหวะเพลงอินเดียเร้าใจ ต๊ะดึ่ง ๆๆๆๆ

##คนดูอ้าปากค้างทั้งครัวเรือน##

อาวุธจากในครัวของอาคือ

กระต่ายขูดมะพร้าว

( ไม่ใช่กระต่ายแบบนั่ง เป็นแค่ท่อนปลายที่เอาไว้ขูดเฉย ๆ )

อาเงื้อง่ากระต่ายขูดมะพร้าวเข้าใส่ตัวร้าย

ตัวร้ายถีบปั้ก

กระต่ายขูดมะพร้าวสวนกลับเข้าแทงพุงอาเอง ( ฉึก )

อาเลือดไหลเป็นทะเลสาป ตัวร้ายฉุดหลานสาวจากไป

กระต่ายขูดมะพร้าวยังคงคาอยู่ที่พุงอา

##คนดูทั้งครัวเรือนรู้สึกเวรกรรม##

###

ฉากที่น่าสนใจเบอร์สาม

# หลังจากฉากที่น่าสนใจฉากที่สองนานพอสมควร

พระเอกกับแฟนของหลานกลับมาถึงบ้านพอดี พอเห็นสถานการณ์ก็ตื่นตะลึง พระเอกบอกว่าจะตามไปช่วยหลาน แฟนของหลานบอกว่าจะไปตามหมอ แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันไป

# กระต่ายยังคงอยู่ที่พุง เลือดไหลขยายอาณาเขตจากทะเลสาปเป็นอ่าวตังเกี๋ย

พระเอกไปถึงไหนช่างมันเถอะ

ส่วนแฟนของหลาน แทนที่จะวิ่งไปหาหมอก่อน กลับวิ่งเข้าข้างบ้านไปหาพี่ชายคนโต ( เขาคือผู้ใหญ่บ้านที่เป็นพ่อของยายหลานที่ถูกฉุดไป และเป็นอนาคตพ่อตาของอีตานี่ งงหน่อยนะ - -' )

แฟนของหลาน ได้รายงานเรื่องอาถูกกระต่ายแทงพุงกับพี่ชายคนโต พี่ชายคนโตทำเป็นไม่สนใจ แกจึงถูกอนาคตลูกเขยและเมียรุมจิกด่า จนเกิดฟ้าฟาดทั้งสี่ทิศ ( จริง ๆ นะ )

พี่ชายคนโตได้ดวงตาเห็นธรรม รีบวิ่งไปข้างบ้าน กอดน้องร้องไห้รัก

# ไม่เห็นกระต่ายแล้ว ส่วนแอ่งเลือดขยายอาณาเขตจากอ่าวตังเกี๋ยเป็นมหาสมุทรแปซิฟิคอย่างช้า ๆ

ทั้งหมดร้องไห้รักพร่ำรำพันความหลังและการให้อภัยกันเป็นเวลานาน

แฟนของหลานเอาหมอมา

หมอยืนเฉย ๆ ปล่อยให้ร้องไห้รักกันต่อไป หลังจากลำเลิกทุกอย่างที่เก็บไว้แต่พระเจ้าเหาครองกรุงคอนสแตนติโนเปิลแล้ว พี่ชายก็หันไปถามหมอว่า "ทำยังไงดีคับ"

หมอตอบว่า "เอาไปโรงพยาบาลคับ"

ทั้งหมดจึงช่วยกันขนอาขึ้นรถจี๊ป

เลือดหยุดไหลแล้ว แต่เนื่องจากไม่เห็นหมอทำแผลให้เลย จึงคิดว่าคงไหลจนหมดตัวแล้วเลยหยุดไปเอง

###

ฉากที่น่าสนใจเบอร์สี่

รถจี๊ปขนยัยอากระต่ายแทงพุงแล่นแถ่ก ๆ ไปเรื่อย ๆ

...สู่รังตัวร้าย ( โรงพยาบาลล่ะ )

พี่ชายพระเอกโดดดึ๋งลงจากรถ ไปช่วยพระเอกตีกับตัวร้าย แย่งหลานคืน โดยมี แฟนของหลาน แฟนของพระเอก และยัยอากระต่ายแทงพุงนั่งลุ้น ( หมอหายไปแล้ว )

เมื่อตบตีเสร็จแล้ว พี่ชายกับพระเอกมองตากัน จากนั้นทั้งสองก็วิ่งข้ามทุ่งมาหากัน สโลว์โมชั่นปานหนังแลสซี่

พระเอก : พี่คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
พี่ชาย : น้องร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ทั้งสองร้องไห้รักกอดกันกลม โอ ความบาดหมางระหว่างพี่น้องได้รับการเยียวยาแล้ว

แต่ช้าก่อน! ตัวร้ายตัวนึงยังไม่ตาย

มันลุกขึ้นมาแล้ว ชักปืนออกมาแล้ว

บัดเดี๋ยวนั้นเอง ยัยอากระต่ายแทงพุงก็โดดดึ๋งลงมาจากรถ ถลาเข้ากางกั้นพี่ชายสองคน โดนปืนไปสิริรวมหกนัด

ยัยอากระต่ายแทงพุง : พี่...ต้อง...ดูแล...กัน...นะ...คะ...แหง่ก...

ตาย ( จนได้ ) ไปท่ามกลางความอาลัยของพี่ชายสองคน กลายเป็นอุทาหรณ์สอนใจชั่วฟ้าดินสลาย

###

ที่เด็ดที่สุดคือ ทั้งหมดที่เล่านี่เป็นเรื่องเดียวกับใน "ว่าด้วยหนังอินเดีย 4"

และนี่ก็ยังเล่าไม่หมด เพราะบางมุกมันเล่าแล้วไม่มัน

ช่างเป็นเพชรเม็ดงามในหมู่หนังอินเดียโดยแท้




 

Create Date : 28 ธันวาคม 2549    
Last Update : 17 กรกฎาคม 2551 0:02:32 น.
Counter : 1174 Pageviews.  

ว่าด้วยหนังอินเดีย (5)

เมื่อวานดูหนังอินเดีย ( อีกแล้ว )

ก๊กพระเอกมีสามคน ตั้งตัวเป็นกลุ่ม "ตรีเทพ" เพื่อต่อสู้กับตัวร้ายที่เป็นเจ้าพ่อ

พระเอกคนแรกชื่อการันต์ คนที่สองชื่อราวี คนที่สามชื่อใจสิงห์ ( คิดว่าอินเดียคงสะกดอีกแบบ แต่เขียนแบบนี้จะได้อ่านง่าย ๆ )

ได้มาดูตอนหลัง ๆ ไม่ได้ดูครึ่งหน้าว่าเป็นยังไง แต่เข้าใจว่าเจ้าพ่อตัวร้ายนั้นฆ่าพ่อของการันต์ ซึ่งเป็นตำรวจมือสะอาด พวกตำรวจด้วยกันเรียกว่า "อาจารย์ใหญ่" ดูเหมือนหลังจากนั้นไม่นาน ตัวร้ายก็พยายามฆ่าการันต์ด้วย แต่ไม่สำเร็จ การันต์เลยกลายเป็นคนนอกกฎหมายที่คอยต่อสู้กับตัวร้ายแบบเท่ ๆ

ส่วนราวีเป็นลูกของผู้กำกับตำรวจคนปัจจุบัน แต่แฝงตัวไปเป็นพวกตัวร้าย ใจสิงห์ก็เดินไปเดินมาอยู่แถวนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อก่อนทำอะไรมา

ช่วงท้าย ๆ ของเรื่อง ตัวร้ายพยายามใส่ร้ายแก็งค์ตรีเทพทั้งสามคน ด้วยการหลอกผู้กำกับการตำรวจไปขังไว้ แล้วใช้รมต.ที่เป็นพวกตัวเองให้ประกาศข่าวว่าสามคนนี้เป็นคนทำ ทำให้ตำรวจทั้งอินเดียไล่ล่าแก็งค์ตรีเทพ

แก็งค์ตรีเทพจึงบุกไปข่มขู่รมต.ถึงบ้าน

...จึงถูกตำรวจซิว ( สมน้ำหน้า )

จากนั้น ตัวร้ายก็ทำเป็นขอแลกตัวแก็งค์ตรีเทพ โดยบอกว่าถ้าไม่ส่งตัว จะฆ่าตำรวจที่จับไว้ส่งไปทุกครึ่งชั่วโมง

ทางตำรวจก็ไม่ยอมส่ง ตัวร้ายเลยไปจับตัวนางเอกสามคน + รมต. ( ซึ่งเป็นพ่อนางเอกคนนึง ) มาด้วย โดยบอกรมต.ว่า "ประเทศชาติแกยังทรยศได้ แกก็คงทรยศพวกข้าได้เหมือนกัน วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"

รมต.ก็เกิดดวงตาเห็นธรรม ที่แท้ตูชั่วมาตลอด ตูเพิ่งรู้ T T

จากนั้นแกก็ถูกเอาไปขังกรง

ส่วนนางเอกสามคนก็เต้นระบำ ( เปลี่ยนจากชุดปัจจุบันเป็นชุดส่าหรีในพริบตา )

ตัวร้ายก็เป็นหางเครื่อง ( ช่วยร้องเพลงด้วย )

ตัวร้ายทั้งแก็งค์ + นางเอกสามคน ก็เต้นระบำหลั่นล้า ดูจากนาฬิกาติดผนังในห้องนั้นแล้ว เห็นว่าเต้นไปประมาณสามชั่วโมง ( แข็งแรงกันดีนะ ) ตอนแรก ๆ เต้นกันยังไม่มีอะไร ตอนหลังก็เห็นว่ามีกองไฟปิ้งบาร์บีคิวอยู่ในห้องด้วย ( มีบาร์บีคิวประมาณสองสามไม้วางหมิ่น ๆ อยู่ข้างบน )

เข้าใจว่าเต้นกันนานเลยหิว ( มั้ง )

ระหว่างนั้น พระเอกสามคนก็แหกคุกออกมาอย่างเว่อร์ ๆ และไปจับตัวผู้กำกับหนังคนนึงมาปลอมเป็นตำรวจ เพื่อจะได้ทำเป็นว่าเอาตัวพวกตนมาแลกตัวประกัน ( ไม่เห็นมีใครบอกตูตอนไหนเลยว่าพระเอกมันรู้ที่ซ่อนตัวร้ายได้ไง )

หลังจากผู้กำกับแกล้งส่งตัวพระเอกให้ตัวร้ายแล้ว เหล่าพระเอกก็ปาระเบิดใส่ตัวร้าย ( ตัวร้ายอยู่ในบ้านหลังใหญ่ มีแม่น้ำคั่นตรงกลาง มีป้อมปืนทำด้วยไม้ สะพานไม้ ลักษณะเหมือนรังโจราทั่วไป )

ระเบิดก็แตกบึ้มเป็นควันสีแดงสีเหลือง

ใครก็ไม่รู้ก็ขนระเบิดไปให้พวกนางเอก + ผู้กำกับ + รมต. ที่ตัวร้ายมันเอาออกมาแลก สาว ๆ กับตาลุงสองคนนั้นเลยช่วยกันปาระเบิดสีอย่างหนุกหนาน โจรตายเกลื่อน

หลังจากนั้น พวกพระเอกก็กลับมาอีกครั้ง

ราวี...เปลี่ยนไปใส่ชุดหนังคล้าย ๆ อินเดียนแดง ขี่ม้าลุยเข้ามาพร้อมปืนกล

การันต์...ใส่ชุดหนังมัน ๆ แบบสิงห์มอเตอร์ไซค์ ขี่มอเตอร์ไซค์ติดปืนกลด้านหน้า บุกเข้ามาทางสะพาน

ใจสิงห์...ใส่ชุดธรรมดา ถือปืน และสะพายดาบ คือว่าดาบแบบหนังแฟนตาซี เล่มใหญ่ ๆ ทรงกางเขน

ตอนหลังแกก็ขว้างปืนทิ้ง ( กระสุนยังไม่ทันหมด ) แล้วเอาดาบไล่ฟันตัวร้ายด้วยความเท่

ทั้งสามคนก็สู้กับตัวร้ายแบบเวอร์ ๆ ด้วยระเบิดสี ปืนกล ปืนธรรมดา ปืนยิงตอร์ปิโด ไม้บิลเลียด ขวาน หลาว ดาบ เตะขาเดียว เตะสองขา ตีลังกาเตะ ชกมือเดียว ชกรัว เอาม้าเหยียบ เอามอไซเหยียบ เอาตีนเหยียบ ( มีจริง ๆ )

ในที่สุดก็ชนะ แต่ต้องเข้าคุกเพราะเผลอวิสามัญตัวร้าย ( เตะไปเตะมาเหมือนฟุตบอล ก่อนจะรุมกระทืบ และระดมยิงจนพรุน )

แต่เข้าใจว่าศาลคงตัดสินให้พ้นโทษไปได้ เพราะมัน "ทำดีต่อประเทศชาติ"

...สนุกจังหนังอินเดีย




 

Create Date : 03 กันยายน 2549    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2551 23:27:58 น.
Counter : 1035 Pageviews.  

ว่าด้วยหนังอินเดีย (4)

เรื่องนี้เป็นเรื่องโปรดของเรา ประมาณว่าดูแค่เรื่องเดียวก็คุ้มทุกซีนเหมือนดูหนังอินเดียหลายเรื่องรวมกัน

มันเป็นหนังแอคชั่น จึงมีตบตีกันเป็นพัก ๆ พระเอกเป็นพระเอกแอคชั่นตัวเก่งของอินเดีย เคยเห็นหน้าเห็นตาทางสารคดีดิสคอฟเวอรี่ด้วย

และ...ใช่...ฉากแอคชั่นของมันสะเด็ดมาก

#

กรุณานึกตาม

มีหมู่บ้านอินเดียแห่งหนึ่ง ท่ามกลางขุนเขา ( สำหรับวิ่งเล่นจีบสาว )

บนเนินเขาลูกหนึ่ง มีศาลาอยู่หนึ่งหลัง

ตัวร้ายสองคน ( หน้าตาเหมือนตัวร้าย ) เอาลังเหล้ามาตั้ง ปั้ก พร้อมกับทำหน้าชั่ว ๆ

ตัวร้าย : ฮ่าฮ่าฮ่า เราจะมาเปิดร้านเหล้าที่นี่เพื่อมอมเมาคนในหมู่บ้าน ฮ่าฮ่าฮ่า

ครั้นแล้ว พระเอกก็โผล่มา ( ต๊ะดึ่ง )

พระเอก : ( ชี้หน้า ) เอ็งมาทำอะไรที่หลุมศพพ่อตู

( ศาลาหลังนั้นเป็นหลุมพ่อพระเอกนี่เอง ตัวร้ายช่างเลือกฮวงจุ้ยได้เป็นมงคล )

ตามฟอร์มตัวร้ายที่ดี ตัวร้ายก็ซัมม่อนตัวร้ายมาอีกฝูงนึง ทุกคนแถกันเข้ามารุมตบตีพระเอก

พระเอกต่อสู้เป็นสามารถ

พระเอกคว้าขวดเหล้าขึ้นมา

คนดู: โอ้!

พระเอกเริ่มบีบขวดเหล้า..กรุ๊บ

คนดูเริ่มทึ่ง เพราะตอนที่ถือขึ้นมาดูยังไงมันก็เป็นขวดแก้ว แต่อีตอนที่ดังกรุ๊บนี่ กลายเป็นปั๊ดสะติกไปแล้ว

พระเอกบีบต่อไป...กรุ๊บ...กรุ๊บ...กรุ๊บ ( ขวดปั๊ดสะติกแหลกเชียว )

และแล้วพระเอกก็สะบัดมือกลับมา...พรึ่บ!

ตัวร้ายผงะถอยหลังด้วยความหยดหยอง

คนดูก็หยดหยองเหมือนกัน มือพระเอกมันมีเศษแก้วติดเต็มเลย เลือดไหลอาบเป็นน้ำตกเชียว

พระเอกอาศัยโอกาสนั้น ย้าก เอามือติดเศษแก้วนั่นแหละตรงเข้าไปตบตีตัวร้าย ตัวร้ายแต่ละคนโดยแก้วข่วนเป็นแผล ลงไปนอนตาย

พระเอกไล่ตัวร้ายต่อไปจนถึงคนสุดท้าย พระเอกเอามือกระแทกใส่หน้ามัน

พระเอกถอนมือขึ้นมา

แพนกล้องเปลี่ยนมุม เศษแก้วย้ายจากมือพระเอกไปอยู่ที่หน้าไอ้ตัวร้ายซวยนั่นหมด

แพนกล้องกลับมา มือพระเอกหายสนิทแล้ว ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

พระเอกทำหน้าหึหึ

คนดู : T^T

#

พระเอกงอนกับนางเอก ขี่มอไซแถก ๆ ไปตามถนน

ทันใดนั้น! ก็มีบ่วงบาศก์ลอยมา คล้องหนับลงที่ท้ายรถพระเอก

พระเอกขับต่อไปไม่ได้ เลยหันกลับมามอง

พบนางเอกนั่งอยู่บนหลังควาย

นางเอกสาวบ่วงบาศก์กลับมาด้วยสายตามุ่งมั่น

...สาว...สาว...สาว...

หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมันเถอะ แต่เราชอบควายตัวนั้นจัง

#

( มีอีก เดี๋ยวมาเล่าต่อ )




 

Create Date : 27 มีนาคม 2549    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2551 23:31:32 น.
Counter : 709 Pageviews.  

ว่าด้วยหนังอินเดีย (3)

กาลครั้งหนึ่งนานแสนนานมาแล้ว เคียวได้มีบุญดูมิวสิควีดีโออินเดีย

เพลงเป็นยังไงก็ไม่รู้หรอก ฟังภาษาอินเดียไม่เข้าใจ แต่ช่างมันเถอะ มันไม่ใช่ประเด็นหรอก

มิวสิคมันมีฉากตอนกลางคืน ฝนเทลงมา...ซ่า

กลางถนนมืด ๆ สายหนึ่ง มีพระเอกนางเอกออกมาเริงร่ากลางสายฝน แต่งตัวทันสมัย พระเอกออกแนววัยรุ่น นางเอกก็รุ่น แต่ใส่ส่าหรีนิดนึง ( เรียกส่าหรีดีมั้ยนะ มันแค่เอาผ้าพันตัวน่ะ ไม่ได้ใส่ครบชุด ) อีวัยรุ่นสองคนนี้ก็แดนซ์ วิ่งไปวิ่งมาอยู่บนถนน

วิ่งไปเจอรถ โอ้...รถ

แล้วก็ปีนขึ้นไปบนรถ ( ปีนทำไมเหรอ ) แล้วก็แดนซ์บนหลังคารถ ( อ๋อ ) แดนซ์ตั้งแต่กระโปรงหน้ารถ ขึ้นไปบนหลังคารถ ลงไปที่กระโปรงหลัง ฝนก็ตก อีสองคนนี้ก็เริงร่า หลั่นล้า โดดลงมาจากรถได้แล้ว ก็จับมือหมุนเหวี่ยงกันเป็นวงกลม หมุน หมุน หมุน หมุน

หมุนเสร็จแล้วก็ปล่อยมือ เริงร่าต่อไป

วิ่งไปเจอวงโยธวาทิต ( ครบทั้งวง ) กำลังเดินเล่นมากลางสายฝน

อีสองคนนั้นก็เริงร่าตัดหน้าวงโยไปมา อุ๊ยเธอ นี้กลองแหละ อุ๊ย นี่แตรแหละ หลังจากวุ่นวายกับวงโยที่ไม่รู้ว่ามีกำเนิดขึ้นมาทำไมแล้ว ก็วิ่งออกไปอยู่กลางถนนกลางสายฝนอีกรอบ

วิ่งไปสักพัก ไม่เจออะไรเลย

โอ๊ะ...ไม่มีพร็อบให้เล่นแล้ว ถนนโล่งตลอด

ไม่เป็นไร พระเอกรีบจับปลายส่าหรีนางเอกดึงสะบัด...วืดดดดดดด

นางเอกก็หมุนคว้างออกไป

แล้วพระเอกก็รั้งส่าหรีกลับมา

นางเอกก็หมุนกลับมา เกาะคอพระเอกหนับพอดีเป๊ะ

...เขาใช้พร็อบคุ้มดีนะ




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2551 21:59:36 น.
Counter : 507 Pageviews.  

ว่าด้วยหนังอินเดีย (2)

มีหนังอินเดียเรื่องหนึ่ง พระเอกชื่อคุณประกาศ

แกกำลังร้อนเงิน ( จำไม่ได้แล้วว่าทำไมถึงร้อน แต่ช่างเถอะ มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก )

อยู่มาวันหนึ่ง คุณประกาศก็ได้ยินข่าวประกาศ บอกว่ามีบริษัทนำเข้าจักรยานใหม่ กำลังหาคนไปเทสต์จักรยาน เขาบอกว่าถ้า "เทสต์สำเร็จ" จะได้หลายร้อยรูปี

แกก็สมัครไป ทำหน้าเหมือนจะไปตาย

ไอ้เราคนดูก็สงสัยเป็นบ้า ทำไมกะไปเทสต์จักรยาน ต้องทำหน้าเหมือนทหารจะไปทัพปานนั้น

พอถึงวันเทสต์จักรยานจริง คุณประกาศก็เอาผ้าขนหนูโพกกบาล ลากจักรยานแม่บ้านคันที่จะเทสต์ไปไว้ตรงวนเวียนน้ำพุเล็ก ๆ ท่ามกลางจัตุรัสลูกรัง มีอินเดียมุงมากมาย เพื่อนผู้ชายคุณประกาศก็...ประกาศ แกแมนมาก เพื่อนผู้หญิงคนประกาศก็บิดผ้าเช็ดหน้าร้องไห้

คุณประกาศก็ออกถีบจักรยาน

วนรอบน้ำพุจิ๋วรอบที่หนึ่ง วนรอบน้ำพุจิ๋วรอบที่สอง วนรอบน้ำพุจิ๋วรอบที่สาม

...ที่สี่ ที่ห้า ที่หก ที่เจ็ด ที่แปด..

ในที่สุดก็ได้ความประมาณว่า เพื่อจะเทสต์ความเจ๋งของจักรยานคันนี้ คุณประกาศเธอต้องถีบวนรอบน้ำพุนั่นสามวันสามคืน

เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าผ่านไปกี่วันแล้ว แต่คุณประกาศแกก็ถีบวนอยู่อย่างนั้นแหละ ฟ้าก็เห็นแจ้ง ๆ ตลอด ตาแกก็ลาย เห็นตึกรอบข้างเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ครบทุกศาสนา พอถีบไปอีกสักพัก คุณประกาศก็เหงื่อชุ่มทั่วสารพางค์ แล้วตาแกก็เริ่มเหลือก ๆ ลอย ๆ แต่แกก็ถีบสะเงาะสะแงะของแกไป

...ประกาศ พอเถอะประกาศ...เพื่อนผู้ชายแกร้อง

...ประกาศ พยายามต่อไป พยายามต่อไป...

น้องสาวหรือเพื่อนผู้หญิงสักคนของตาประกาศก็โศกจนเป็นลม ต้องปฐมพยาบาลกันวุ่นวาย

ตาประกาศก็ถีบจักรยานแม่บ้านคันนั้นต่อไป ไม่สนใครทั้งนั้น ตูแมน

...ถีบไป ถีบไป ถีบไป

วนรอบน้ำพุจิ๋วรอบที่สามหมื่นเจ็ดพันหนึ่ง วนรอบน้ำพุจิ๋วรอบที่สามหมื่นเจ็ดพันสอง

วน วน วน วน

แล้วในที่สุดคุณประกาศก็เอาขาเหยียบดิน ปั้ก

( อ้าว ครบสามวันแล้วเหรอ...คนดูที่กำลังจะหลับตื่นขึ้นมาใหม่ )

คุณประกาศเก็กหน้าสุดแมน เหงื่อพราว ทำท่าเหมือนจะตาย

มหาชนรอบลานน้ำพุจิ๋วนั่นก็โห่ร้องกึกก้อง ( มุงกันอึดดีนะ สามวันไม่เปลี่ยนเสื้อเลย ) พวกผู้หญิงก็หลั่งน้ำตาซาบซึ้ง เพื่อนคุณประกาศแบกคุณประกาศขึ้นบ่า แห่แหนออกไป

หวังว่าหลังจากนั้นจักรยานแม่บ้านจะขายดิบขายดี




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2551 21:58:26 น.
Counter : 528 Pageviews.  

1  2  

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.