ปัญหาการค้า(อำนาจ) : โดย ดร.เชิดชัย ขันธ์นะภา



หนึ่งในปัญหาทางเศรษฐกิจที่ประธานาธิบดีทรัมพ์เห็นว่ามีความสำคัญสำหรับสหรัฐอเมริกาและสำหรับชีวิตนักธุรกิจที่เขาได้ทำมาเกือบ50ปีคือข้อตกลงทางการค้าที่ชื่อ NAFTA ทรัมพ์ไม่ได้ ประณามข้อตกลงทางการค้าอื่นๆ เลย ซึ่งมีมากมายในโลก แต่ทรัมพ์ โจมตีเฉพาะNAFTA(ยกตัวอย่างในแวดวงที่เกี่ยวกับประเทศอาเซียน มีเวทีและกลไกของการเข้ามาร่วมรับผลประโยชน์ คือ เวที ASEAN + U.S.A. ซึ่งหากเวทีนี้ สะกัดผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ซึ่งจริงๆ ก็เกิดขึ้น และ ก็“กำกับ” ผลประโยชน์ที่จะไหลไปทางสหรัฐฯอยู่แล้ว ความ"ไม่ได้ ประโยชน์ที่ต้องการ” และข้อเสียเปรียบที่เกิดขึ้น ก็จะถูกยกขึ้นเป็น ปัญหาการเมืองระดับสูงสำหรับทรัมพ์ แต่ “อาเซียน” ยังไม่ถูกหวด)

 

NAFTA เป็นกลไกปกติด้านการค้า ที่มีเป้าหมายที่ต้องการเร่งเป้าหมายบางประการ ในสภาพปกติที่สิ่งนั้น “เร่ง” ไม่ได้ เช่น ต้องการเพิ่ม กำไรของผู้ผลิต(นายทุน) โดยทดแทนด้วยแรงงานต่างชาติ แทนการใช้ แรงงานชาติของตน หรือต้องการ “เร่ง” (ยกระดับ) คุณภาพของสินค้าที่ ผู้บริโภคต้องใช้ ด้วยการมีใช้สินค้าต่างประเทศ เช่น เสื้อเชิร์ตเท่ๆ แต่ ราคาย่อมเยา สินค้าอิเลคโทรนิคส์ที่ราคาย่อมเยา ฯลฯ ในขณะ  เดียวกัน กลไกประเภท NAFTA ก็เอามาใช้ ช่วยคนบางกลุ่มให้ร่ำรวย ขึ้นได้ (ซึ่งสามารถดึงมาเป็นฐานเสียงทางการเมืองได้ ซึ่งก็เป็นข้อสรุป ในขั้นตอนของการคลี่คลายถัดมา) เช่น กรณีการผลิตข้าวโพดในภาคกลางของสหรัฐฯ หรือข้าวสาลี หรือถั่วเหลือง สหรัฐฯ สามารถผลิต สินค้าเกษตรเหล่านั้นได้มากมายมหาศาล แล้วทำไมมันถึงไม่ทำให้ ชาวนาสหรัฐฯ ต้องขายผลิตภัณฑ์เหล่านั้น(ทิ้ง) ตันละหนึ่งเหรียญ สหรัฐฯ   (แบบที่ชาวนาชาวสวนไทยต้องขายบางผลผลิตทิ้งกิโลละหนึ่งบาทห้าบาท) ตรงนี้คือที่ๆกลไกแบบ NAFTA เป็นประโยชน์ นักการเมืองเขาก็ใช้กลไกการค้าระหว่างประเทศรุกตลาดในจีน รัสเซียและชาติอื่นๆ ที่ขาดผลิตภัณฑ์ หรือผลิตไม่พอ หรือผลิตและบริโภคอยู่แล้ว เพื่อ ที่สหรัฐฯ สามารถขายผลผลิตเข้าไปในตลาดนอกประเทศเหล่านั้น

การขายดังที่เพิ่งอธิบายนี้ ทำได้ไม่ง่าย ยิ่งขายให้คู่ปรับทางการ เมืองอย่างรัสเซีย หรือจีน แต่สหรัฐฯ ก็ได้ทำมาแล้ว นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ ทำให้ชาวนาสหรัฐฯ ร่ำรวย เพราะชาวนาลงคะแนนเสียงให้กับนักการเมืองที่ผลักดันการขายข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ฯลฯ ให้เขา แต่นอกจากกรอบวิธีการที่กล่าวมานี้แล้ว การขายสินค้าแบบนี้ให้คู่ปรับ ทางการเมือง มีนัยยะทางดุลอำนาจของชาติ และความคิดเก่าๆ เกี่ยว กับการเพิ่มกำลังอำนาจให้กับศัตรูของชาติ การช่วยให้รัสเซีย หรือจีน หาอาหารป้อนประชากรของเขาได้สะดวกในขณะที่รัสเซีย และจีน สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ เดินหน้าผลิตระเบิดนิวเคลียร์ที่ทรงพลังขึ้น ผลิตจรวดและยุทโธปกรณ์ที่ล้ำหน้าต่างๆ มากขึ้น ฯลฯ โดยไม่ต้อง กังวลว่าความขาดแคลนด้านอุปโภคบริโภคของตนจะเกิดและก่อแรง สะท้อนทางสังคมและสันติสุขภายในประเทศ ดังนั้น ถ้าให้น้ำหนักกับ พลังอำนาจของรัสเซีย/จีนที่เพิ่มขึ้น แลกกับสหรัฐฯ สามารถขายข้าว สาลี ถั่วเหลือง และข้าวโพด ได้เพิ่มขึ้นนักยุทธศาสตร์เขาจะมีความเห็น ประการใด แต่ถ้าเป็นปรปักษ์อย่างเปิดตัว เช่น มีสถานการณ์ลงไม้ ลงมือกัน สินค้าเหล่านี้ก็คือยุทธปัจจัย และประเทศก็ไม่ต้องค้าแล้ว แต่ ต้องเข้าสู่สภาวะ BLOCKADE กัน

ทุกวันนี้ คนทั้งหลายต่างก็ยอมรับกระแสโลกาภิวัตน์ แต่ทรัมพ์ไม่ เป็นเช่นนั้น เขาจะสกัดไม่ให้อุตสาหกรรมสหรัฐฯ ออกไปตั้งฐานการ ผลิตนอกประเทศ เพราะเขาต้องการให้คนอเมริกันได้ทำงาน(เท่านั้น) แต่ผู้ประกอบการ(นายทุน) ต้องมองให้เห็นกำไรที่ดีที่สุด เรื่องอะไรที่ นายทุนจะสร้างโรงงาน(ใหม่) ในสหรัฐฯ ถ้านายทุนสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน และ ค่าใช้จ่ายจากระเบียบกำกับธุรกิจที่มากมาย(และทำให้เกิดต้นทุนทั้งนั้น) ลงไปได้ถึง 50-80% ต้องเข้าใจว่าผู้ประกอบการต้องการเป็นนายทุนชั้นเลิศ(ตามนิสัย) วิธีแบบนี้แหละ(ไปผลิตที่ๆมี ต้นทุนต่ำ)ที่ทำให้เก็บเกี่ยวกำไรที่สูงที่สุดได้ และในการเจรจาทางการค้า(เช่น NAFTA) นายทุนก็จะกำกับผู้แทนการเจรจาของรัฐบาลให้ดูแล ให้อากรนำเข้าของสินค้าที่นายทุนผลิตในต่างแดน ไม่ต้องเสียอากร (FREE TRADE ! ไชโย) หรืออย่างเลว ก็ให้ระดับอากรนำเข้าฯ ต่ำติด ดินไปเลย

แล้วอะไรคือ TRADE ที่ FREE แต่ไม่ FAIR ต่อสหรัฐฯ ที่นาย ทรัมพ์บ่นถึง เขาเป็นนักการเมืองที่ตีหน้าเซ่อได้เก่งมาก นายทรัมพ์เป็น นักธุรกิจ เพราะฉะนั้น เขารู้ดี จะให้คนอเมริกันทำงานในโรงงาน อเมริกันรับค่าจ้างแพงๆ (มากกว่าคนงานเม็กซิกัน 6 เท่า) แล้วซื้อสินค้า อุปโภคบริโภค(ทีวี ตู้เย็น ดีวีดี แล้ปท๊อป สมาร์ทโฟน ฯลฯ) ที่มีราคา ติดดินแต่มีคุณภาพ ซึ่งต้องผลิตในจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทยแลนด์ ฯลฯ แล้วมาบ่นว่าประเทศอื่น “เอาเปรียบทางการค้า” (สหรัฐฯ ขาด ดุลการค้า) มันเป็นสมการที่ไม่สมดุลอยู่แล้ว แรงงานสหรัฐฯ ค่าแรง แพงๆ จะผลิตสินค้าที่ย่อมเยาได้ นายทุนต้องลงทุนมากๆ จีงจะเป็นไป ได้ ซึ่งนายทุน(สหรัฐฯ)ก็ไม่ยอมทำ (นี่คือเหตุผลสำคัญที่อุตสาหกรรม รถยนต์ สหรัฐฯ ถูกญี่ปุ่นตีกระจุย และสหรัฐฯ ก็เลิกโม้เรื่อง MOTOR – CAR CAPITAL ของโลก ไปแล้ว) สรุปคือ นายทุนสหรัฐฯ ไม่อยาก รับมือกับค่าแรงแพงๆ เช่นที่ต้องจ่ายในประเทศสหรัฐฯ ดังนั้นจากการ ค้นหาสาเหตุแล้ว ปรากฏว่าที่นายทรัมพ์บ่นว่าการค้าไม่ “FAIR” ก็ เพราะคนอเมริกันบริโภคสินค้ามากมาย มีรสนิยมสูง จึงนำเข้าจากต่าง ประเทศมากมาย ทำให้ขาดดุลมหาศาล อย่างนี้จะกล่าวหาต่างชาติได้ ยังไงว่าค้าขายไม่ “FAIR” จะเอาทั้งให้มีการนำเข้ามาบริโภค แล้วต้อง ไม่มีการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯหรือ อย่างนี้เรียกว่าฝันแล้งๆ (ถ้าเป็น คนธรรมดา) แต่ต้องเรียกว่าบ้าระห่ำแบบฮิตเลอร์(เพราะเป็นผู้นำ ประเทศ  รู้ดีว่าอะไรคือสาเหตุความเป็นมาทรัมพ์กำลังเล่นกลทางการเมือง คือการเอาใจ “ผู้ลงคะแนนเสียง” เพราะฉะนั้นเขาจะดูแลให้ “ผู้ลง คะแนนเสียง” ดูเหมือนว่ามีงานทำ (ในขณะเดียวกันถ้าต้องกดหัว นายทุนบ้าง เขาก็จะทำนิดหน่อยพอให้ดูสมเนื้อเรื่อง แต่ไม่เลือดตกยาง ออก) ในขณะเดียวกัน ก็มีการล็อคเอาไว้แล้วว่าคนอเมริกันต้องมี CAMRY ขับ มีสมาร์ทโฟนผลิตในเอเชียใช้ มีอิเล็กโทรนิคส์จากเอซีย ใช้ ฯลฯ คือ “ผู้ลงคะแนนเสียง” จะต้องอยู่ดีกินดี จะเห็นว่าทรัมพ์แบ่ง แยกคน (ด้วยนโยบายเข้มงวดด้านการเข้าเมือง (IMMIGRATION)) และแบ่งแยกโลก (ด้วยนโยบายหนึ่งเดียวโดดเดี่ยว (AUTARKY) เพราะเขาไม่ยอมรับโลกาภิวัตน์) คนที่ทรัมพ์ไม่ต้องการ จะถูกสกัดออก ด้วยนโยบายการเข้าเมืองของเขา โลกที่เขาไม่ต้องการจะถูกทับด้วย นโยบาย AMERICA FIRST

NAFTA เป็นตัวอย่างกรณีแรกของการจัดการระเบียบการค้าโลกแบบใหม่ ที่มหาอำนาจ(นี้)ต้องการมีอิทธิพลสามารถบงการโลกได้ ในขณะเดียวกัน สกัดและสงวนส่วนของตนเอง “ไม่ให้แปดเปื้อน” ซึ่ง หมายความว่า ทั้งหลายทั้งปวงที่สหรัฐฯทำ เช่น การขาดดุลการค้าและ ขาดดุลการชำระเงิน (รวมทั้งขาดดุลการคลังอีก) ล้วนเป็นพฤติกรรมที่เกิดเพราะต่างชาติ ต่างประเทศ “อเมริกาถูกกระทำ” ทั้งนั้น! ถ้าไปตำหนิ อเมริกาหรือเห็นต่างเข้า ทรัมพ์ก็จะบอกว่า “ยกเลิก”ข้อตกลง และล้ม กระดานกันดื้อๆ

ดีแล้วที่คานาดากับเม็กซิโกแนะให้ต่อรองใหม่ แทนที่จะชักมีดขึ้น “ตัดขาด” อย่างที่ทรัมพ์ขู่ โลกกำลังจับตาดูการเจรจาต่อไประหว่าง USA v. MEXICO และ CANADA ซึ่งสำคัญมาก มันเป็นการเขียน ประวัติศาสตร์กันใหม่สดๆเลย

ที่มา thaitribune




Create Date : 30 เมษายน 2560
Last Update : 30 เมษายน 2560 14:52:21 น. 0 comments
Counter : 302 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.