'ประยุทธ์' ลั่นแผนพัฒนาประเทศ เดินถูกทางเเล้ว



นายกรัฐมนตรี ยันแผนพัฒนาประเทศเดินมาถูกทางแล้ว เน้นสร้างงาน-สนับสนุนผู้มีรายได้น้อย-ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ-เพิ่มศักยภาพงานภาครัฐ

 

พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน"เมื่อวันที่ 2 มิ.. ว่า การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและ คสช. ที่ผ่านมานั้น ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่ได้รับรายงานว่ามีความสอดคล้องกับคำแนะนำของธนาคารโลก ในเรื่อง “การพัฒนาประเทศอย่างมีระบบ” ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ถือว่า “เรามาถูกทางแล้ว” โดยเน้น 4 มาตรการหลัก ได้แก่

(1) การสร้างงานที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น โดยการปรับปรุงการเชื่อมโยงในภูมิภาคด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้น การเพิ่มการแข่งขันผ่านข้อตกลงการค้าเสรี และพัฒนาอุตสาหกรรมด้วยการยกระดับเทคโนโลยีการผลิตและนวัตกรรม

(2) การสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยด้วยการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและทักษะให้กับกำลังแรงงานทั้งระบบการเพิ่มผลิตภาพในภาคเกษตร และการสร้างระบบคุ้มครองทางสังคมที่เข้มแข็งกว่าเดิม

(3) การสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมทั้งส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนพลังงานทางเลือก

 (4) การเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับองค์กรภาครัฐ เพื่อให้การดำเนินการปฏิรูปประเทศในเรื่องที่สำคัญบรรลุผลสำเร็จ ทั้งนี้การทำงานของรัฐบาลให้สัมฤทธิ์ผลนั้น จำเป็นต้องมีการติดตามและประเมินผลความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และต้องอาศัยเวลา ที่สำคัญก็คือ “ความเข้าใจและความร่วมมือ” จากทุกภาคส่วน

"ดังนั้น “ความปรองดอง” ในพจนานุกรมของผม ไม่ได้หมายความเพียง “การลบล้าง” ความขัดแย้งทางการเมือง และการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในอดีต ที่นำไปสู่ความแตกแยกในสังคมเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึง “การขจัด” เงื่อนไข – ประเด็นปัญหา – ข้อสงสัย – ข้อกังวลใจในโครงการต่างๆ ตามนโยบายรัฐบาลจนนำไปสู่ความเข้าใจ, ไว้ใจ และร่วมมือ หรือ “การมีส่วนร่วม” ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ “ฉบับปัจจุบัน” ให้สามารถขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศต่อไปได้ โดยปราศจากการต่อต้าน ความขัดแย้ง และมีผลประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เยาวชนได้รู้คุณค่าการประกอบอาชีพอื่นๆ ด้วยนะครับ เช่น ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวนอยากให้รู้ว่าการทำแต่ละอย่างออกมานั้น กว่าจะได้ผลนั้นยากเย็นเพียงใด อยากให้เห็นคุณค่า ความมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีของทุกอาชีพ ทุกรายได้ ทั้งหมดนั้นเป็นห่วงโซ่สำคัญนะครับ ที่จะเชื่อมโยงทุกๆ คนของสังคม เชื่อมโยงสิ่งแวดล้อมเศรษฐกิจฐานราก ฯลฯ ขอให้กระทรวง มหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆนะครับ ได้มีการสร้างภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยให้มีการนำเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนไปร่วมกันทำงานในพื้นที่นะครับ ศึกษาเรียนรู้ร่วมกันให้ได้ ให้เกิดความรักความสามัคคีไปได้ด้วยกันด้วยนะครับ

พี่น้องประชาชนที่รักครับ วันนี้ พวกเราคงต้องย้อนกลับทบทวนตัวเองอีกครั้ง ผมอยากให้ทุกกคนได้ถามตัวเองว่ามีความเข้าใจกับ “3 เรื่อง” ต่อไปนี้ อย่างถ่องแท้มากน้อยเพียงใด

(1) ศาสตร์พระราชา เช่น หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง, เกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นต้นนะครับ (2) ไทยแลนด์ 4.0 (3) เศรษฐกิจฐานราก

ผมก็ไม่อยากให้เป็นการรู้จักกันแต่เพียงหลักการเพียงผิวเผิน ก็แล้วแต่ละส่วนราชการ–ภาครัฐ– ภาคเอกชน–ภาคประชาสังคม ต่างก็นำไปพูด ไปกล่าวไปแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แต่เพียงเท่านั้นนะครับโดยอาจจะไม่เข้าใจสาระสำคัญว่า “ทั้ง 3 เรื่อง” นี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร ซึ่งโดยสาระ ความเป็นจริงแล้ว มีความเกี่ยวข้องกันอย่างแยกออกไม่ได้ สิ่งสำคัญก็คือการเรียนรู้ เพื่อนำ ไปสู่การปฏิบัติ โดยอาศัยหลักการของ “ศาสตร์พระราชา” เป็นพื้นฐาน เป็นเข็มทิศนำทาง

ซึ่งต้องใช้การประยุกต์ให้ตรงกับกิจกรรมของแต่ละบุคคล หรือแต่ละองค์กร ไม่ใช่เพียงการเรียกบุคลากรหรือประชาชนมาอบรม ติดป้าย มอบใบประกาศ แถลงข่าว คงพูดกันแต่ “กระพี้” นะครับ คือเปลือกนอกแต่ลืม “แก่นสาร” อันเป็นสาระสำคัญ

วันนี้นะครับ เราจำเป็นต้องหยิบยกตัวอย่างของการนำหลักการไปสู่การปฏิบัติที่สัมฤทธิ์ผล เป็นรูปธรรมจากทุกสถานีอบรม, จากทุกพื้นที่มาสร้าง เรียนรู้ร่วมกันนะครับ จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ“กว่า 4 พันแห่ง” ศูนย์การเรียนรู้ “นับหมื่นแห่ง” หรือศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ“ทั้ง 6 แห่ง” ทั่วประเทศ

โดยเราต้องจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับหลักการ ต้องดูถึงผลสัมฤทธิ์ของ “ศาสตร์พระราชา” ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้ประชาชนทุกระดับ ทุกกลุ่มอาชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ที่เพียงพอ และลดความเสี่ยงจากการถูกกระทำ หรือผลกระทบต่างๆ จากภายนอกด้วยนะครับ

วันนี้ รัฐบาลนี้ได้เดินหน้าสร้าง “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” โดยวางบทบาทเป็น “ผู้สร้างสะพาน” เชื่อมความร่วมมือระหว่างกลุ่มต่างๆ ในประชาคมโลก ภายใต้แนวคิด “เข้มแข็งไปด้วยกัน” และ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยน้อมนำ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 2030) ของสหประชาชาติ ไปแลกเปลี่ยนและสร้างการรับรู้ในเวทีระหว่างประเทศ จนได้รับการยอมรับมีผลสำเร็จเชิงประจักษ์ และมีความเป็นสากล

ปัจจุบันมีประเทศที่สนใจเข้าร่วมเป็น “SEP for SDGs Partnership” กับไทยแล้ว 22 ประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลมีแผนการดำเนินงานในอนาคต ได้แก่ การสร้างศูนย์การเรียนรู้ ชุมชนต้นแบบ ตามแนวหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในประเทศที่ไทยมีความร่วมมือมีการส่งเสริมการเรียนรู้ ทั้งในและนอกหลักสูตร ให้กับเยาวชนของเราในการขับเคลื่อน SDGs ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายกับเยาวชนโลก รวมทั้งการสร้างเครือข่ายกับองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐบาลนี้ ถือว่าเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ “การทูตประชารัฐ” เพื่อความมั่นคงและการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ส่งเสริมและยกระดับการทูตและการต่างประเทศของไทย โดยเน้นความร่วมมือในมิติ Soft Power เพื่อแสวงหาความร่วมมือรูปแบบใหม่ๆ ที่มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกันนะครับ"


ที่มา thaitribune




Create Date : 03 มิถุนายน 2560
Last Update : 3 มิถุนายน 2560 12:13:58 น. 0 comments
Counter : 449 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.