เลขาธิการนายกรัฐมนตรียืนยันไล่ออกจากราชการธาริต เพ็งดิษฐ์มีผล 3 เมษายน 2560 ไม่ได้บำนาญ
เลขาธิการนายกรัฐมนตรีชี้แจงไล่ออก ธาริต เพ็งดิษฐ์ มีผลตั้งแต่ 3 เมษายน 2560 เหตุร่ำรวยผิดปกติ 346 ล้านบาทช่วงเป็นอธิบดีดีเอสไอ เผยเป็นไปตามการไต่สวนข้อเท็จจริงของป.ป.ช.ทุจริตต่อหน้าที่เมื่อถูกไล่ออกไม่มีบำเหน็จบำนาญ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2560 พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีการมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการนายธาริต เพ็งดิษฐ์ว่า เรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า คณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติว่า นายธาริตร่ำรวยผิดปกติเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ และมีหนี้สินลดลงผิดปกติ รวมมูลค่า 346,652,588 บาท ทั้งนี้เป็นการดำเนินการตามมาตรา 80 (4) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ.2542 ที่กำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติแล้วให้ประธานป.ป.ช. แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการสั่งลงโทษไล่ออก หรือปลดออก โดยถือว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ พล.อ.วิลาศ กล่าวว่า แต่เดิมนายธาริตดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่ง ที่ 8/2557 ให้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี และเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2557 มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตามลำดับ เรื่องนี้จึงเป็นอำนาจของเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาที่จะเป็นผู้ออกคำสั่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รับเรื่องดังกล่าวจากสำนักงานป.ป.ช.ในช่วงปีที่ผ่านมา และได้ตรวจสอบประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการกรณีดังกล่าว โดยมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาโดยตลอด เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ทั้งนี้หน่วยงานดังกล่าวข้างต้นได้ให้ความเห็นสอดคล้องไปแนวทางเดียวกันว่า กรณีนี้เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาในการลงโทษตามที่กำหนดในมาตรา 80 (4) โดยไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอื่น ประกอบกับที่ผ่านมาได้มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดไว้ว่าการทุจริตต่อหน้าที่ราชการเป็นความผิดร้ายแรง ควรลงโทษไล่ออกจากราชการ จึงได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2560 ที่มา thaitribune
Create Date : 25 เมษายน 2560 |
Last Update : 25 เมษายน 2560 8:52:26 น. |
|
0 comments
|
Counter : 291 Pageviews. |
|
|