แสงไฟที่กระพริบอยู่เบื้องหน้าของชายนักเดินทาง ส่องสว่างระยิบระยับราวกับหิ่งห้อยนับล้าน ๆ ดวงมาอยู่รวมกัน สายตาของเขาเบิกโพลงแสดงถึงความอัศจรรย์ใจกับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า มันเป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา มีตึกสูงเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ แต่ละตึกสูงมีชั้นเป็นจำนวนมาก มากจนเขาเองก็ไม่อาจจะคาดคะเนได้ ในแต่ละชั้นของตึกประกอบไปด้วยดวงไฟดวงเล็ก ๆ ที่กระพริบต่อกันอย่างไร้ระเบียบ สร้างความปวดหัวให้กับใครก็ตามที่พยายามจ้องดูมัน และเมื่อแสงไฟกระพริบดวงเล็ก ๆ มาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ก็บังเกิดแสงสว่างให้กับเมือง ๆ นี้ มีชีวิตชีวาราวกับว่า ณ ที่แห่งนี้ไม่เคยหลับใหลแต่อย่างใด
แม้ว่าชายนักเดินทางเองจะอยู่ห่างเมืองนี้ไกลนับสิบกิโลเมตร แต่ก็สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวของเมืองได้อย่างราวกับได้ไปอยู่ชิดใกล้ เขามองเห็นแสงสว่างในทุก ๆ ที่ แต่ทว่าไม่ปรากฏมีบุคคลอาศัยอยู่เลย นอกจากบุคคลร่างโตจำนวนมากนอกกำแพง หรือว่าแสงสว่างนั่น จะทำให้มนุษย์ธรรมดา ๆ ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ซึ่งความคิดของเขาก็ใกล้เคียงความถูกต้องมากขึ้น เมื่อเดินทางเข้าใกล้ประตูเมืองทุกขณะ
มียามรักษาการณ์ร่างยักษ์ยืนคุมกำแพงทางเข้าอยู่ ร่างกายของมันสูงเหนือต้นไม้ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ อาจจะสูงกว่าต้นไม้ที่อยู่ในป่าที่เขาเดินผ่านมาเสียด้วยซ้ำ
ชายนักเดินทางรู้สึกลังเลเพราะไม่แน่ใจถึงภัยอันตรายอันใดที่รออยู่ข้างหน้า เขาเองอยากจะเดินถอยหลังและเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้เขาต้องเดินเข้าไปในประตูเมือง เพื่อตามหาที่มาของแสงสว่างนั่น
มีมนุษย์อยู่ตรงนั้น
เสียงยักษ์ทหารยามตาดีร้องดังออกมา เมื่อมันมองเห็นร่างของชายนักเดินทางแต่ไกล พร้อมกับกระทืบเท้าเป็นการให้สัญญาณอันตรายกับพรรคพวกของตน ไม่ช้าทหารยักษ์นับสิบตนก็กรูกันเข้ามาล้อมจับชายนักเดินทางเอาไว้ โดยที่เขาเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
มนุษย์น้อย
เจ้าเป็นใครกัน มาที่นี่ด้วยธุระอันใด ยักษ์ตัวแรกตะโกนถาม ซึ่งแม้ว่าจะไม่ต้องตะโกน เขาเพียงได้ยินเสียงยักษ์ตนนั้นพูดเบา ๆ แก้วหูก็แทบสั่นสะท้านอยู่แล้ว
ผม
ผมเป็นนักเดินทางครับ กำลังเดินทางไปยังดินแดนนิพพาน บังเอิญผ่านมาทางนี้ ไม่มีเจตนาบุกรุกที่หวงห้ามหรอกครับ
ชายนักเดินทางสารภาพ แม้คำตอบตอนท้ายจะดูขัดกับความตั้งใจแรกก็ตาม
ที่นี่ไม่มีนิพพง นิพพานอะไรทั้งนั้น เจ้ารีบไปซะ ไม่งั้นร่างของเจ้าจะต้องถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ แน่ ยักษ์ตนที่สองขู่ แต่ดูท่าทางพวกมันจะเอาจริง ทำให้ชายนักเดินทางรู้สึกตัวสั่นไปทั้งตัว เพราะเจ้ายักษ์ตนสองไม่พูดอย่างเดียว มันเอาหมัดอันใหญ่โตฟาดลงบนต้นไม้ต้นใหญ่ใกล้ ๆ ทำให้ต้นไม้นั่นหักโค่น ราวกับมนุษย์เราถอนหญ้าทิ้งก็ไม่ปราน
เดี๋ยวก่อน ๆ สหาย เมื่อร้อยปีก่อน นายท่านเราสั่งว่าหากเจอคนที่พูดถึงดินแดนนิพพานให้แจ้งนายก่อน อย่าเพิ่งด่วนทำอะไร ข้าคิดว่ามนุษย์นี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เรารีบแจ้งต่อเจ้านายกันก่อนเถอะ
ยักษ์ตนแรกที่เป็นผู้เห็นชายนักเดินทางก่อนใครพูดเตือนสติท่านคิดมากไปหรือเปล่า คำสั่งของนายท่านผ่านมาร้อยกว่าปีแล้ว ข้าว่านายท่านคงลืมไปแล้ว อย่าเสียเวลาเลย ข้าว่าไล่เจ้ามนุษย์นี่ไปเสียดีกว่า ไม่งั้นเราจะโดนต่อว่าแน่ ๆ เจ้ายักษ์ตนที่สองยืนกรานไม่เห็นด้วย แต่เนื่องจากชุมนุมยักษ์นั้นมีอยู่หลายตน และยักษ์เสียงส่วนใหญ่ก็ระลึกคำสั่งของนายได้ จึงมีมติแจ้งเรื่องต่อเจ้านายผู้เป็นหัวหน้าใหญ่เสียก่อน
ธรรมดายักษ์นั้นมีนิสัยดุร้าย เกรี้ยวกราดง่าย มีอารมณ์ฉุนเฉียว การที่ใครก็ตามทำให้บรรดายักษ์รู้จักเหตุผลและเชื่อฟังคำสั่ง แสดงว่าต้องเป็นคนที่มีฤทธิ์มากเป็นแน่ ชายนักเดินทางคิด ซึ่งความคิดของเขาก็ไม่ได้ไกลความจริงนัก เพราะไม่นานหลังจากได้รับแจ้งจากลูกสมุนนายทวารยักษ์ ก็มีคำสั่งให้นำตัวชายนักเดินทางเข้าพบนายผู้เป็นคุมกฎของดินแดนนี้ และเป็นผู้ที่มีอำนาจในการชี้เป็นชี้ตายต่อทุก ๆ ชีวิตในดินแดนนี้เลยทีเดียว
ชายนักเดินทางถูกนำตัวมายังห้องโถงที่กว้างขวางมาก ๆ มีเพดานสูงลิบตาจนมองแทบไม่เห็นเพดานอาคาร ในระหว่างที่เขาถูกนำตัวมา ทุก ๆ ที่เขาเดินผ่านจะมีแสงสว่างเล็ก ๆ คล้ายหลอดไฟกระพริบ ๆ อยู่โดยตลอด เขาสังเกตเห็นตึกสูงลิบหลายพันชั้น ปริมาณของตึกก็มหาศาลจนแทบบรรยายไม่ถูก
นี่มันที่ไหนกันแน่
ชายนักเดินทางร้องอุทานเบา ๆ และแล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
สวัสดี
พ่อหนุ่มน้อย นักเดินทาง
เสียงชายวัยกลางคนดังก้องรอบทิศ แม้น้ำเสียงนั้นฟังดูธรรมดา แต่แฝงด้วยอำนาจและพลังบางอย่าง จนทำให้ต้องขนลุกชัน
ท่านเป็นใคร
ชายนักเดินทางร้องถาม แม้ว่าจะยังไม่เห็นร่างของเจ้าของเสียง แต่ไม่นานนัก ร่างของบุรุษผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้น รูปร่างของชายผู้นั้นใหญ่โตมากกว่าบรรดายักษ์เฝ้าประตูนับสิบเท่า รอบ ๆ กายของบุรุษผู้นั้นมีควันจาง ๆ ลอยฟุ้งอยู่ตลอดเวลา ทำให้อนุมานเสื้อผ้าการแต่งกายลำบาก แต่ดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับชุดของกษัตริย์โบราณ ที่เขาเคยได้ยินมาจากคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อน
เราเป็นผู้คุมกฎที่นี่ เรารอพบคนเช่นเจ้ามานานนับร้อยปีแล้ว ด้วยคำพูดนั้นทำให้ชายนักเดินทางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็มีคำถามอื่นที่ต้องการคำตอบมากกว่า
แล้วที่แห่งนี้คือที่ไหนกันครับ
ที่นี่ก็คือ ดินแดนเก็บความปรารถนาของสัตว์ในจักรวาลนี้
ไงล่ะ ฮึ ๆ ๆ ... ชายผู้คุมกฎตอบ พร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ ที่ก้องไปรอบทิศ
-จบตอนที่ ๑-
ขอบคุณรูปภาพจาก //www.dhammathai.org/articles/data/imagefiles/654.jpg มากมายครับ
ตั้งเป็นกฏ..ที่จิต..ติดเป็นผัง
ถึงดินแดน..จะไป..หลังกายพัง
คือไปยัง..แดนนิพพาน..นั่นยังไง