ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๑๔๕-วงล้อมของเงากิเลส



ฝนที่ตกมาในตอนเช้า ทำให้ชายนักเดินทางจำเป็นต้องหยุดการเดินทางสักพักหนึ่ง
เขาหาที่หลบฝนที่เงื้อมผาแห่งหนึ่ง เป็นที่เหมาะกับการหยุดพัก หยุดพิจารณาถึงการเดินทาง เมื่อไม่กี่วันมาที่ผ่านมา เขาได้พบกับคนที่เป็นอาจารย์ในอดีต ท่านเป็นคนที่ได้ให้คำแนะนำ อบรม สั่งสอนให้เขารู้จักการเดินทาง เพื่อไปสู่ดินแดนที่มีชื่อว่าพระนิพพาน

แต่เขาก็ต้องจำใจเดินจากผู้เป็นอาจารย์มา อย่างไม่อาจฝืนโชคชะตาตัวเองได้

ลมพายุได้พัดเอาความหนาวเหน็บเข้ามาเยือน อากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายที่อ่อนล้าจากการเดินทาง เริ่มปรารถนาอยากจะได้สถานที่พักผ่อน ที่มีความมั่นคงมากกว่านี้

นานมาแล้วที่เขาไม่เคยหยุดการเดินทางเลย การได้พักเสียบ้าง คงพอจะทำให้ร่างกายและจิตใจได้ฝื้นตัวขึ้นมา ไม่เพียงแต่ร่างกายเท่านั้นที่ล้า แม้แต่จิตใจของชายนักเดินทางก็เริ่มอ่อนล้าลงเช่นกัน เมื่อไม่สามารถหาที่ที่เหมาะสมมากกว่านี้ได้ เขาคิดว่าที่แห่งนี้แม้จะไม่ใช่ที่ที่ดีนัก แต่ก็คงสามารถให้ความปลอดภัยแก่เขาได้ในระดับหนึ่ง เขาจึงเอนตัวลงนอนราบกับพื้น แล้วหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

…

เสียงคุยของคนกลุ่มหนึ่งดังเข้ามากระทบยังโสตของชายนักเดินทาง เขาพยายามเปิดเปลือกตาออกมาเพื่อสำรวจดูเจ้าของต้นเสียง แต่เปลือกตานั้นก็หนักเอาการ มันไม่ยอมที่จะเปิดขึ้นได้ง่าย ๆ ตามคำสั่ง เขาฝืนพยายามอยู่นานที่บังคับเปลือกตาให้เปิดออก ในที่สุดก็สำเร็จ เขากวาดสายตามองบริเวณที่เขานอนอยู่ มีมนุษย์จิ๋วจำนวนมาก ตั้งวงล้อมเขาอยู่ ทุกคนมีหน้าตาเหมือนกันหมด แต่มีคนคนหนึ่งซึ่งท่าทางจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เพราะมีความสูงกว่าคนอื่น และอยู่ใกล้ชายนักเดินทางมากที่สุด การสนทนาระหว่างชายนักเดินทางและมนุษย์จิ๋วจึงเริ่มต้นขึ้น

“ตื่นแล้วเหรอครับนาย...”มนุษย์จิ๋วผู้เป็นหัวหน้าพูด
ชายนักเดินทางรู้สึกตกใจกับสภาพของมนุษย์ตัวเล็กประหลาด และยังสามารถพูดสื่อสารกับคนได้อีก เมื่อเขาคืนสติได้จึงรีบไถลตัวไปชิดกับผนังของกำแพงหิน เพราะเริ่มไม่แน่ใจในความปลอดภัยของตัวเอง
“พวกคุณเป็นใครกัน แล้วผมอยู่ที่ไหน” ชายนักเดินทางถาม

มีเสียงหัวเราคิก ๆ ดังมาจากมนุษย์จิ๋วบางกลุ่ม แต่นั่นก็ได้ทำให้ชายนักเดินทางรู้สึกกังวลมากขึ้น
“อ้าว ...นายลืมพวกผมแล้วเหรอครับ พวกผมคือคนที่คอยช่วยเหลือนายตลอดเวลานะครับ”
“ช่วยเหลือผมอย่างนั้นหรือ ทำไมผมจึงไม่ทราบ หรือ เคยเห็นพวกคุณมาก่อนเลย” ชายนักเดินทางถาม
“นายเดินทางมาถึงที่นี่ก็เพราะพวกผมนะครับ พวกผมคือส่วนหนึ่งของนายนะครับ”
ชายร่างจิ๋วที่ตัวสูงที่สุดพุด

เรื่องพิศดาร ลึกลับได้เกิดขึ้นกับชายนักเดินทางมามากนักต่อนักแล้ว เรื่องนี้อาจจะเป็นอีกเรื่องซึ่งไม่เกินความคาดหมายของเขานัก เมื่อเขาคืนสติได้พอสมควรแล้วจึงถามต่อไปว่า

“ส่วนหนึ่งหรือ อะไรคือส่วนหนึ่งที่คุณบอก”
เสียงร้องไห้งอแง เริ่มดังขึ้นจากมนุษย์จิ๋วกลุ่มหนึ่่่่ง
”ความทรงจำของมนุษย์นี้ มีข้อจำกัดเหลือเกิน” มนุษย์จิ๋วคนเดิมเปรยขึ้น

ความทรงจำของมนุษย์เหรอ ชายนักเดินทางก็เป็นมนุษย์ เขาเรียนรู้แล้วว่าความทรงจำของ ผู้ที่เดินทางจะค่อย ๆ เลือนหายไปเรื่อย ๆ หรือว่าบุคคลจิ๋วเหล่านี้ คือเพื่อนที่ไม่ได้พบกันนาน เหมือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับผู้เป็นอาจารย์

เขาตัดสินใจที่จะสนทนา เพื่อดูท่าทีของมนุษย์จิ๋๋๋๋๋วกลุ่มนั้นไปก่อนสักระยะหนึ่ง
“พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของนายยังไงล่ะครับ นายเคยอยู่กับพวกเรามานานแสนนานแล้วครับ วันนี้เป็นวันที่พวกเราได้มีโอกาสออกมาจากตัวของนาย” คนที่ดูท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่มพูด

“พวกคุณคือ...” ชายนักเดินทางมีท่าทีพอจะนึกออก
“ใช่ครับ ผมคือ บรรดากิเลสที่อยู่กับตัวนายมานานแสน พวกเราเติบโตมาพร้อมกับนายครับ จริง ๆ แล้วต้องพูดว่ากับสัตว์ทุกตัวที่ยังอาศัยเกาะเกี่ยวอยู่ในวัฏฏะนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่สักหน่อย ที่นายสามารถมองเห็นพวกเรา และแยกแยะความเป็นจิตและตัวตนออกมาได้ คนทั่วไปที่ยังหลงไหล อยู่ในวงวนแห่งวัฏฏะ แม้ดวงตาของเขาจะเปิดกว้างอยู่ตลอดเวลา แต่หากยังไม่มองเห็นพวกเรา ก็ได้ชื่อว่าคน ๆ นั้นยังตาบอดอยู่ครับ” ชายคนนั้นอธิบายต่อ

ชายนักเดินทางพยายามจะเข้าใจเหตุและผลตามที่เขาอธิบายมา

“นายสังเกตุเห็นพวกเราดีแล้วใช่มั้ย พวกเราจริง ๆ แล้วมีมากกว่านี้อีก ที่นายยังมองไม่เห็น บางพวกเป็นพวกมารร้ายที่แฝงอยู่ในสันดานจิตที่ละเอียดที่สุด พวกนี้ไม่ค่อยจะแสดงตนมาหากว่ายังไม่ถึงเวลา พวกผมที่นายเห็นนี้ล้วนแต่เป็นกิเลสฝ่ายดีทั้งนั้น บางกลุ่มจะเป็นพวกที่อ่อนแอ อ่อนไหวต่อความรู้สึกผิดชั่ว บางพวกเป็นกลุ่มของศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ พวกนี้จะมาปรากฎให้นายได้เห็นก่อน ซึ่งตัวผมเองนั้นเป็นหัวหน้า มีชื่อว่าปัญญา” ผู้เป็นหัวหน้ากล่าว

“ปัญญาเหรอ ปัญญาที่หมายถึง ความรู้แจ้งเห็นจริงอย่างนั้นเหรอ” ชายนักเดินทางถาม
“ที่นายพูดถึงนั้นยังห่างไกลนัก ปัญญาที่นายว่าเป็นปัญญาที่สุงสุด ละเอียดที่สุด จะปรากฏให้นายเห็นเองหากถึงเวลาที่สมควร เมื่อถึงเวลานั้นนายอย่างรู้อยากเห็นสิ่งใด ก็จะไม่มีอะไรมาขัดขวางนายได้อีก”
ชายนักเดินทางพยักหน้ารับ เขามีคำถามอีกมากมายที่ต้องการถามชายที่มีชื่อว่าปัญญา แต่ด้วยความหนาวเหน็บ และลมกระโชกแรงวูบหนึ่งได้พัดผ่านมา ทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน

-จบ-

ในชีวิตประจำวันของเรา ๆ ท่าน ๆ ต่างก็ประสบต่ออารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ความผิดชอบชั่วดีกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ละวินาที หากองค์ประกอบของอารมณ์นั้นไม่ได้ประกอบด้วยสติ ระลึกรู้เท่านั้นต่ออกุศลกรรมนั่น ๆ แล้ว เราก็จะตกอยู่ภายใต้การครอบงำของกิเลสฝ่ายต่ำทันที สิ่งเหล่านี้เปรียบเหมือนทหารที่ถูกวงล้อมของเหล่าข้าศึกคือ กิเลส ซึ่งได้ตีวงล้อมไว้ทุกด้าน ยากที่จะตีฝ่าออกไปได้ หากขาดอาวุธที่เรียกว่าสติ และปัญญาที่สมบูรณ์...ครับ




Create Date : 06 เมษายน 2552
Last Update : 6 เมษายน 2552 12:34:41 น. 6 comments
Counter : 1388 Pageviews.

 
ใช่ค่ะ ต้องมีอาวุธและโล่ต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้
..
แวะมาส่งความสุขให้คุณอัสติสะค่ะ


โดย: Nissan_n วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:14:03:14 น.  

 
วันนี้เขียนได้ดีจริงๆ (ขอชม)
อุปมาอุปมัยก็ได้อย่างสมจริง
ขอเป็นกำลังใจให้เขียนต่อไปเรื่อยๆ


โดย: เชอรี่ข้างขวา IP: 118.174.181.165 วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:14:24:55 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ

ถึงวันนึง
นักเดินทาง
จะไม่เดินทาง











โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:8:03:11 น.  

 
ไมไ่ด้ไปไหนเลยครับ
ผมทำงานทุกวัน

แล้วก็ไม่ชอบออกไปเที่ยวช่วงเทศกาลครับ
มีแต่คนเมาครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:8:30:30 น.  

 

มีความสุขมากๆนะเจ้าคะวันนี้


โดย: yoja วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:13:18:50 น.  

 


มาส่งคุณอัสติสะ เข้านอนค่ะ
ปล.ติดไว้ก่อนน๊า..ง่วงนอนแล้วค่ะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเข้ามาอ่านอีกครั้งค่ะ


โดย: มินทิวา วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:20:54:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.