* * * * โขนนางลอย * * * * บล็อกที่ 806
* โขนนางลอย *
รูปประกอบบล็อกในวันนี้ เป็นฝีมือของ สุพจน์ กูรูห้องกล้อง แห่งเว็บพันทิป
จขบ. นำมาจาก เว็บ Multiply ของน้าสุพจน์ ขอขอบพระคุณ น้าสุพจน์ เป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้
02
03
04
โขนนางลอย เป็นโขนพระราชทาน เปิดการแสดงเมื่อวันที่ 22 - 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 จำนวน 7 รอบ และเมื่อวันที่ 19 - 24 พฤศจิกายน 2553 อีกจำนวน 7 รอบ โดยในรอบปฐมทัศน์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 19.30 น. นั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแสดง
ที่เรียก 'โขนนางลอย' ซึ่งจัดโดยมูลนิธิศิลปาชีพ ว่า โขนพระราชทาน เพราะเกิดจากพระราชปรารภของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ทูลต่อสมเด็จพระราชินี ด้วยทรงกังวลว่า "โขน น่าเป็นห่วง ไม่ค่อยมีคนดู" สมเด็จท่านตรัสตอบว่า "ถ้าไม่มีใครดู แม่ดูเอง" แล้วจึงตามมาด้วยการพัฒนารูปแบบการแสดง การสร้างเครื่องแต่งกายใหม่ แนวทางการแต่งหน้าใหม่ การสร้างฉากที่วิจิตรงดงามและอลังการ กลายเป็นโขนที่สมบูรณ์ในรัชสมัยรัชกาลที่ 9
05
06
07 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมภรรยา (นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น)
08 ท่านมุ้ย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล
09 แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์
10
โขนนางลอยครั้งนี้ ปรับปรุงจากบทพระราชนิพนธ์ใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ซึ่งทรงเรียบเรียงสำหรับใช้ในงานรับแขกบ้านแขกเมืองในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งบทพระราชนิพนธ์นี้จะมีการแสดงรำกิ่งไม้เงินทองเป็นชุดรำเบิกโรงด้วย
11
12
เนื้อเรื่องโขนนางลอย เป็นตอนที่ทศกัณฐ์คิดหาหนทางเพื่อจะตัดศึกจากพระราม จึงสั่งให้นางเบญกายแปลงกายเป็นนางสีดาทำทีตายลอยน้ำไปที่หน้าพลับพลาที่ประทับของพระราม เพื่อลวงให้พระรามเข้าใจผิดว่านางสีดาตายและจะได้ยกทัพกลับ นางเบญกายไม่สามารถขัดขืนคำสั่งได้ และขอไปพบนางสีดาที่สวนขวัญท้ายอุทยาน เนื่องจากตนเองนั้นไม่เคยพบเห็นรูปร่างหน้าตาของนางสีดามาก่อน ทศกัณฐ์จึงสั่งให้ตั้งขบวนวอสีวิกากาญจน์และเครื่องยศนำนางเบญกายไปสวนขวัญที่ประทับของนางสีดา
- เพลงทองย่อย
จึงตรัสสั่งเบญกายกัลยา จงแปลงเป็นสีดามารศรี
ทำตายลอยไปในวารี อยู่ที่ฉนวนท่าพลับพลาไชย
เมื่อพระรามลงสรงคงคา จะคิดว่าเมียรักตักษัย
เห็นจะล่าเลิกทัพกลับไป เราจะได้สิ้นทุกข์สุขสำราญ
13
14
15
1
- เพลงทะแย
ขึ้นทรงวอสุวรรณพรรณราช วิสูตรม่านมิดปิดป้อง
โขลนจ่าเถ้าแก่แซ่ซร้อง ออกจากท้องฉนวนในไคลคลา
2
ลักษณะบทโขน ประกอบด้วย บทร้อง บทพากย์ และบทเจรจา
บทร้อง จะบรรจุเพลงไว้ตามอารมณ์ของเรื่อง บทร้องแต่งเป็นกลอนบทละครเป็นส่วนใหญ่
บทพากย์ โดยทั่วไปเนื้อเรื่องจะเดินเรื่องด้วยบทพากย์ ซึ่งแต่งด้วยคำประพันธ์ชนิดกาพย์ยานี 16 หรือ กาพย์ยานี 11
บทเจรจา เป็นบทกวีที่แต่งเป็นร่ายยาวส่งและรับสัมผัสกันไปเรื่อยๆ ปัจจุบันบทเจรจาได้แต่งไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้พากย์เจรจาจะว่าไปตามบทโดยใช้เสียงและลีลาให้เหมาะกับตัวโขน และใส่ความรู้สึกให้เหมาะกับอารมณ์ในเรื่อง
คนพากย์และเจรจานี้ ใช้ผู้ชายไม่น้อยกว่า 2 คน จะได้โต้ตอบกันทันท่วงที เมื่อพากย์หรือเจรจาจบกระบวนความแล้ว ต้องการจะให้ปี่พาทย์ทำเพลงอะไรก็ร้องบอกไป เรียกว่า "บอกหน้าพาทย์" และหากการแสดงโขนนั้นมีขับร้อง คนพากย์และเจรจาจะต้องทำหน้าที่บอกบทด้วย การบอกบทจะต้องบอกให้ถูกจังหวะ
16
17
ที่สวนขวัญ นางเบญกายได้เข้าเฝ้านางสีดาพร้อมกับร้องไห้คร่ำครวญว่า ตนเองเป็นบุตรีของพิเภกและนางตรีชฏาข้ารับใช้ของนางสีดา ระหว่างทูลเรื่องราวของตนเองนั้นได้แอบลอบชำเลืองมองและจดจำรูปโฉมของนางสีดา ครั้นจดจำได้อย่างแม่นยำจึงทูลลากลับ
3
นางเบญกายแปลงกายเป็นนางสีดาไปเข้าเฝ้าทศกัณฐ์ในท้องพระโรง ช่วงนี้มีการแสดงรำฉุยฉายเบญกายแปลง
18
19
20
ปี่พาทย์ทำเพลงรัว
ร้องฉุยฉาย
ฉุยฉายเอย จะเข้าไปเฝ้าเจ้าก็กรีดกราย
เยื้องย่างเจ้าช่างแปลงกาย ให้ละเมียดละม้ายสีดานงลักษณ์
ถึงพระรามเห็นทรามวัย จะฉงนพระทัยให้อะเหลื่ออะหลัก
งามนักเอย ใครเห็นพิมพ์พักตร์ก็จะรักจะใคร่
หลับก็จะฝันครั้นตื่นก็จะคิด อยากเห็นอีกสักนิดหนึ่งให้ชื่นใจ
งามคมดุจคมศรชัย ถูกนอกทะลุในให้เจ็บอุรา
- ร้องแม่ศรี
แม่ศรีเอย แม่ศรีรากษสี
แม่แปลงอินทรีย์ เป็นแม่ศรีสีดา
ทศพักตร์มลักเห็น จะตื่นจะเต้นในวิญญาณ์
เหมือนล้อเล่นให้เป็นบ้า ระอาเจ้าแม่ศรีเอย ฯ
อรชรเอย อรชรอ้อนแอ้น
เอวขาแขนแมน แม้นเหมือนกินนรี
ระทวยนวยนาด วิลาสจรลี
ขึ้นปราสาทมณี เฝ้าพระปิตุลาเอย ฯ
ปี่พาทย์ทำเพลงเร็ว - ลา
4
ทศกัณฐ์เมื่อเห็นนางสีดาเบญกายแปลงมาเข้าเฝ้า ก็สำคัญผิดคิดว่าเป็นนางสีดาจริงๆ จึงตรงเข้าไปเกี้ยวพาราสีด้วยความเสน่หา สร้างความตลกขบขันให้แก่หมู่เหล่านางกำนัลเป็นอย่างยิ่ง นางเบญกายเกิดความอับอายจึงแปลงร่างกลับคืนดังเดิม ทศกัณฐ์เห็นนางสีดากลับคืนร่างเป็นนางเบญกายก็รู้สึกเก้อเขิน จึงรับสั่งให้นางเบญกายรีบแปลงร่างเป็นนางสีดา ทำทีตายลอยไปให้ พระรามเข้าใจผิดจะได้เลิกทัพกลับไป
21
22
23
24
- เพลงคลื่นกระทบฝั่ง
เมื่อนั้น องค์ท้าวทศพักตร์ยักษา
ครั้นเห็นเบญกายจำแลงมา สำคัญว่าสีดานารี
แย้มยิ้มพยักหน้าง่าพระหัตถ์ พลางดำรัสตรัสเชิญนางโฉมศรี
เห็นหยุดยั้งรั้งรอไม่จรลี อสุรีรีบมารับฉับไว
- เพลงลีลากระทุ่ม
เข้าชิดพิศดูไม่วางตา น้อยหรืองามนักหนาน่ารักใคร่
แสนคิดพิศวาสเพียงขาดใจ จึงปราศรัยทอดสนิทติดพัน
- เพลงโอ้ชาตรี
ยอดเอยยอดมิ่ง เป็นความในใจจริงทุกสิ่งสรรพ์
หวังสวาทมาดหมายไม่วายวัน จะรับขวัญนัยนามาธานี
พี่ผูกใจจึงไปดลจิตเจ้า ให้โฉมยงนงเยาว์มาหาพี่
จงผินผันพักตรามาข้างนี้ พูดจาพาทีบ้างเป็นไร ฯ
5
6
25 เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ชมโขนนางลอย
26
27 นางเบญจกายในร่างนางสีดาเหาะไปยังเชิงเขาเหมติรัน (เหาะจริง)
7
28 พลับพลาพระรามริมฝั่งน้ำ
- เพลงช้าปี่
เมื่อนั้น พระตรีภพลบโลกนาถา
บรรทมตื่นจากที่ศรีไสยา พอเวลารุ่งแจ้งแสงอุทัย
- เพลงหรุ่ม
เผยพระแกลแลดูดาวเดือน เห็นคล้อยเคลื่อนเลื่อนลับเหลี่ยมไศล
แสงทองส่องฟ้านภาลัย จวนจะใกล้ไขสีรวีวรรณ
8
- เพลงรื้อร่าย
จึงดำรัสตรัสชวนอนุชา ลงจากพลับพลาผายพัน
พร้อมพวกกระบี่นี่นั่น จรจรัลไปยังฝั่งนที
- เพลงเต่าเห่
งามเอยงามสรรพ งามกระบวนคั่งคับแถววิถี
สองกษัตริย์เสด็จจรลี ไปสรงวารีเล่นเย็นเย็น
ลิงหลามตามเสด็จเห็น เป็นหมวดเป็นหมู่ดูน่าชม
บ้างหาเหาบางเกาหู บ้างจับเลนดูแล้วเด็ดดม
บ้างแล่นไล่ขึ้นไม้ห่ม บ้างโลดล้มละเลิงใจ
นายหมวดคนหนึ่งจึงร้องห้าม ว่าอย่างซุ่มซ่ามซุกซนไป
ว่าแล้วพากันคลาไคล ตามเสด็จไปยังฝั่งนที
29
30
31
9
พระรามเมื่อเห็นนางเบญกายแปลงตายลอยน้ำมา ก็เข้าใจว่านางสีดาถึงแก่ความตาย และกริ้วโกรธหนุมานเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อคราวใช้ให้ไปสืบข่าวนางสีดา หนุมานกระทำเกินรับสั่ง อาละวาดเผากรุงลงกาเป็นเหตุให้ทศกัณฐ์โกรธแค้นจึงสังหารนางสีดา
หนุมานสงสัยในนางแปลง ด้วยศพไม่เน่าเปื่อยและยังลอยทวนน้ำ จึงขอพิสูจน์ด้วยการเผาไฟ หากเป็นศพนางสีดาจริง จะยอมให้ประหารชีวิต พระรามจึงสั่งให้ตั้งเชิงตะกอนและนำศพนางสีดาไปเผา นางเบญจกายเมื่อถูกไฟเผาก็ร้อนจนทนไม่ไหว จึงคืนร่างเดิมและเหาะหนีไปตามควันไฟ หนุมานเห็นนางแปลงคืนร่างเดิมและพยายามหลบหนี จึงเหาะตามไปจับตัวมาถวายพระรามเพื่อให้สำเร็จโทษ
32 นางลอยนอนลอยน้ำ นิ่งมาก
33
10
34
35 หนุมานโดนพระรามด่า สะดุ้งกลัวจนตัวสั่น
36
37
11
38
39
40
41
42
43
- เพลงพราหมณ์เก็บหัวแหวน
ยกศพขึ้นวางบนเชิงตะกอน เอาฟืนตองกองซ้อนสุมใส่
ปุยน้ำมันยางคลุกซุกเข้าไป จุดไฟแล้วก็ล้อมอยู่พร้อมกัน
- เพลงแขกบรรเทศ
บัดนั้น เบญกายปิ่มว่าจะอาสัญ
ร้อนแรงด้วยแสงเพลิงนั้น ก็เหาะตามเกลียวควันทันที
- เพลงเชิดนอก
บัดนั้น ลูกลมมองเขม้นเห็นยักษี
กริ้วโกรธโดดตามข้ามอัคคี ขุนกระบี่เหาะไล่ไขว่คว้า
สกัดกันทันนางกลางโพยม ก็จู่โจมจับเป็นไม่เข่นฆ่า
เหาะตรงลงยังพสุธา จูงมาเฝ้าพระหริรักษ์ ฯ
12
44 ฉากจบการแสดง - หนุมานจับนางเบญกาย
45
46
47
48
13
49
50
51
52
53
54
ขอขอบคุณที่ติดตาม
ขอขอบคุณมากๆ นะครับ ที่มีผู้กรุณาโหวตให้ ในสาขา Topical Blog ของบล็อกแก๊งค์
จาก สิน yyswim
Create Date : 07 กันยายน 2554 |
Last Update : 7 กันยายน 2554 1:45:23 น. |
|
18 comments
|
Counter : 21531 Pageviews. |
|
|
|
จขบ.ไปดูโขนนางลอย กับเพื่อนๆ บล็อก
ไปกันรวม 4 คน มี ป้าแอ๊ด- addsiripun, พี่นัส-ระบบราง, และเจฟ-พลทหารไรอัน
ดูรอบบ่าย ของวันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม 2553
จองตั๋วไว้ล่วงหน้าเป็นเดือน เลยได้ที่นั่งค่อนข้างดี
เป็นที่นั่งใกล้ที่ประทับ แถวหน้าสุด
เสียดายเขาห้ามถ่ายรูปภายในศูนย์วัฒนธรรมและขณะแสดง
ให้ถ่ายได้เฉพาะผู้มีป้ายแขวน ‘สื่อมวลชน’
จขบ.ได้มีโอกาสถ่ายรูป แป๊บเดียว ตอนจะกลับบ้าน
นักแสดงออกมาร่วมถ่ายรูปกับผู้ชมด้านหน้าศูนย์วัฒนธรรม
ก็เลยขอแจมด้วย แต่ อุ อุ ถ่ายยากมากๆ
คนห้อมล้อมนักแสดงเต็มไปหมด
ได้มาแค่สองรูป เป็นรูปนางเบญกาย