เด่นเก้าแสน กระทิงแดงยิม
เด่นเก้าแสน กระทิงแดงยิม
แชมป์โลกมวยสากลรุ่นฟลายเวต ของสมาคมมวยโลก คนปัจจุบัน
บล็อกเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 4 ของบล็อกเรื่องชุดชาวเกาะสมุย ซึ่งจะมีทั้งหมด 5 เรื่อง เป็นการแนะนำชาวเกาะสมุย จำนวน 5 ท่าน บล็อกละ 1 ท่าน ทุกท่านเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี
การแข่งขันชกมวยป้องกันแชมป์โลกรุ่นฟลายเวต (112 ปอนด์) ของสมาคมมวยโลก (WBA) ระหว่าง ทาเคฟูมิ ซากาตะ แชมป์โลกชาวญี่ปุ่น กับ เด่นเก้าแสน กระทิงแดงยิม รองแชมป์โลกอันดับ 1 ชาวไทย ที่สังเวียน ซัน พลาซ่า ฮอลล์ เมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเย็นวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ท่ามกลางแฟนมวยชาวญี่ปุ่นแห่เข้าชมการชกอย่างเนืองแน่น
ทาเคฟูมิ ซากาตะ
หลังจากนักมวยและทีมงานทั้งสองฝ่ายได้ขึ้นบนเวทีเรียบร้อยแล้ว ก็มีพิธีการประกาศตัวแชมป์โลกและผู้ท้าชิง ก่อนจะเปิดเพลงชาติของทั้งสองฝ่าย โดยเด่นเก้าแสนอยู่ที่มุมน้ำเงินด้วยสีหน้าที่มั่นใจ และมีเขาทราย แกแลคซี่ อดีตแชมป์โลกขวัญใจชาวไทยทำหน้าที่เทรนเนอร์เฉพาะกิจ
เปิดฉากยกแรก เด่นเก้าแสน เดินเข้าหาล้วงท้อง ต่อยหน้า ส่วนซากาตะ วนออกข้างไม่แลกไม่ปะทะคอยดักแย๊ปสกัด โยกตอบโต้แต่ไม่หนีมาก ขณะที่เด่นเก้าแสน ยังคงเดินล้วงท้องเบาๆและได้ผล แชมป์โลกแดนปลาดิบเสียหลักถอยหนี
เด่นเก้าแสนไม่ปล่อยโอกาส ตามเข้าไปซ้ำแต่ไม่ถนัดนัก ต้องผ่อนเกมออกมาคุมจังหวะ ด้านซากาตะก็ไม่เร่ง รอต่อยจังหวะสอง ในปลายยกแรกเด่นเก้าแสน เดินล้วงท้องและใบหน้าอีกรอบ และเริ่มจะได้ลุ้นอีกครั้ง แต่ซากาตะ ก็มาได้คืนในปลายยกด้วยการบวกหมัดขวา เกมยกแรก ถือว่าสูสีกันแบบได้น้ำได้เนื้อ
ขึ้นยกสอง ซากาตะ เต้นวนออกข้างๆ รอดักจังหวะสอง ส่วนเด่นเก้าแสน ยังเดินเข้าคลุกวงใน เน้นเป้าใหญ่คือท้องเหมือนเดิม ค้ำซ้ายแล้วต่อยด้วยหมัดขวาตรง ขณะที่เกมการชกเริ่มดุเดือดขึ้น ต่างแลกหมัดกันสนุก ก่อนที่กรรมการจะเตือนซากาตะ ที่ใช้หัวโขก จากนั้นเด่นเก้าแสน พยายามเข้าเบียดคลุกวงใน เน้นต่อยท้องต่อยหน้า แต่โดนเตือนเรื่องต่อยต่ำ
ปลายยกทั้งคู่ ล้วงท้องแลกกันสนุก ซากาตะมีซ้ายตัดลำตัว และก่อนหมดยกประมาณสิบกว่าวินาที โดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ซากาตะ พลาดโดนหมัดขวาของเด่นเก้าแสน เข้ากกหูเต็มๆ เขาทรุดลงไปนั่งแล้วก็เปลี่ยนเป็นนอนหงายกับพื้น กรรมการนับไปเรื่อยๆ ท่ามกลางทีมงานของนักชกชาวไทยที่ลุ้นกันระทึก และแล้วซากาตะก็พยายามลุกขึ้น ทว่ากรรมการเห็นว่า ซากาตะยังงงๆ จึงสับมือนับครบ 10 และชูมือให้เด่นเก้าแสนชนะน็อกแย่งเข็มขัดแชมป์โลกมาครอง พร้อมล้างตาแชมป์โลกได้สำเร็จ ด้วยเวลา 2.55 นาที หลังจากเคยต่อยเสมอกันมาในการชกชิงแชมป์โลกเมื่อปีก่อนที่เมืองไซอิตามะ ประเทศญี่ปุ่น
หลังจากชนะน็อกคว้าแชมป์โลกมาครองได้แล้ว เด่นเก้าแสน กล่าวกับคนไทยว่า ขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยทุกคนที่ช่วยเป็นกำลังใจให้ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์โลกมาครองได้ ผมขอมอบเข็มขัดแชมป์โลกเส้นนี้ให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่พี่น้องชาวไทยทุกคน วันนี้ผมมีความสุขมากที่ทำความฝันให้เป็นผลสำเร็จ
ด้าน เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมป์โลกขวัญใจชาวไทย ที่เดินทางมาในฐานะเทรนเนอร์พิเศษ ช่วยเสริมเทคนิคการชก กล่าวว่า ตนได้ให้ เด่นเก้าแสน ศึกษาเทปการชกไฟต์ล่าสุดและไฟต์ที่ทั้งคู่เคยชกกันเมื่อปีที่แล้ว ดูกันอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาจุดอ่อนและจุดแข็งของคู่ชก ซากาตะ นั้นเป็นมวยเครื่องร้อนช้า แต่เขาเป็นมวยเดินเข้าใส่ ขณะที่ เด่นเก้าแสน เป็นมวยจังหวะที่ออกหมัดตรงได้อย่างแม่นยำ ชกหมัดแย็บและตามด้วยขวาได้ดี กลเม็ดที่บอกเด่นเก้าแสนในครั้งนี้ จึงใช้หมัดซ้ายยัน แล้วตามด้วยหมัดขวา และเด่นเก้าแสนก็ทำได้ดีตามที่แก้เกมกันไว้ตั้งแต่แรก สำหรับจังหวะที่เอาชนะน็อกได้นั้น เป็นหมัดฮุกขวาเข้าทัดดอกไม้ บริเวณกกหูอย่างรุนแรง คล้ายโดนเตะก้านคอเลยทีเดียว เห็นได้ชัดว่าหากครั้งต่อๆไป มีการฟิตซ้อมเต็มที่เหมือนครั้งนี้ เด่นเก้าแสน สามารถจะป้องกันแชมป์ได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ตาม
คลิปความยาว 7 นาทีเศษ หากท่านใดชอบดูมวย
เด่นเก้าแสน กระทิงแดงยิม หรือ เด่นเก้าแสน เก้าวิชิต เป็นชาวไทยมุสลิม มีชื่อจริงว่า นายสุเทพ หวังมุ๊ เพื่อนบ้านเรียกกันติดปากว่า "แวฮามะ" เกิดเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2519 ปัจจุบันอายุ 33 ปี เป็นลูกคนที่ 2 จากจำนวน 7 คน ของคุณพ่ออูเซ็ง คุณแม่ยาเราะห์ เกิดที่ จ. สงขลา บ้านเกิดของพ่อ แต่มาเจริญเติบโตและซ้อมมวยที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี บ้านเกิดของแม่
เขาเปิดเผยว่า ตอนเด็กๆซนและดื้อมาก พออายุได้ 12 ปีพ่อเห็นว่าชีวิตชอบโลดโผนนัก จึงนำไปฝากค่ายมวย "เก้าวิชิต" ของ อำนวย แซ่วุ่น หัวหน้าคณะ ซึ่งปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ แต่เลิกทำมวยแล้ว สมัยโน้นใช้ชื่อ "เด่นเก้าแสน เก้าวิชิต" ขึ้นชกแถวบ้านเกิดปักษ์ใต้ 70 กว่าครั้ง ได้รับการชูมือเป็นผู้ชนะถึง 52 ครั้ง อายุได้ 16 ปี ก็เข้ามาซ้อมมวยในเมืองกรุง ด้วยการโอบอุ้มของ "ใหม่ เมืองคอน" หรือ ชูโชค ชูแก้วรุ่งโรจน์ ขึ้นสังเวียนมาตรฐานทั้งราชดำเนินและลุมพินี พบกับมวยดังมีระดับหลายคน เคยชนะน็อกและชนะคะแนน พานเพชร เมืองสุรินทร์, ชนะน็อก พงษ์ศักดิ์ พ.รื่นฤดี ยก 3 แต่ยังไม่มีโอกาสได้ขึ้นชกชิงแชมป์มวยไทยเลย
ยุคนั้น รุ่นพี่ร่วมค่ายอย่าง เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง, อาคม เฉ่งไล่ โด่งดังทั้งในเชิงมวยไทย และมวยสากลสมัครเล่น แถมยังเป็นยุคทองที่เข็มขัดแชมป์โลกมวยสากลอาชีพ ก็อยู่ในเมืองไทย เช่น แสน ส.เพลินจิต, หยกไทย ศิษย์ อ. และพิชิต ช.ศิริวัฒน์
เด่นเก้าแสน แถวหน้านับจากซ้ายคนที่สาม
ใหม่ เมืองคอน อยากจะมีแชมป์โลกมวยสากลประดับค่ายบ้าง จึงเรียนลัดจับ เด่นเก้าแสน ขึ้นชิงแชมป์ฟลายเวต PABA ที่ว่างในครั้งแรก ซึ่งเด่นเก้าแสนก็ไม่ทำให้ลูกพี่ผิดหวัง คว้าแชมป์มาครองได้ในการสวมรองเท้าชกอาชีพไฟต์แรก โดยชนะคะแนน เมลวิน มากราโม่ นักชกฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2539 ที่จังหวัดสงขลา
เด่นเก้าแสน เคยบอกถึงการชกสากลอาชีพครั้งแรกว่า "ที่จริง ไม่อยากจะชกมวยสากลด้วยซ้ำ เพราะยังไม่เป็นมวยเท่าไหร่ ต่อยมวยสากลต้องซ้อมหนักและต้องเจ็บตัวมาก เพราะยังปัดป้อง ออกหมัดเก้งก้างอยู่ ยิ่งมาเจอกับมวยทรหด อย่างมากราโม่ด้วย ทำเอาบอบช้ำไม่น้อยเลย ผมมาเริ่มเป็นมวยสากลมากขึ้น ในช่วงที่ได้ อ.สุเทพ ณ นคร เข้ามาดูแล จากนั้นเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้นทำให้ต่อยได้ดีขึ้น รู้จักการป้องกันตัวทั้งรุกและรับ"
จากความช่ำชองที่มากขึ้น ทำให้ เด่นเก้าแสน สามารถป้องกันแชมป์พาบาไว้ได้อย่างยาวนานถึง 18 ครั้ง ก่อนจะสละเข็มขัดเพื่อไปชิงแชมป์โลก WBA ครั้งแรก แต่เขาก็ต้องผิดหวังเมื่อเป็นฝ่ายพ่าย TKO อีริก โมเรล แชมป์โลกชาวเปอร์โตริโก ในยกที่ 11 ที่เมืองฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2545
แต่ เด่นเก้าแสน ก็ยังไม่ท้อ ได้มีโอกาสกลับมาชิงแชมป์พาบาเส้นเดิมอีก และก็คว้าแชมป์เส้นเดิมได้อีก และรอบนี้เขาป้องกันแชมป์ไว้ได้อีกถึง 14 ครั้ง ในระหว่างนั้นชะตาชีวิตของเขาเกิดการผกผันครั้งใหญ่ เมื่อลูกพี่ใหญ่ ใหม่ เมืองคอน เสียชีวิตลงด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ทำให้ค่ายเกียรติบ้านช่อง ต้องปิดตัวเองลง นางภารดี ภรรยาม่ายของ ใหม่ เมืองคอน ได้ขาย เด่นเก้าแสน ให้กับ นริส สิงหวังชา รับช่วงดูแลเพื่อสร้างสรรค์สู่บัลลังก์โลกต่อไป ในวงเงินค่าตัว 1.6 ล้านบาท พร้อมกับมี ดุรงค์ อพอลโล่ นักมวยเก่า เข้ามาเป็นเทรนเนอร์คู่บารมี คอยดูแลกันมาตลอดจนถึงปัจจุบัน
เด่นเก้าแสน รั้งตำแหน่งรองแชมป์โลกอันดับ 1 ในรุ่น 112 ปอนด์ของ WBA ต่อเนื่องมายาวนานมาราธอนเกือบสามปี จึงสบโอกาสสละแชมป์พาบา ขึ้นไปชิงแชมป์โลก WBA เส้นเดิมเป็นครั้งที่สอง และคราวนี้ ทำได้แค่เสมอ ทาเคฟูมิ ซากาตะ เจ้าของตำแหน่งแชมป์ชาวญี่ปุ่นอย่างน่าเจ็บใจ ในการชกที่เมืองไซอิตามะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2550
เหตุเพราะในยกแรก เด่นเก้าแสนได้จังหวะจ้วงหมัดขวาส่งแชมป์โลกร่วงลงไปกองนับแปดแล้ว แต่ในยกที่สี่ เด่นเก้าแสนเกิดหัวแม่โป้งซ้ายหลุด จึงต้องประคองตัวโดยการชกมือเดียวไปตลอด 8 ยกจนครบ 12 ยก แถมยกสุดท้ายยังถูกกรรมการผู้ห้ามบนเวทีตัดคะแนนอีก ในข้อหาหนีบหมัด ทำให้ต้องเสมอกันไปแบบไม่เป็นเอกฉันท์ คือ 115-112, 112-114, และ 113-113 อดได้ครองแชมป์โลกไปอย่างน่าเจ็บใจ
ผลจากการอกหักซ้ำสองจากการชิงแชมป์โลก ทำให้เด่นเก้าแสน ได้ค่าเหนื่อยกลับบ้านเพียงแค่แสนกว่าบาท ซ้ำยังต้องพักรักษาหัวแม่โป้งนิ้วมือตัวเองที่บาดเจ็บอีกนานหลายเดือน ทำเอาเจ้าตัวคิดท้อ คิดอยากจะเลิกชกมวยไปเลย แต่ด้วยปัญหาชีวิตครอบครัวที่แร้นแค้นและยากจน ทำให้ต้องทนชกมวยต่อไป
และไม่นานนัก นริส สิงหวังชา ก็ดันให้ขึ้นชกชิงแชมป์ฟลายเวต สภามวยเอเชีย (ABCO) ที่ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น WBC Asia ที่ว่างลง และเด่นเก้าแสนก็เอาชนะน็อก เรย์ โอราอิส นักชกฟิลิปปินส์ ยก 3 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2551 ได้ครองแชมป์สมใจ แต่แล้วลูกพี่ก็บอกให้ไปชิงแชมป์ฟลายเวตเฉพาะกาลของ PABA อีกครั้ง เพื่อช่วยเพื่อนซี้ "แชแม้" นิวัฒน์ เหล่าสุวรรณวัฒน์ ผจก.ร่วมขึ้นป้ายเป็นคู่เอก เอาใจสปอนเซอร์ใหญ่ 'กระทิงแดงยิม' และสามารถชนะน็อก เดนนิส จูนตินลาโน่ ในยก 2 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2551 ได้แชมป์มาคาดเอวอีกเส้น
หลังจากนั้นไม่นาน ทางสมาคมมวยโลก (WBA) ก็มีคำสั่งอย่างเป็นทางการให้ เด่นเก้าแสน ขึ้นชิงแชมป์โลกอีกเป็นครั้งที่สามในชีวิต ด้วยข้อเสนออันงดงาม ค่าตัว 6 หมื่นเหรียญสหรัฐ ตั๋วเครื่องบิน 7 ใบ ในไฟต์บังคับที่ไม่มีอ๊อปชั่นผูกมัดหลังการชกใดๆ รวมวันเก็บความแค้น เพื่อรอคอยวันชำระ ทาเคฟูมิ ซากาตะ มาหนึ่งปีพอดี
และเหนือสิ่งอื่นใด เด่นเก้าแสนยังจะต้องแบกภาระเรื่องค่าครองชีพอย่างหนัก เพราะในการชกทุกครั้ง เขาจะถูกหักหนี้สินที่หยิบยืมไปทันที ทั้งเขาจะต้องเลี้ยงดูภรรยาและลูกน้อย ไหนจะต้องถูกไล่ให้หาที่อยู่ใหม่ทันทีที่กลับจากญี่ปุ่น เพราะที่อยู่เดิมที่เคยได้รับความอนุเคราะห์จะมีการปรับปรุงใหม่
ก่อนขึ้นเครื่อง เด่นเก้าแสน ทนความเก็บกดไม่ไหว ถึงกับต้องถาม นริศ สิงหวังชา ผู้จัดการอย่างตรงไปตรงมา ทั้งที่เขาเป็นคนขี้เกรงใจและมักจะไม่กล้ามีคำถามโต้แย้งใดๆ มาตลอด เมื่อได้คำตอบว่า ค่าเหนื่อยจากการชกในครั้งนี้เขาจะได้รับส่วนแบ่ง 5 แสนบาท..!! เป็นมูลค่าที่พอเขาทราบก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ ถือว่าพอเพียงต่อความอัดอั้นตันใจที่ต้องเก็บสะสมมานาน
ถึงเวลานั้น เขาก็พร้อมแล้วที่จะมุ่งมั่นทุ่มเททุกอย่างเพื่อเดิมพันทั้งชีวิต ความรู้สึกในตอนนั้น เด่นเก้าแสน ถึงขนาดเปรยออกมาให้คนใกล้ชิดฟังระหว่างนั่งเครื่องบินมุ่งหน้าสู่แดนอาทิตย์อุทัยว่า "ชกครั้งนี้ ถ้าผมแพ้กลับไป ชีวิตผมจะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่บ้านก็ไม่มีอยู่..ผมต้องสู้ตายอย่างเดียว"
หลังจากนั้น ก็คือเหตุการณ์เมื่อค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ที่ซัน พลาซ่า ฮอลล์ เมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น ที่ทำให้เด่นเก้าแสน กลายเป็นแชมป์โลกคนใหม่ ชนิดที่เจ้าตัวตื้นตันใจอย่างลึกซึ้งกว่าใครๆ
เป็นความสำเร็จที่งดงามและรวดเร็วเกินความคาดหมาย สำหรับชัยชนะของ เด่นเก้าแสน ที่ชนะน็อก ทาเคฟูมิ ซากาตะ เจ้าของแชมป์ฟลายเวต ของสมาคมมวยโลก (WBA) เพียงแค่ยกที่ 2 ด้วยเวลา 2 นาที 55 วินาทีเท่านั้น แต่ก็เป็นความเพียรพยายามที่เขาต้องรอคอยเวลามานานนับสิบปี เขากลายเป็นแชมป์โลกชาวไทย คนที่ 39 และเป็นแชมป์โลกชาวใต้คนที่สอง ต่อจาก โอเล่ห์ดง กระทิงแดงยิม
ส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเด่นเก้าแสนในครั้งนี้ มีองค์ประกอบหลายอย่าง นอกจากความมุ่งมั่นที่จะต้องหาเงินเพื่อการครองชีพของตนให้ได้สักก้อนหนึ่งแล้ว ยังมี นริส สิงหวังชา ผู้จัดการ ทีมงานสต๊าฟโค้ชชุดเดิมคือ ดุรงค์ อพอลโล่, ภูมิ โอซาก้า และยังได้ เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมป์โลกขวัญใจชาวไทย เข้ามาเป็นเทรนเนอร์พิเศษเสริมเทคนิคการชกอีกด้วย ทำให้ความมั่นใจและสภาพความฟิตของเด่นเก้าแสนอยู่ในขั้นสมบูรณ์ทุกอย่าง แม้วัยจะล่วงเลยไปถึง 32 ปีแล้วก็ตาม
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ชัยชนะของ เด่นเก้าแสน กระทิงแดงยิม นับเป็นของขวัญล้ำค่าสำหรับประชาชนชาวไทยต้อนรับศักราชใหม่ปี พ.ศ.2552 แต่ก่อนหน้าที่เขาจะคว้าแชมป์โลกนั้น เส้นทางของเด่นเก้าแสน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาต้องต่อสู้ผ่านความยากลำบาก ความพ่ายแพ้ และอาการบาดเจ็บมาอย่างโชกโชน จัดได้ว่าเขาเป็นนักสู้ชีวิตที่มีความมานะบากบั่น ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า "สมจิตร จงจอหอ" นักชกเหรียญทองโอลิมปิกเลยทีเดียว
เด่นเก้าแสน ชกชนะคะแนน ฮิโรยูกิ ฮิซาทากะ ในการชกป้องกันแชมป์โลกครั้งแรกที่ จ. อุตรดิตถ์
เด่นเก้าแสน เป็นผู้มีสถิติการขึ้นชกอาชีพ ชนะ 46 ครั้ง แพ้ 1 ครั้ง เสมอ 1 ครั้ง เป็นการชกชนะน็อค รวม 20 ครั้ง ... เขาสูง 5′ 3½″ หรือ 161 ซ.ม. ช่วงแขน 66″ หรือ 168 ซ.ม. (โอ แปลกดี)
ปัจจุบันเขามีครอบครัวแล้ว อยู่กับภรรยาคนที่สอง จารุณี เกตุวงศ์ มา 6 ปี มีลูกสาววัยขวบครึ่งชื่อ ด.ญ.ฐิติมา หวังมุ๊ หรือ "น้องแวซง" โดยก่อนหน้านี้เขาเคยอยู่กับภรรยาคนแรกมานานสิบกว่าปี มีลูกชายหนึ่งคน คือ ด.ช.โสพล หวังมุ๊ ปัจจุบันอายุ 12 ขวบ เมื่อหย่าร้างกับภรรยาคนแรก เขานำลูกชายไปฝากเลี้ยงไว้กับปู่และย่า ที่ อ.เกาะสมุย โดยให้เรียนหนังสือที่นั่น
เขากล่าวว่า ใครๆ มักจะพูดว่า ศาสนาอิสลาม อนุญาตให้มีภรรยาได้หลายคน แต่เรื่องจริงมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น "ผมเห็นเขาพูดกันเยอะ แต่จริงๆมีที่ไหนกัน ผู้หญิงที่ไหน ใครเขาจะยอมให้เรามีเมียพร้อมๆกันได้ ภรรยาคนปัจจุบันก็ขี้หึงจะตาย แค่เอ่ยชื่อพูดถึง ก็ไม่ได้ จะเป็นเรื่องราวกันตลอด ตัวผมก็ไม่อยากมีปากมีเสียงอยู่แล้ว ความจริงโทษใครไม่ได้ ต้องบอกว่าเราต้องโทษตัวเองที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ มีครอบครัวแล้วสมัยก่อนยังทำตัวเหลวไหลได้ เที่ยวเตร่นอกลู่นอกทางบ้าง แต่ถึงวันนี้ประสบการณ์สอนเราให้โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก"
เขาทราย แกแล็คซี่ เทรนเนอร์ "เฉพาะกิจ" เอ่ยถึง เด่นเก้าแสน ว่า
"ผมได้ชื่อว่าเป็นมวยที่ชกลำตัวดีที่สุด ในรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวตของโลก เป็นมวยที่ถนัดออกหมัดฮุกทั้งซ้ายและขวา แต่ต้องยอมรับว่า เมื่อผมได้เข้ามาเทรนเขา(เด่นเก้าแสน) เขาเป็นมวยที่ต่อยหมัดตรงได้ดีที่สุดคนหนึ่ง เมื่อผมเน้นให้เขาออกหมัดต่อยลำตัว เห็นได้ชัดว่า เขาออกหมัดชกลำตัวด้วยหมัดตรงได้ดีกว่าผมเสียอีก"
"แชแม้" นิวัฒน์ เหล่าสุวรรณวัฒน์ ผจก.ร่วม เอ่ยถึง เด่นเก้าแสน ว่า
"เด่นเก้าแสน เป็นมวยที่ชกฉลาด เขาเรียนรู้การชกได้เร็ว มวยอย่างเขาถึงจะอายุ 33 ปีแล้ว แต่ถ้าเขามีระเบียบวินัย ดูแลตัวเอง ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เหมือนอย่างเขาทราย อายุตัวเลขไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาแน่ อย่างน้อยเขาสามารถชกมวยไปได้อีกนานหลายปีทีเดียว"
"ดันดี" ดุรงค์ อพอลโล่ เทรนเนอร์คู่บารมี เอ่ยถึง เด่นเก้าแสน ว่า
"เจ้ามะ (แวฮามะ) เป็นคนดีมีน้ำใจกับน้องๆและเพื่อนร่วมค่ายทุกคนเสมอ แม้จะไม่มีเงิน แต่ก็ไม่เคยทอดทิ้งคนอื่น เวลามี เราก็กินด้วยกัน เวลาอด เราก็อดด้วยกัน เขาไม่เคยถือตัว เสมอต้นเสมอปลายมาตลอด ถือเป็นตัวอย่างที่ดีแก่นักมวยรุ่นน้องในค่ายเลยทีเดียว
เด่นเก้าแสน ทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ เป็นทาวเฮ้าส์ เลขที่ 54/185 ซอยนวมินทร์ 70 เขตบึ่งกุ่ม กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2552 นับเป็นบ้านหลังแรกในชีวิตของเขา มีการประกอบพิธีทางศาสนาตามแบบอิสลามโดยมีโต๊ะอิหม่าม มาทำพิธีนำสวดขอพร ร่วมกับญาติมิตรที่รู้จัก ใช้เวลาสวดขอพรราว 45 นาที จากนั้นมีการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆไปร่วมแสดงความยินดี เช่น เขาทราย แกแล็กซี่, เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง, ประหยัด ชูแก้วรุ่งโรจน์, และนักชกรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน รุ่นน้องอีกมาก
หมายเหตุ 1 จาก จขบ. : แชมป์โลกชาวไทย (น้ำหนักทุกรุ่น นับเฉพาะสมาคมมวยโลก) ได้แก่ โผน กิ่งเพชร ชาติชาย เชี่ยวน้อย เบิกฤกษ์ ชาติวันชัย เขาทราย แกแล็คซี่ เขาค้อ แกแล็คซี่ ชนะ ป.เปาอินทร์ แสน ส.เพลินจิต ดาวรุ่ง ชูวัฒนะ วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น หยกไท ศิษย์ อ. พิชิต ช.ศิริวัฒน์ ศรพิชัย กระทิงแดงยิม ยอดดำรงค์ ศิษย์ยอดธง ยอดสนั่น ส.นันทชัย สมศักดิ์ ศิษย์ชัชวาลย์ เด่นเก้าแสน เก้าวิชิต
..เขาทราย แกแล็คซี่ เป็นแชมป์โลก รุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวท (115 ปอนด์) ของ สมาคมมวยโลก (WBA) เป็นแชมป์โลกคนที่ 9 ของไทย
..และหากนับเฉพาะ รุ่นฟลายเวท ของสมาคมมวยโลก เด่นเก้าแสน เป็นนักมวยแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท (112 ปอนด์) รุ่นเดียวกันกับ โผน กิ่งเพชร ชาติชาย เชี่ยวน้อย เบิกฤกษ์ ชาติวันชัย แสน ส.เพลินจิต ศรพิชัย กระทิงแดงยิม
หมายเหตุ 2 จาก จขบ. : บุคคลที่มีชื่อเสียง ที่เกิดในปีพ.ศ.2519 อายุ 33 ปีเท่ากันกับ เด่นเก้าแสน ตรวจสอบข้อมูลได้ที่นี่
ได้แก่
กัญญารัตน์ จิรรัชชกิจ, โคลิน ฟาร์เรล (นักแสดงนำชายฮอลลีวู้ด), คุณปลื้ม - หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล (ผู้ประกาศข่าว), ดอม เหตระกูล, เด่นเก้าแสน เก้าวิชิต, ทัชชกร ยีรัมย์ หรือ จา พนม ยีรัมย์
ปาน - ธนพร แวกประยูร, ออย - ธนา สุทธิกมล, ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล, กาละแมร์ - พัชรศรี เบญจมาศ, ฟรานเชสโก ต๊อตติ (นักฟุตบอลอิตาลีทีมโรม่า), กัปตัน - ภูธเนศ หงส์มานพ, มิชาเอล บัลลัค (นักฟุตบอลเยอรมันสังกัดสโมสรเชลซี)
รุด ฟาน นิสเตลรอย (นักฟุตบอลเนเธอร์แลนด์สังกัดสโมสรรีล แมดริด), วิจารณ์ พลฤทธิ์ (นักมวยเหรียญทองโอลิมปิก), สราวุธ มาตรทอง, ลิฟท์ - สุพจน์ จันทร์เจริญ, อังเดร เชฟเชนโก (นักฟุตบอลยูเครนสังกัดสโมสรเชลซี), แอน ทองประสม, และ แคทรียา อิงลิช
หมายเหตุ 3 จาก จขบ. : ผมไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับ เด่นเก้าแสน เพียงแต่ติดตามข่าวคราวการชกของเขาบ้างในบางไฟต์ แต่คุณพ่อของผมจะติดตามข่าวคราวของเด่นเก้าแสนมาตลอด อนึ่ง สมัยคุณพ่อยังหนุ่ม ท่านออกกำลังกายโดยการชกมวย ได้สร้างค่ายมวยเล็กๆไว้หลังบ้านชื่อค่ายมวย ราชวัตร และลูกพี่ลูกน้องของผม(ลูกคุณป้า)ก็เป็นนักมวยอาชีพ แต่ต่อมาเกิดพลาดพลั้งเสียชีวิตจากการชกมวยบนเวทีทางภาคใต้
บล็อกเรื่องหน้า จะเป็นเรื่องชาวเกาะสมุยอีกท่านหนึ่ง ที่จขบ.ขอภูมิใจนำเสนอ
ท่านเป็นผู้ทรงวัยวุฒิ มีเมตตา มีบารมี จนคนทั่วไปนิยม เรียกท่านว่า เตี่ย
ท่านเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดีทั้งในเมืองไทยและในต่างประเทศ
ผมจึงขอนำเกียรติประวัติของท่านมาลงไว้ในบล็อกเพื่อความเป็นศิริมงคล
yyswim
yyswim@hotmail.com
Create Date : 27 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 19:26:48 น. |
|
11 comments
|
Counter : 5333 Pageviews. |
|
|
|
ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวคราวเมืองไทยเล้ย อายจัง ไม่รู้จักเลยนะเนี่ย เด่นเก้าแสน กระทิงแดงยิม นามสกุลน่าดื่ม แต่ไม่น่าใช้
อ่านประวัติชีวิตของเค้าแล้ว ทำให้นึกถึงสุภาษิตที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริง ๆ
ไม่เหมือนกับป้าเดซี่ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่นน่ะแหละ