เมื่อความตายมาเยือน...จิตละเอียด 3 ดวงก็เกิดดับตามกันเป็นขั้นตอน จึงถึงจิตประภัสสร
ผมพาผู้อ่านท่องเที่ยวตามแผนที่เดินทางของคัมภีร์มรณศาสตร์แบบวัชรยานมาหลายตอน คิดไม่ถึงว่าผมจะมีโอกาสภาคปฏิบัติจริงๆ พาคุณแม่ที่ผลุบเข้าไปเที่ยวในดินแดนแห่งความตายกลับมาอยู่ในโลกปัจจุบันเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง
คุณแม่ของผมอายุ 99 ปี เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ เกิดเหตุแน่นอน อาเจียน หน้าซีด ผมพาส่งโรงพยาบาล และร่วมปรึกษากับเพื่อนหมอผู้รักษาคุณแม่อยู่ ทันใดนั้นคุณแม่ก็เกิดอาการหัวใจหยุดเต้นกะทันหันต่อหน้าต่อตาพวกเราทั้งสองคน เราไม่อาจปั๊มหัวใจได้เพราะคุณแม่กระดูกเปราะเต็มที ขณะทีมกู้ชีวิตกำลังแทงน้ำเกลือและกำลังจะใส่ท่อหายใจ ผมตัดสินใจตะโกนเรียกที่ข้างหูดังๆ เป็นภาษาจีนว่า "แม่!! หายใจซะ หัวใจเต้นเดี๋ยวนี้เลย ลูกอยู่นี่!!" ปรากฏคุณแม่หายใจเฮือกขึ้น แล้วหัวใจก็กลับมาเต้น
นั่นหมายความว่าในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้นผมใช้ศาสตร์แห่งความตายที่เรียนรู้มา กระชากดวงวิญญาณของคุณแม่ซึ่งคงกำลังเพลิดเพลินจากการถูกดูดเข้าไปใน "รูหนอน" หรือ "Black hole" ให้หวนกลับมาสู่โลกปัจจุบันได้ทันกาล
ตามคัมภีร์มรณศาสตร์เมื่อหัวใจหยุดเต้น ลมหายใจหมดไปแบบปัจจุบันทันด่วน ไม่ได้แปลว่าคนคนนั้นจะตายไปทันที
เพราะนั่นแปลว่าธาตุลมแตกดับ แต่ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟยังใช้การได้อยู่ แต่เมื่อไม่มีลมวิญญาณของคนผู้นั้นจะก้าวเข้าสู่การดับของจิต 4 ขั้นตอน คือจิตหยาบทั้ง 80 ดวงดับ แล้วจิตละเอียด 3 ดวงก็เกิดดับตามกันเป็นขั้นตอน จึงถึงจิตประภัสสร ในภาวะนั้นผู้ตายจะผ่านจากแสงสว่างสีขาว ไปสู่แสงสีส้มแดง สู่สีดำทะมึน แล้วเข้าสู่แสงกระจ่าง จากนั้นจิตทั้งหมดดับไป แล้วไปสู่การเกิดใหม่ในชาติภพต่อไป ภาวะเช่นนี้ผู้กำลังจะตายจะรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดูดเข้าสู่อุโมงค์ หรือรูหนอน หรือก้นหอย หรือฝรั่งเรียกว่า "Black hole" ในระหว่างจิตละเอียดเกิดดับทั้งสี่ดวงสุดท้ายนี้ ถ้าเราใส่ปัจจัยอื่นที่พอจะกระชากเขากลับมาได้ ผู้ที่จะตายก็อาจกลับฟื้นคืนขึ้นมา
ธรรมชาติบำบัด นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล
มติชนสุดสัปดาห์ 23-29 พ.ย.2555
นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล เล่าเรื่อง ผมพาคุณแม่กลับออกจากดินแดนแห่งความตาย
ผู้เขียนมองว่า--- ภาพจักรวาลและโครงสร้างของจิต ที่มหาวิหารบุโรบุโดร์ ชวา นั้น จำลองตำราพุทธศาสนาเล่มใหญ่ที่สุดในโลกหรือพระอภิธรรม ที่พระพุทธเจ้าค้นพบเมื่อ2555ปีมาแล้วเป็นสถาปัตยกรรม จะเห็นว่าจิตประภัสสร (องค์ใหญ่)นั้นล้อมรอบด้วยจิตละเอียดอีก3วงรอบเหมือน อำนาจจิตเหนือสนามพลังงาน (Mind over Force Field)
และในมติชนสุดสัปดาห์ฉบับ1683 นพ.บรรจบ ฯได้เขียนถึง แสงกระจ่างแห่งความตาย การก้าวสู่ความตายอันแยบยล...ขณะนี้กายของเราได้ดับไปแล้ว เหลือจิตที่กำลังจะดับ จิตละเอียดสามดวงที่ปรากฏให้เห็นแสงสีขาวสว่าง แสงแดงคล้ำ และความมืดมิดอนธการที่ปรากฏแก่จิตละเอียดทั้งสามได้ผ่านพ้นไป เราจะก้าวเข้าสู่ภาวะที่ละเอียดประนีตของจิตประภัสสร ซึ่งบรรดาลให้เห็นแสงกระจ่างที่เวิ้งว้างสุดพรรณา ตรงนี้สำคัญมาก เพราะตามหลักอนุตตรโยคตันตระถือว่า จิตประภัสสรคือจิตรแท้หรือพุทธจิตซึ่งมีอยู่ในเราทุกคน เพียงแต่มันไม่มีโอกาสสำแดงตน เหตุด้วยจิตละเอียด (ที่หยาบกว่า) 3 ชั้นห่อหุ้มอยู่ แล้วเปลือกนอกยังห่อหุ้มด้วยจิตหยาบทั้ง80 ประการอันหนาด้วยกิเลสเคลือบคลุมไว้อีก จิตหยาบเหล่านั้นคือแรงบรรดาลให้เราประกอบกรรมด้วยอำนาจของกิเลสโลภ โกรธ หลง และทำให้เราเวียนว่ายอยู่ในสงสารวัฏ ที่นี้เมื่อจิตหยาบดับไป จิตละเอียด3 ชั้นดับไป ก็ถึงคราวจิตประภัสสรสำแดงตนในภาวะนี้เองเราจะประสบกับภาวะแสงกระจ่างอันเวิ้งว้างเป็นภาระอันนำเราก้าวใกล้พระนิพพาน ภาวะนี้เองถ้าเราสามารถเข้าถึงในการปฏิบัติประจำวันจะดำรงอยู่กับจิตแท้อันประภัสสรนี้ต่อไปโดยไม่ถดถอย เราจะไม่สั่งสมกรรม ก้าวไปสู่นิพพานอย่างสมบูรณ์ หรืออีกทางหนึ่งคือการเข้าถึงในขณะใก้ลตายนี่แหละ...พระธิเบตผู้เร่งความเพียรจะหมั่นฝึกฝนเดินแผนที่แห่งความตายซ้ำแล้วซ้ำอีก วันแล้ววันเล่า (เหมือนลูกเสือกางแผนที่หัดเดินป่าให้ชำนาญ ) จากภาพนิมิตในจินตนาการไปจนบรรลุนิมิตจริงที่เกิดขึ้น แล้วเมื่อความตายมาถึงเข้าจริงๆ บ้างก็เข้าสู่สุญญตาบรรลุพระนิพพาน บ้างก็ไปสู่ภพภูมิที่สูงส่ง บ้างก็ไปเกิดใหม่แต่ใด้ผลแห่งกรรมดีไปหนุนส่งเพื่อการปฏิบัติให้ได้ผลยิ่งขึ้นในชาติภพต่อไป นี่คือความสำคัญในการพิจารณาความตายตามความหมายของอนุตตรตันตระโยคะและความสำคัญของเราเพ่งเพียรภาวนา เพื่อบรรลุพระนิพพาน.