ในโลกนี้มีคำถามอยู่มากมาย ดังตัวอย่างบางตอน เรื่องธิดาช่างทอหูกเมื่อครั้งพุทธกาล (ในธรรมะชุด ทำไม ของ ชยสาโร ภิกขุ 2548)
ดูก่อนกุมาริกา เธอมาจากใหน---พระกถาคตเจ้าตรัสถาม
ไม่ทราบพระเจ้าข้า---นางทูลตอบ
เธอจะไปใหน
ไม่ทราบพระเจ้าข้า
เธอไม่ทราบรึ
ทราบพระเจ้าข้า
เธอทราบ รึ
ไม่ทราบพระเจ้าข้า
ที่แธอบอกว่า ไม่ทราบมาจากใหนหมายความว่าอย่างไร---พระศาสดาตรัสถาม
ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐข้าพระพุทธเจ้าทราบดีว่ามาจากเรือนของนายช่างหูก แต่ไม่ทราบว่าก่อนที่จะมาเกิดในชาตินี้ ข้าพระพุทธเจ้ามาจากกำเนิดใด เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จึงทูลว่าไม่ทราบ
ก็เมื่อเราถามว่าเธอจะไปใหน ทำไมเธอจึงบอกไม่ทราบ---พระศาสดาตรัสถาม
ข้าพระองค์ทราบว่าจะไปสู่โรงทอผ้า แต่ข้าพระองค์ไม่อาจทราบได้ว่าเมื่อสิ้นชีพจากชาตินี้แล้วจะไปเกิดในที่ใด จะถือกำเนิดเป็นมนุษย์ หรือเดรัจฉาน เปรต อสูรกาย หรือเทพเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
เมื่อเราถามว่า ไม่ทราบรึ เธอตอบว่าทราบ หมายความว่าอย่างไร---พระศาสดาตรัสถาม
ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ข้าพระองค์ทราบว่าข้าพระองค์จะต้องตายอย่างแน่นอน
เมื่อเราถามว่า เธอทราบรึ เหตุใฉนเธอตอบไม่ทราบ---พระศาสดาตรัสถาม
ข้าพระพุทธเจ้าไม่ทราบว่าจะตายวันใด จะตายเวลาใด และจะตายที่ใหน
พระศาสดาได้ทรงประทานสาธุการทุกครั้งที่นางตอบปัญหาของพระองค์รวม 4 ครั้ง และแล้วพระองค์ก็ได้ตรัสกับประชาชนว่า...โลกนี้มืดยิ่งนัก สัตว์โลกส่วนใหญ่เป็นผู้มืดบอด มีน้อยคนที่มีปัญญาเห็นแจ้ง และมีคนจำนวนน้อยที่ไปสวรรค์ เหมื่อนนกที่ติดข่ายแล้ว ที่รอดพ้นจากข่ายของนายพรานได้นั้นมีน้อยนัก โลกนี้มืดยิ่งนัก มืดอยู่ด้วยความอวิชชาและความหลงผิด หาใช่ความมืดของอากาศโลกไม่ ( เรียบเรียง โดย อาจารย์วศิน อินทสระ )
ผู้ติดตามบล็อก : 50 คน [
