ในหนังสือตอบปัญหาธรรมะ หลวงปู่หล้า เขมปุตโต หน้า178 ...จะอย่างไรก็ตามขอให้เข้าใจว่า จิตของพระอรหันต์มีดวงเดียวเท่านั้น คือดวงที่ไม่มีโลภ โกรธ หลง เท่านั้นเอง ทีบรรยายจิต 8 ดวงนั้น คือขยายออกตาม มรรค4 ผล4 คือ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกทาคามิมรรค สกทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตมรรค อรหัตตผล ดังนี้
ภาพตัดขวางมหาวิหาร บรมพุทโธ อินโดเนเซีย ทีจำลองเป็นสถาปัตยกรรมเป็น มหาวิหารแห่ง องค์ความรู้พุทธจักรวาล-พุทธภูมิ และพระอภิธรรมของพุทธศาสนา พ.ศ 1400 ออกแบบโดยพระอรหันต์แห่งมหาวิทยาลัย นาลันทา อินเดีย (ซึงกังวลว่าความรู้ของพุทธศาสนาจะสูญหายจากอินเดียเนื่องจากการกลืนของฮินดู-การบุกของอิสลาม) จะพบว่ามหาสถูปองค์ใหญ่ที่เป็นยอดเจดีย์คือตัวแทนของจิตองค์เดียวของพระอรหันต์ ทีมีความว่างอยู่ภายในจิตหรือจิตประภัสสร
ดูให้ชัดอีกครั้ง พระอรหัตตผล-พระนิพพานซึ่งเป็นพระอภิธรรมสูงสุดของพุทธศาสนาหรือพระธรรมส่วนยอด มีตัวแทนเป็นมหาสถูปใหญ่องค์เดียว แทนจิตพระอรหันต์ทีมีเพียงดวงเดียวและมีความว่างอยู่ภายใน วงถัดมาอาจหมายถึงจิต เจสิก พระอนาคามีสถูปทีมีพุทธะอยู่ภายใน 16 ดวง ถัดมาเป็นพระสกทามี 24 ดวง และวงนอก พระโสดาบัน 32 ดวง ดินแดนสุขาวดี-พุทธภูมิหรือดินแดนสวรรค์ของพระอริยะบุคคลน่าจะเป็นดังนี้แล
คำถาม-ธรรมชั้นสูงๆของธรรม คือตัวผู้รู้ ผู้นึกคิด ผู้จิต ผู้ธรรม ไม่เป็นตน ไม่เป็นสัตว์บุคคล ไม่เป็นตัวนึกคิดเป็นตนเป็นบุคคลไปอีก แล้วให้ภาวนาและพิจารณาอยู่ในธรรมชั้นต้น สติ วิชชา ทาน ตัวผู้รู้ ผู้นึกคิด ผู้จิต ผู้ธรรม ไม่เป็นตน ธรรมชั้นกลางคือ สมาธิ ให้ตั้งมั่นอยู่ในผู้รู้ ผู้นึกคิด ผู้จิต ผู้ธรรม ไม่เป็นสัตว์บุคคล ธรรมชั้นปลายเป็นตัวปัญญา ไม่นึกคิดเป็นตน เป็นสัตว์บุคคลไปอีกนี้ใหวิหารธรรมอยู่ในทุกข์อริยบท เกล้ากระผมก็ใด้ปฏิบัติอยู่ตามนี้...สุดท้ายนี้ธาตุขันธ์ของเกล้ากระผมกำลังแปรปรวนใหญ่
คำตอบ-การภาวนาของท่านในธรรมชั้นสูงของพระพุทธศาสนานั้น ถูกต้องดีแล้วเพราะเป็นการเพิกถอนอุปาทานไปในตัว มันเป็นของว่างจากสัตว์จากบุคคลไปในตัว ว่างจากชาติจากภพไปในตัวอีกด้วย ผู้รู้ในปัจจุบันก็ดี ผู้รู้ในอดีตที่ล่วงมาแล้วก็ดี ผู้รู้ในอนาคตที่ยังมาไม่ถึงก็ดี อดีตก็ดี อนาคตก็ดี อดีตล่วงไปแล้วมีแต่บัญชี อนาคตที่ยังมาไม่ถึงก็มีแต่บัญชี จึงเอาผู้รู้ในปัจจุบันเป็นตัวประกัน เป็นตัวพยานเอกเอกด้วย เป็นศีล สมาธิ ปัญญาชั้นสูงกลมกลืนกันในปัจจุบันด้วย การจะสงสัยส่งส่ายหาก็ไม่มีเพราะเห็นอยู่ในปัจจุบันแล้ว คือเห็นว่าผู้รู้ไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ผู้รู้ ติดต่อกันอยู่ไม่ขาดสายจนสิ้นลมปราณคากัน พร้อมกับลมเข้าออกด้วย เรียกว่าดับภพ ดับชาติแล้ว เรียกว่าข้ามความหลงของเจ้าตัวคือข้ามโลกแล้ว ผู้ต้องการพ้นทุกข์ในปัจจุบันชาติก็ต้องภาวนาอย่างนั้น....พวกเราผู้หวังดีต่อพระนิพพาน อย่าเที่ยวมาเกิด แก่ เจ็บ ตาย ในวัฏสงสารนี้อีกเลย. (ถ้าวัฏสงสารคือความเต็ม...... พระนิพพานก็คือความว่างนั่นเอง)