No. 546 บล๊อกประจำวัน ศุกร์ - อาทิตย์ |
|
ตอน จังหวัดที่เกิด....... |
|
งานเขียนตอนนี้ดูเหมือนง่าย แต่ผมว่าไม่ง่าย ที่จะ......... |
เป็นอย่างไร... นั่นซิ ลองอ่านสักนิด |
|
เพื่อน ๆ ที่อ่านงานเขียน บล๊อกนี้นาน หน่อย จะเห็น ชื่อ มีคำต่อท้าย คล้าย นามสกุลด้วย |
ไวน์ กับสายน้ำ คนเมืองปาย |
ระยะหลัง คำว่า คนเมืองปายมันหลุดออกไป ไม่โผล่ เฉยเลย เพื่อนบางคนก็ถามว่า |
เป็นคนที่ไหน คนที่สนิทกันหน่อย อมยิ้ม รู้แล้ว... 555 |
|
แม่เล่าให้ฟังว่า ได้เดินทางอพยพจากเชียงใหม่ ไปกับคุณตา ที่ไปเป็น นายอำเภอปาย ต่อมา |
แม่แต่งงานกับ พ่อที่เป็น ข้าราชการเล็ก ๆ ที่นั่น แม่หยุดสอนนักเรียนแล้ว ตั้งร้าน |
ค้าขึ้นขาย ของจากเชียงใหม่ พวกผ้า กระดาษ ดินสอ
|
ใต้ถุนบ้าน พ่อให้ อ้ายคำ รับตัดผมชาย เป็นร้านเดียวของอำเภอ แต่ที่นี่ พิเศษหน่อย |
คนนั่งตัดเห็นช่าง เงียบไป ก็กระตุกแขนให้รู้ตัว อ้ายคำช่างยืนหลับ บ่อยเป็นคนสูบฝิ่น |
สมัยก่อนยังไม่มีกฏหมายห้ามมั้ง ผมเด็กไม่รู้เรื่องนะครับ |
สถานที่เดิม แต่ตัวบ้านไม่ใช่แล้ว.. คงจะเปลี่ยนมือหลายรายแล้ว
|
เกิดที่ อ.ปาย บ้านที่อยู่ เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ |
อยู่สี่แยกกลางเมือง เป็นสองชั้น ด้านหน้าชั้นล่างเป็นร้านค้าของแม่ เวลาจะลงไปที่ร้าน |
ต้องใต่บันใดลงไป หน้าบ้านเป็นถนนดินอัดแน่น มีร่องน้ำเล็ก น้ำไหลจาก บนดอย |
ใกล้วัดน้ำฮู ไกลออกไป |
ตัวบ้านชั้นที่สอง มีเพียงห้องนอนห้องเดียว นอกนั้นห้องโล่งยาว เลยชายคาเป็น |
เติ๋น(ชานไม้) ยาวเท่าตัวบ้าน โล่งไม่มุงหลังคา สุดชานไม้เป็นห้อง ครัว สี่เหลี่ยมขนาด |
3 X 4 เมตร มีหน้าต่าง กับทางเข้า |
ใกล้กับห้องครัว เป็นบันใดลงสู่พื้นดิน มีต้นดอกอูนสูงใหญ่แนบชิดกับตัวบ้าน |
ยามดอกบานจะหอมเย็น... ส่วนใต้ถุนบ้าน จะโล่ง พ่อกับแม่จะใช้ไม้ปูเป็นที่พัก ของ |
ชาวเขาที่เข้าตัวเมือง นำของมาขายให้ ส่วนอ้ายคำ ช่างตัดผมขี้ฝิ่น จะ |
ตัดผมข้างใต้....ถุนบ้าน แม่กับพ่อคงจะให้อาศัยอยู่ |
|
ตอนอายุ 4 ขวบผม..จำได้ว่า อากาศที่นั่นหนาว มาก แม่จะใส่เสื้อกันหนาว ผ้าสำลี |
สีขาวมีลายดอกเล็ก ๆ ให้ รู้สึกอบอุ่น |
ถ้าไม่ใช่ฤดูหนาว อากาศเย็นสบาย ๆ ไวน์จะนั่งอยู่ริม ร่องน้ำเล็ก ไหลช้า ๆ |
มองดูปลาซิว ว่ายไปมา |
บางวัน แม่กับพี่สาว จะพาไวน์ ไปอาบน้ำ ริมน้ำปาย(สายเก่า)
|
ไวน์จะชอบมาก เพราะได้ อาบน้ำฮู(รู) ที่ไหลออกจาก ไม้ไผ่ที่เสียบแทงเข้าไปเนินดิน |
ที่สูงท่วมหัวผู้ใหญ่ น้ำที่ไหลออกมา อุ่น ไอน้ำ ลอยกรุ่น |
|
เวลาจะไปอาบน้ำต้องเดินผ่าน ยุ้งข้าวที่สูงมาก ข้างใต้ถุนจะมีกองฟาง ไว้เลี้ยววัว มีไม่ |
กี่ตัว พ่อกับแม่มีนาข้าวอยู่ ที่ถนนไปวัดน้ำฮู... และพ่อ ข้าราชการเล็ก ๆ มีอาชีพเสริม รับตำข้าว |
แต่ใช้ครกน้ำ รายละเอียดไม่ค่อยรู้นะครับ เด็กเกินไป
จำได้ว่า โรงตำข้าวอยู่ถนนเลย โรงพยาบาลปาย.. เป็นทุ่งนากว้าง มีลำห้วยไหลค่อนข้างแรง
รูปร่าง แบบข้างบน ใช้แรงน้ำที่ไหลเรื่อย ๆ ก็ได้ น้ำผลักดัน ให้ "หลุก" หมุน ช้อนน้ำไปตกใส่รางน้ำ
เมื่อน้ำเทใส่ที่เก็บน้ำมาก ก็กระปลายขึ้น แล้ว ตกลง สากไม้ก็ตำข้าว
ถ้าเป็นระหัดไม้จริงแบบที่เห็นทั่วไป นั่นทำไม่ได้ต้องใช้กระแสน้ำที่ไหลแรง
......
|
คุณตาเป็นนายอำเภอปาย หลายปี พอพี่ ๆ เกิดคุณตา ก็ย้ายไปเป็นนายอำเภออื่นแทน |
เช่น อำเภอขุนยวม อ. สะเมิง
|
ต่อมาครอบครัวเราอพยพ ย้ายไปอยู่ เชียงใหม่ ขายที่ดิน บ้าน กับอย่างอื่น เดินรอนแรม |
ด้วยเท้า มีม้าต่าง กับคนคุมม้าไป เดินอยู่หลายวัน |
นอนค้างในป่า... เราจึงอยู่ เชียงใหม่กลายเป็นคน สองจังหวัดไป |
|
ไวน์ได้กลับ ไป อ.ปายอีกครั้ง อายุ 15 ขวด เอ้ย ขวบได้มั้ง ไปกับน้าหยา ผจก.โรงหนัง |
ตงก๊ก ถนนช้างม่อย คราวนั้น ถนนไปปาย เป็นถนนดินแดง มีรถวิ่งแล้ว |
สภาพป่าสองข้างทาง เป็นป่าทึบ ปนป่าเต็งรัง ใช้เวลาไม่กี่ ชม.ก็ถึง เราไปพักบ้าน |
คนรู้จัก ท่ามกลางอากาศหนาว 5 โมงเย็นก็มืด
|
ไปถึงไม่นาน ไฟฟ้าก็เปิด ส่องสว่าง ดีจริง 555 คือเมื่อก่อนเขาคงปั่นไฟด้วยเครื่องจักร |
ดีเซล เปิดปิดเป็นเวลา.. เรานั่งกินข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยมาก จำได้มี แกงโฮ๊ะ |
เนื้อเค็มปิ้ง กับแกงกระด้างเย็น...
|
เพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านคิดว่า อ.ปายไม่เจริญ แหะ ๆ ไม่เจริญจริง ระยะที่ไวน์อายุ 15 ปี
มีสนามบิน
|
แล้วนะครับ ที่รู้ เพราะ อาผู้หญิง ของไวน์ทำงานที่สนามบินด้วย คงเป็นเสมียนหญิงนะครับ
จำได้ว่า มีเครื่องบินเล็ก ตก..อา ยังนำแสตมป์ติดจดหมายเป็นปึก เปียกน้ำ มาให้ดูบอกว่า อยู่ใน
เครื่องบินที่ตก มีคนบาดเจ็บ ตายด้วย
|
เช้ามา เราพากันไปตลาด แบกะดิน ตรงถนน รังสิยานนท์ ชาวบ้านเอาใบตองกล้วย |
ใบตองตึง ปู เอาผัก เนื้อหมูป่า เนื้อฟาน(เก้ง) นก ผักขี้หูด ผักกาดขาย |
แสงไฟจากตะเกียงน้ำมัดก๊าด วับแวม.. สวย งดงาม
|
หลังจากนั้น ได้ไปเยี่ยม อำเภอบ้านเกิดหลายครั้ง มีความเจริญขึ้น แต่ไม่มากนัก |
คนเริ่มไปเที่ยว และเป็นที่หลายคนปักหมุด จะไปเที่ยว |
อ.ปายที่เคยเป็น สาวแรกผลิ งดงาม ชวนมองเสมือน นาข้าวเขียว มีหยาดน้ำค้างพร่าง |
พรมเป็นประกายยามต้องแสงแรกของวัน
|
ปัจจุบัน เป็นท้องนา มีคนเดินผ่าน ชอกช้ำเป็นธรรมดา ถ้ามองไปเรื่อย ๆ ริมนา ยังมี |
หญ้าเขียว สายน้ำไหล ริน...แปลงกระเทียม หอมแดง อยู่บ้าง แม้ไม่มาก
....
|
แต่สายหมอก ยามเช้าในฤดูฝน ยังสวย |
นาข้าว ส่วนใหญ่จะไม่กว้าง เป็นนาเล็ก ๆ เคียงข้างไปกับลำห้วย ป่าไม้ไผ่ บ้านคน
|
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ไปพบ ร้านขายเหล้า เปิดโล่ง แสงสีหมุนไปมา ละลานตา ใช้ลำโพงใหญ่ |
แบบกลางแจ้ง ส่งเสียงกระหึ่ม ใครเดินผ่านได้แต่ ส่ายหัว |
ตอนสายวันรุ่งขึ้น โถ.. เป็นร้านที่สร้างลวก ๆ ใช้แสงสี ดึงดูด คนให้เข้าไปเมา |
|
น่าจะคนต่างถิ่นหรือ คนพื้นที่ยังย่ำยี เปิดบาร์ส่งเสียงดัง รบกวนคนอื่น |
ได้แต่เพียงคิดว่า เขาน่าจะเก็บเสียงไว้เฉพาะที่ห้อง เพราะโดยอาชีพของไวน์ก็เกี่ยวข้อง |
กับผับบาร์เหมือนกัน..ไม่ได้ต่อต้านสุดโต่ง เพราะผู้ใช้บริการ ชอบที่ไปสนุก คลายเครียด
|
ที่นั่นมีสร้างรีสอร์ท หลังคากระเบื้อง ออกแบบโหล ๆ เหมือนใน กท. อยู่บ้าง เพียง |
ถ้าปลูกต้นไม้ใหญ่บัง ใช้สีให้ดูดี มีรสนิยม หน่อยคงจะดีมิใช่น้อย |
เพื่อน ๆ ที่จะไปเที่ยว ปาย ที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ยังไปได้ ละแวก บ้านแม่ฮี้ |
ไปพักรีสอร์ท ที่อยู่ในแมกไม้ ยังมีอยู่เยอะนะครับ
ในตัวเมืองปาย มีถนนคนเดิน น่ารักเหมือนเดิม
....
...
ในเมือง มีถนนคนเดิน ร้านขายอาหาร เครื่องดื่มเบียร์ เปิดเพลงเบา ๆ บริการ น่ารัก น่าไปนั่ง
ถนนคนเดิน กลางคืนจะมี ร้านขายของฝาก แสงไฟวับแวม พร้อมกับเสียงขลุ่ยพื้นเมือง เสียงเล็ก ไพเราะด้วย
น่าเดินเล่น ซื้อชาชักดื่ม กินกับ โรตี ร้อน ๆ อร่อย
....
....
ส่วนตัว แล้ว ชอบไป อ.ปาย ในฤดูฝน เขียว สดใส อากาศเย็นสบาย มีหมอกบาง ๆ
ระยะทาง 100 กว่ากิโลเมตรจากเชียงใหม่ เมืองปาย
เมืองในหมอก
เมืองปาย เมืองในแอ่งดอย เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
อาจจะไม่เห็นหญิง หรือ ชายใส่หมวกปีกใหญ่ นุ่งกางเกงหม้อฮ้อมมากนัก น้ำปาย
ยังคงไหลเอื่อย ๆ
ทอดยาวไปไกล ต้นไม้ แปลงผัก ใบหญ้าเขียวยังเรียงรายไปสุดสายตา
หมอกยามเช้า ปลายฝนต้นหนาว ปกคลุมไปทั่ว
นั่งจิบกาแฟ ไอร้อนลอยกรุ่น แสงอาทิตย์ค่อย ๆ สาด ต้องหยาดน้ำค้าง บนใบ
หญ้าเป็นประกาย น่ามอง
วันหนึ่งผม จะกลับไปเยือนอีก
ขอบคุณ เพื่อนที่เอื้อเฟื้อภาพ
End 751,265
St.....750,289
976
งานเขียนประเภท Diarist
| |