Fat the Musical : ความตลกเรื่อยเปื่อยเกินเหตุ
by merveillesxx
Fat the Musical (2012, คมกฤษ ตรีวิมล, C-)
ไม่ได้เลวร้ายจนทนไม่ไหวแบบ หลังคาแดง เดอะ มิวสิคัล แต่ก็มีหลายองค์ประกอบที่ทำให้เหนื่อยใจพอสมควร
อย่างแรกเลยคงเรื่องความยาวของละคร ถ้ารวมพักครึ่งด้วยแล้วสิริรวมคือสี่ชั่วโมง! (ละครเริ่มเล่นสองทุ่ม ผมออกมาจากโรงละครตอนเที่ยงคืน) ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นธรรมเนียมอะไรที่มิวสิคัลหรือละครเวทีโปรดักชันใหญ่จะต้องยืดยาวกันไปเกินสามชั่วโมง โดยเฉพาะสำหรับ Fat the Musical ถ้าถามผมว่าจำเป็นต้องยาวขนาดนั้นมั้ย ผมตอบได้เลยว่า "ไม่!" มีหลายฉากหลายตอนมากที่สามารถตัดทิ้งไปโดยไม่มีผลอะไรกับเรื่องทั้งสิ้น เพราะการดำรงอยู่ของมันทำให้ละครยืดเยื้อไปเสียเปล่าๆ อาทิ ฉากงานบื๊กมันเทศของเสี่ยหมี (ที่พอดูจบไปแล้ว ผมก็ได้แต่ถามว่าจะใส่มาทำไม) หรือตัวละครของ ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า ที่ตัดทิ้งไปเลยก็ได้ เพราะตัดไปแล้ว จะสามารถทำให้ number ของมิวสิคัลหายไปได้สองเพลงเต็มๆ โดยไม่มีผลกระทบใดๆ เลย
เรื่องราวของ Fat the Musical ว่าด้วยความสัมพันธ์ของคู่รักที่มาถึงจุดสั่นคลอน เมื่อฝ่ายชาย (โย่ง อาร์มแชร์) เป็นนักดนตรียังคงยึดมั่นในความฝัน แต่แฟนสาว (วีเจจ๋า) เห็นว่าเขาเป็นคนไม่รู้จักโต ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไรเลย แต่ก็เป็นประเด็นสากลที่พอจะน่าสนใจ และน่าจะเหมาะกับกลุ่มคนฟังคลื่น Fat ดี แต่น่าเสียดายที่ละครเน้นทำออกมาในลักษณะตลกแบบทีเล่นทีจริง การเล่นมากเกินไปทำให้พล็อตของเรื่องอ่อนแรงลง ปัญหาคือหลายฉากมันไม่ตลก มันดู childish เหมือนละครนิเทศ จุฬา ที่มุกไม่คม (ความ irony คือ ตามพล็อตแล้วตัวละครในเรื่องจบจากนิเทศ จุฬา นั่นแหละ) ยังดีว่ามี คมสัน นันทจิต ที่จังหวะการแสดงค่อนข้างแม่นยำ เลยช่วยพยุงอารมณ์ขันของเรื่องไปได้บ้าง
ส่วนเรื่องเพลง คอนเซ็ปต์คือ การเอาเพลงดังๆ ในยุคแฟตเรดิโอ (หรือรวมยุคเบเกอรี่ด้วย) มาร้อยเรียงกัน แต่ปัญหาคือ เพลงถูกนำมาใช้แบบบิดเนื้อร้องทั้งหมด ทำให้่รู้สึกเสียดาย(ของ)อยู่เหมือนกัน เช่นเพลง ต่อให้ใครไม่รัก ของ Project H กลายมาเป็นเพลงเนื้อประมาณว่า "อยากให้คนทำเล็บบบบบบ" เป็นเพลงเปิดตัวร้านทำเล็บของคมสัน ฟังแล้วแทบจะเป็นลม บางทีผมคิดว่า ทำเป็น jukebox musical ไปเลย อาจจะยังดีกว่า นี่ยังไม่รวมถึงการเอาเพลง Go West และ Phantom of the Opera ไปดัดเนื้อไทยเช่นกัน อย่างเพลงหลังเอามาร้องว่า "ละครรรร พวกเราทำละครคณ๊าาาาาาา" คิดว่า แอนดรูว์ ลอยด์ เวบบอร์ ได้มาฟัง อาจจะอยากยิงตัวตาย หรือบางทีคิดแล้วก็ตลกดีที่ละครจงใจให้นางเอกชื่อ จอย เพื่อจะได้ร้องเพลงอย่าง "รมณ์บ่จอย" หรือ "มามะ มาจอยกัน จอยกัน" อันนี้ไม่รู้จะฮาดีมั้ย
ประมาณ 3 ฉากสุดท้ายละครกลับมาโฟกัสเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเอกอีกครั้ง แต่ด้วยความที่ตลกเรื่อยเปื่อยกันมาตลอดเรื่อง ช่วงดราม่าของละครเลยไม่สามารถทำให้ผมเชื่อได้เลย แถมตอนท้ายผมยังมีความรู้สึกว่าละครพยายามทุกอย่างเพื่อจะร้องเพลง Minute of Love ให้ได้ แต่กลายเป็นความรู้สึกแบบยัดเยียดเสียเหลือเกิน
สรุปแล้วมันเลยกลายเป็นละครความยาวสี่ชั่วโมง ที่ผมเดินออกมาจากโรงละครแล้วลืมภายในสี่นาที
Create Date : 31 สิงหาคม 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 31 สิงหาคม 2555 13:33:38 น. |
Counter : 3295 Pageviews. |
|
|
|